เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวจอร์แดน2

ตอน...ย่ำแดนคริสต์บนแผ่นดินอาหรับ

ผมและเพื่อนๆขึ้นรถลุงแท็กซี่ขาวที่รูปร่างทั้งภายนอกและภายในเหมือนเซฟิโรแต่ยี่ห้อซัมซุง? ออกเดินทางจากสนามบินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ที่หมายแรกคือเมือง Madaba

Madaba อยู่ห่างจาก Amman นครหลวงไปทางใต้ 32 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในจอร์แดน เพราะมีประชากรหนึ่งในสามของเมืองนี้เป็นคริสเตียน (กว่า95% ของประชากรจอร์แดนทั้งหมดเป็นชาวมุสลิม)

Madaba เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติยาวนานกว่าสี่พันปี ถูกกล่าวถึงในเอ็กโซดัส ในไบเบิลว่าเป็นเมืองของหนึ่งในสิบสองเผ่าของชาวยิว ต่อมาถูกปกครองโดยโรมันเมื่อ AD 106

ในสมัยไบเซนไทน์มีการสร้างโบสถ์คริสต์จำนวนมาก และได้รับการประดับตกแต่งด้วยศิลปะโมเซอิค ต่อมาเมืองถูกทิ้งร้างหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในปี AD 747ประมาณ 1,100 ปี ปลายศตวรรษที่19 เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวคริสต์และมุสลิมที่ Karak ทางใต้ ชาวคริสต์ 2000 คนจึงอพยพมาตั้งบ้านเรือนใน Madaba ใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในมาดาบาได้แก่ St George Church ซึ่งที่พื้นของโบสถ์ประดับด้วยโมเสสเป็นแผนที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางคริสต์ศาสนาในแถบตะวันออกกลาง


ป้ายหน้าโบสถ์


ตัวโบสถ์

ผมและคณะมาถึงก่อนเวลาเปิดเล็กน้อย จึงแวะหาแซนด์วิชใส่ท้องพร้อมกับน้ำส้มคั้นสดไปพลางๆก่อน เมื่อได้เวลาเราก็ซื้อตั๋วเข้าชมภายในโบสถ์ ในราคา 1 JD (50บาท) และเพลิดเพลินกับภาพวาดภายในและแผนที่สถานที่ศักดิ์ที่พื้นโบสถ์ด้วยความสงบ เพราะในระหว่างนั้นมีคริสต์ศาสนิกชนเข้ามาสวด-ขอพร เป็นระยะๆ


พื้นโบสถ์ที่มีภาพโมเสอิค แผนที่สถานที่ศักสิทธิ์แถบตะวันออกกลาง


ภาพวาดให้เห็นชัดๆ


ภายในโบสถ์

ออกจาก Madaba เรามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาดาบาราว 9 กิโลเมตร เพื่อเดินทางไป Mt Nebo

สถานที่นี้ เป็นที่ที่โมเสสเฝ้ามองดินแดนแห่งพันธะสัญญา ก่อนเสียชีวิต หลังจากพาชาวยิวอพยพเดินทางจากอียิปต์และหลงไปมาอยู่หลายสิบปี และต่อมาศพของท่านได้ถูกฝังที่เขาแห่งนี้ เขาแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งชาวยิวและชาวคริสต์ และเมื่อปีAD 2,000 Pope John Paul ΙΙ ก็เคยมาเยี่ยมชมเขาแห่งนี้


สัญลักษณ์บนยอด Mt Nebo


จากยอดเขามองเห็น Dead Sea ไกลๆ และแสดงทิศทางเมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์


จุดที่ระลึกถึงโมเสส

ค่าเข้าชมเขาMt Nebo คนละ 1 JD มองจากยอดเขาจะมองเห็นเดดซี และถ้ามองฝั่งเลยไปในฝั่งตรงข้าม ก็จะเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา คืออิสราเอลในปัจจุบัน

จากเขาเนโบ พวกเรามุ่งหน้าลงใต้เลียบเดดซี เพื่อเดินทางไปเพตรา เพตราอยู่ห่างจากกรุงอัมมานเกือบสามร้อยกิโลเมตร เส้นทางหลักไปเพตราสามารถไปได้สองเส้นทางคือ King’s highway และ Desert highway ซึ่งDesert highway
ถนนจะกว้างกว่า และการจราจรจะหนาแน่นน้อยกว่า King’s highway แต่พวกเราเลือกที่จะชมทิวทัศน์ ลุงคนขับจึงพาเราเดินทางลงใต้ทาง Dead Sea highway ซึ่งถนนจะแคบและลัดเลาะคดโค้งไปตามหน้าผา ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไปแม่ฮ่องสอน แต่ทิวทัศน์มีแต่ทะเลทรายกับแคนยอนแทน


เส้นทางที่พวกผมจะเดินทางไป

แรกๆรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความงามของทิวทัศน์ แต่ต่อมาผมก็เริ่มเมารถจากเปลวแดดที่ค่อยๆทวีความร้อนมากขึ้นๆ (รถไม่เปิดแอร์) และการขับขี่ของลุงโชเฟอร์ซึ่งไม่รู้ว่าแกจะโชว์ความป๋าในการขับรถ หรือสมรรถนะรถซัมซุงของแก เพราะลุงท่านเล่นเข้าโค้งหักศอกด้วยความเร็ว 100 km/hr!! แถมแต่ละโค้งของถนนสายนี้ ไม่ใช่แค่โค้งรูปอักษร S แต่เป็น W แถมบางที่ เป็น WW และยังขึ้นๆลงๆ ไปตามสันเขา แต่ลุงแกไม่มีทีท่าจะลดความเร็วลงมาต่ำกว่า 80 เลย!! ผมจะสวดคาถาชินบัญชร เพื่อให้คุณพระรักษาก็จนใจเพราะมิได้พกหนังสือมา จึงได้แต่ภาวนาว่า ขอลูกรอดไปจนถึงเพตราให้ได้ทีเถอะ...สาธุ

ผมซึ่งนั่งหน้าทั้งมึนและตื่นเต้นเหลียวหลังไป เห็นหวานใจกับนัตตี้สองสาว เอาเสื้อกันหนาวปิดหน้าหลับหน้าตาเฉย โถ...แม่คุณไม่รู้ร้อนหนาวอะไรเลย...ผมคิด


เห็นถนนตามสันเขาไหมครับ

หัวใจวิ่งเล่นระหว่างทรวงอกกับตาตุ่มอยู่ชั่วโมงกว่า ลุงโชเฟอร์ก็นำเรามาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อไป สถานที่นี้คือ Karak Castle จากแผนที่ประเทศจอร์แดน ถ้าเราลากเส้นตามขอบชายแดนด้านตะวันตกติดประเทศอิสราเอล จากเหนือจรดใต้ จะพบคารัคอยู่กึ่งกลางของประเทศตามแนว King’s highway

Karak castle เป็นป้อมสำคัญของเหล่านักรบครูเสส ที่ใช้ทำศึกกับซาลาดีน ป้อมมีขนาดใหญ่มากจนจัดเป็นปราสาทขนาดใหญ่ได้เลย สูงถึงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่จุดสูงสุดของเมือง มองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ เป็นทั้งโบสถ์ ที่พัก ห้องอาหาร ห้องครัว รวมทั้งมีจัดตั้งพื้นที่ถาวรเป็นตลาดสำหรับค้าขายอยู่ภายในป้อม สามารถบรรจุชุมชนขนาดใหญ่อยู่ในป้อมนั้นได้เลย


Karak castle


อีกมุมหนึ่งของปราสาท


โถงภายใน


จากมุมภายในที่ ที่สามารถโจมตีข้าศึกภายนอกได้

เสร็จจากเยี่ยมชม Karak castle ภารกิจต่อไปของพวกเราคือเดินทางฝ่าเปลวแดดยามบ่ายไป Shobak castle ต่อ

Shobakเป็นภาษาท้องถิ่นมีความหมายว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สร้างโดยกษัตริย์ครูเสสพระนาม Baldwin Ι เมื่อ AD 1189 ต่อมา เมื่อดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยราชวงศ์อิสลามมัมลุก(Mamluks) ในศตวรรษที่14 ก็มีการก่อสร้างต่อเติมป้อมขึ้นอีกหลายส่วน ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่เสื่อมสลายไปกับการเวลา ยังรอการบูรณะอีกมาก ทั้งยังตั้งอยู่โดดเดี่ยวนอกแหล่งชุมชน ดังนั้นความสวยงามจึงสู้ที่ Karak ไม่ได้แต่ความใหญ่โตพอๆกัน หากเวลามีน้อยจะผ่านเลยไปก็ได้ สถานที่นี้ไม่เก็บค่าเข้าชม ดังนั้นหากมีเวลาผมขอแนะนำให้ไป เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานที่เป็นกันเองมากกว่า


Shobak castle


สิ่งปรักหักพังภายใน


กระสุนปืนครั้งสงครามครูเสส

ออกจาก Shobak ราวบ่ายสามโมง คุณลุงโชเฟอร์พาเราเดินทางผ่าน King’s highway มุ่งหน้าไปที่หมายคือ Petra ด้วยความเร็วสูงโชว์สมรรถนะเช่นเคย พวกเราจะรอดจนถึง Petra หรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป


Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 22:22:44 น. 8 comments
Counter : 1689 Pageviews.  
 
 
 
 
ตามมาเที่ยวค่ะ
มีอะไรน่าสนใจแยะเลยโดยเฉพาะของเก่าๆโบราณล้ำค่าทั้งหลาย
แต่ดูรูปแล้วคงจะร้อนน่าดูนะคะ
 
 

โดย: Yolanrita วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:46:30 น.  

 
 
 
เป็นประเทศที่อยากไปมากตั้งแต่ดูอินเดียน่าโจนส์
ก็หวังไว้ว่าจะไปสักครั้งในชีวิต
รีวิวละเอียดๆ เลยนะค่ะ จะได้เหมือนตามติด ไปด้วยเลย
 
 

โดย: ท้องฟ้าใส IP: 124.121.89.182 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:41:27 น.  

 
 
 
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ จะค่อยๆทะยอยลงเรื่อยๆทีละตอนครับ

อากาศที่จอร์แดนช่วงนี้ไม่ร้อนครับ
เห็นแดดแรงๆ แต่กลางวัน <20 เซลเซียส ส่วนกลางคืน<5 เซลเซียส ครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:49:33 น.  

 
 
 
อ่านแล้วสนุกสนานเร้าใจจริงเลย ไว้วันหลังไปกันอีกนะแล้วจะหลับให้ดู 555
 
 

โดย: nutty IP: 115.67.31.12 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:04:01 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับภาพและเรื่องเล่าครับ


ตามมาอ่านให้จบครับ
 
 

โดย: redPoTatO วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:38:50 น.  

 
 
 
ติดตามอ่านอย่างสนใจ

เห็นทางคดเคี้ยวแล้วเวียนหัวเช่นกัน

แต่คุ้มค่ากับการไปเยือนจริงๆ

สักวันจะต้องไปบ้าง
 
 

โดย: poo-ma IP: 84.72.157.77 วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:15:33:38 น.  

 
 
 
ราคาค่าเที่ยวรวมๆ เท่าไหร่คะ
ถ้าผู้หญิงไปคนเดียวอันตรายมั้ย
 
 

โดย: ออย IP: 58.8.27.248 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:15:50:26 น.  

 
 
 
เพือนๆอยากมาเที่ยวที่นี้ก็ยินดีต้อนรับทุกคนจ้า

คือว่าผมเรียนอยู่ที่นี้

มีไรก็ต่อกันได้น่ะคับ

นี้เมลของผม ( hadi-muttah@hotmail.com )
 
 

โดย: อาร์ท IP: 86.108.72.108 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:3:33:45 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com