เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวหมื่นไมล์ ตอนลุยทราย...ตะกายพีระมิด 8

ตอนที่8 ย้อนกลับสู่ไคโร

เราเดินทางกลับโดยย้อนกลับเส้นทางเดิม อากาศเริ่มร้อนขึ้นๆทุกที ต้องอาศัยเปิดหน้าต่างรับลม ดีที่เดินทางแต่เช้าตรู่ ขนาดอยู่บนรถยังร้อนขนาดนี้ ถ้าต้องเดินตากแดดแถวอาบูซิมเบล คงมีคนเป็นลมแดดบ้างไม่มากก็น้อย

สามชั่วโมงต่อมารถบัสก็นำเรามาอยู่ที่สันเขื่อนสูงอัสวาน ซึ่งต้องตีตั๋วชม โดยคนขับรถถามว่าถ้าใครไม่อยากดู ก็ให้ลงมายืนรอที่ทางเข้าเขื่อนก่อนได้ เสร็จจากชมสันเขื่อนราว 20 นาทีจะมารับ แหม่มสาวชาวสก็อตเป็นหนึ่งเดียวที่ขอไม่ไปชม ตอนแรกผมกับหวานใจก็ลังเล แต่ตั๋วชมเพียง10ปอนด์และเราไม่อยากเป็นชนกลุ่มน้อย จึงตามเขาไป

เขื่อนอัสวานมีสองส่วน ส่วนล่างสร้างตั้งแต่สมัยถูกปกครองโดยอังกฤษราว ค.ศ. 1902 ต่อมาภายหลังได้รับเอกราช นัสเซอร์ได้ทำการสร้างเขื่อนสูง ในปี ค.ศ.1952 เพื่อเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมใหม่ และเพื่อการจัดหาน้ำเพื่อการเพาะปลูก ทำให้อียิปต์รอดพ้นภัยแล้ง ในช่วงปี 1972 และปี 1984 นั่นคือข้อดี

แต่ผลเสียที่ต้องแลกมาคือ ชาวนูเบียจำนวนมากต้องอพยพละทิ้งบ้านเกิด และบรรดาวิหารหลายแห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำ โชคดีที่ยูเนสโกและองค์การระหว่างประเทศได้มาช่วยย้ายวิหารเหล่านี้ ให้สูงขึ้นพ้นระดับน้ำ มิเช่นนั้นวิหารที่สวยงามอย่างอาบูซิเบลและอื่นๆ อีกหลายแห่งคงจมอยู่ใต้ผืนทะเลสาบนัสเซอร์เป็นแน่

วิวบนสันเขื่อนไม่เห็นจะมีอะไร ทิวทัศน์เขื่อนบ้านเราสวยกว่ามาก แถมคนขับเขาขู่ว่าห้ามถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นอาจโดนยึดและทำลายกล้องได้ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ยืนอยู่สักพักชักร้อน ผมกับคนอื่นๆ จึงรีบขึ้นมานั่งรอบนรถ
รู้อย่างนี้ รอกับแหม่มสก็อตก็ดี ไม่ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น ผมคิด จากนั้นรถบัสก็ขับลงจากสันเขื่อนโดยไม่ลืมกลับไปรับแหม่มสก็อตที่ยืนหลบแดดอยู่ข้างทาง


ภาพแผนผังเขื่อนสูงอัสวาน

สถานที่ต่อไปคนขับบอกว่าเป็นโอบิลิสที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนแรกผมจินตนาการว่า คงเป็นเสาขนาดใหญ่แบบเสาปอมปีร์ ที่อเล็กซานเดรีย ที่ยังแกะสลักไม่เรียบร้อย ปรากฏว่า เมื่อมาถึงมองไป เห็นแต่ลานหินโล่งๆ มีรั้วล้อมรอบ คนขับจอดรถอยู่ภายนอกแล้วอธิบายว่า มีแค่นี้แหละ โอบีลิสที่ยังสร้างไม่เสร็จ ก็คือลานหินที่ยังไม่ได้แกะสลักนั่นเอง - -“ ถ้าใครอยากเข้าไปชมลานหินดังว่า ก็ตีตั๋วผ่านรั้วเข้าไปชม แต่เขาคิดว่าไม่จำเป็น เพราะก็มีแค่ที่เห็น ทุกคนก็เห็นด้วย รถจอดอยู่สองสามนาที จึงเดินทางต่อ


ที่หมายสุดท้ายของทัวร์วันนี้คือวิหารฟิเล โดยวิหารนี้เดิมตั้งอยู่บนเกาะฟิเลกลางแม่น้ำไนล์ แต่เมื่อเขื่อนอัสวานสร้างเสร็จ วิหารทั้งวิหารก็จมอยู่ใต้ระดับน้ำ นานาชาติจึงเข้ามาช่วยเหลือโดยการทำทำนบกั้นน้ำ และค่อยๆย้ายหินทีละก้อน ขึ้นมาสร้างวิหารแห่งใหม่ที่ เกาะอากิลคีย์ยาแทน


วิหารฟิเล

วิหารนี้อุทิศแด่เทพีไอซีส มเหสีแห่งเทพโอซิริส และมารดาแห่งเทพฮอรัส อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ เราต้องซื้อตั๋วที่ริมฝั่งน้ำและว่าจ้างเรือยนต์เพื่อข้ามน้ำไปชมเกาะและวิหารดังกล่าว โดยคนขับรถแนะนำว่า ให้จับกลุ่มกัน 15-20 คนไปขึ้นเรือลำหนึ่ง ราคาจะถูก แต่ถ้าไปเรือใครเรือมันแน่นอนค่าจ้างเรือแพงแน่ๆ หลังซื้อตั๋วเรียบร้อยผมจึงชกชวนคนในรถบัสเดียวกัน และคนแถวๆนั้นมารวมกลุ่มกันได้ยี่สิบสองคน เพื่อขึ้นเรือลำหนึ่ง เขาคิดเหมาหัวละ 5 ปอนด์ โดยจอดรอเราเที่ยวชมวิหารประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เราตกลงกันว่าแค่ 40 นาทีก็เพียงพอ เพราะคนขับรถนัดเวลาพวกเราไว้ก่อนหน้า

เรื่องราวภายในวิหารเกี่ยวกับ เทวีฮาทอร์ (ผมสังเกตว่า วิหารที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงมักจะมีเทวีฮาทอร์อยู่ด้วยเสมอๆ คงเพราะพระนางเป็นเทพีแห่งความรัก) และเทพนิยายโอซิริส ซึ่งเป็นเรื่องราวของฟาโรห์หนุ่มสวามีของพระนางไอซีส ที่ถูกเซตน้องชายอิจฉา และลอบสังหาร จากนั้นนำพระศพแยกเป็นส่วนต่างๆนำไปซ่อนไว้ พระนางไอซีสและน้องสาวต้องพยายามค้นหาส่วนต่างๆของร่างโอซิริสที่ถูกทิ้งไว้ในที่ต่างๆ เมื่อรวบรวมได้ครบก็นำผ้าพันแผลมาพันร่างไว้ (ต้นตำรับทำมัมมี่ กระมัง) จากนั้นไอซีสจึงแปลงร่างเป็นนกเข้าสวมร่างโอซิริสเพื่อให้กำเนิดโอรสฮอรัส (ดังนั้นฮอรัสจึงมีเศียรเป็นเหยี่ยว) จากนั้นฮอรัสเจ้าชายน้อยก็สามารถสังหารเซตแก้แค้นให้กับพระบิดา แล้วปราบดาเป็นฟาโรห์ปกครองแผ่นดินต่อ ส่วนโอซิริสก็ได้ฟื้นคืนชีพ ได้เป็นเทพปกครองโลกวิญญาณ (สังเกตได้ว่า ภาพของพระองค์จึงมักอยู่ในมัมมี่ร่างกษัตริย์เสมอๆ)

ตัวอย่างภาพแสดงเรื่องราวที่เล่าภายในวิหาร

ขาลงเรือกลับปรากฏว่า ผู้โดยสารกลับมาไม่ครบ โดยหายไปสามคน คาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาชาวตะวันออกไม่แน่ใจสัญชาติคงลงเรือกลับผิดลำ เพราะมีเรือที่มาจอดรับส่งยี่สิบกว่าลำ คนขับเรือจึงโวยวายใหญ่ ว่าคนไม่ครบและจะให้ชายที่มากับสามนักศึกษารับผิดชอบค่าเรือ ซึ่งชายคนนั้นก็ไม่ยอม เถียงกันพักใหญ่ เมื่อไม่ได้แน่คนขับเรือจึงได้แต่บ่นกระปอดกระแปดแล้วขับเรือไป จากนั้นเราก็มาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับโรงแรม

เมื่อมาถึงโรงแรมราวบ่ายสาม เราจึงแวะหาอาหารรองท้องเป็นของว่างพื้นเมือง ลักษณะเป็นขนมปังไส้สตูเนื้อและแพะ ราคาถูกและรสชาติอร่อยไม่เหม็นสาบเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็มานั่งพักรอเวลาที่ล็อบบี้ของโรงแรม

ขนมปังไส้สตูสุดอร่อย

นั่งเล่นอยู่เกือบสองชั่วโมงหวานใจและพี่สาวชักเบื่อและเห็นว่าแดดเริ่มคล้อย จึงชักชวนผมและพี่ชายไปเดินเล่นตลาดคนเดิน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมที่พักนัก เราเดินดูของกระจุกกระจิก แต่ไม่คิดจะซื้ออะไรเพิ่มเพราะเท่าที่แบกก็หนักพอแล้ว ตลอดเส้นทางถนนคนเดิน พ่อค้าตะโกนถามสัญชาติเรากันใหญ่
สงสัยคำทักทายของคนที่นี่ เขาจะใช้ คุณมาจากไหน? กันกระมัง ทั้งไคโร, อเล็กซานเดรีย, ลักซอร์, รวมทั้งอัสวานเหมือนกันหมด ผมคิด
ผมทนฟังอยู่สามสี่รอบ นึกสนุกจึงตอบว่า มาจากไคโร เล่นเอาคนถามทำหน้างงเล็กน้อย แล้วหัวเราะบอกว่า ไม่ใช่ แต่อยากรู้ว่าผมและพวกมาจากประเทศอะไร ผมจึงให้เขาทาย ปรากฏว่าส่วนใหญ่ไม่เดาว่าผมเป็นคนจีน ก็เกาหลี
บอกแล้วว่าหน้าผมเหมือน ลีดองวุค พระเอกมายเกิร์ล หุหุ ผมหัวเราะไม่ตอบแล้วเดินจากไป

จากนั้นเราจึงมาแวะร้านอาหารอิตาเลียนที่เขาแนะนำอีกร้าน หลังจากที่ผิดหวังกับร้านแรกเมื่อวาน คราวนี้หวานใจสั่งสปาเก็ตตี้ได้ดังต้องการ แต่พวกเราซื้อแบบบรรจุห่อเพื่อจะได้ไปทานตอนเดินทางกลับคืนนี้ (เหตุที่ทริปนี้ เราทานอาหารอิตาเลียนกันค่อนข้างบ่อยทั้งๆที่มาอียิปต์ ไม่ต้องแปลกใจเพราะอาหารจานโปรดของหวานใจ คืออาหารเส้นๆจำพวกสปาเก็ตตี้ ผมจึงต้องเอาใจเธออยู่แล้ว นอกจากนี้ผมเชื่อว่า อาหารสัญชาตินี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวอียิปต์ไม่แพ้กัน เพราะมีให้เห็นได้หลายๆร้านทุกเมือง)

ราวทุ่มเศษ พวกเราก็สะพายเป้เดินทางไปยังสถานีรถไฟเพื่อเดินทางกลับไปไคโร เจอสองสาวชาวอังกฤษเหมือนเดิม แหม่มสก็อตไปรถนั่งชั้นหนึ่งเช่นเดียวกับพวกผม แต่หมวยอังกฤษไปรถตู้นอน เราทักทายและกล่าวลาเธอทั้งสอง จากนั้นก็มานั่งที่นั่งของตน พร้อมทั้งสวาปามสปาเก็ตตี้ที่ซื้อไว้อย่างไม่เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆ (คนอื่นเขาก็มีทานกันบ้าง แต่มักเป็นแซนวิช ชิ้นเล็กๆ) ที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง สมเป็นชั้นหนึ่ง เพราะใหญ่โต และสามารถปรับเอนได้มากเกือบสุด หวังว่าอีกสิบสามชั่วโมงถัดไป ผมคงหลับสบายและถึงไคโรด้วยความสดชื่น...สิ้นสุดการเดินทางวันที่ห้า



ภาพมื้อค่ำ (ย้อนหลัง) ที่ลักซอร์ อภินันทนาการจากหวานใจครับ


Create Date : 07 มีนาคม 2551
Last Update : 7 มีนาคม 2551 10:50:40 น. 5 comments
Counter : 991 Pageviews.  
 
 
 
 
แวะมาอ่านครับ ขอแอดบล๊อกนะครับ สนใจกลยุทธในสามก๊ก เหมือนกันแล้วจะแวะมาอ่านใหม่ครับ
 
 

โดย: กวินทรากร วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:10:17:25 น.  

 
 
 
ไปเที่ยวมาเหมือนกันค่ะแบกเป้ไปเองกะเพื่อนสองคน สนุกมากเลย อยากไปอีก คนเค้าฮา ๆ ดี แต่ไม่รู้ว่าเคยอ่าน blog เราหรือเปล่าโพสไว้เหมือนกันที่นี่แหล่ะค่ะ
 
 

โดย: joy@ahmed IP: 202.142.204.1 วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:14:18:06 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวแบบนี้จัง
 
 

โดย: Zantha วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:17:42:26 น.  

 
 
 
ไม่เคยอ่านแต่อยากอ่านบ้างครับคุณ joy@ahmed

ถ้าว่างกรุณาลิงค์ให้หน่อยได้ไหมครับ อยากมีคนร่วมแชร์ประสบการณ์บ้าง เพื่อประโยชน์กับผู้ที่อยากแบกเป้เที่ยวบ้างไงครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:21:56:03 น.  

 
 
 
นี่ก้ออยากปาย...
 
 

โดย: mai (maistyle ) วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:20:15:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com