เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวพม่าแบบโก๊ะๆ ตอนที่2

ตอนที่2 โก๊ะอีกครั้งที่ย่างกุ้ง

วันรุ่งขึ้น หลังจากหม่ำอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดให้แล้ว ผมขอให้ทางโรงแรมช่วยconfirm ตั๋วเครื่องบินที่จะไปพุกามเย็นนี้พร้อมทั้งให้ช่วยติดต่อหาเที่ยวบินจากพุกามไปมัณฑเลย์ที่ยังหาไม่ได้จากเมืองไทยให้หน่อย ซึ่งเขายินดีหาให้(ก็ได้เปอร์เซ็นต์นี่) ปรากฏว่าเมื่อจะ confirm ตั๋วก็เกิดความสับสนกันยกใหญ่เพราะตั๋วของ Air Bagan ไม่ใช่ e-ticket แต่เป็นตั๋วที่เขียนด้วยมือและเป็นส่วน copy เพราะตัวจริงนั้นตัวแทนที่เมืองไทยจะส่งมาให้สายการบินที่พม่า ทำให้มองตัวเลขไม่ชัด ไม่รู้ว่าเป็นเที่ยว 10 น. หรือ 14 น.กันแน่ ผมเองก็ไม่แน่ใจแต่คุ้นๆว่า น่าจะตอนบ่ายสองมากกว่า แต่ถ้าเป็นเที่ยว 10 น.ผมคงไม่มีเวลาเที่ยวที่ย่างกุ้งวันนี้แน่!!! จะโทรถามสนง.สายการบินที่พม่า สนง.ก็เปิดหลังเก้าโมงเช้า! จะขอใช้เน็ตของโรงแรม ก็ใช้ไม่ได้เพราะรัฐกำหนดเวลาให้ใช้เน็ตเก้าโมงเช่นกัน!! จะรอจนถึงเก้าโมงแล้วค่อยโทรถาม ก็คงตกเครื่องแน่เพราะอาจจะไปสนามบินไม่ทันถ้าเป็นเที่ยว 10 น.!! เอาล่ะสิ สุดท้ายต้องโทรกลับบ้านให้คุณพ่อเปิดเน็ตเช็คเที่ยวบินให้(เสียค่าโทรอื้อเลย --“ ดีที่เมล์เที่ยวบิน save ส่งไปให้ไว้) สรุปได้ว่าเป็นเที่ยว 14น. ผมจึงมีเวลาเที่ยวในย่างกุ้งครึ่งวัน ก่อนไปพุกาม (เฮ้อ...โก๊ะเช้านี้ ทำเอาเหนื่อย)

จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ไปยังเจดีย์ชเวดากองอีกครั้งหนึ่ง ค่าแท็กซี่ 4,000 จั๊ต เมื่อมาถึงรถเข้ามาจอดตรงทางเข้านักท่องเที่ยว พอลงรถปุ๊บจนท.ก็รีบกวักมือเรียกผมไปจ่ายค่าเข้า 6000 จั๊ตทันที แหมจะทำมั่วนิ่มไปเข้าทางเข้าพม่าที่ไม่ต้องจ่ายเสียหน่อย…อดเลย (แต่หน้าตาเราออกจะพระเอกเกาหลี คงมั่วไม่ได้ อุอุ) การจะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของพม่าทุกๆที่รวมทั้งพระราชวัง จะต้องถอดรองเท้าเข้าไป ตั้งแต่ทางเข้า ดังนั้นจึงควรเตรียมถุงพลาสติกใส่รองเท้าถือเข้าไปด้วย แต่คราวนี้ผมจ่ายค่าตั๋วเข้าตั้ง 6000 จั๊ต เขาจึงรับฝากรองเท้าไว้ให้ที่ทางเข้านักท่องเที่ยว จากนั้นจึงขึ้นลิฟท์ไปชมเจดีย์


เจดีย์มหาวิสยา ที่อยู่ตรงข้าม


ทางเข้านักท่องเที่ยว

เจดีย์ชเวดากอง เป็นหนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือมาก ชเวดากองแปลว่า เจดีย์ทองแห่งเมืองตะกอง ซึ่งตะกองเป็นชื่อเดิมของเมืองนี้ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นย่างกุ้งในสมัยพระเจ้าอลองพญา มหาราชองค์สุดท้ายของพม่า ตะกองมีความหมายเดียวกับคำว่าสุวรรณภูมิของไทย ตำนานว่าเจดีย์นี้สร้างมากว่า 2500 ปี โดยชาวมอญโบราณ มีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง ล่าสุดในปี พ.ศ. 2312 หลังเกิดแผ่นดินไหว องค์เจดีย์มีความสูง 322 ฟุต ภายในบรรจุ พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และมีการหุ้มแผ่นทองคำรอบองค์เจดีย์และประดับด้วยเพชรพลอยมีค่ามหาศาล ว่ากันว่าเมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ จะถวายแผ่นทองคำเท่าน้ำหนักตัวหุ้มองค์เจดีย์เป็นการสักการะ ดังนั้นทองคำที่หุ้มเจดีย์ชเวดากองอาจจะมากกว่าทองคำในท้องพระคลังของหลายๆประเทศเลยทีเดียว


เจดีย์ชเวดากอง


ยอดเจดีย์ประดับเพชรพลอยหลายร้อยกะรัต


แผ่นทองที่หุ้มองค์เจดีย์

องค์เจดีย์รายล้อมด้วยเจดีย์ทรงต่างๆทั้งทรงอินเดียแบบพุทธคยา ทรงลังกา ทรงมอญ ฯลฯ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีศาลาที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแบบต่างๆ รายล้อมอีกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวต่างประเทศ และชาวพม่าเองเข้ามาในบริเวณพระเจดีย์นี้ แต่บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความสงบ ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าววุ่นวายใดๆเลย ที่ประทับใจสุดๆที่หาชมได้ยากในวัดไทยคือ เห็นชาวพม่าทั้งพระ และฆราวาส มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมกันทั้งรอบองค์เจดีย์ และในศาลารอบๆ โดยไม่เกรงกลัวแดด


เจดีย์ทรงพุทธคยา ที่มีภาพพุทธประวัติประกอบ


พระพุทธรูปปางไสยาสน์แบบพม่า สังเกตการซ้อนของพระเพลาที่วางเหลื่อมดูชดช้อย


ศาลาศึกษาพระธรรม ของพระและเณร


ชาวพม่านั่งสมาธิ รอบองค์เจดีย์

หลังจากซาบซึ้งในความงามของเจดีย์ชเวดากองแล้ว ผมก็เดินออกมาภายนอกเพื่อ ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นต่อ สังเกตเห็นป้ายโฆษณานาฏศิลป์เป็นภาษาพม่าอ่านไม่ออก เข้าใจว่าน่าจะเป็นโขน เห็นทศกัณฑ์หน้าตาขึงขังดีจึงถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก


อีกครั้งที่ด้านหน้า


โปสเตอร์โขนพม่า

จากนั้นจึงออกมาเรียกแท็กซี่ ตั้งใจว่าจะไปชมเจดีย์กลางน้ำ(เลเยพญา Leye Paya) เสียหน่อย เห็นเขาว่าสวยดี แต่พอไปถึงผมก็งงใหญ่ เพราะที่แท็กซี่มาจอด ไม่เห็นจะมีทะเลสาบตรงไหนเลย เห็นแต่เจดีย์ทองอยู่สี่แยกใหญ่ ใจกลางเมือง เช็คแผนที่ดู ปรากฏว่าคือ เจดีย์สุเลพญา(Sule Paya) สงสัยผมจะโก๊ะอีกแล้ว เรียกชื่อผิดจาก “เลเย” เป็น “สุเล” เขาเลยมาส่งผิดที่ มิน่าค่าแท็กซี่ถึงได้ถูกนัก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเจดีย์นี้ก็เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธ์อีกองค์หนึ่ง ภายในบรรจุพระเกศาธาตุ อายุกว่า 2000 ปี สูงราว151 ฟุตมีการบูรณะมาหลายครั้งเช่นกัน ตั้งอยู่กลางแหล่งธุรกิจใจกลางกรุงย่างกุ้ง

ค่าเข้าชม คนละ 2USD หรือ 2000 จั๊ต ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆนี่ รัฐบาลพม่า เขาเล่นง่ายๆเลย จะจ่ายเป็น USD หรือ เงินจั๊ตก็ได้ 1USD เทียบเท่า 1000 จั๊ต ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ชาวพม่านิยมมานั่งสวดมนต์ทำสมาธิกัน คราวนี้ผมเห็นฤาษีมานั่งสมาธิบำเพ็ญตบะกลางแดดด้วย จึงแอบถ่ายรูปท่านมาให้ชมกัน


เจดีย์สุเลพญา


ฤาษีสวดมนต์

หลังจากผมนั่งสงบจิต ระงับความโก๊ะอยู่พักใหญ่ ผมจึงเดินออกมาด้านอกเจดีย์ เปิดแผนที่หาทางกลับโรงแรม เนื่องจากโรงแรมที่ผมพัก อยู่ใจกลางเมืองเช่นกัน ดูจากแผนที่แล้วระยะทางกิโลกว่าๆเท่านั้น คงพอเดินได้ และจะได้หาอะไรลองท้องด้วยเพราะใกล้จะเที่ยงแล้ว

ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆ สายตาก็สอดส่องหาอาหารพื้นบ้านที่น่าทาน เห็นแผงขายแผ่นผี DVD และ BD มากมายกระจายอยู่ริมบาทวิถี เหลือบดูมีทั้งหนังฮอลลีวู๊ด อินเดีย และไทย รวมทั้งซีรีย์เกาหลีมากมายเต็มไปหมด ที่เด่นๆก็ 2012, จีจ้าเด็กดื้อ, รวมทั้ง พระนเรศวรทั้งสองภาคด้วย (เอ...คนพม่าเขาดูพระนเรศวรแล้วจะคิดยังไงกันหนอ)


แผ่นผีเพียบ

เดินมาสักพัก ก็เห็นแผงขายก๊วยเตี๋ยวพม่าส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล เห็นคนนั่งกินหลายโต๊ะ ท่าทางน่าหม่ำผมจึงแว๊บเข้าไป แล้วชี้ไปที่ก๊วยเตี๊ยวแห้งที่สาวพม่าคนหนึ่งกำลังหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย (เอาอย่างนี้ชามนึงครับ...ผมบอกเป็นภาษาอังกฤษ เพราะสั่งไม่ถูก) หนุ่มคนขาย พยักหน้าหงึกๆ สักพักก๊วยเตี๋ยวแห้งวิญญาณไก่ควันโขมง พร้อมน้ำซุปหอมอร่อยถ้วยเล็กก็มาอยู่ตรงหน้าผม ร้านนี้มีพริกเผาป่นให้ด้วย ผมจึงเอ็นจอยสุดๆ เพราะชิวิตไม่อาจขาดความเผ็ดได้ อิ่มตื้อมื้อนี้ 600 จั๊ตเอง จากนั้นก็เดินเข้าร้านเบเกอรี่แอร์เย็นฉ่ำ หาอะไรล้างปากเสียหน่อย ได้นมเย็นมาหนึ่งแก้วในราคา 800 จั๊ต ก่อนจะเดินพุงกางกลับโรงแรม


ก๊วยเตี๋ยวพม่า

กลับมาที่โรงแรมจนท.เขาหาตั๋ว จากพุกามไปมัณฑะเลย์ให้ตามที่ต้องการได้ แถมเป็น Air Bagan อีกต่างหาก (เอ..แล้วทำไมตัวแทนที่เมืองไทยว่าตั๋วไม่มีล่ะ) ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับจ่ายค่าโรงแรมและตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ออกมาเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน เพื่อจะเดินทางไปพุกามต่อบ่ายนี้ ที่พุกามผมจะแสดงความโก๊ะอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามตอนต่อไปครับ


Create Date : 18 ธันวาคม 2552
Last Update : 18 ธันวาคม 2552 15:42:34 น. 4 comments
Counter : 2599 Pageviews.  
 
 
 
 
รอชมภาคสามกันต่อครับผม
 
 

โดย: wwangkanon IP: 114.128.108.67 วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:23:59:46 น.  

 
 
 
มาตามชมย้อนหลังครับ
 
 

โดย: 90210 วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:19:34:53 น.  

 
 
 
ค่าตั๋วจากมัณดาเลย์ไปบากันเท่าไรคะ
 
 

โดย: นารี IP: 124.121.149.109 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:8:49:53 น.  

 
 
 
ขอโทษที่ตอบช้าครับ

ตั๋วเครื่องบินราวๆสองพันกว่าบาทครับ ให้ทางโรงแรมจองให้รู้สึกว่าจะถูกกว่าจองจากประเทศไทยนิดหน่อย จองก่อนวันเดินทางหนึ่งวันก็ได้แล้วครับ(จ่ายเป็นเงิน US dollar)

แต่ติดต่อผ่านตัวแทนในประเทศไทยก็สะดวกดีครับ สนง.อยู่แถวสีลมครับ(บางครั้ง จองจากประเทศไทยไม่มีตั๋ว แต่พอจองผ่านโรงแรมที่พม่ากลับได้ตั๋ว ไม่รู้ว่าเพราะเขากันตั๋วไว้รึเปล่า)
 
 

โดย: adept วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:15:15:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com