วิจิตรศิลป์บนผืนผ้าไทย 4 ภาค
เชื่อกันมั้ยค่ะว่า ผ้าทอไทยลวดลายวิจิตรตระการตา ฝรั่งเห็นฝรั่งยังทึ่ง โดยเฉพาะผ้าโบราณ ที่แม่ช่างแม่ครูได้ถักทอไว้ การจะถักทอให้เส้นไหมเรียงร้อย เป็นลวดลายวิจิตรทุกอณูผ้าโรงงานผ้าชั้นนำของฝรั่งยังทำไม่ได้ คนที่ดูผ้าเป็นเค้าจะรู้ค่ะว่ายาก แม้แต่เจ้าของโรงงานทอผ้าฝรั่งมาเห็นยังงง ว่าทำได้ยังไง??? เครื่องจักร I ยังทำไม่ได้เลย..... แต่ปู่ย่าตายายของเราทำได้ด้วยหูกไม้เจ้าค่ะ
ผ้ายก เป็นผ้าไหมที่ทอยกลายในตัว โดยใช้เส้นพุ่งพิเศษเป็นดิ้นเงินดิ้นทอง ทอกันแพร่หลายในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่รู้จักกันแพร่หลายในชื่อของ ไหมพุมเรียง ผ้ายกลำพูน ผ้าไหมลายนี้มาจากจังหวัดลำพูนที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พันรอบเอวเป็นผ้าถุงที่เรียกว่า นานาง ซึ่งใช้สวมใส่ประเพณีในราชวงศ์สยาม รูปแบบนี้มีใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในศตวรรษที่ 14 ในระหว่างการทอผ้านี้จะใช้ทั้งไหม และทองมาทอร่วมกัน ผ้ายกพุมเรียง ใช้เป็นผ้าถุงจับจีบรอบเอวในยุคศตวรรษที่ 14 ที่เรียกว่า นานาง ผ้าไหมที่ทำขึ้นมาจากตำบลภูมิเรียง จังหวัดสุราษฏร์ธานี ทอด้วยไหมสีทองหรือเงิน เป็นสีพื้น ซึ่งทำให้มองดูแล้วโดดเด่นมีความรู้สึกที่มีค่า ลวดลายสลับซับซ้อนที่ทำขึ้นนั้นใช้สัดส่วนของเส้นไหมน้อยลง . ผ้ายกเมืองนคร ผ้าไหมลายนี้มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พันรอบเอวเป็นผ้าถุงที่เรียกว่า นานาง ซึ่งใช้สีทองทอเป็นลายดอก เป็นรูปแบบโบราณ เทคนิคในการออกแบบขอบด้านล่างเป็นทรงกรวย และมีรายละเอียดที่ซับซ้อนและปราณีต ผ้าจก เป็นผ้าที่ใช้วิธีการเก็บและทอเช่นเดียวกับผ้าขิด แต่มีการทำลวดลายด้วยการเพิ่มเส้นพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆไม่ติดต่อกัน ทำให้สามารสลับสีและลวดลายได้ต่างๆกัน ลักษณะผ้าจึงมีสีสันและลวดลายมากกว่าผ้าที่มีการทำขิด แหล่งผลิตผ้าจกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สุโขทัย เชียงใหม่ ราชบุรี อุตรดิตถ์ ผ้าที่มีการทำขิดหรือจกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เช่น ผ้ากาบบัว ซึ่งเป็นผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี ผ้าตีนจกลาวครั่ง ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่งที่เห็นนางแบบสวมใส่อยู่นั้นมาจากคน ลาวครั่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี ภาคกลางของประเทศ ซึ่งลักษณะของผ้าตีนจกลาวครั่ง จะเต็มไปด้วยสีสันลวดลายทรงเรขาคณิตผ้าไหมตีนจกลาวครั่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเนื้อผ้าที่ใช้กรรมวิธีแบบจก ผ้าตีนจกไทยวน แสดงลักษณะดั้งเดิมของผ้าตีนจกไทยวนจากหมู่บ้านคูบัว จังหวัดราชุบรี สีที่โดดเด่นจะเป็นโทนสีแดงเข้ม สลับด้วยสีของเส้นไหมแนวนอน เช่น สีขาว, เหลือง,ส้ม และดำ ทำให้เป็นผ้าลายตีนจกที่สวยงาม ผ้าตีนจกลาวพรวน ผ้าไหมตีนจกจากลาวพรวนที่ทำกันในจังหวัดอุตรดิตถ์ และสุโขทัยเป็นผ้าไหมตีนจกที่ทอขึ้นด้วยความประณีต ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก บริเวณด้านบนของผืนผ้าใช้จะใช้ทอด้วยไหมสีดำ และแดง ในขณะที่เนื้อผ้าส่วนใหญ่จะทอกลับไป-มา ที่เรียกทางเทคนิคว่า ยกมัก บริเวณส่วนปลายผ้าไหมจะทำเป็นลวดลายเรียกว่าจก โดยใช้ไหมสีเหลืองทอง ผ้าตีนจกไทยวน เป็นลายผ้าที่จัดทำขึ้นของคนเมือง กลุ่มไทวน จังหวัดเชียงใหม่ ผ้าซิ่นตีนจกตกแต่งไปด้วยลวดลายแบบต่างๆ ไหมที่ใช้ทอจะใช้ทอผสมผสานกับสีทอง-เงิน ผ้าไหมลายนี้จะใช้งานพิธีทางศาสนา ลักษณะพิเศษของผ้าลายนี้จะทอเป็นลวดกราฟฟิค โดยแนวนอนจะทอเป็นแถบๆตัดกับสีพื้นสีแดง ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอที่มีลักษณะลวดลายผสมกันระหว่างลายขิดและจกบนผืนผ้า แพรวา หมายถึง ผ้าที่มีความยาวประมาณวา เพื่อใช้เป็นสไบ แพรวาเป็นผ้าซึ่งใช้ในงานพิธีต่างๆ ตามวัฒนธรรมของชาวภูไท เอกลักษณ์ดั้งเดิมจะมีสีแดงเป็นพื้น ปัจจุบันได้มีการดัดแปลงลักษณะของผืนผ้าทั้งความกว้างและความยาวและใช้สีสันตามสมัยนิยม ผ้าแพรวา เป็นผ้าไหมจากปีนัง คนภูไทจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทอขึ้นเรียกว่าผ้าไหมแพรวา ซึ่งใช้เป็นผ้าคลุมไหล่ โดยอาศัยเทคนิคผสมผสานกัน 3 รูปแบบ ในผืนผ้าที่ทำขึ้นเป็นลายผ้าทรงเรขาคณิต ผ้าไหมแพรวาที่มีคุณภาพจะมีความแตกต่างกันในแต่ละส่วน สีของเส้นไหมที่ใช้เป็นสีส้ม, ดำ และสีขาว ซึ่งจะติดกับสีแดงที่เป็นสีสันของผ้า ผ้ามัดหมี่ มีกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การมัดหมี่แพร่หลายทั่วไปทั้งภาคกลางและภาคเหนือ ส่วนใหญ่ผ้ามัดหมี่จะมัดเฉพาะเส้นไหมพุ่ง ผ้ามัดหมี่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ผ้าหางกระรอก ผ้าโฮล ผ้าปูมผ้ามัดหมี่ แบ่งได้ 2 ชนิด คือ ผ้า 2 ตะกอ และผ้า 3 ตะกอ มีลักษณะผ้าเนื้อแน่นและด้านหน้าเงางามกว่าด้านหลัง ผ้ามัดหมี่อีสานเหนือ ผ้าไหมมัดหมี่เป็นลายผ้าที่ทำขึ้นแตกต่างกันไป ไหมเส้นยืนจะย้อมสีด้วยสีโทนเข้ม เป็นลายผ้าของคนไทยทางภาคอีสานเหนือ ลวดลายที่เฉพาะเป็นพวกสัตว์ป่าขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพพื้นที่ ผ้ามัดหมี่อีสานใต้ เป็นผ้าไหมของคนอีสานใต้ ซึ่งสีส่วนใหญ่ออกโทนเข้มดำ ด้วยลายรูปทรงเขาคณิต ลักษณะของการทอเป็นลายมัดหมี่ ลวดลายที่ทำขึ้นอยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติในท้องถิ่นนั้น เป็นลายต้นไม้ หรือลายที่ออกแบบทางสถาปนิกเป็นคนขี่ม้า เป็นต้น ผ้าเบี่ยงขิด ผ้าสไบไหมหรือผ้าเบี่ยง(ผ้าพาดบ่า) เป็นผ้าไหมที่ทำขึ้นของคนภูไทที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุดรธานี และร้อยเอ็ด ลักษณะลายผ้าเป็นรูปทรงเรขาคณิตโดยทำเป็นแถบคู่ขนานกัน คุณภาพที่ดีที่สุดของผ้าสไบที่ออกแบบมานั้นจะไม่มีการทำซ้ำกัน ผ้าไหมเกาะหรือล้วง เป็นลายผ้าไหมที่ทอจากคนไทยลือที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ เช่น จังหวัดน่าน และพะเยา ลักษณะลายผ้า เรียกว่า ลายน้ำไหล ซึ่งหมายถึงเป็นลักษณะของสายน้ำไหล ลวดลายเรียบง่าย แต่ทำได้ยากยิ่ง ทำด้วยเทคนิคพิเศษที่สืบทอดกันมา ซึ่งอาศัยเวลานานการทำลวดลายโดยจะมีแถบลายแคบๆ บริเวณกึ่งกลางของผ้า
ผ้าไหมพื้น เป็นผ้าไหมที่ทอลายขัดโดยใช้เส้นยืน และเส้นพุ่มธรรมดาตลอดกันทั้งผืน ผ้าที่ออกมาจะเป็นผ้าสีพื้นเรียบ ไม่มีลายโดยใช้เส้นยืนและเส้นพุ่งเป็นสีเดียวกันหรือใช้สีต่างกันก็ได้ เป็นผ้าที่นิยมใช้กันทั่วไป ซึ่งผ้าไหมไทยที่ส่งออกต่างประเทศ
Create Date : 20 สิงหาคม 2554 |
| |
|
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 19:48:59 น. |
| |
Counter : 2780 Pageviews. |
| |
|
|