ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

คาด1 ปีสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงชัดเจน






เมื่อวันที่ 6 ม.ค.  ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

จัด
ประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความเป็นไป
ได้ในการก่อสร้างกระเช้าภูกระดึง จ.เลย  มีนายเริงชัย ประยูรเวช
รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธาน โดยมีตัวแทนจาก ร้านค้า ลูกหาบ นักวิชาการ และนักอนุรักษ์เข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกว่า 30 คน
ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดแรกหลังจากนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)  ส.ส.เลย
ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางสร้างกระเช้าภูกระดึงเมื่อวันที่ 28-29  ธ.ค.54
ที่ผ่านมา
 


นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการส่วนศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ  กรมอุทยานฯ 
ยอม
รับว่าข้อมูลที่เคยศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างกระเช้าภูกระดึงในช่วง 11
ปีที่ผ่านมา ต้องมีการทบทวนกันใหม่ทั้งหมด
ทั้งเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์ต่อการท่องเที่ยว
รวมทั้งเรื่องเทคนิคในการก่อสร้างเพื่อลดกระทบ ความคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์
รวมทั้งการจัดการท่องเที่ยวบนภูกระดึงเมื่อมีกระเช้าขึ้นไปถึง  เพราะเชื่อว่านักท่องเที่ยวคงไม่ได้แค่ขึ้นกระเช้าแล้วกลับ แต่คงต้องเดินไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ยอมรับว่าเรายังไม่ได้เตรียมการศึกษาขีดความสามารถในการรองรับไว้แต่ละจุด รวม
ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ต้องเพิ่มเติม เช่น ถนน ที่พัก เป็นต้น
โดยเรื่องดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องระบุให้ชัดเจนในการศึกษารายงานการ
วิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1
ปีเพื่อให้ครบทุกฤดูกาล
 


“ ผลดีของกระเช้าจะช่วยให้คนแก่ เด็ก คนพิการ มีโอกาสได้ขึ้นไปบนภูกระดึง
แต่ถ้าไม่มีการจำกัด
ก็เป็นผลเสียให้ระบบนิเวศน์ของบอดภูเปลี่ยนไปจนถึงขั้นสูญเสียได้
เช่นกันจากการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับกับการขึ้นไปทุกฤดูกาลจาก
เดิมที่จะหยุด 8 เดือนช่วง ต.ค.-พ.ค.ของทุกปี
ดังนั้นต้องศึกษาผลกระทบนิเวศบนยอดภู ทั้งปริมาณการท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล
รวมทั้งศึกษาวิธีการที่จะนำนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินเท้าไปยังแต่ละจุด
ที่กระเช้าลงจอดได้ ที่สำคัญกระเช้าต้องกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด”
นายทรงธรรม กล่าว
 


นายไพศาล นากดี ประธานชมรมลูกหาบบ้านทานตะวัน อ.ภูกระดึง จ.เลย กล่าวว่า
ถ้า
มีกระเช้าขึ้นภูกระดึงจะทำให้อาชีพลูกหาบหมดไปจากภูกระดึง อย่างแน่นอน
เพราะนักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีขึ้นไปบนภู  แต่ ถ้าใช้บริการลูกหาบต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงโดยเสียค่าแบกกิโลละ15 บาทเท่านั้น
โดยลูกหาบจะมีรายได้เฉลี่ย 500-100 บาทต่อวัน ทำให้ชาวลูกหาบกว่า 300
คนไม่มั่นใจว่ากรมอุทยานฯจะแก้ปัญหากับลูกหาบอย่างไร
เพราะถ้าจะให้ไปทำอาชีพมัคคเทศก์ก็คงไม่ได้ เราไม่มีความรู้
และนักท่องเที่ยวสมัยนี้มีแค่แผนที่เดียวก็ไปได้ทุกจุดแล้วไม่ต้องอาศัยลูก
หาบ ทั้งนี้จึงอยากเสนอค่าชดเชยรายได้จากการหมดอาชีพลูกหาบ
โดยให้จ่ายเงินรายได้ให้กับพวกเราคาดว่าเฉลี่ยรายละ 1 แสนบาท
เพื่อให้เป็นเงินทุนสำหรับไปทำอาชีพอย่างอื่น ถ้าไม่สามารถเป็นลูกหาบต่อไป


นายนพรัตน์ นาคสถิตย์  กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า  โดยสภาพการท่องเที่ยวบนภูกระดึงเป็นการท่องเที่ยวแบบผจญภัย

ไม่
ใช่การท่องเที่ยวแบบสะดวกสบาย การใช้เวลาในการเดินทางเป็นวันนั้น
คนที่เดินทางไปได้คือคนที่มีสภาพร่างกายและจิตใจพร้อมสำหรับการเรียนรู้
ธรรมชาติบนยอดภู ทั้งนี้ในวัตถุประสงค์ของกรมอุทยานฯ
คือการทำให้คนเข้าใจในธรรมชาติมากขึ้น อุทยานฯ
แต่ละแห่งจึงมีการสื่อความหมายในเรื่องต่างๆ
แต่พอใส่กระเช้าไฟฟ้าเข้าไปก็จะกลายเป็นการท่องเที่ยวแบบฟาสต์ฟูด นอกจากนั้นประเด็นสำคัญคืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งในต่างประเทศเกิดขึ้นทุกปีทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างที่เกาะเซนโตซา สิงคโปร์
นักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุกระเช้าขาด 10 ศพแล้ว
ดังนั้นกระเช้าลอยฟ้าจึงมีความตายแถมมาให้ด้วย




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



Create Date : 07 มกราคม 2555
Last Update : 7 มกราคม 2555 12:18:32 น. 0 comments
Counter : 1032 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]