เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
เป้เดี่ยวฯ ตอน Walk Rally ที่ตุรกี1

ตอนที่1 walk rally ตามหาโรงแรม

“สงกรานต์นี้ไปไหนดี” เสียงโทรถามจากก๊วนเก่าตั้งแต่ปลายม.ค.เพื่อวางแผนเที่ยวแต่เนิ่นๆ “ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังยุ่งๆอยู่เลย” ผมมานึกได้อีกทีก็ปลายมี.ค.แล้ว(ช้าตามเคย) สรุปกันว่าพวกเราจะไปสานบรรยากาศโรมันๆ (จากทริบจอร์แดน) ต่อที่ตุรกีเพราะช่วงนี้อากาศน่าจะดี ผมไม่รอช้าชวนหวานใจเปิดเน็ตหาตั๋วไปตุรกีทันที

“ไดเร็กไฟลท์เหลือแต่ชั้นธุรกิจ ไปกลับสองแสน!! หมดตัวเลยนะ” หวานใจบ่นอุบ จากนั้นก็หาสายการบินที่ยังมีชั้นประหยัด แม้จะต้อง transit หน่อยก็ไม่เป็นไร สุดท้ายจึงมาลงเอยที่ Mahan Air สายการบินของอิหร่าน

“รอที่เตหะรานสามชั่วโมง ค่าตั๋วสองหมื่นหกเศษ โอไหม” เธอถาม “เอาสิ จองเลย” ผมยิ้มประจบ ว่าแล้วก็โทรหาตัวแทนสายการบิน ที่อยู่แถวๆสีลม ติดต่อขอจองตั๋วเพราะไม่สามารถจองผ่านเน็ตเองเลยได้ เมื่อเลือกได้วันที่ต้องการ พนักงานสาวเสียงใสเตือนก่อนวางหูว่า “หนูจะเมล์ ticket booking ให้ก่อน ได้วีซ่าแล้วอย่าลืมแจ้งคอนเฟิร์มตั๋วกับหนูด้วยนะคะ จะได้กันที่ไว้ให้ ถ้ายังไม่ได้วีซ่า นโยบายบริษัทจะยังไม่ออกตั๋วให้นะคะ”


Mahan Air

วันรุ่งขึ้นผมเดินทางไปสถานทูตตุรกีเพื่อติดต่อขอทำวีซ่าทันที เอกสารก็คล้ายๆกับการขอวีซ่าเข้าประเทศแถบยุโรปทั่วๆไป เช่นหนังสือรับรองการทำงาน ใบจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน หรือ ticket booking ฯลฯ ซึ่งหาอ่านได้จากเว็บทั่วๆไป อ้อค่าทำวีซ่า 2,000 บาทถ้วนครับ

เนื่องจากขับรถหลงทางจึงไปถึงสถานทูตช้ากว่าที่ตั้งใจ หน้ารั้วสถานทูตปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ยืนรออยู่สามสี่คน ผมจึงเข้าไปขอรับบัตรคิว ได้คิวที่6 (ไม่น่าหลงเลย) สถานทูตแห่งนี้ อนุญาตให้เข้าไปทำวีซ่าได้ทีละไม่เกินสองคนเท่านั้น ดังนั้นคนที่ได้คิวหลังๆ ต้องรอที่หน้ารั้วสถานทูต! และสถานทูตเปิดให้ทำวีซ่าตอน 9.30 น. ผมคิวที่6 รอไม่นานครับ ยืนตากแดดแค่สองชั่วโมงเอง! ดังนั้นดีที่สุดในการไปทำวีซ่าตุรกีคือ ไปให้ได้เป็นคิวแรกหรือคิวที่สองจะได้ไม่ต้องรอนานครับ


ธงชาติตุรกี

วีซ่าใช้เวลาเจ็ดวันทำการ ย้ำว่าเจ็ดวันทำการ นะครับ (ในเน็ตบอกว่าห้าวัน) ดังนั้นควรเผื่อเวลาให้ดีๆ ถ้าไม่ขอแต่เนิ่นๆเดี๋ยวจะอดไปนะครับ

วันเดินทาง คณะเราก็ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิกันแต่เนิ่นๆ (เพราะสาวๆเขาอยากช้อป) หลังช้อปกันจนเหนื่อยเราก็ไปนั่งเล่นที่เลาจน์ คิงพาวเวอร์จนได้เวลาขึ้นเครื่อง พวกเราต้องวิ่งตาลีตาเหลือก ไปที่เกตซึ่งอยู่อีกฟากของสนามบิน! (นั่งหม่ำเพลิน เกือบตกเครื่องแล้ว!) ปรากฏว่าพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ไปขึ้น รถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่อง747-300 ซึ่งจอดกลางลานบิน

เมื่อผ่านประตูเข้าไปในเครื่อง ผมก็ผงะกลับไอความร้อนที่มาประทะกาย! อาจเป็นโชคดีที่พวกเราขึ้นเครื่องช้า เนื่องจากสายการบินนี้เป็นสายการบินรักษ์โลก เพราะกัปตันท่านไม่เปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเครื่องจะเทคออฟ! อดคิดถึงผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องกลุ่มแรกๆ และต้องทนร้อนรอเกือบหนึ่งชั่วโมงไม่ได้ว่าจะรู้สึกเช่นไร

เมื่อได้เวลา กัปตันสตาร์ทเครื่องและเปิดเครื่องทำความเย็นก่อนเทคออฟ เสียงเฮจากผู้โดยสาร(ส่วนมากเป็นชาวอิหร่าน) ดังลั่นเคบิน เพียงพักเดียวความเย็นจากแอร์ก็ช่วยให้พวกเราคลายร้อนได้มาก ผมนั่งหลับๆตื่นๆประมาณหกชั่วโมง ก็มาถึงสนามบิน อิหม่ามโคมัยนี ชานกรุงเตหะราน เวลาท้องถิ่นราวตีสี่ ก่อนเข้าสู่สนามบินทางสายการบินแจกผ้าคลุมผมให้ผู้โดยสารหญิงที่ไม่ได้เตรียมผ้าคลุมผมไว้ล่วงหน้า หวานใจเลยได้ผ้าคลุมผมผืนสวยไว้ใช้หนึ่งผืน

แม้สนามบินอิหม่ามโคมัยนีจะเป็นสนามบินเล็กๆ แต่พวกเราชอบมาก เพราะเก้าอี้บางส่วนของที่นี่เป็นเก้าอี้เอน ซึ่งสามารถนั่งกึ่งนอน(และหลับ)ได้อย่างสบาย ดังนั้นเวลารอ transit 3 ชั่วโมงดูเหมือนไม่นานเลย


ชอบเก้าอี้จัง

ราว7.30น.ตามเวลาท้องถิ่น (ที่อิหร่านเวลาจะช้ากว่าเมืองไทย 3.5 ชั่วโมง) เครื่อง A310 ก็นำพวกเราเดินทางต่อ ทิวทัศน์ยามเช้าในเส้นทางจากอิหร่านไปตุรกีจากบนเครื่องสวยมากๆ ผมเห็นทิวเทือกเขาPontic ตามขอบบนของที่ราบสูงอนาโตเลีย ทอดขนานไปกับทะเลดำอย่างชัดเจน (นึกถึงวิชาภูมิศาสตร์ม.ต้นเลย) สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผมเป็นอย่าง


เทือกเขาปอนติก ทอดขนานกับทะเลดำ


น่าจะเป็นเทือกเขาปอนติกนะ


ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม


ชายฝั่งทะเลดำ


เขารูปหัวใจ?

ไม่นานนักก็พวกเราก็มาถึงสนามบินนานาชาติอะตาเติร์ก(Ataturk) กรุงอิสตันบูล ราว 9 โมงเช้าตามเวลาตุรกี (ช้ากว่าเมืองไทยประมาณ 5ชั่วโมง)


ทะเลมามาร่าริมฝั่งอิสตันบูล


สนามบินอะตาเติร์ก


ถึงแล้ว

พวกเราใช้เวลาไม่นาน ก็ผ่านตม.มาส่วนนอกของสนามบิน เราแลกเงินกันคนละหน่อยสำหรับค่าเดินทาง เพราะแลกเงินที่สนามบินเราต้องเสียภาษี ในขณะที่แลกข้างนอกไม่ต้อง การเดินทางจากสนามบินอะตาเติร์กไปยังตัวเมืองสะดวกมาก เพราะมีสถานี Metro (ประมาณ airport link) ให้บริการที่ชั้นใต้ดินในของอาคารส่วน International เลย ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแท็กซี่แพงๆ ไปยังตัวเมือง เพียงมองหาสัญลักษณ์ M แล้วเดินตามไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ นอกจากนี้ตุรกีเปลี่ยนมาใช้อักษรละตินแทนอักษรอาหรับ ตั้งแต่สมัยท่านอะตาเติร์ก ประธานาธิบดีคนแรกและบิดาของสาธารณรัฐตุรกี ช่วยให้พวกเราซึ่งแม้ไม่รู้ภาษาละติน แต่ก็พออ่านป้ายต่างๆ ที่เขียนด้วยอักษรละตินได้อย่างไม่ยาก (เมื่อเทียบกับที่เรา อ่านอักษรอาหรับไม่ได้เลย)


เครื่องหมาย Metro

ที่สถานี มีที่แลกเหรียญ ซึ่งสามารถแลกธนบัตรได้ด้วยหากไม่มีเศษเหรียญ ค่าโดยสาร 1.5 TL (ลีร่า) ตลอดสาย (1 TL= 0.5 ยูโร หรือประมาณ 22 บาทครับ)


เหรียญลีร่า (TL) เมื่อเทียบกับเหรียญเงินบาท อย่าใช้ผิดนะครับ

จากสถานีต้นทางที่ airport มีวิธีเดินทางไปยังย่านสุลต่านอาเม็ต (Sultanahmet) (ประมาณถนนข้าวสารบ้านเรา ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลักของอิสตันบูล และมีโรงแรมตั้งแต่สองดาวยันสี่ดาวให้เลือกไม่ต่ำกว่ายี่สิบแห่ง) อยู่สองวิธี (ดูจากแผนที่) คือ

1 ขึ้น Metro ไป 6 สถานีจนถึงสถานี Seytinbernu แล้ว interchange ไปต่อ Tram (รถราง) ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีค่าโดยสาร 1.5 TLตลอดสายเช่นกัน อีก 15 สถานี ก็จะถึงสถานีสุลต่านอาเม็ต

2 ขึ้น Metro ไปจนสุดสายที่สถานี Aksaray แล้วเดินออกนอกอาคารไปขึ้น Tram ที่สถานีที่อยู่ห่างไปประมาณ 200เมตร ต่อไปอีก 6สถานี ก็จะถึงสถานีสุลต่านอาเม็ตเช่นกัน


แผนที่เส้นทางการเดินรถ

แต่หากคุณไม่รีบร้อน เดินทางวิธีที่ 1ก็สบายดี เพราะได้ขึ้นที่สถานีต้นทางทั้งสองระบบทั้งMetro และTram ทำให้ได้นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า ในขณะที่วิธี 2 ใช้เวลาไม่น่าเกิน 20-30 นาที แน่นอนพวกเราเลือกวิธี 2 เพราะพวกเรามันประเภทวัยรุ่น (ยังเป็นอีกเหรอ) ใจร้อน เดินทางโดย Metro เร็วกว่า Tram มาก แม้จะต้องเดินนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร

ประมาณสิบนาที ก็เรามาสุดสายที่ Aksaray เมื่อเดินออกจากอาคารสถานี เพื่อมองหาป้ายทางไปขึ้น Tram หนุ่มใหญ่ชาวเตอร์กีซ เห็นกลุ่มคนตาตี่กำลังทำหน้างงๆหาป้ายTram จึงเข้ามาสอบถามด้วยมิตรจิต ว่าจะไปไหน พอผมบอกว่ากำลังหาทางไปขึ้น Tram เพื่อไปสุลต่านอาเม็ต แกก็รีบบอกเลยว่า “จะขึ้นTram ทำไมให้เปลืองเงิน เดินไปก็ได้ สุลต่านอาเม็ตแค่นี้เอง เดินห้านาทีก็ถึง” พร้อมกับอาสาชี้ทางไปให้ พวกเราก็ดีใจที่จะได้เซพเงินคนละ 33บาท จึงเดินตามเขาไป

ระหว่างทาง แกก็ชี้สถานี Tram ซึ่งอยู่บนเกาะกลางถนน ให้ดู แล้วบอกว่า”จะขึ้น Tram ก็ได้นะ นั่นไง หรือจะเดินเอา ก็เดินตามทางรถรางนับไปอีก ห้าสถานีเอง เดินช้าๆอย่างนี้ 7-8 นาทีก็ถึง” ว่าแล้วแกก็ขอตัวเดินไปอีกทาง แม้ว่าแดดที่อิสตันบูลจะแรง แต่อากาศเย็นสบาย 15-16 เซลเซียส พวกเราจึงเชื่อแก ต่างคนต่างแบกเป้+ลากกระเป๋า เดินตามทางรถรางไปเรื่อยๆ

ห้านาทีผ่านไป เพิ่งผ่านสถานีแรก ทางค่อยขึ้นเนินไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มร้อนขึ้นๆตามลำดับ

อีก 15 นาทีต่อมา เพิ่งผ่านสถานีที่สาม “เหลืออีกสอง ไหวไหม” ผมถามน้องส้มเพื่อนหวานใจ เพราะเห็นหน้าเธอเริ่มซีด “ขอพักก่อน อยากดื่มน้ำ” เธอพูดพลางหอบพลาง ผมเห็นร้านขายเครื่องดื่มจึงเดินไปซื้อมาแจกเพื่อนๆ คนละขวด แล้วจึงมานั่งพักริมทางพร้อมทั้งถอดแจ็คเก็ตที่ใส่ออก เนื่องจากเหงื่อเริ่มออกเต็มหลัง จากนั้นพวกเราจึงเริ่มออกเดินกันต่อ

เห็นBlue mosque แล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีสุลต่านอาเม็ต ใช้เวลาเดินขึ้นๆลงๆเนินทั้งสิ้น 1 ชั่วโมงเต็ม! “ห้านาทีของลุงแก มันหนึ่งชั่วโมงเวลาโลกหรือ รู้งี้นั่ง Tram ดีกว่า” หวานใจหอบพลางบ่นอุบ ผมอมยิ้มพลางหาที่นั่งแถวๆ Blue mosque เพื่อเปิดแผนที่หาทางไปโรงแรมต่อ

เมื่อทุกคนรวมทั้งตัวผม หายเหนื่อยกันแล้ว ก็เปิดแผนที่ช่วยกันดูเส้นทางที่จะไปโรงแรมที่จองผ่านเน็ตไว้ต่อ “เดินเลียบ Aya sofya ซึ่งอยู่ตรงข้าม Blue mosque สองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในย่านนี้ แล้วเดินหาซอย Akbiyik เพื่อไปโรงแรม” ผมพล่ามแผนการเดินทาง ก่อนจะเดินนำเพื่อนๆ เดินไปตามซอกเล็กซอกน้อยเพื่อหาทางไปโรงแรมที่จองไว้


สวนดอกไม้ด้านหน้า Aya sofya

ถนนในซอยต่างๆที่อิสตันบูลคลาสสิกมาก ทำจากก้อนหินเรียงไปมาคล้ายเมืองเก่าๆ ในอิตาลี ผมพาเพื่อนๆ เดินวนไปมาอยู่พักใหญ่ก็ยังหาโรงแรมไม่เจอ “นั่นไงร้าน Cheer Bar ตามแผนที่อยู่ติดๆ กับโรงแรมเลยนี่ แล้วโรงแรมอยู่ไหนหว่า” ผมเกาศีรษะแกรกๆ เมื่อยังหาโรงแรมไม่เจอ “ถามเขาก็แล้วกัน” ผมว่าพร้อมทั้งเดินไปถามคนที่ยืนหน้าร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังสั่งลูกน้องให้ทำการซ่อมแซมร้านอยู่

หนุ่มตุรกีวัยสามสิบเศษ ยิ้มเมื่อผมถาม พร้อมทั้งบอกว่า “ที่นี่แหละ Just Guest House ที่คุณกำลังหาอยู่ แต่อยู่ในระหว่างปรับปรุงหน้าร้าน” พวกเราตาค้างเมื่อได้ยินและเห็นสภาพคนงานกำลังใช้ค้อนทุบพื้น ตุบๆอยู่


ซ่อมหน้าโรงแรม แล้วจะรู้ได้ไง


ภายในที่ดูดีกว่าข้างนอก

“ปรับปรุงเฉพาะหน้าร้าน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ส่วนโรงแรมพักได้ ผมเป็นเจ้าของ” เขาบอกต่อ ผมรับคำพร้อมทั้งยื่นใบจองที่ปริ้นมาจากประเทศไทยให้ “อ๋อ จากเมืองไทย สวัสดีครับ”

“พูดไทยได้ด้วย” หวานใจทำตาโต เจ้าของโรงแรมแกเล่าว่ามาเมืองไทยยี่สิบรอบแล้ว เลยพูดไทยฟังภาษาไทยได้นิดหน่อย ว่าแล้วแกก็พาขึ้นไปดูห้องซึ่งอยู่ชั้นสามของตึก ชั้นล่างซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุงเขาทำเป็นบาร์เช่นเดียวกับ โรงแรมเล็กๆอื่นๆแถวนี้ พร้อมทั้งถามว่าจะพักกี่คืน เพราะเราจองกันแค่คืนเดียว

“พักคืนเดียวครับ พรุ่งนี้จะไป Cappadocia” ผมบอก จากนั้นก็แยกย้ายเข้าห้องเพื่อเก็บของ อาบน้ำและพักผ่อนกันชั่วคราว สิริรวมเวลา walk rally จากสถานี Metro ไปถึงโรงแรม สองชั่วโมงพอดี

ตกบ่ายแก่ เมื่อท้องเริ่มกวนหนัก ผมจึงชวนเพื่อนๆไปหาของกินกัน ซึ่งเราเลือกแซนวิชชิ้นโต(ใหญ่มาก) หม่ำกันคนละชิ้นก็อิ่มแปล้ จากนั้นก็เดินชมวิวภายนอกของ Aya sofya ซึ่งเดิมเป็นโบสถ์คริสต์ตั้งแต่สมัยโรมัน และต่อมากลายมาเป็นมัสยิดช่วงออตโตมัน แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนภายในตอนนี้เย็นแล้ว และเรายังมีเวลาวันอื่นอีกมาก เอาไว้ค่อยเข้าไปชมวันหลัง (กลัวไม่คุ้มค่าตั๋ว) พวกเราจึงเดินกลับโรงแรม พบว่าการปรับปรุงชั้นล่างเสร็จเรียบร้อย ผมจึงถามทางไปสนามบิน Sabiha Gokcen เพราะสายการบิน low cost ที่พวกเราจองไว้ใช้สนามบินแห่งนั้น ไม่ได้ใช้ที่ Attaturk เหมือนที่เรามาจากเมืองไทย (อิสตันบูลมีสนามบินนานาชาติสองแห่ง คล้ายที่กทม.ที่มีทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ)

เจ้าของโรงแรมบอกว่า สนามบินนี้อยู่ไกลประมาณ 50 กม. ไม่มี Metro แต่สามารถไปโดย shuttle bus (รถตู้) ได้ คนละ 10ยูโร แต่เนื่องจากเราต้องเดินทางแต่เช้าตรู่ คือราวตีห้า shuttle bus ก็ยังไม่มี เขาจะหาแท็กซี่ให้ ประมาณ 40-50 ยูโร(ค่าแท็กซี่ทั่วๆไปในตุรกี ประมาณ 1 ยูโร/กม.) โอเคไหม เราไม่มีทางเลือกและคิดแล้วราคาก็ไม่ได้แพงกว่า shuttle bus สักเท่าใดก็เลยตกลง พร้อมทั้งจ่ายค่าห้องพักห้องละ 35 ยูโร(จากเดิม 45 แต่เราไม่ได้กินมื้อเช้า เขาเลยลดให้)จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพราะทุกคนหมดแรงจะไปเดินเที่ยวอีกแล้ว และวันพรุ่งต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเดินทางต่อไป Cappadocia อีก วันพรุ่งพวกเราจะไป walk rally ที่ไหนต่อโปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ


ตกเย็นการปรับปรุงก็เสร็จ พร้อมให้บริการ




Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 22:27:04 น. 11 comments
Counter : 4658 Pageviews.  
 
 
 
 
ทักทายยามดึก ฝันดีนะคะ ^^ :)
 
 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:22:37:33 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
 
 

โดย: inpup วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:0:24:10 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองท่านครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:17:25:57 น.  

 
 
 
หวัดดีค่ะ ขอตามไป walk rally ด้วยคน แล้วจะติดตามตอนต่อไปนะคะ
 
 

โดย: holybasil วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:22:25:35 น.  

 
 
 
สนุกมากคะ เหมือนเดินทางไปด้วยเลย
 
 

โดย: marzo วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:15:45:08 น.  

 
 
 
ยินดีที่มีคนชอบครับ
 
 

โดย: adept วันที่: 1 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:38:44 น.  

 
 
 
เขียนดีมากค่ะ
รายละเดียดดีมากๆ เลย

อยากไปเที่ยวบ้างจัง
 
 

โดย: นุ่ม (khaonaun ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:10:24 น.  

 
 
 
ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ กะลังจะเก็บข้อมูลไปแบกเป้ฉายเดี่ยวเหมือนกัน ไม่รู้จะสามารถรึป่าว
 
 

โดย: เล็ก IP: 1.47.6.171 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:7:05:01 น.  

 
 
 
ไว้จะไปมั่ง ผู้หญิงไปอันตรายมั้ยค่ะ
 
 

โดย: ไทนี่ IP: 10.0.0.138, 61.90.11.112 วันที่: 5 ตุลาคม 2553 เวลา:20:08:47 น.  

 
 
 
เขียนหนังสือได้เลยค่ะ^^
 
 

โดย: ผ่านมา IP: 101.109.22.99 วันที่: 10 สิงหาคม 2554 เวลา:18:57:14 น.  

 
 
 
มาแอบดูจ้าเลิศเราจะไปตุรกีปีหน้านี้กะกรีซเลยว่าจะตามรอยจ้า เขียนได้น่าอ่านมากไงถ้ามีโอกาสคงได้ไปเที่ยวกันอีกนะ ....ชวนด้วยนะถ้ามีทริปไรอ่ะ
 
 

โดย: นัตตี้ IP: 58.9.118.217 วันที่: 21 ธันวาคม 2554 เวลา:10:59:05 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com