เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวจอร์แดน3

ตอน...Petra by night

ลุงโชเฟอร์พาพวกผมนั่ง “โรลเลอร์โคสเตอร์” อีกชั่วโมงกว่า ก็มาถึง Wadi Musa ซึ่งเป็นที่ตั้งของ นคร Petra ราวเกือบ 5 โมงเย็น ผมร้องขอให้แกหาที่รับแลกเงินเพราะพวกเราแลกเงินจากสนามบินเพียงคนละนิดหน่อยเท่านั้น (เพราะแพงกว่าข้างนอกและยังคิดค่าแลกอีกด้วย) แกรีบบอกว่า “ไม่เป็นไร ผมรับเงินดอลลาร์” แต่พอผมถามค่ารถเป็นราคาเงินดอลลาร์ แกบอกว่า 150 US ซึ่งคิดแล้วแพงกว่าจ่ายเป็น JD หลายร้อยบาท ผมจึงยืนยันจะขอแลกเงิน แกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วบอกว่า ที่เมืองนี้แกไม่รู้จักและเย็นป่านนี้ธนาคารน่าจะปิดหมดแล้ว เพราะงกไม่อยากเสียส่วนต่างตอนแลกเงินที่สนามบินมาก เลยต้องจ่ายค่ารถแพง...ผมก็ได้แต่ทำใจ พลางบอกที่อยู่ของโรงแรมที่จะพักให้ลุงโชเฟอร์ทราบ

สองสามนาทีต่อมา ลุงโชเฟอร์ก็มาส่งเราที่หน้า “Petra Gate Hostel” โรงแรมที่พวกผมจะพักในคืนนี้ แกรับเงิน 150 US อย่างยิ้มกริ่ม แถมยังร้องขอทิปอีกต่างหาก ผมจึงบอกว่า หากคิดตามค่าเงินแล้ว 100 JD เท่ากับ 143 US เท่านั้น แต่พวกเราให้ 150 US ก็ถือว่าเป็นทิปแล้ว แกก็ยังยืนยันจะขอทิปอีก ผมเราเพื่อนๆจึงไม่สนใจ เอาสัมภาระลงรถมุ่งหน้าเข้าโรงแรม ปล่อยให้แกยืนเท้าเอวบ่นเบาๆไป ความจริงแล้วตามที่ทราบมา เราไม่จำเป็นต้องทิปพิเศษเพิ่มเติมแต่อย่างใดในจอร์แดนแห่งนี้ นอกจากเราจะอยากจะให้เอง ซึ่งวันต่อๆมากับแท็กซี่คนอื่นๆก็เป็นเช่นนั้น

เราเข้ามาในโรงแรม Petra Gate แล้วจึงทราบว่า ที่นี่ก็รับแลกเงินด้วย แหมถ้ารู้ก่อน ให้ลุงแกรอสักนิดก็ไม่ต้องจ่าย ค่ารถแพง...ผมคิดด้วยความงก ผมแจ้งชื่อพร้อมกับยื่นเอกสารการจองที่พักผ่านเว็บให้ผจก.โรงแรมดู แกรับเอกสารแล้วทำหน้างงเล็กน้อย พอหวานใจบอกไปว่า เราเป็นกลุ่มคนไทยที่เคยจองห้องไว้แต่ต้องยกเลิกเพราะปัญหาที่สนามบินเมื่อเดือนธันวา แกก็จำได้ทันที พร้อมกับกล่าวยินดีต้อนรับด้วยความยิ้มแย้ม และพาเราไปเลือกดูห้องพัก ตามความพอใจ เขาบอกว่าช่วงนี้ไม่ใช่ high season และมีลูกค้าแจ้งยกเลิกหลายคน (คงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี...ผมคิด) จึงยังมีห้องว่างหลายห้องอยู่ เราจึงมีสิทธิเลือกห้องได้

โปรดอย่าถามเลยว่าระดับริชชี่อย่างผมจะพักคืนละเท่าไหร่...โอเค ไม่ต้องขมวดคิ้ว บอกก็ได้ครับ คิดราคาหารต่อคนรวมอาหารเช้าแล้ว 420 บาทถ้วน ถ้าช่วง high season คงไม่ได้ราคานี้ ห้องสะอาด เตียงนุ่ม มีห้องน้ำในตัวพร้อมน้ำอุ่น แค่นี้ผมพอใจแล้ว แต่หากท่านใดอยากได้ที่อำนวยความสะดวกมากกว่านี้ จะพักสี่ดาวหรือห้าดาวก็ตามอัธยาศัยครับ เมื่อได้ห้องตามต้องการ เราก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวกัน

แม้ว่าWadi Musa จะเป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ ไม่ห่างจาก Petra นครโบราณ แต่ก็มีโรงแรมเป็นสิบแห่ง ตั้งแต่ห้าดาวคืนละเป็นหมื่นจนถึงดาวเดียวคืนละหลักร้อย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสามารถจองผ่านเว็บตัวแทนได้

Wadi แปลว่า หุบเขา หากติดตามตอนต่อๆไปจะพบคำๆนี้นำหน้าสถานที่อื่นๆอีก ส่วน Musa มาจากชื่อของโมเสส ดังนั้น Wadi Musa จึงน่าจะแปลได้ว่า หุบเขาโมเสส เพราะท่านโมเสสได้นำชาวยิวอพยพออกจากอียิปต์ ผ่านมาหุบเขาแห่งนี้


ทิวทัศน์ Wadi Musa ยามเย็น

เมื่อทุกคนทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว เราก็ลงมาที่เคาน์เตอร์โรงแรมชั้นล่าง เพื่อแจ้งผจก.ให้ช่วยจองตั๋ว Petra by night ให้หน่อย เพราะนอกจากการเที่ยวชมนคร Petra ในเวลากลางวันแล้ว ในคืนวันจันทร์ พุธ และพฤหัสฯ ก็มีการแสดงคล้าย light & sound ด้วย และคืนที่ผมไปก็เป็นคืนวันจันทร์ ผมจึงไม่พลาดโอกาสอยู่แล้ว

เนื่องจากการแสดงเริ่มเวลา 20.30 น. พวกเราจึงมาหาอะไรรองท้องกัน เนื่องจากทั้งวันยังไม่ได้ทานอาหารมื้อหลักกันเลย หวานใจหาร้านอาหารตามที่แนะนำในหนังสือ lonely planet ปรากฏว่ามองไปทางไหน ก็เห็นร้านที่แนะนำทั้งนั้นเลย คงเพราะเป็นเมืองเล็ก ทั้งเมืองมีร้านอาหารไม่น่าเกินยี่สิบร้าน คนเขียนหนังสือเลยแนะนำเสียทุกร้านในเมืองเลย --“

เราเล็งกันอยู่หลายร้านในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปหนึ่งร้าน เลือกอาหารพื้นเมือง พร้อมซุปแก้หนาวคนละถ้วย จากนั้นก็ส่งอาหารลงสู่ทะเลกรดในกระเพาะอาหารของพวกเราอย่างรวดเร็ว ขอแนะนำอีกอย่างว่า ปริมาณอาหารที่จอร์แดน แต่ละจานใหญ่โตมาก ดังนั้นพิจารณาให้ดีเวลาสั่งนะครับ


มื้อใหญ่ของพวกเรา

หลังจากที่กระเพาะเราเต็มไปด้วยอาหารแล้ว ก็ได้เวลาไปชม Petra by night เสียที คืนนี้มีคนเข้าชมราวสี่สิบคนได้ คงเพราะไม่ใช่ high season กระมัง หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเข้าชม ซึ่งราคาคนละ 12 JD (ราว600 บาท)จากนั้นก็นำพวกเราเดินผ่านประตูเข้าไป (ตื่นเต้นจังจะได้เห็น Petra แล้ว...ผมคิด)

ผมเดินตามแสงเทียนที่วางเป็นระยะข้างทางเดิน พร้อมกับกระชับเสื้อแจ็คเก็ตด้วยความหนาว คืนนั้นอากาศเย็น น่าจะต่ำกว่า 10 เซลเซียส แถมลมยังแรงมากอีกต่างหาก ผมถือโอกาสเดินกุมมือหวานใจคลายหนาวเป็นระยะๆ พลางเหม่อมองกลุ่มดาวต่างๆ ท่ามกลางความมืดที่ไร้เมฆ และแสงจันทร์ เห็นคู่หนุ่มสาวฝรั่งที่เดินนำหน้ากระซิบกระซาบชี้ดูกลุ่มดาวต่างๆ ผมเห็นนัตตี้เดินห่างไป เลยแหย่หวานใจว่า เห็นดาวบ้างไหม เธอแหงนหน้ามองฟ้า แล้วถามว่าดาวอะไรหรือ ผมได้ทีจึงจับคางเธอหันมาสบตา แล้วบอกว่า “ดาวประดับใจอยู่ตรงหน้า...เห็นไหม” เพี๊ยะ!...อุย?? ผมโดนตีที่มืออย่างแรง อากาศเย็นๆอย่างนี้ แสบๆคันๆชะมัด จากนั้นก็ได้แต่เดินจ๋อยตามหวานใจไปเงียบๆ



ทางเดินที่นำเราไปสู่ Petra ขนาบด้วยแสงเทียน


เทียนจริงๆ ไม่ได้โม้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เราก็มาถึง the Treasury อาคารแรกของนคร Petra อันเลื่องชื่อ ซึ่งจุดเทียนนับร้อยเล่มที่ลานด้านหน้าเอาไว้ (งามจัง ขนาดมีแค่แสงเทียนส่องเห็นลางๆ ยังงามขนาดนี้ ตอนกลางวันไม่รู้จะงามขนาดไหน...ผมคิด) จากนั้นพวกเราก็มานั่งที่เสื่อที่ทางจนท.จัดเตรียมไว้ เพื่อชมการแสดง ชุดแรกเป็นคุณลุงเบดูอิน มาเล่าเรื่องราวพร้อมทั้งเอื้อนลำนำภาษาท้องถิ่นพลางสีซอให้คนฟังไปด้วย จากนั้นชุดที่สองก็เป็นคุณลุงอีกคนหนึ่งมาเป่าขลุ่ยเพลงระบำพื้นเมือง พร้อมทั้งเดินไปมารอบๆตัวพวกเรา จากนั้นก็มีจนท.เดินแจกชาร้อนหอมๆ แก้หนาวให้พวกเราชิมกัน


ลานเทียนมองเห็น the treasury ลางๆ

สักพักเริ่มมีเสียงเม้าจากนัตตี้คุยกับหวานใจที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินแว่วๆว่า “เพลงไม่เห็นเพราะเลย น่าจะติดไฟ หรือส่องไฟไปที่ theTreasuryด้วย คงสวยกว่านี้นะ บรา...บรา...บรา” พอเสียงเริ่มดังมากขึ้นฝรั่งที่นั่งข้างผม จึงหันมาจุ๊ปากดุผมให้เงียบหน่อย (อ้าวซวยเลย...เค้าไม่ได้เป็นคนส่งเสียงนะ ทำไมโดนเอ็ด) ผมเลยได้แต่สะกิดนัตตี้กับหวานใจให้เบาเสียงหน่อย


อีกครั้งกับลานเทียน ฝุ่นเยอะไปนิดจึงมองเห็นวงขาวๆในภาพ หาใช่องค์จุตคามตามมาด้วยไม่

ราวครึ่งชั่วโมงการแสดงสองชุดก็จบลง ลุงเบดูอินประกาศว่า ถ้าใครจะกลับก็ได้ แต่หากใครจะนั่งชมต่อ หรืออยากจะเต้นรำก็ตามสะดวก แต่ไม่อนุญาตให้เดินลึกเข้าไปด้านในของเพตรา จากนั้นก็ถอยไปยืนที่บู๊ตขายของจำพวกซีดีเพลงพื้นเมือง จบแล้วหรือแค่นี้เองหรือ ค่าชมตั้งคนละ 12 JD ผมและเพื่อนๆหันมามองหน้ากัน จากนั้นก็พร้อมใจกันเดินกลับ ระหว่างเดินทางกลับโรงแรม เราสันนิษฐานกันว่า คงเพราะช่วงนี้คนน้อย เขาเลยไม่ได้ติดไฟที่อาคาร ความงามเลยลดลงเพราะเท่าที่เคยเห็นจากเว็บ งามกว่านี้มาก ดังนั้นหากใครไปในช่วง low season ถ้าอยากไปชม ก็เผื่อใจไว้หน่อยนะครับ

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศหนาวเย็นเช่นเคย ผมนอนซุกใต้ผ้าห่มอยู่นานกว่าจะตัดใจลุกขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าได้ จากนั้นพวกเราก็มาพร้อมหน้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรมเพื่อทานมื้อเช้าซึ่งเป็น ไข่ทอดทานกับขนมปังทาเนยและแยม แถมด้วยกาแฟรสเข้ม จากนั้นก็มารอผจก.ผู้ใจดีไปส่งที่ด้านหน้า Petra เช่นเคย ความจริงแล้ว จากโรงแรมเราสามารถเดินไป Petra เองได้ เพราะระยะทางไม่น่าจะเกินสองกิโล แต่ยังไงวันนี้เราต้องเดินทั้งวันอยู่แล้ว แถมทางโรงแรมมีบริการให้ จะเดินทำไมให้เหนื่อยว่าไหมครับ ก่อนออกเดินทางพวกผมหาซื้อแฮมเบอร์เกอร์ เพื่อเตรียมเป็นอาหารกลางวันด้วยเพราะใน Petra แพงครับ Petra จะงดงามสมคำร่ำลือหรือไม่ อดทนรอตอนต่อไปนะครับ


ขนมปังมื้อเช้า


ทานกับไข่ครับ


Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 22:24:26 น. 4 comments
Counter : 1306 Pageviews.  
 
 
 
 
เพตรา น่าไปนะครับ
ดูขลังดี
 
 

โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:09:46 น.  

 
 
 
อ่านแล้วขำดีน่าจะไปเขียนหนังสือตลกนะเนี่ย ( โดนตบจริงเหรอเสียดายไม่ได้เห็น )
 
 

โดย: nutty IP: 115.67.31.12 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:10:41 น.  

 
 
 
nutty เข้ามาเมนต์แว้ว อ่านตอนต่อๆไป รับรองโดนเผาเกรียมแน่
 
 

โดย: adept วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:53:13 น.  

 
 
 
เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน




เน๊อะ
 
 

โดย: redPoTatO วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:43:21 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com