เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวจอร์แดน7

ตอน...แอ่วเหนือชมเมืองโบราณ

เช้าวันรุ่งขึ้นเราลงมาหม่ำอาหารเช้า บริเวณ lobby ของโรงแรม ณ ที่นี่เราพบลุงผจก.อารมณ์ดีคนเดิมนั่งจิบชาอยู่ พร้อมพนักงานที่ทำงานลักษณะเสี่ยวเอ้อคือทำหน้าที่ทุกอย่างของโรงแรม เป็นหนุ่มชาวญี่ปุ่นชื่อ Kenta ขณะรอเขาเสิร์ฟมื้อเช้าซึ่งเป็นขนมปังทาแยมทานกับไข่ต้ม ผมลองสอบถามได้ความว่า หลังจากจบมัธยมก็ท่องเที่ยวไปมาหลายประเทศรวมถึงเคยมาประเทศไทย ต่อมาได้ตัดสินใจเรียนภาษาอารบิคที่ซีเรียได้ปีกว่า จนพูดและเขียนภาษาอารบิคได้ เขามาทำงานที่นี่เพื่อเก็บเงินไปเรียนต่อได้ประมาณสองเดือนแล้ว (สุดยอดมาก...ผมคิด)


Mansour Hotel

ตาลุงผจก.เห็นเราให้ความสำคัญกับ Kenta มากไปคงอิจฉาจึงเข้ามาแทะโลมนัตตี้เช่นเคย วันนี้ก้าวหน้าถึงเรียกนัตตี้ว่า “my future wife” ซึ่งนัตตี้ก็นึกสนุกเล่นมุขตามแกไปเรื่อย วันนี้แกถามว่าเราไปที่ไหน เพราะทางโรงแรมเขาก็มีconnection กับ local tour ที่นี่ ผมบอกว่าวันนี้เราจะขึ้นเหนือไป Umm Qais และ Jerash กับเมืองข้างเคียงอีกสอง แกถามว่าเท่าไหร่ พอผมบอกราคาไปว่า 60JD แกก็บอกว่าแพง เอางี้ไหมเขาหารถที่พาไปได้ในราคาถูกกว่า แต่เราจะไปหรือไม่ก็ตามใจ

พวกเราชักติดใจระบบการตัดราคากันเองของที่นี่แล้ว ผมจึงบอกว่า เรานัดคนขับไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขาไม่ว่าอะไรหรือ ลุงผจก.บอกว่า ยังไม่จ่ายเงินใช่ไหม ไม่เป็นไร แล้วแกจะคุยกับโชเฟอร์แทนให้ และให้พวกเราไปหลบในห้องสักพัก และติดต่อรถที่มี connection กับทางโรงแรมให้แทน เราจึงขึ้นไปนั่งเล่นในห้องพักฆ่าเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง พวกเราจึงลงไปหาลุงผจก.ตามที่นัด

เมื่อลงไป lobby อีกครั้ง จึงถามลุงผจก.ว่าตามรถให้รึยัง แกทำหน้างงๆแล้วพูดว่า รถอะไรหรือ ผมจึงย้อนความที่คุยกันเมื่อเช้า แกก็บอกว่านึกว่าเราจะไปกับโชเฟอร์ที่นัดจึงไม่ได้ติดต่อให้ และเพิ่งให้คนรถไปส่งลูกค้าอีกคนเมื่อกี้นี้เอง (อ้าวลุง...ไหงทำอย่างนี้ล่ะ แล้วจะทำไง ผมคิด) นัตตี้หงุดหงิดเล็กน้อยและบ่นว่า สงสัยแกคุยกับทางบริษัททัวร์ราคาไม่โอเค แกจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ผมจึงรีบลงไปด้านหน้าของโรงแรมเผื่อว่าโชเฟอร์ที่นัดเดิมยังอยู่ ปรากฏว่าก็ยังอยู่แต่แสดงอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด (แน่ล่ะยืนรอหนึ่งชั่วโมง อากาศก็หนาว เป็นใครก็โกรธ) ผมรีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยบอกไปว่า เราหนาวเลยรอที่ lobby คิดว่าเมื่อโชเฟอร์มาจะขึ้นมาหา นี่เห็นว่าผิดเวลาจึงลองลงมาดู (ต้องโกหกเพื่อเอาตัวรอด เสียใจจัง) โชเฟอร์ทำหน้างงเล็กน้อย และบอกว่างั้นรึ สงสัยคงเข้าใจผิดกัน ขอโทษด้วย (เราเป็นฝ่ายผิด แต่กลายเป็นโชเฟอร์ต้องขอโทษ เสียใจอีกแล้วที่วันนี้ศีลไม่บริสุทธิ์ อโหสินะพี่โชเฟอร์) หลังจากนั้นผมขอเวลาหนึ่งนาทีไปตามเพื่อนๆ จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นมาเรียกหวานใจและนัตตี้ให้ลงไปข้างล่าง โดยไม่สนใจตาลุงผจก.คนนั้นอีกเลย

ผมขึ้นรถแล้วบอกหวานใจกับนัตตี้เรื่องเสียใจที่ต้องโกหกโชเฟอร์ เธอทั้งสองเข้าใจ แถมให้กำลังใจว่าเพื่อความอยู่รอดของtrip ที่ทำไปไม่เป็นไรหรอก ช่วงการเดินทางเช้านั้นพวกเราพยายามชวนคุยเอาใจโชเฟอร์ ไม่ให้แกคิดถึงเรื่องต้องทนหนาวรอนาน

พวกเราเดินทางออกนอกเมืองมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ทิวทัศน์เห็นสีเขียวของต้นไม้มากขึ้น เห็นความอุดมสมบูรณ์มากกว่าทิวทัศน์ทางใต้มาก(แต่ยังแล้งกว่าไทย) มีแปลงปลูกพืชล้มลุกและยืนต้นเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทาง พื้นที่ตอนเหนือของประเทศอยู่ในเขตเสี้ยววงเดือนเห็นความอุดมสมบูรณ์แถบตะวันออกกลางมาแต่โบราณ อันประกอบด้วยพื้นที่บางส่วนของจอร์แดน ซีเรีย อีรัก และซาอุฯ


ทิวทัศน์ทางเหนือ ที่เริ่มมีสีเขียวให้เห็น

เมืองแรกที่เราผ่านคือ Irbid เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองจาก Amman เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและการคมนาคมทางตอนเหนือของประเทศ มีสถานีรถประจำทางขนาดใหญ่ ที่สามารถต่อรถไปเที่ยวเมืองต่างๆทางตอนเหนือของประเทศได้ แต่เดิมพวกเราตั้งใจจะมาขึ้นรถประจำทางจาก Amman มาต่อรถไปเที่ยวอีกสี่เมืองวันนี้ แต่มาพิจารณาดูแล้วเกรงว่าหนึ่งวันจะเที่ยวได้ไม่ครบ เพราะหมดเวลาไปกับการเดินทางมากไปแม้ว่าจะประหยัดเงินได้ แต่หากใครมีเวลาอยากสัมผัสบรรยากาศชาวจอร์แดนแท้ๆ ลองหาที่พักที่ Irbid และจับรถเมล์เที่ยวทางเหนือวันละเมืองคงได้สนุกไปอีกแบบนะครับ

ระหว่างทางเราพบขบวนรถยนต์สามสี่คันขับฉวัดเฉวียนบีบแตรสนั่นหวั่นไหว แถมมีหนุ่มๆสาวๆยื่นตัวออกมาทางหน้าต่างโบกผ้าชูมือร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน(หนุ่มหนึ่งคัน สาวอีกหนึ่งคัน) ถามพี่โชเฟอร์ได้ความว่า เป็นขบวนแต่งงาน ถัดไปอีกหน่อย เห็นคนออกมาร้องรำทำเพลงที่ถนนรอบๆรถบรรทุกขณะติดไฟแดง มองไปก็เห็นบ่าวสาวนั่งอยู่ในรถ เราจึงโบกมือทักทายขณะขับผ่านไปด้วยความยินดี (วันนี้คงเป็นวันดี เพราะแค่เมืองเดียวก็เห็นงานแต่งงานถึงสองคู่ ผมคิด)


รถที่บรรทุกบ่าวสาวซึ่งติดไฟแดงอยู่

เรามุ่งเหนือขึ้นไปจนสุดใกล้พรมแดนซีเรีย เข้าสู่เมืองท่องเที่ยวแห่งแรกของวันนี้คือ Umm Qais

Umm Qais หรือสมัยโบราณเรียกว่า Gadara เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติเก่าแก่มาตั้งแต่ สมัยปโตเรมีราว 198BC c ต่อมา Gadara อยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Roman province of Syria

ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักร Nabataean ในสมัย AD106 จากการถือกำเนิดของเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าที่มาแทนเส้นทางคาราวานเดิมที่ผ่านทาง Petra เมือง Gadara จึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นในฐานะที่อยู่ในเส้นทางผ่าน ภาย หลังอิสลามได้ครอบครองดินแดนแถบนี้ โดยเฉพาะในสมัย Ottoman มีการปรับปรุงก่อสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารแบบโรมันเดิม ดังนั้นเราจะพบสถาปัตยกรรมในยุคต่างๆ ทั้งกรีก โรมัน และอิสลาม โดยเฉพาะในยุคออตโตมัน ในเมืองโบราณแห่งนี้

ค่าเข้าชม คนละ 1JD หากต้องการไกด์เขาคิด 5JD แต่ผมค้นข้อมูลมาพอสมควรแล้วจึง ไม่เอา อากาศเย็นครึ้มเมฆมากผิดกับทางใต้ ภาพที่ได้อาจไม่ค่อยสวยนัก

สถานที่แรกที่เราเข้าชมคือ โรงละครสมัยโรมัน ที่นี่มีความจุ 3,000 ที่นั่ง สภาพยังค่อนข้างดีกว่าที่ Petra สามารถเข้าไปเดินเล่นได้


ทางเข้าเมืองโบราณ Umm Qais โปรดสังเกตสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งของจอร์แดน จะดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี


โรงละครยุคโรมัน

สถานที่ต่อมาพวกเรามุ่งหน้าเข้าไปชม museum ซึ่งแสดงโบราณวัตถุสถาปัตยกรรมของกรีก และโรมันหลายชิ้น ไฮไลท์ของที่นี่คือรูปปั้นเทพธิดาประจำเมืองซึ่งศีรษะไม่มีเสียแล้ว และภาพโมเสอิคตามความนิยมในยุคไบเซนไทน์


รูปปั้นเทพธิดาประจำเมือง และภาพโมเซอิค สัญลักษณ์ของเมืองนี้

ถัดจาก museum ผมเดินไปตามถนนหลักของเมืองที่มีชื่อว่า decumanus maximus เป็นถนนปูด้วยหินสีดำที่เชื่อม Umm Qais (Gadara) กับเมืองชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนอื่นๆ ตั้งแต่สมัยยุคโรมัน ปัจจุบันเหลือระยะทางให้เห็นประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วยอาคารโบราณทรงโรมันหลายแห่ง สุดทางจะมีอาคารที่ประดิษฐานรูปปั้นเทพซูส แต่ผมเห็นว่าระยะทางไกลใช้เวลาเดินทางมากจึงขี้เกียจไป เห็นสุสานคริสต์เรียงรายตามเนินเขามากมาย ผมไม่ได้ถ่ายภาพไว้เพราะกลัวจะติดภาพชัตเตอร์แปลกๆให้สยองเล่น


ถนน decumanus maximus


อาคารทรงโรมัน

จาก Umm Qais เรามุ่งไปทางทิศตะวันตกตั้งใจจะไป Pella เมืองโบราณ 7,000 ปี ที่ถูกอ้างในประวัติศาสตร์อียิปต์และกรีกโบราณ เมืองที่อยู่ติดชายแดนอิสราเอลทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ไปได้หน่อยเดียวปรากฏว่ามีทหารตั้งด่านกักไม่ให้รถผ่านไป Pella ได้ โชเฟอร์สอบถามก็ไม่ได้คำตอบอะไร สั่งให้หันรถกลับอย่างเดียว ไม่รู้มีปัญหาอะไรที่ชายแดนหรือไม่ เพราะตอนนั้นอิสราเอลกับปาเลสไตน์กำลังยิงกันอยู่ แต่ฉนวนกาซาก็อยู่ทางใต้นี่ Pella อยู่ทางเหนือไม่น่าจะมีอะไร เมื่อกลับมาโรงแรมเช็คข่าวจาก Al Jazeera TV ก็ไม่เห็นว่ากระไร แต่ยังไงเราก็อดไป Pella จนได้ (เสียใจจัง)

เมื่อไป Pella ไม่ได้ เราก็มุ่งหน้าลงใต้ไป Ajlun กันต่อ Ajlun อยู่ไม่ไกลจาก Amman นักท่องเที่ยวนิยมทัวร์ไปพร้อมๆกับ Jerash เพราะอยู่ในเส้นทางเดียวกันและไม่ไกลกันนัก ไฮไลท์ที่สำคัญของ Ajlun คือป้อมปราสาท Qala’at ar-Rabad ป้อมของอิสลามที่สร้างสมัยสงครามครูเสส หรือราว AD 1184-88 บนยอดเขาของเมืองเพื่อคอยสกัดทัพคริสเตียนมิให้มารุกราน เช่นเดียวกับที่ทางคริสเตียนสร้างป้อม Karak และ Shobak ไว้สกัดทัพอิสลาม ที่ผมเคยพาไปชมในตอนที่2 มาแล้ว (กลับไปย้อนดูได้นะครับ) แม่ทัพอิสลามผู้สร้างป้อมปราสาทนี้ ชื่อ ‘Izz ad-Din Usama bin Munqidh (อ่านชื่อแล้วดูคุ้นๆไหม)


ภาพถ่ายจากในรถเห็นปราสาทอยู่บนยอดเขา


ป้อมปราสาทซึ่งใหญ่โตไม่แพ้ที่ Karak


อีกมุมด้านหน้าปราสาท

ภายในประกอบด้วยโถงขนาดใหญ่หลายห้อง บางส่วนจัดแสดงเป็น พิพิธภัณฑ์สิ่งของเครื่องใช้ยุคโบราณ สมัยโรมันสืบเนื่องมาถึงราชวงศ์ต่างๆของอิสลาม


หนึ่งในหลายๆห้องโถง


ช่องกำแพง ที่สามารถสังเกตการณ์ และโจมตีข้าศึกภายนอกได้


โต๊ะบัญชาการของแม่ทัพ โปรดสังเกตแผนที่บนโต๊ะ

หลังจากออกจากปราสาท เราก็มุ่งหน้าลงใต้ย้อนเส้นทางเมื่อเช้าเพื่อมุ่งหน้าชมเมืองโบราณถัดไป ส่วนจะเป็นเมืองใด งดงามขนาดไหน ไว้ชมกันตอนหน้านะครับ


Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 21:57:47 น. 4 comments
Counter : 2153 Pageviews.  
 
 
 
 
มาขอย้อนไปเที่ยวอียิปต์ก่อนนะคะ แล้วจะตามไปจอแดน
 
 

โดย: ชานม (พายุสีเงิน ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:57:51 น.  

 
 
 
ตามมาเที่ยวต่อค่ะ น่าสนุกจัง ดูลุย ๆๆๆ
 
 

โดย: หนูริวจัง วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:41:37 น.  

 
 
 
คร้าบ...ขอบคุณครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:42:56 น.  

 
 
 
คุ้มค่าที่ไปใช่ไหมคะ เดี๋ยววางแผนบ้างดีกว่า
 
 

โดย: sandy IP: 14.207.177.71 วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:23:57:21 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com