ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

คุณสมบัติ 12 ข้อในการครองรัก



คุณสมบัติ 12ข้อ คู่รักของคุณ มีคุณสมบัติครบ 12 ข้อนี้หรือยัง ? หากคิดจะใช้เวลาชั่วชีวิตกับใครสักคนคุณควรจะแน่ใจว่ าเขาคนนั้น ....

1. ควรจะเป็นคนที่คุณรู้สึกพอใจในตัวเขาในหลายๆด้าน เช่น รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ ท่าทาง การใช้คำพูด ฯลฯ บางคนอาจเรียกว่าถูกชะตาก็ได้ ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็นข้อดีของเขาอย่างที่คุณเห็นก็ ได้

2. มีทัศนคติตรงกัน หรือพูดกันรู้เรื่อง คือไวต่อความต้องการของอีกฝ่าย พอสมควร สามารถเปิดใจคุยกันทุกเรื่อง ทั้งเรื่องลึกๆและเรื่องเล่น ๆ

3. มีความรู้สึกชื่นชมยกย่องซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะทำงานคนละด้านหรือ มีการศึกษาที่แตกต่างกัน ก็ตาม

4. มีเหตุผล พูดจาปรึกษาหารือกันได้ ไม่ใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว

5. ขยัน ซึ่งสำคัญมากเพราะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชี วิตคู่และอนาคตข้างหน้า

6. ปรารถนาดีต่อกัน หรือจริงใจต่อกัน ข้อนี้ต้องดูกันนานหน่อยค่ะกว่าจะรู้ว่าไม่ได้เสแสร้ งหรือหวังผลประโยชน์จากเรา

7. อายุก็มีความสำคัญ เพราะจะทำให้มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มีความอดทน และมีความพร้อมมากขึ้น

8. มีสุขภาพกายที่ดี หมายถึงแข็งแรงและมีสุขภาพอนามัยที่ดี

9. มีสุขภาพจิตดี ปรับตัวเข้ากับคนและสิ่งแวดล้อมได้ ไม่มองโลกในแง่ร้าย

10. ควรมีพื้นฐานทางฐานะพอที่จะพึ่งตนเองได้ เพื่อที่จะได้ไม่เกิด ปัญหากับชีวิตคู่ในอนาคต




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 9:16:29 น.   
Counter : 974 Pageviews.  

ริมฝีปากคุณเป็นแบบไหน




วันนี้มาว่ากันเรื่องของปากบ้างนะครับ
ปาก นอกจากจะมีไว้พูด กิน หรือ อื่นๆอีกมากมาย แต่ที่สำคัญมีใว้ให้สัมผัส(จูบ)
ปากของสาวๆใครๆก็อยากสัมผัส ยิ่งริมฝีปากที่ได้รูป ไม่ว่าจะ บางเฉียบ หรือ คมกริบ ย่อมทำให้ชายต่าง
หลงใหล วันนี้ เลยขอนำเสนอปากที่ผมคิดว่า น่าจะถือได้ว่าเป็นปากที่สวยงามมาก ทั้ง 12 ภาพ มาให้ชมกัน
ใครคิดว่าปากแบบไหนถูกใจก็ลองเลือกกันดูนะครับ คอมเม้นด้วยก็ได้ครับ ส่วนผมชอบทั้ง 12 ปากเลยครับ อิอิ
ปากที่1 เป็นปากแห่งความเคลิบเคลิ้ม ปากกระจับได้รูป เป็นปากชวนเคลิ้ม น่ากัดซะจิงๆ

ปากที่2 เป็นปากแห่งสาวแรกรุ่น ปากแบบนี้ บวกรอยยิ้มพิมพ์ใจ ชวนให้คนอยู่ใกล้มีแต่ความสุข

ปากที่3 เป็นปากแห่งสาวเจ้าเสน่ห์ คนที่อยู่ใกล้จะเป็นอันตรายเพราะจะห้ามใจไม่อยู่ เผลอไปจูบปากเธอเข้า

ปากที่4 เป็นปากที่เรียกว่า รอยยิ้มพิมพ์ใจ คัยได้เห็นเป็นต้องประทับใจ ลืมไม่ลง

ปากที่5 เป็นปากแบบ กุลสตรี แม้ยิ้มเพียงมุมปาก ก็สะกดใจชายให้หยุดนิ่งได้

ปากที่6 เป็นปากแห่งควาทสดใสร่าเริง นปากแบบนี้คาดว่าเจ้าของต้องพูดจาฉอเลาะออเซาะน่าดูเชียว

ปากที่7 เป็นปากคลีโอพัตรา คือแค่ขยับปากยิ้ม ก็ทำให้เกิดสงครามชิงเมืองได้ (เว่อร์ไปมะ)

ปากที่8 เป็นปากแห่งความเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากบางฉียบ กับรอยยิ้มที่เผยอนิดๆ พุดอะไรหนุ่มๆเชื่อหมดใจ

ปากที่9 เป็นปากแห่งความเซ็กซี่ ปากแบบนี้ เอาทองมากองตรงหน้าแล้วให้เลือกระหว่างทอง กะ จูบ จะเอาไร

ปากที่10 เป็นปากแห่งความยั่วยวน ริมฝีปากล่างหนากว่าบน แต่ครบถ้วนไปด้วยความเย้ายวนจิงๆ

ปากที่11 เป็นปากแห่งการต้อนรับ เรียกได้ว่า การบินไทยเปิดรับสมัครพนักงานต้อนรับ ปากแบบนี้ได้ชัวร์

ปากที่12 ปากสุดท้าย เป็นปากแห่งความครบถ้วน ไม่ว่าจะมองแบบไหนก็เป็นไปได้ทั้งหมด เค้าเรียกปากละลายหัวใจ




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 9:16:02 น.   
Counter : 2345 Pageviews.  

รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก

รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก


รูปภาพ Ford Ranger 2012 รูปรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012 โฉมใหม่ 3 รุ่นไฉไลยิ่งนัก




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 9:15:03 น.   
Counter : 2981 Pageviews.  

ประวัติศาสตร์ลูกฟุตบอลโลก

ประวัติศาสตร์ลูกฟุตบอลโลก


มาไล่ดูลูกฟุตบอลโลกในอดีต ถึงปัจจุบันกันดีกว่า วันนี้เราเลยจะย้อนประวัติศาสตร์ไปดูลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ผ่านมากัน


Telstar ลูก ฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก และเป็นครั้งแรกที่อาดิดาส (Adidas) ได้รับความไว้วางใจให้เป็นลูกฟุตบอลในการแข่งขันฟุตบอล โลก และเป็นครั้งแรกที่ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นแบบ Buckminster (เป็นลายตาราง 5 เหลี่ยมเย็บติดกัน รวม 32 ชิ้น) และที่เลือกใช้สีดำสลับขาว เพื่อ ให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในการถ่ายทอดทางทีวี(ขาวดำ) และฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ยังเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีเป็นครั้ง แรก




Telstar durlast ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1974 จัดที่เยอรมันตะวันตก ลูกฟุตบอลที่ใช้ก็เหมือนในฟุตบอลโลกในปี 1970 เพียงแต่มีการปรับปรุงรูปโฉม คือ จากข้อความ สีทอง เปลี่ยนเป็นสีดำ ข้อความ 1970 เปลี่ยนเป็น 1974 ส่วนลูกบอลสีขาวล้วน กับ ขาวสลับดำนั้นทั้งวัสดุ และเทคโนโลยีการผลิตเหมือนกันทุกประการ แต่การ ที่ใช้สีขาวล้วนนี้มีชื่อว่า Adidas Chile เพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกฟุตบอลสีขาวล้วนที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1962 ที่ประเทศชิลี





Tango ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1978 ที่ประเทศอาร์เจนติน่า โดย อาดิดาสได้ออกแบบลูกฟุตบอลนี้เพื่อให้เป็นมาตรฐานสำหรับลูกฟุตบอลไปอีก 20 ปีข้างหน้า และมันก็ยังเป็นลูกฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลก ในสมัยนั้นด้วยราคาลูกละ 50 ปอร์นรวมภาษี




Tango Espana ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน มีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจาก 1978 คือมีการซีลด้วยยางบริเวณตะเข็บที่เย็บลูกฟุตบอลติดกัน เพื่อกันน้ำ




Azteca ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นลูกฟุตบอลลูกแรกที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ภายนอกเคลือบทับด้วย Polyurethane ทำให้กันน้ำได้ในระดับหนึ่ง ลวดลายก็อิงมาจากชาว Aztecs




Etrusco Unico ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี ลูกฟุตบอลทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ลูกบอล ลูกนี้กันน้ำได้โดยสมบูรณ์ และลวดลาย เป็นลวดลายที่อิงประวัติศาสตร์ของ อิตาลีในยุค Etruscan




Questra ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1994 นับเป็นครั้งแรกที่ลูกฟุตบอลที่สร้างด้วยโฟม Polyurethane ซึ่งทำให้สัมผัสที่นุ่ม และง่ายต่อการควบคุมลูกบอลโดยวัสดุนี้ก็มาจากชุดนักบินอวกาศนั้นเอง ดูลายดีๆ จะเห็นว่ามันเป็นรูป อวกาศ มีดาวส่องแสงเต็มไปหมด




Tricooloer ลูก ฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1998 จัดที่ประเทศฝรั่งเศล นับว่าเป็นครั้งแรกที่ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ในส่วนลวดลายมีสีอื่นนอกจากสีดำ โดยสีทั้งสามสีอันได้แก่ สีน้ำเงิน สีแดง และสีขาว นั้นมาจากสีของธงชาติฝรั่งเศลนั้นเอง




Fevernova ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 และถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศในเอเซียได้จัดฟุตบอลโลก และยังเป็นครั้งแรกที่การจัดฟุตบอลโลก มีเจ้าภาพร่วม กันระหว่างประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ลูกฟุตบอลมีชื่อว่า Fevernova ภาพกราฟฟิกที่ปรากฏเป็นรูปของดาวกระจายสีทอง กับเปลวเพลิงสีแดง ที่หลอมรวมกัน แทนเกาหลี กับ ญี่ปุ่น ที่ร่วมกันจัด มหกรรมฟุตบอลโลกในครั้งนี้




Teamgeist คือ ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006 ที่ประเทศเยอรมัน กรุงเบอร์ลิน โดยชื่อนี้ เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า จิตวิญญาณของทีม(team spirit)




Jabulani ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ จาบูลานี่ (Jabulani) มีความหมายว่า ความสุข และ การเฉลิมฉลอง ในภาษา ซูลู และ จาบูลานี่ ถือเป็น ลูกฟุตบอลที่กลมที่สุดในโลก ขณะนี้ (2010) โดยบริษัทที่ผลิตคือ อาดิดาส (Adidas)













เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 21:10:19 น.   
Counter : 2298 Pageviews.  

ลักษณะของ“จิตที่เป็นสมาธิ”




สมาธิ หมายถึง ภาวะจิตที่มีคุณภาพและมีสมรรถภาพที่ดีที่สุด จิตที่เป็นสมาธิ หรือมีคุณภาพดีสมรรถภาพสูงนั้น มีลักษณะที่สำคัญดังนี้
1. แข็งแรง มีพลังมาก ท่านเปรียบไว้ว่าเหมือนกระแสน้ำที่ถูกควบคุมให้ไหลพุ่งไปในทิศทางเดียว ย่อมมีกำลังแรงกว่าน้ำที่ถูกปล่อยให้ไหลพร่ากระจายออกไป
2. ราบเรียบ สงบซึ้ง เหมือนสระหรือบึงน้ำใหญ่ ที่มีน้ำนิ่ง ไม่มีลมพัดต้อง ไม่มีสิ่งรบกวนให้กระเพื่อมไหว
3. ใส กระจ่าง มองเห็นอะไรๆ ได้ชัด เหมือนน้ำสงบนิ่ง ไม่เป็นริ้วคลื่น และฝุ่นละอองที่มีก็ตกตะกอนกันหมด
4. นุ่มนวล ควรแก่งาน หรือเหมาะแก่การใช้งาน เพราะไม่เครียด ไม่กระด้าง ไม่วุ่น ไม่ขุ่นมัว ไม่สับสน ไม่เร่าร้อน ไม่กระวนกระวาย


ไวพจน์ที่แสดงความของสมาธิคำหนึ่งคือ เอกัคคตา แปลกันว่า ภาวะที่จิตมีอารมณ์หนึ่งเดียว
แต่ ถ้าว่าตามรูปศัพท์จะเห็นลักษณะของจิตที่คล้ายกับในข้อแรกคือ เอกัคคตา = เอก + อัคค + ตา (ภาวะ) คำว่า อัคคะในที่นี้ท่านให้แปลว่าอารมณ์ แต่ความหมายเดิมแท้คือ จุดยอด หรือจุดปลาย โดยนัยจิตเป็นสมาธิก็คือ จิตที่มียอดหรือมีจุดปลายจุดเดียว ซึ่งย่อมมีลักษณะแหลมพุ่ง แทงทะลุสิ่งต่างๆ ไปได้ง่าย

จิตที่เป็นสมาธิขั้นสมบูรณ์ เฉพาะอย่างยิ่งสมาธิถึงขั้นฌาน พระอรรถกจารย์เรียกว่า " จิตประกอบด้วยองค์ 8 "
องค์ 8 นั้นท่านนับจากคำบรรยายที่เป็นพุทธพจน์นั่นเอง กล่าวคือ
1 ตั้งมั่น
2 บริสุทธิ์
3 ผ่องใส
4 โปร่งโล่งเกลี้ยงเกลา
5 ปราศจากสิ่งมัวหมอง
6 นุ่มนวล
7 ควรแก่งาน
8 อยู่ตัวไม่วอกแวกหวั่นไหว

ท่าน ว่าจิตที่มีองค์ประกอบเช่นนี้ เหมาะแก่การนำเอาไปใช้ได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเอาไปใช้งานทางปัญญาพิจารณาให้เกิดความรู้เข้าใจถูกต้องแจ้งชัด หรือใช้ในทางสร้างพลังจิตให้เกิดอภิญญาสมาบัติอย่างใดๆ ก็ได้

ตามที่ กล่าวมานี้มีข้อควรย้ำว่า ลักษณะเด่นที่สุดของจิตที่เป็นสมาธิซึ่งสัมพันธ์กับความมุ่งหมายของสมาธิ ด้วยก็คือความควรแก่งาน หรือความเหมาะแก่การใช้งาน และงานที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาก็คือ ทางปัญญา อันได้แก่ การใช้จิตที่พร้อมเช่นนั้นเป็นสนามปฏิบัติการของปัญญา ในการพิจารณาสภาวธรรมให้เกิดความรู้แจ้งตามความเป็นจริงและโดยนัยนี้จึงควร ย้ำเพิ่มไว้อีกว่า สมาธิที่ถูกต้อง ไม่ใช่อาการที่จิตหมดความรู้สึก ปล่อยตัวตนเข้ารวมหายไปในอะไรๆ แต่เป็นภาวะที่ใจสว่าง โล่งโปร่ง หลุดออกจากสิ่งบดบังบีบคั้นกั้นขวาง เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ตื่นอยู่ เบิกบาน พร้อมที่จะใช้ปัญญา พึงพิจารณาพุทธพจน์ต่อไปนี้

" ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 5 ประการต่อไปนี้ เป็นเครื่องปิดกั้น เป็นนิวรณ์ เป็นสิ่งที่กดทับจิต ทำให้ปัญญาอ่อนกำลัง ห้าประการกล่าวคือ กามฉันท์ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา ภิกษุไม่ละธรรม 5 ประการที่เป็นเครื่องปิดกั้น เป็นนิวรณ์ เป็นสิ่งที่กดทับจิต ทำให้ปัญญาอ่อนกำลัง แล้วจักรู้จักประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรือจักประจักษ์แจ้งซึ่งญาณทัศนะอันวิเศษ ที่สามารถทำให้เป็นอริยะ ซึ่งยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์สามัญ "

" ด้วยปัญญาที่ทุรพลไร้กำลัง ข้อนี้ย่อมมิใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้ เปรียบเสมือนแม่น้ำที่เกิดบนภูเขา ไหลลงเป็นสายยาวไกล มีกระแสเชี่ยวพัดพาสิ่งที่พอจะพัดเอาไปได้ บุรุษเปิดปากเหมืองออกทั้งสองข้างของแม่น้ำนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น กระแสน้ำท่ามกลางแม่น้ำนั้นก็กระจาย ส่ายพร่า เขวคว้าง ไม่แล่นไหลไปไกล ไม่มีกระแสเชี่ยว และพัดพาสิ่งที่พอจะพัดเอาไปไม่ได้... "

สังคา รวพราหมณ์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ท่านพระโคตมะผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้ในบางคราว มนต์ทั้งหลาย แม้ที่ได้สาธยายมาแล้วตลอดเวลายาวนาน ก็ไม่แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่มิได้สาธยายตลอดเวลายาวนาน ก็แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่ได้สาธยาย


พระ พุทธเจ้าตอบตรัสว่า : ดูกรพราหมณ์ ในเวลาใดบุคคลมีใจกลุ้มรุมด้วยราคะ ถูกกามราคะครอบงำอยู่และไม่รู้ชัดตามเป็นจริงซึ่งทางออกแห่งกามราคะที่เกิด ขึ้นแล้ว ในเวลานั้นเขาย่อมไม่รู้ชัด มองไม่เห็นตามเป็นจริง แม้ซึ่งประโยชน์ตน แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น แม้ซึ่งประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มนต์ทั้งหลาย แม้ที่ได้สาธยายมาตลอดเวลายาวนานก็ย่อมไม่แจ่มแจ้ง ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่มิได้สาธยาย
(บุคคลมีใจ
กลุ้มรุมด้วยพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉาก็เช่นเดียวกัน ทรงเปรียบจิตที่ถูกนิวรณ์ข้อต่างๆ ครอบงำดังต่อไปนี้)
1. (จิตที่ถูกกามราคะครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำซึ่งเอาสีครั่งบ้าง สีขมิ้นบ้าง สีเขียวบ้าน สีแดงอ่อนบ้าง ผสมปนกันไว้ คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง
2. (จิตที่ถูกพยาบาทครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำ ที่เอาไฟเผาลน เดือดพล่าน มีไอพุ่ง คนตาดีมองเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง
3. (จิตที่ถูกถีนมิทธะครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำที่ถูกสาหร่ายและจอกแหนปกคลุม คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง
4. (จิตที่ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำที่ถูกลมพัดไหล กระเพื่อมเป็นคลื่น คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง
5. (จิตที่ถูกวิจิกิจฉาครอบงำ) เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำที่ขุ่นมัว เป็นตม ซึ่งวางไว้ในที่มืด คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง
ส่วน บุคคลที่ใจไม่มีนิวรณ์ 5 ครอบงำ และรู้ทางออกของนิวรณ์ 5 ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น และประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มนต์แม้ที่มิได้สาธยายตลอดเวลายาวนานก็แจ่มแจ้งได้ ไม่ต้องกล่าวถึงมนต์ที่ได้สาธยาย และมีอุปมาต่างๆ ตรงข้ามกับที่กล่าวมาแล้ว


" ภิกษุทั้งหลาย อุปกิเลสแห่งทอง 5 อย่างต่อ ไปนี้ ทองเปื้อนปนเข้าด้วยกันแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ไม่อ่อน ไม่ควรแก่งาน ไม่สุกปลั่ง เปราะ ไม่เหมาะที่จะนำไปทำอะไรๆ ; ห้าอย่างเป็นไฉน ได้แก่ เหล็ก โลหะอื่น ดีบุก ตะกั่ว และเงิน...เมื่อใดทองพันจากอุปกิเลส 5 ประการเหล่านี้แล้ว ก็จะเป็นสภาพอ่อน ควรแก่งาน สุกปลั่ง ไม่เปราะ เหมาะที่จะนำไปทำอะไรๆ ได้ดี "

" กล่าวคือ ช่างทองต้องการทำเครื่องประดับชนิดใดๆ จะเป็นแหวน ต่างหู สร้อยคอ หรือสุวรรณมาลาก็ตาม ย่อมสำเร็จผลที่ต้องการ ฉันใด อุปกิเลสแห่งจิต 5 อย่างต่อไปนี้ จิตพัวพันเศร้าหมองเข้าแล้ว ย่อมไม่นุ่มนวล ไม่ควรแก่งาน ไม่ผ่องใส เปราะเสาะ และไม่ตั้งมั่นด้วยดี (ไม่เป็นสัมมาสมาธิ) เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ฉันนั้น ห้าอย่างเป็นไฉน ได้แก่ กามฉันท์ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา... "

" เมื่อจิตพ้นจากอุปกิเลส 5 ประการเหล่านี้แล้ว ก็จะเป็นสภาพอ่อนโยน ควรแก่งาน ผ่องใส ไม่เปราะเสาะ และย่อมตั้งมั่นด้วยดี (เป็นสัมมาสมาธิ) เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย อนึ่ง เธอจะน้อมจิตไปเพื่อรู้จำเพาะประจักษ์แจ้งซึ่งอภิญญาสัจฉิกรณีธรรม (สิ่งที่พึงทำให้ประจักษ์แจ้งด้วยการรู้เจาะตรง) อย่างใดๆ ก็ย่อมถึงภาวะที่สามารถเป็นพยานในธรรมนั้นๆ ได้ ในเมื่อเหตุมีอยู่... "
มี พุทธพจน์บางแห่งตรัสว่า " ถ้าภิกษุปราศจากนิวรณ์ทั้งห้า และได้เริ่มทำความเพียรไม่ย่อหย่อน มีสติกำกับอยู่ไม่เลือนหลง กายผ่อนคลายสงบ ไม่เครียดกระสับกระส่าย จิตตั้งมั่น มีอารมณ์หนึ่งเดียว ไม่ว่าเธอจะเที่ยวไปอยู่ก็ตาม ยืนอยู่ก็ตาม นั่งอยู่ก็ตาม นอนตื่นอยู่ก็ตาม ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้มีความเพียร มีโอตตัปปะ ได้เริ่มระดมความเพียรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และเป็นผู้อุทิศตัวเด็ดเดี่ยวแล้ว "

ข้ออุปมาของพระอรรถกถาจารย์เกี่ยวกับสมาธินี้ก็น่าฟัง ท่านว่า
สมาธิ ทำให้จิตตั้งอยู่ในอารมณ์สม่ำเสมอ ทำให้องค์ธรรมทั้งหลายที่เกิดร่วมกับมันผนึกประสานกันอยู่ ไม่พร่า ไม่ฟุ้งกระจายเหมือนน้ำผนึกประสานแป้งเข้าเป็นก้อนเดียว และทำให้จิตสืบต่ออย่างนิ่งแน่วแน่มั่นคงเหมือนเปลวเทียนในที่สงัดงม ติดไฟสงบนิ่ง ลุกไหม้ไปเรื่อยๆ ส่องแสงสว่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 21:09:12 น.   
Counter : 982 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]