ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

7 ต้อง ข้อคิดก่อนพาลูกเที่ยวงานวันเด็ก

 
 
 
คำขวัญวันเด็กปี 2555 คือ "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"
       
      
และ…คำขวัญวันเด็กก็จะถูกตั้งเป็นคำถามของงานวันเด็กที่บรรดาภาครัฐ
ภาคเอกชนที่ต่างก็จัดงานวันเด็กอย่างมากมาย
ซึ่งในปัจจุบันมีการจัดกิจกรรมวันเด็กมากกว่าในอดีต
และได้กลายเป็นงานอีเว้นท์ของบรรดาผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า
และร้านค้ามากมาย ที่จัดงานเพื่อกระตุ้นยอดขายไปซะอีก




      
ดูผิวเผินก็น่าจะดีที่มีกิจกรรมวันเด็กมากมายให้ได้สนุกสนานและได้จับจ่าย
ใช้สอยกันเต็มที่
แต่อย่าลืมนึกถึงว่าวันเด็กที่ถูกกำหนดขึ้นมาตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือน
มกราคมทุกปีให้เป็นวันเด็กแห่งชาตินั้น
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง
โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในโรงเรียน หมู่บ้าน
หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น
ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกท้องถิ่นจะมีขนมมากมาย มีคำอวยพรให้เด็กๆ
เป็นวันที่เด็กๆ มีสิทธิพิเศษ มีการเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ทำกิจกรรมร่วมกัน
ในแต่ละชุมชนก็จะมีการจัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ

       



      


 แต่ที่สำคัญสำคัญที่สุด ก็เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ของเด็ก
       
       ไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีคำถามประมาณว่าวันเด็กควรพาเด็กไปเที่ยวที่ไหนดี ฉบับนี้มีข้อคิดดีๆ ก่อนจะพาลูกหลานไปเที่ยวงานวันเด็กค่ะ
       
       ประการแรก
      
ต้อง เลือกสถานที่ที่เหมาะกับวัยของลูก
เพราะในวันนั้นจะต้องมีเด็กจำนวนมากมารวมตัวอยู่ในสถานที่เดียวกัน
ถ้าลูกอยู่ในวัยเด็กเล็กก็ไม่เหมาะกับสถานที่ปิด และมีผู้คนแออัดจำนวนมาก
เพราะอาจทำให้เกิดป่วยไข้ได้ หรือถ้าเด็กโตก็ควรพาไปสถานที่ที่เหมาะกับเขา
เพราะแต่ละสถานที่ต่างก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกัน
ต้องดูวัยของลูกเป็นหลักว่าเหมาะกับกิจกรรมนั้นๆ ด้วยหรือไม่
มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายขึ้นมาได้

       
       ประการที่สอง
      
ต้อง เลือกตามความสนใจของลูก ไม่ใช่ความสนใจของพ่อแม่
หรือเป็นสถานที่ที่พ่อแม่อยากให้ลูกไป เพราะจะทำให้ลูกไม่สนใจ
และไม่อยากเรียนรู้กับสิ่งรอบตัวหรือสถานที่นั้นๆ ตรงกันข้าม
ถ้าลูกได้ไปในสถานที่ที่สนใจ
พ่อแม่หมั่นสังเกตก็สามารถช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของลูก อาจลองตั้งคำถาม
หรือชี้ชวนให้ไปหาคำตอบด้วยกัน ก็จะทำให้เด็กสนใจใฝ่เรียนรู้ด้วยตัวเอง
แล้วจากนั้นเมื่อกลับมาบ้านก็อาจต่อยอดจากสิ่งที่ไปพบเห็นมาเพิ่มเติมอีกก็
ได้

       
       ประการที่สาม
      
ต้อง เตรียมตัวให้พร้อม คืนก่อนไปเที่ยวควรให้ลูกนอนหลับเพียงพอ
และเตรียมเสบียงอาหารสำหรับลูกติดไปด้วย เพราะสถานที่ที่ไปนั้น
อาจจะต้องเจอกับผู้คนจำนวนมาก และต้องเข้าคิวแย่งกันซื้ออาหาร
ในขณะที่เด็กเมื่อถึงเวลาหิวหรือง่วงนอนก็จะงอแง
สุดท้ายบรรยากาศโดยรวมก็ทำให้หงุดหงิดกันทั้งครอบครัว ฉะนั้น
ควรเตรียมอุปกรณ์ของลูกให้พร้อม เช่น นม อาหาร ที่นอน ของเล่นชิ้นโปรด ฯลฯ
และถ้าจะให้ดีก็เตรียมของผู้ใหญ่ไปด้วยก็ดีนะคะ ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย
ถือซะว่าเป็นการปิคนิกนอกบ้านซะเลย

 
       ประการที่สี่
      
ต้อง ทำการบ้านก่อนพาลูกไปในสถานที่นั้นๆ
เป็นการปูพื้นให้ลูกได้รู้ว่าสถานที่ที่จะไปมีอะไรน่าสนใจ
และควรจะเริ่มจากจุดไหนไปจุดไหน เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ไปโดยไม่เตรียมตัว
และไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ไหนอย่างไร
บางสถานที่อาจมีบางกิจกรรมที่ทำเป็นช่วงเวลา หรือเป็นรอบๆ
ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสหรือหมดสนุกไปก็ได้ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าเด็กๆ
ก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เขาไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้นานๆ

       
       ประการที่ห้า
      
ต้อง ลองพิจารณากิจกรรมวันเด็กที่อยู่ใกล้บ้าน
หรือละแวกที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก เพราะถ้าเรามุ่งเน้นไปเฉพาะสถานที่ดังๆ
ก็จะต้องพบกับผู้คนจำนวนมาก และการจราจรที่ติดขัด
ก็อาจทำให้บรรยากาศที่เตรียมสำหรับความสนุกสนานอาจหมดไป
เพราะที่ผ่านมามีสถานที่ที่จัดกิจกรรมวันเด็กมากมายในชุมชน
แต่ค่านิยมของพ่อแม่จำนวนมากก็อยากพาลูกไปในสถานที่ที่ทำการตลาด
ประชาสัมพันธ์ หรือที่ดังๆเท่านั้น
แต่อย่าลืมว่าสถานที่เหล่านั้นอาจกลายเป็นฝันร้ายของลูกก็มีไม่น้อยทีเดียว
ยกเว้นว่าถ้าลูกอยากไปจริงๆ ก็ควรจะพาไปในช่วงเวลาเช้า
ผู้คนยังไม่มากน่าจะดีกว่า

       
       ประการที่หก
      
ต้อง ตกลงกันเรื่องซื้อของขวัญวันเด็กให้เรียบร้อยซะก่อน
จะได้ไม่ต้องไปรบกันนอกบ้าน ยกตัวอย่าง ถ้าจะซื้อของเล่นหรือขนม
แต่มีข้อตกลงว่าจะไม่ซื้ออะไรประเภทไหนบ้าง เช่น ไม่ซื้อทอฟฟี่ ไม่ซื้อเกม
ก็ควรจะมีข้อตกลงเบื้องต้นกันเสียก่อน
เพราะทุกปีจะพบเด็กจำนวนมากที่ต้องร้องไห้แล้วลงไปนอนดิ้นร้องกับพื้นเพื่อ
จะรบเร้าขอของเล่นหรือขนมที่อยากได้ โดยที่พ่อแม่ไม่ยอมเป็นประจำทุกปี

       
       ประการที่เจ็ด
      
ต้อง สอนลูกเรื่องการรับของแจกจากผู้อื่น
เพราะเทศกาลวันเด็กส่วนใหญ่จะมีการแจกของให้เด็ก
พ่อแม่ควรสอนเรื่องมารยาทการสอนให้รู้จักการยกมือไหว้ขอบคุณ
และการเลือกรับของที่มีประโยชน์ ขณะเดียวกันก็ต้องนึกถึงคนอื่นๆ
ที่ยังไม่ได้รับของ หรือการรู้จักการเข้าคิวเพื่อรับของแจก
ล้วนแล้วเป็นทักษะชีวิตที่พ่อแม่สามารถนำมาสอนลูกหลานได้ด้วย
ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่กระทำตัวไม่เป็นแบบอย่างที่ดี
ลูกก็จะซึมซับเอาสิ่งที่ไม่ดีไปด้วย

      
      
งานวันเด็กของลูกจะอยู่ในความทรงจำแบบไหนอยู่ที่พ่อแม่ค่ะ
แต่อย่าลืมว่าความสนใจและความสนุกสนานของเด็กส่วนใหญ่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่เท่านั้น แต่คือการได้อยู่กับพ่อแม่
การทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ บางครอบครัวก็ตัดสินใจทำกิจกรรมที่บ้าน ลูกๆ
ก็มีความสุขเหมือนกัน

       
       ความสนุกสนานและความสุขของเด็กเรียบง่ายกว่าที่ผู้ใหญ่คิดค่ะ…


 
 
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์


Create Date : 14 มกราคม 2555
Last Update : 14 มกราคม 2555 8:41:40 น. 0 comments
Counter : 1422 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]