เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยว...เที่ยวจอร์แดน4

ตอน...นครศิลาสีชมพู

เมื่อพวกเรามาถึง visitors center ผมก็ตรงเข้าไปซื้อตั๋วเข้าPetra ทันที ตั๋วมีสามราคาขึ้นกับระยะเวลาการเข้าชม คือ 21JD สำหรับหนึ่งวัน 26JD สำหรับสองวัน และ 31JD สำหรับผู้ต้องการชมตั้งแต่สามวันขึ้นไป (อะไรจะซาบซึ้งขนาดนั้น) สำหรับผมวันเดียวก็เกินพอ เพราะตั้งใจใช้เวลาทั้งวันของวันนี้ใน Petra อยู่แล้ว


Visitors center

เมื่อแจกตั๋วให้เพื่อนๆเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้าตรงเข้า Petra กัน ข้างทางมีม้า และรถม้าบริการนักท่องเที่ยวด้วย แต่ผมเคยอ่านในเว็บว่า คนขับขับหวาดเสียวไม่นุ่มนวล ประกอบกับทางเข้ายาวเพียงสองกิโลเมตร เดินสบายอยู่แล้วจึงไม่คิดจะนั่ง แต่เท่าที่สังเกตรถม้าที่ขับผ่านไปเป็นระยะๆ คนขับเขาก็ขับใช้ได้นะ ค่อยๆให้ม้าวิ่งเยาะๆชมวิวไปเรื่อยๆ ดังนั้นใครอยากลองนั่งเปรียบเทียบกับรถม้าลำปางบ้านเราก็ตามอัธยาศัยครับ


ทิวทัศน์ทางเดินเข้าสู่ Petra

เดินเข้ามานิด ก็จะเห็นศูนย์ดูแลม้าภายใต้การอุปถัมภ์ของ Princess Alia (อดีตราชินีในกษัตริย์ฮุสเซน) คล้ายๆรพ.ช้างบ้านเรา อากาศยามสายเย็นสบายแม้ว่าแดดจะแรง แต่ไม่รู้สึกถึงความร้อนที่เกิดขึ้นเลย ทิวทัศน์มองไปคล้ายด้านหน้าของหุบเขากษัตริย์ในอียิปต์เหมือนกัน เห็น Tomb ขนาดเล็กๆ ที่เคยใช้เป็นที่เก็บศพชาว Nabataeneans เป็นระยะๆ


ศูนย์ดูแลม้า


Tomb ด้านหน้าทางเข้า

ชาว Nabataeneans เจ้าของ Petra ให้ความสำคัญกับชีวิตหลังความตายคล้ายๆกับชาวอียิปต์โบราณ จึงพยายามสลักหน้าผาใช้เป็นที่ฝังศพอย่างสวยงาม และหากเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็จะเจาะผนังให้เชื่อมถึงกัน (จะได้ไปมาหาสู่กันได้มั๊ง) และหากเป็นราชวงศ์ Tomb ก็จะยิ่งได้รับการสลักเสลางดงามยิ่งขึ้น ส่วนบ้านเรือนที่ใช้ในโลกปัจจุบันว่ากันว่าสร้างกันง่ายๆ คล้ายชาวเบดูอิน ซึ่งปัจจุบันไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว ดังนั้นคาดเดาได้เลยว่าสถานที่เข้าชม Petra ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นชม Tomb ต่างๆแน่


Tomb เล็กๆเห็นอยู่ไกลๆ

ในที่สุดเราก็มาถึงทางเข้าของ Petra มีคุณลุงสองคนแต่งชุดนักรบ Nabataeans ยืนต้อนรับหน้าทางเข้า Siqพร้อมชักชวนให้ถ่ายรูปคู่ด้วย (แต่ต้องเสียสตางค์) ผมจึงได้แต่แอบถ่ายแกแทน


ลุงใส่ชุดทหารยาม Nabataeans

ชนเผ่า Nabataeneans เดิมเป็นชนเผ่าเร่ร่อน อพยพมาจากดินแดนแถบตะวันตกของอารเบีย มาตั้งรกรากที่นี่เมื่อกว่า 2200 ปีมาแล้ว เนื่องจากบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขายแลกเปลี่ยนแบบคาราวานจาก ดามัสคัส อียิปต์และเมืองอื่นๆในแหลม Sinai ทางใต้ กับ อัสซีเรีย เปอร์เซีย และกรีกที่กำลังเติบโตขึ้นทางเหนือ การที่หัวหน้าเผ่านำผู้คนมาสร้างบ้านแปงเมือง สร้างเป็นอาณาจักร ณ ที่นี้เพื่อควบคุมการค้าขาย จึงเป็นความคิดที่ชาญฉลาดมาก

นอกจากความงดงามตามธรรมชาติแล้วแล้ว Petra ยังเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์อันดีเยี่ยม กล่าวคือพื้นที่เป็นหุบเขาที่ถูกโอบล้อมด้วยผาสูง มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวที่เรียกว่า Siq เป็นโตรกแคบ ที่มีระยะทางยาวประมาณสองกิโลเมตร จึงยากต่อการบุก แต่ง่ายต่อการตั้งรับ เพียงวางกำลังทหารหลักร้อยใน Siq ก็สามารถยันกองทัพนับแสนได้อย่างสบายๆ (ลองนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง 300 ดูนะครับ)


ความใหญ่โตของ Siq

ชาว Nabataeneans มีความรู้ด้านระบบชลประทานเป็นอย่างดี เพราะที่ด้านหน้าของทางเข้า Siq ได้ทำเขื่อนกั้นน้ำรวมทั้งคูน้ำเพื่อเก็บกักและระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย และตลอดทางเดินในช่องทางของ Siq จะพบทางระบายน้ำเพื่อนำน้ำจากภายนอกเข้าไปใช้ใน Petra ถือได้ว่าเป็นระบบประปาแบบแรกๆของโลกก็ว่าได้ (เก่ากว่าของโรมันชัวร์)


ระบบประปาใน Siq

ตลอดเส้นทาง Siq อากาศเย็นสบาย มีภาพแกะสลักเทพเจ้าและภาพอื่นๆของชาว Nabataeneans สลับกับหินที่สลักเสลาโดยธรรมชาติให้ชมเป็นระยะๆ

เมื่อสิ้นสุดเส้นทางของ Siq ภาพแรกที่สร้างความตะลึงงันให้กับผมและคณะก็คือ the Treasury หรือคลังสมบัติ เพราะนักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะเป็นที่เก็บสมบัติของพระราชาจึงได้ชื่อนี้ ส่วนอีกความเห็นเชื่อว่าน่าจะใช้เป็นวัดมากกว่า สร้างราว 100 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสถาปัตยกรรมสลักลงไปในหน้าผาสีชมพูกุหลาบ สูงกว่า 43 เมตร


เกือบถึงแล้ว


ถึงแล้ว the Treasury


ภายใน the Treasury

เราถ่ายภาพทั้งด้านนอกและด้านในจนหนำใจ จากนั้นก็เดินตามทางไปยังอาคารถัดไปที่มีความใหญ่โตไม่แพ้กัน แต่อาจจะงดงามน้อยกว่า เป็น Tomb ที่มีไว้เก็บเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตร ถัดจากนั้นเราก็เดินตามถนนที่เรียกว่า Street of Faceds ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกและเครื่องดื่มโดยชาวเบดูอินหลายร้าน

อาคารถัดมาคือ โรงละคร หรือ the Theater สร้างโดยชาวโรมันในภายหลัง มีอำนาจเข้าปกครอง Petra และดินแดนแถบนี้โดยรอบ มีความจุประมาณ 4,000 ที่นั่ง


the Theater

ใกล้เที่ยงอากาศเริ่มร้อนมากขึ้นๆ จนเหงื่อท่วมหลัง ทุกคนจึงทยอยถอดแจ็คเก็ตที่ใส่กันหนาวตั้งแต่เมื่อเช้าทีละคน สถานที่ต่อมาที่เราเข้าชมคือ Urn Tomb โดยต้องปีนลัดเลาะขึ้นไปตามสันเขาที่ค่อนข้างสูงชัน Urn Tomb เป็น Royal Tomb ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สูงสามชั้นโดยชั้นบนสุด มีห้องขนาดใหญ่ เชื่อว่าเป็นที่เก็บพระศพพระราชามีขนาดถึง 17*18.9 ตารางเมตร ส่วนห้องอื่นๆก็เป็นที่เก็บพระศพพระราชาและเชื้อพระวงศ์องค์อื่นๆ ปัจจุบันไม่มีศพเหล่านี้เหลืออยู่แล้ว


Urn tomb


ภายในห้องโถง

ที่น่าประหลาดใจก็คือ เราปีนขึ้นมาถึงห้องโถงชั้นสามซึ่งสูงกว่าพื้นกว่ายี่สิบเมตร กับพบร้านขายของที่ระลึกที่ลานด้านหน้าห้องโถงแห่งนี้ พ่อค้าชาวเบดูอินคนนี้เขามีความพยายามสูงเหลือเกินที่อุตส่าห์ปีนขึ้นมาขายถึงบนนี้ จะมีลูกค้าบ้างไหม...ผมคิด เราแวะดูสินค้าสักพักเพื่อให้หายเหนื่อย จากนั้นก็เข้าไปชมความงามของหินที่สลับสีเลื่อมพรายตามธรรมชาติภายในห้องโถง เมื่อเห็นว่าไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆปีนขึ้นมา ประกอบกับกระเพาะอาหารเริ่มครวญครางประสานเสียง เพราะเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้วและบริเวณนี้ก็แดดร่มลมพัดเย็นสบาย เราจึงตัดสินใจนั่งพักพร้อมกับควักเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ที่ซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า มาโซ้ยกันที่ลานด้านหน้า Tomb พลางชมทิวทัศน์จากมุมสูงอย่างเอร็ดอร่อยทั้งทางปากและทางตาพร้อมกันไป จากนั้นสองสาวก็โฉบเข้าไปดูสินค้าที่ระลึกของพ่อค้าเบดูอินดังกล่าวพร้อมกับต่อราคาและเลือกซื้อกันอย่างสนุก ตั้งร้านบนนี้คงจะขายได้จริง อย่างน้อยก็มีสองสาวชาวไทยนี่แหละที่เป็นลูกค้า...ผมยืนดูพลางอมยิ้มในใจ

เราเดินลงมาจาก Tomb กลับมายังถนนอีกครั้งเปลี่ยนใจไม่อยากปีนขึ้นไปดู Tomb อื่นๆแล้ว จึงเดินตามถนนเรื่อยไป จนถึงสถานที่ต่อไปคือ Colonnaded street เป็นถนนที่ประกอบด้วยเสาโรมันเรียงรายอยู่ข้างทาง เดิมเป็นตลาดมีอาคารเรียงรายอยู่ ปัจจุบันเหลือเพียงแผงขายของของชาวเบดูอิน เหนือถนนนี้ขึ้นไปเป็นวิหารโรมัน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ


Colonnaded street

สถานที่แห่งสุดท้ายที่มิอาจพลาดได้หากมาชม Petra เพราะเป็น the 2nd most famed attraction คือ the Monastery เป็นวัดที่สร้างโดย Nabataeneans และมีการต่อเติมเพื่อใช้เป็นโบสถ์ในสมัย ไบเซนไทน์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง การเดินทางขึ้นไปชม the Monastery มีสองวิธีคือ หนึ่งเดินขึ้นบันไดหินสลักลัดเลาะตามขอบผากว่า 800 ขั้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ45 นาทีจนถึงหนึ่งชั่วโมง ตามสมรรถนะของร่างกาย หรือสองคือขึ้นลาไป ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าไม่น่าเกินสามสิบนาทีก็ถึง

ผมเห็นคุณลุงชาวยุโรปวัยราว70 ถือไม้เท้าเดินขึ้นบันไดไป ก็เกิดมานะชายเดินตามขึ้นไปมั่ง แต่ดีแล้วที่ตัดสินใจเช่นนั้นเพราะเห็นหนุ่มสาวญี่ปุ่นสามคนขี่ลาแซงผมและคณะขึ้นไปได้หน่อย ก็ได้ยินเสียงเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น พอเหลียวไปปรากฏว่าเจ้าลาเกิดดื้อไม่ยอมเดินไปตามทาง แต่กลับเดินออกนอกเส้นทางเข้าไปเล็มหญ้าใกล้หน้าผา เจ้าของลาต้องมาดึงกระชากให้กลับ แต่เจ้าลาน้อยก็ยังดื้อด้านอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมกลับเข้าเส้นทาง ผมมองดูแล้วหวาดเสียวแทน เพราะเกรงว่าหากเจ้าลาเกิดรำคาญสะบัดผู้โดยสารลงจากหลัง ชาวญี่ปุ่นกลุ่มนั้น อาจได้ไปนอนเล่นในเหวด้านล่างซึ่งมีความลึกเป็นร้อยเมตรได้ง่ายๆ


ทางขึ้นเมื่อมองลงไป

ผมและคณะเดินขึ้นอย่างไม่รีบร้อนใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง เมื่อเหนื่อยเริ่มหอบก็ทำฟอร์มหยุดเรียกหวานใจให้ยืนโพสท่าถ่ายรูปเป็นระยะๆ ปล่อยให้ฝรั่งหนุ่มสาวบ้าพลังเดินกึ่งวิ่งแซงขึ้นไปนั่งหอบที่หน้า Monastery หลายคน (สมน้ำหน้าบ้าพลังดีนัก...หุหุ)


the Monastery งามคุ้มกับการปีนขึ้นมาชมไหมครับ

หลังจากถ่ายรูปจนจุใจและพักหายเหนื่อยแล้ว เราก็ค่อยๆเดินลงตามทางเดินพลางชมวิวทิวทัศน์ Petra จากมุมสูงในเวลาเย็น จากนั้นก็ค่อยๆเดินย้อนกลับออกมาด้านนอกของ Petra อย่างช้าๆไม่รีบร้อน

เราออกจากเพตราราว 16.30 น. สิ่งแรกที่สองสาวทำคือเดินเข้าไปดูสินค้าที่ระลึกที่ร้านค้าฝั่งตรงข้าม Visitors center งานนี้ได้เห็นความสามารถพิเศษของนัตตี้ ที่โชว์การออดอ้อนต่อราคาจากพ่อค้า จนได้ของราคาถูกทั้งแจกทั้งแถมมาหลายชิ้น สงสัยหน้าหมวยแบบนัตตี้จะพิมพ์นิยมของหนุ่มจอร์แดเนียน เพราะในการช้อบปิ้งวันต่อๆมา หล่อนมักจะได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าคนอื่นๆเสมอ

จากนั้นก็เรียกแท็กซี่กลับโรงแรม เพราะร่างกายหมดสภาพเดินกลับเองไม่ไหวแล้ว ขอพักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยออกไปหามื้อค่ำแถวโรงแรมหม่ำ ก่อนเข้านอนหลับปุ๋ยแต่หัวค่ำด้วยความอ่อนเพลีย การเดินทางวันต่อไปจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ



ยามเย็นหลังจากออกมาจาก Petra


Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 16:15:24 น. 7 comments
Counter : 1239 Pageviews.  
 
 
 
 
ชอบดูจริงๆค่ะโบราณสถานแบบนี้
สวยงามแล้วก็ได้ความรู้แถมอีกตังหาก
 
 

โดย: Yolanrita วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:14:53 น.  

 
 
 
ดูแล้วอยากไปมากกกก
 
 

โดย: ga_tan_u วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:34:25 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับที่กรุณาติดตาม
 
 

โดย: adept วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:23:58 น.  

 
 
 
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ มาอ่านเก็บข้อมูลจะไปเที่ยวทั้งอียิปต์ทั้งจอร์แดนพร้อมกันเบยทีเดียวอ่ะค่ะ ไว้จะมาตามไปเทื่ยวอีกนะค่ะ
 
 

โดย: apple.so.sweet วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:2:40:13 น.  

 
 
 
สวยงาม มากครับ เห็นแค่ภาพ ตายังร้อนเลย
 
 

โดย: redPoTatO วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:46:55 น.  

 
 
 
เห็นเมืองPetraแล้วนึกถึงทรานฟอร์เมอร์2

เพราะเป็นสถานที่ที่เขาไปถ่ายทำหนังพอดีเลย
 
 

โดย: LyCan IP: 125.26.243.246 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:02:30 น.  

 
 
 
ไม่ร้อนอย่างที่คิดหรอก ผมไปมาบ่อยล่ะ
 
 

โดย: notuss IP: 79.173.234.244 วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:0:41:08 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com