เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวหมื่นไมล์ ตอนลุยทราย...ตะกายพีระมิด 6

ตอนที่6 ลักซอร์ตะวันออก

เมื่อเรากลับมาถึงโรงแรม เกือบบ่ายสามโมง พวกผมหิวจนหายหิวแต่กระหายน้ำสุดๆ และเกรงว่าถ้ากินอาหารจะไปเที่ยววิหารฝั่งตะวันออกนี้ไม่ทันเหมือนคราวที่อดไปกีซ่า อาหารรองท้องของพวกเราจึงเป็นส้มพื้นเมืองที่ทางร้านอาหาร ที่ซาลามพาไปกินวันแรก(จำได้ไหมครับ) แถมให้ (งกอีกแล้ว) แต่มาเมดิเตอร์เรเนียนทั้งทีก็ต้องกินส้มใช่ไหมครับ ส้มที่นี่เปลือกจะหนาคล้ายส้มเช้งบ้านเราแต่ลูกใหญ่กว่ามาก รสชาติคล้ายส้มโชกุนแต่ออกเปรี้ยวกว่าหน่อย แต่ที่ผมชอบก็คือทุกผลไม่มีเมล็ดเลย เราทานกันคนละลูกสองลูก ความสดชื่นและพลังชีวิตก็คืนกลับมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

จากนั้นเราจึงเริ่มวางแผนเที่ยวต่อโดยลงไปสอบถามเส้นทางกับเจ้าของโรงแรมที่ล็อบบี้ คราวนี้ได้พบกับคุณสามีชาวนูเบีย เป็นชายร่างโปร่งวัยสี่สิบ ที่สุภาพและจริงใจไม่แพ้คุณภรรยาชาวเกาหลี ดังที่บอกในตอนก่อนหน้าว่า คนอียิปต์ที่อยู่ทางใต้ลงมา (อียิปต์บน)จะจริงใจและไว้เนื้อเชื่อใจได้มากกว่าทางไคโร (อียิปต์ล่าง)

สถานที่ท่องเที่ยวในฝั่งอีสต์แบงค์นี้ได้แก่วิหารคาร์นัก และวิหารลักซอร์ เมื่อได้รับคำยืนยันจากคุณเจ้าของโรงแรมว่า วิหารคาร์นักปิดราวหนึ่งทุ่มส่วนวิหารลักซอร์ปิดสามทุ่ม เราจึงค่อยเบาใจได้หน่อยและวางแผนเดินทางไปวิหารคาร์นักซึ่งอยู่ไกลกว่าก่อน

คาร์นักอยู่ห่างจากตัวเมืองราวสามกิโลเมตร ซึ่งเราเดินทางไปโดยแท็กซี่ในราคาสิบปอนด์ (ราว60บาท) นับเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และซับซ้อนที่สุดในอียิปต์ มีการสร้างต่อเติมต่อเนื่องกันมาหลายศตวรรษ โดยมีต้นกำเนิดจากราชวงศ์ที่18 ส่วนในของวิหารส่วนใหญ่สร้างโดยฟาโรห์ทุตโมซิสที่3 และพระนางฮัตเซปซุตคนดังที่ผมเอ่ยถึงเมื่อตอนที่แล้ว โดยอุทิศแด่เทพอามุน-รา เทพท้องถิ่นแห่งธีบส์ซึ่งกลายมาเป็นมหาเทพประจำชาติในยุคนั้น


ทางเข้าวิหารคาร์นัก

เนื่องจากฟาโรห์ทุตโมซิสที่3 ผู้เป็นหลานของพระนางฮัตฯ ไม่ค่อยทรงโปรดพระนาง ที่เป็นหญิงแต่บังอาจมาสำเร็จราชการแถมทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ จึงพยายามลบชื่อของพระนางฮัตฯออกจากเครื่องหมายของราชวงศ์และยังใช้หินปิดห้องโถงและฐานเสาโอบิลิสขนาดยักษ์ของพระนาง จึงกลายเป็นการเก็บรักษาผลงานของพระนางโดยไม่ตั้งใจ

นอกจากนี้ฟาโรห์ทุตโมซิสที่3ยังเป็นยอดนักรบ ทรงทำสงครามชนะศึกถึง17ครั้ง อียิปต์จึงขยายอาณาจักรกว้างขวางจากซีเรียจนถึงซูดาน และพระองค์ก็สามารถกวาดต้อนเชลยและสมบัติมากมายมาสู่อียิปต์ (ผลงานของพระองค์ได้รับการจารึกไว้ที่วิหารนี้)

วิหารถูกสร้างและต่อเติมเพิ่มขึ้น และยังจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับชัยชนะของฟาโรห์ยุคต่อๆมาจนเสมือนวิหารนี้ เป็นที่จดบันทึกประวัติศาสตร์ขนาดยักษ์ แม้ว่าต่อมาเมืองหลวงจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่วิหารคาร์นักก็ยังถูกสร้างและต่อเติมเพิ่มอยู่ต่อๆมา

จวบจนศตวรรษที่6 ชาวเปอร์เซียบุกมาปล้นและทำลาย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ต่อมาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชและราชวงศ์ปโตเลมีในยุคต่อๆมา ได้ทำการบูรณะวิหารคาร์นักและสร้างกำแพงล้อม รวมทั้งสร้างเสาไพลอนบริเวณทางเข้า เป็นผลงานสืบมาจนถึงปัจจุบัน


เสาโอบิลิสขนาดยักษ์


เสาไพลอนด้านหน้าทางเข้า


ไพลอนขนาดยักษ์

หลังจากตื่นตะลึงกับความอลังการและความใหญ่โตของวิหารคาร์นักแล้ว พวกเราจึงเดินทางย้อนกลับมาในตัวเมืองเลียบลำน้ำไนล์เพื่อชมวิหารลักซอร์อีกที่หนึ่ง โดยใช้บริการรถม้าท้องถิ่นเพื่อชมวิวยามเย็นไปด้วย ตอนแรกคนขับแจ้งราคา 70ปอนด์ เราปฏิเสธพร้อมกับต่อลองจนได้ในราคา คันละ10ปอนด์ (ต่อเก่งไหมครับ...ที่จริงเป็นทางกลับบ้านของคนขับอยู่แล้วราคาจึงถูก) แน่นอนผมต้องนั่งคู่กับหวานใจอยู่แล้ว

ระหว่างนั่งรถชมวิวกลับ สังเกตว่าจะมีผู้โดยสารรถคันอื่นๆ รวมถึงคนที่เดินเล่นอยู่ริมถนน ต่างมองรถม้าผมพรางสะกิดคนข้างๆให้ดูกันเป็นระยะๆ โปรดอย่าคิดว่า เพราะผมหน้าตาเหมือน ลีดองวุค หรือเรน แม้ว่าจะมีหลายคนทักเสมอๆว่าหน้าผมเหมือน (หุหุ) แต่เพราะคนขับรถม้าแกผูกลูกม้าตัวเล็กเข้ากับแม่ม้าที่ลากรถแล้วพาไปด้วยกัน สร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่สวนทางและพบเห็นเป็นอันมาก

ไม่นานนักผมและคณะก็มาถึงวิหารลักซอร์ที่อยู่ติดลำน้ำไนล์ ขณะนั้นเวลาเกือบจะหกโมงเย็น เราจึงตั้งใจจะดูอาทิตย์อัสดงก่อนที่จะเข้าชมวิหาร เพราะบอกแล้วว่าวิหารเขาปิด3 ทุ่ม

ยามเย็นริมน้ำไนล์บรรยากาศดีมากๆ แลเห็นหุบผากษัตริย์ฝั่งตรงข้ามไกลๆ ยืนตระหง่านส่งเสด็จเทพอามุน-ราที่ค่อยๆ เคลื่อนราชรถลับขอบฟ้าตะวันตกไปทีละน้อย ผมเหลือบไปเห็นคุณพี่ทั้งสองเดินคุยห่างออกไป และหวานใจนั่งเหม่อชมวิว ณ ที่นั่งริมรั้วคนเดียว ผมไม่รอช้าปราดเข้าไปนั่งข้างๆ พร้อมทั้งเอ่ยมธุรสวาจาหวานๆ ประมาณ ขัณฑสกรยังต้องอายกับเธอ เล่นเอาแก้มใสของเธอที่ถูกปกป้องกันด้วย ครีม SPF 50 เปลี่ยนเป็นสีชมพูในทันใด


วิวหุบเขากษัตริย์ไกลๆ


อามุน-รา เสด็จลับขอบฟ้า

แต่บรรยากาศเป็นใจได้ไม่นานนัก เมื่อพี่ทั้งสองเดินย้อนกลับมา พร้อมรถทัวร์ขนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มาจอดใกล้ๆ พวกเราจึงข้ามถนนไปซื้อตั๋วเข้าชม วิหารลักซอร์ยามค่ำกันต่อ

วิหารลักซอร์มีขนาดเล็ก วิหารคาร์นัก แต่มีลักษณะแคบแต่ยาวสร้างเพื่ออุทิศแด่ เทพอามุน –รา , เทพีมัตพระชายา , และเทพคอนชูพระโอรส วิหารส่วนใหญ่ถูกสร้างโดยฟาโรห์อเมนโฮเทปที่3 และได้รับการต่อเติมโดย ฟาโรห์ตุตันคาเมน, โฮเรมเฮป, รามเซสที่2, และอเล็กซานเดอร์มหาราช


วิหารลักซอร์ยามค่ำ


รูปปั้นรามเซสที่2

โดยภายในวิหารสลักเรื่องราวการครองราชย์ของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่3 งานเฉลิมฉลองประจำปีโอเพต ที่อัญเชิญเทพอามุน-รา จากวิหารคาร์นักทางเรือ กลับมาครองคู่กับเทพีมัต เพื่อเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ และภาพชัยชนะของฟาโรห์รามเซสที่2 พร้อมทั้งรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระองค์ จากนั้นเราจึงมาเดินชมแถวสฟิงซ์ที่ตั้งเรียงรายด้านหน้าของวิหาร พร้อมทั้งออกมาหามื้อค่ำทานกัน


ช่างสมชายจริงๆ ฟาโรห์


แถวสฟิงซ์ ด้านหน้าวิหาร

เราวางแผนกันตั้งแต่เช้าแล้วว่า วันนี้จะไปหาอะไรทานกันที่ร้านอาหารอิตาเลียนที่ผ่านตอนจะไปหุบกษัตริย์เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา เมื่อเดินไปถึงด้วยอารมณ์หิว และเนื่องด้วยวันนี้พวกเรายังไม่ได้ทานอาหารมื้อใหญ่กันเลย เมื่อถึงร้านจึงสั่งกันใหญ่โดย แต่ละคนสั่งสปาเก็ตตี้คนละจาน พร้อมทั้งสั่งพิซซ่าขนาดกลางหนึ่งถาด และสลัดบาร์สไตล์อียิปต์มาทานร่วมกัน

เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เราก็ต้องตกใจเพราะสปาเก็ตตี้ของแต่ละคนจานใหญ่มาก เรียกได้ว่าคนตัวใหญ่อย่างผมทานจานเดียวจุก ดังนั้นเราจึงตัดสินใจชิมพิซซ่ากันนิดหน่อยแล้วเรียกพนักงานมาห่อ (สำหรับมื้อเช้าพรุ่งนี้...ประหยัดครับ)

อารมณ์หิว...ลืมไปว่าอาหารที่นี่จานใหญ่มาก ผมคิด ดังนั้นถ้าคุณมาเที่ยวอียิปต์ จะสั่งอาหารอะไรคำนวนปริมาณดีๆก่อน ไม่อย่างนั้นทานไม่หมดจะหาว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะครับ

ในระหว่างที่เราเพลิดเพลินกับอาหาร (งานนี้ไม่มีเลี่ยน เพราะผมเตรียมพริกป่นจากเมืองไทยไปด้วย) ก็มีเสียงดนตรีพื้นเมืองดังลั่นจากถนนเบื้องล่างหน้าร้าน (เรานั่งทานอาหารที่ระเบียงชั้นสอง มองเห็นทิวทัศน์ริมถนนได้ชัดเจน) มองไปเห็นขบวนคนกลุ่มใหญ่ มีชายคนหนึ่งสวมมาลัยดอกไม้ช่อใหญ่ ตอนแรกผมนึกว่าเขาเป็นนักการเมืองมาหาเสียง เพราะเห็นพวงมาลัยดอกไม้คล้ายที่คล้องคอนักการเมืองไทยเวลาออกหาเสียง แต่ปรากฏว่าเป็นพิธีแต่งงาน งานนี้เราเลยได้ทานอาหารอร่อยและชมขบวนขันหมากอียิปต์ไปพร้อมๆกัน

เสร็จจากอาหารมื้อใหญ่ราวสามทุ่ม พวกเราก็เดินต่อท้ายขบวนขันหมากกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน และเตรียมตัวเดินทางผจญภัยต่อในวันต่อไป...จบการเดินทางวันที่สาม





Create Date : 04 มีนาคม 2551
Last Update : 4 มีนาคม 2551 9:43:30 น. 8 comments
Counter : 1177 Pageviews.  
 
 
 
 
มาเที่ยวชมค่ะ ข้อมูลเยอะมากเลย
 
 

โดย: แสนซนคนกวนโอ๊ย วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:10:43:05 น.  

 
 
 
อียิปต์นี่เป็นที่หนึ่งที่เราอยากไปมากกกก

พอมาอ่านแล้วรู้สึกยังกะได้ไปด้วยเลย

ขอบคุณนะคะ ที่เอาเรื่องน่าสนใจมาเล่าสู่กันอ่าน
 
 

โดย: Honeybee042 วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:11:18:40 น.  

 
 
 
ตามมาเที่ยวค่ะ อยากไปจังเลย
 
 

โดย: grippini วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:16:20:18 น.  

 
 
 
ขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:22:32:14 น.  

 
 
 
วิหารลักซอร์ยามค่ำคืน งดงามยิ่งนักนะ
ข้อมูลแน่นปึ่กเลยค่ะ ยังคงตามอ่านอยู่นะค่ะ
เอ...ยังไม่เห็นหน้าค่าตาอาหารบ้างเลย
 
 

โดย: ann_269 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:13:05:07 น.  

 
 
 
ภาพอาหารนั้น ผมเองไม่ได้ถ่ายไว้(เพราะมัวแต่หม่ำ ) แต่หวานใจเขาถ่าย แล้วจะขอมาลงให้ชมนะครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:10:20:24 น.  

 
 
 
ของฟาโรห์ใหญ่จริงๆ แหลมด้วย
 
 

โดย: กุ๐ IP: 61.19.237.50 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:11:39:10 น.  

 
 
 


สนใจอียิปต์มาก ๆ อ่านเรื่องของอียิปต์ ทุกเรื่อง ประวัติศาสาตร์ นวนิยาย สารคดี จนเข้าใจ เห็นใจและจนอยากจะไปเที่ยวมาก ๆ เลย แล่ะ แต่คิดว่าจะรอจนกว่าพิพิธภัณธ์จำลองที่ว่ากำลังสร้าง จะเสร์จปี 2009 ที่ประมาณว่าเมื่อเดินเข้าไปแล้วเหมือนจริงว่าเข้าสู่อียิปต์โบราณเลยแหล่ะ
เฮ้อคิดถึง หนุ่มหล่อจังเลย
 
 

โดย: ธนัตพร IP: 117.47.133.94 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:19:01 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com