ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 3 การปรากฏตัวของจอมเวทแมวป่า
 

บทที่ 3 การปรากฏตัวของจอมเวทแมวป่า

 

 

การทำงานอย่างเร่งรีบของโหราจารย์และฝ่ายจัดการกับการทำงานอย่างมีระบบแบบแผนของโซลแดท ทำให้การเตรียมการแข่งขันสำเร็จลงภายในสองวัน ระหว่างนั้นทหารได้นำประกาศการแข่งขันไปติดไว้จนทั่วเมือง แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าใดนักเนื่องจากยังตระหนกถึงเหตุการณ์ประหลาดอยู่ แต่พอราเชนปล่อยข่าวเรื่องภูเขาทองคำออกไป มันก็กลายเป็นที่กล่าวขวัญแบบปากต่อปาก ยิ่งมีการบอกต่อกันมากเท่าใด จำนวนของทองก็เพิ่มปริมาณมากขึ้นเท่านั้น ไม่ช้าข่าวลือเรื่องการเดินทางไปยังเทือกเขาที่เป็นทองคำก็กระจายไปทั่วเมืองและลามออกไปนอกไมธีร่า รุ่งขึ้นของเช้าวันที่สามจึงมีคนแห่แหนมาสมัครกันมากมาย

 

เบอร์ทิน่ายืนมองฝูงชนที่กำลังต่อแถวเพื่อลงชื่อเข้าร่วมการประลองอยู่บนระเบียงหน้าห้องครู่หนึ่งจึงเดินไปกระแทกตัวลงเก้าอี้อย่างหงุดหงิด ใจจริงแล้วนางอยากเดินทางไปยังหุบเขาสีน้ำเงินเพื่อนำผลึกวิญญาณมังกรมาช่วยบิดามารดา จนถึงขนาดเข้าไปขอร้องให้ออร์เด็นเปลี่ยนใจหลายครั้ง แต่มหาอำมาตย์ก็ยังคงยืนกรานคำเดิม เมื่ออ้อนวอนไม่สำเร็จ เด็กสาวจึงจำต้องกลับเข้าห้องเพื่อครุ่นคิดหาวิธีออกจากเมือง

 

เหมือนออร์เด็นจะเดาความคิดหลานสาวออก เขาสั่งให้ทหารเฝ้าดูนางอย่างใกล้ชิด ทั้งยังเพิ่มนางกำนัลและคนรับใช้ให้มากขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อช่วยกันจับตามองเบอร์ทิน่าทุกฝีก้าว รวมทั้งเพิ่มเวรยามและกำชับทหารประจำป้อม ให้กวดขันคนเข้าออกอย่างเข้มงวด

 

คำสั่งของผู้เป็นอามิได้สร้างความกังวลต่อเบอร์ทิน่าเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงแล้วเด็กสาวกลับรู้สึกรำคาญใจมากกว่าที่ห้องของนางมีคนเดินเข้าออกกันพลุกพล่าน จนบางครั้งต้องเอ่ยปากไล่หรือลงกลอนเพื่อไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง ผู้ที่ทำให้เบอร์ทิน่าต้องลำบากใจมากที่สุดคืออาเซอร์บัส เพราะไม่ว่านางจะแอบไปไหน หรือทำอะไร เขาเป็นต้องรู้ทันไปเสียหมด และต่อให้เด็กสาวปิดประตูลงกลอน เขาก็ใช้เวทสะเดาะออกได้ไม่ยาก พอถูกเบอร์ทิน่าตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง เขาก็ทำเป็นหูทวนลม เมื่อไม่รู้จะจัดการกับจอมเวทหนุ่มอย่างไรดี นางจึงใช้วิธีนั่งอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหน ไม่พูดอะไรกับใครหรือทำสิ่งใดอีกเลย แม้จอมเวทหนุ่มจะไม่วางใจนักแต่เขาก็ยอมทิ้งช่วงการติดตามให้เว้นระยะห่างขึ้น การผ่อนปรนของเขาทำให้เบอร์ทิน่าสบายใจได้บ้างแต่ก็ยังหงุดหงิดเรื่องการเดินทางไปยังหุบเขาสีน้ำเงินอยู่ดี

 

เสียงฮือฮาของผู้คนทำให้เด็กสาวเพิ่มความกระวนกระวายมากขึ้น หากออร์เด็นยอมให้นางไปหุบเขาสีน้ำเงินตั้งแต่แรก คงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายเรื่องการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาจอมเวท เพราะอาเซอร์บัสต้องไปกับนาง และคงออกเดินทางกันตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เด็กสาวเดินกลับไปกลับมาพร้อมกับกระแทกลมหายใจตัวเองฮึดฮัดด้วยความโมโห ทำไมท่านอาของนางจึงดื้อดึงนัก ถ้าเป็นพระบิดาแล้วละก็ คงยอมอนุญาตตั้งแต่เอ่ยปากขอครั้งแรกแล้ว

 

พอคิดถึงพระบิดา น้ำตาก็เอ่อล้นออกมาคลอเบ้า จนบัดนี้ท่านอาก็ยังไม่ยอมให้นางเข้าไปในห้องนั้น ช่างไม่เห็นใจกันเลยว่าหลานสาวคนนี้จะรู้สึกอย่างไร จริงอยู่ที่ว่าการเห็นสภาพของทั้งสองพระองค์รังแต่จะทำให้เสียใจ แต่นางก็ยังคงอยากเข้าไปหา แม้จะต้องร่ำไห้ อย่างน้อยก็ขอให้ได้หลั่งน้ำตาลงบนตัก หรือปลายบาทของพระองค์ก็ยังดี 

 

เสียงเคาะประตูทำให้เด็กสาวสะดุ้งหลุดจากภวังค์ นางรีบเช็ดน้ำตาก่อนเอ่ยปากอนุญาตและยิ้มกว้างเมื่อเห็นราเชนก้าวเข้ามาข้างใน

 

“ราเชน” เบอร์ทิน่าทักด้วยความดีใจก่อนตัดพ้อ “สองวันมานี่เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาคุยกับข้าบ้าง”

 

“ขอโทษด้วยนะ พอดีข้ามีเรื่องยุ่งนิดหน่อย” เด็กหนุ่มตอบพลางทำท่าบุ้ยใบ้ไปทางหน้าต่าง เป็นเชิงบอกว่า เรื่องยุ่งที่พูดถึงก็คือการแข่งขันประลองเวท เบอร์ทิน่าทำตาโตอย่างตื่นเต้น

 

“เจ้ามีส่วนร่วมด้วยหรือ ดีจังเลย” สีหน้าที่เพิ่งเบิกบานสลดลง “แต่ข้าสิแย่ โดนกักให้อยู่แต่ในห้อง จะทำอะไรแต่ละทีก็ต้องขออนุญาตกันวุ่นวาย อีกเดี๋ยวพวกทหารก็จะเข้ามาดูแล้วว่าข้ายังอยู่ดีหรือเปล่า”

 

“ทั้งที่เจ้ากำลังเศร้าโศกเสียใจอยู่น่ะหรือ ใจร้ายเป็นบ้า” ราเชนบ่นพลางบีบไหล่เด็กสาวเพื่อปลอบ “อดทนอีกหน่อย พองานประลองสิ้นสุดลงและท่านมหาอำมาตย์เดินทางออกนอกเมืองแล้ว เจ้าก็จะเป็นอิสระอีกครั้ง ที่นี้เราค่อยมาหาวิธีกันว่าจะทำยังไงต่อไป”

 

“แต่ข้าอยากทำตอนนี้มากกว่า” เบอร์ทิน่าแย้งและถอนใจออกมาเบาๆ “ข้าอยากเดินทางไปนำผลึกวิญญาณมังกรมาช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยตัวเอง”

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก” ราเชนค้าน เด็กสาวมองอย่างไม่พอใจ

 

“เจ้ากำลังจะบอกว่าเพราะข้าเป็นผู้หญิง เลยทำอะไรไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

 

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่” เด็กหนุ่มระบายลมหายใจออกมาเบาๆ “เจ้าเป็นเจ้าหญิงนะเบอร์ทิน่า จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อน”

 

“ข้าคิดดีแล้ว และตัดสินใจแล้วว่าจะไปหุบเขาสีน้ำเงิน”

 

“แต่ท่านมหาอำมาตย์บอกแล้วว่าจะเป็นผู้ไปเอง แถมยังจัดการประลองคัดเลือกจอมเวทเพื่อไปกับท่าน ขืนล้มเลิกตอนนี้มีหวังโดนคนพวกนั้นถล่มจนยับ”

 

“ใครบอกเจ้าว่าจะล้มเลิก” เบอร์ทิน่าพูดพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนราเชนว่า เจ้าหญิงกำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจ เพราะรอยยิ้มของนางดูมีเลศนัยพิกล

 

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เบอร์ทิน่า” เขาถาม

 

“ข้าจะเดินทางไปกับท่านอา ในคราบของจอมเวท” เด็กสาวตอบและยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตาโตอ้าปากค้าง “ใช่แล้วราเชน ข้าจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย”

 

เด็กหนุ่มขยับจะตอบแต่กลับพูดอะไรไม่ออก คนห้ามจึงเป็นผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบกริบชนิดทั้งสองไม่รู้ตัว

 

“ไม่ได้”

 

ราเชนกับเบอร์ทิน่าหันไปมองพร้อมกัน เด็กหนุ่มนิ่วหน้า

 

“เคาะประตูไม่เป็นหรือไง” เขาโพล่งออกมาอย่างโมโหเมื่อเห็นอาเซอร์บัสยืนอยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

“เคาะแล้วแต่เจ้าไม่ได้ยินเอง” เขามองผ่านราเชนไปยังเบอร์ทิน่า “เลิกล้มความคิดเรื่องการเข้าร่วมการแข่งขันซะ”

 

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้า” เด็กสาวเถียงและเชิดหน้าขึ้น เหมือนต้องการเน้นย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่านางเป็นเจ้าหญิง ย่อมมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ แต่จอมเวทหนุ่มไม่สนใจเลยสักนิดเพราะเขาพูดเสียงเรียบ

 

“ต่อให้เป็นเจ้าหญิงก็ไม่ได้”

 

“กล้าดียังไงถึงพูดแบบนั้น” เบอร์ทิน่าใช้น้ำเสียงเข้มเข้าข่มแต่อาเซอร์บัสไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

 

“ไม่ใช่ว่ากล้าหรืออวดดี แต่ห้ามเพราะความเป็นห่วง”

 

“ข้าเป็นเจ้าหญิง มีอะไรต้องให้ห่วง” เด็กสาวยังดันทุรังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าภายใต้ฮู้ดเงยขึ้นเล็กน้อย เหมือนต้องการมองหน้านางให้เต็มตา

 

“พวกนั้นเป็นผู้ใช้เวท หลายคนมาจากดินแดนห่างไกล พวกเขาไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร ทุกคนยอมทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อให้ได้ชัยชนะ และไม่ใส่ใจว่าจะทำให้คู่ต่อสู้เป็นหรือตาย ยิ่งมีข่าวลือเรื่องทองคำที่ราเชนปล่อยออกไปแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความโลภ ไม่มีใครยอมรามือให้เจ้าง่ายๆหรอกเบอร์ทิน่า”

 

เหตุผลที่จอมเวทหนุ่มยกขึ้นมาอ้าง จริงเสียจนเบอร์ทิน่าเถียงไม่ออก แต่ความเป็นคนรั้นไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ เด็กสาวจึงคิดหาทางแก้ เพราะการแข่งขันในครั้งนี้คือหนทางเดียวที่จะช่วยพ่อกับแม่ให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง แต่ถ้าอาเซอร์บัสยังยืนกรานไม่อนุญาตอยู่แบบนี้ นางคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปลงชื่อสมัคร เพื่อให้จอมเวทหนุ่มเปลี่ยนใจ เด็กสาวจึงเปลี่ยนท่าทีใหม่ เริ่มจากตีสีหน้าให้ดูสลด และพูดเสียงเบาลงกว่าเดิม

 

“ข้ารู้ดีว่าการแข่งขันครั้งนี้อันตราย แต่มันเป็นหนทางเดียวที่ช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ได้” นางก้าวไปหยุดยืนหน้าจอมเวทหนุ่มและเงยดวงหน้าที่มีหยาดน้ำตาไหลรินขึ้น “โปรดอย่าห้ามเลยนะอาเซอร์บัส ข้าขอร้อง”  

 

อาเซอร์บัสยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เบอร์ทิน่าอย่างอ่อนโยนก่อนโน้มตัวลงกระซิบข้างหู

 

“ไม่”

 

พูดจบจอมเวทหนุ่มก็หมุนตัวเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจเด็กสาวที่กำลังยืนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธว่าจะแผลงฤทธิ์อะไรออกมา พอบานประตูปิดลง เขาก็ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นเหมือนคนในห้องขว้างโถแก้วหรืออะไรบางอย่างไล่หลัง ตามด้วยเสียงตะโกน

 

“เจ้าจอมเวทเลือดเย็น !”

 

อาเซอร์บัสส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนเดินไปที่ระเบียงเพื่อดูบรรดานักเวททั้งหลายเบื้องล่าง เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อซึมซับไอเวทของแต่ละคน และนิ่วหน้าด้วยความหนักใจ สัมผัสพลังของนักเวทที่มารวมตัวกันในวันนี้มีมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันออกไป แต่หากรวมกันทั้งหมดแล้วยังอ่อนด้อยนักสำหรับการเดินทางไปยังดินแดนอันตรายอย่างหุบเขาสีน้ำเงิน พูดง่ายๆก็คือ ไปก็ตายกันทั้งหมด คิดพลางถอนใจยาว ความจริงแล้วเขาไม่เห็นด้วยกับการแข่งขันในครั้งนี้ เพราะการรวมตัวของเหล่านักเวท เป็นเรื่องอันตราย ใช่ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นคนเลว แต่ผู้ใช้เวทส่วนใหญ่ชอบอวดโอ่พลังความสามารถของตนจนมักมีเรื่องมีราวกันอยู่เสมอ วิธีตัดสินก็ง่ายๆคือการต่อสู้ หากมีการปะทะกัน คนเดือดร้อนก็คือคนธรรมดาทั่วไป

 

ถ้าไม่อยากให้มีการแข่งขัน เขาต้องเป็นคนไป ปัญหาก็คือคนที่สามารถแตะต้องผลึกวิญญาณมังกรได้มีเพียงสายเลือดราชวงศ์ของไมธีร่าเท่านั้น ที่ไม่ยอมไปกับมหาอำมาตย์ก็เพราะเขาไม่อยากทิ้งเบอร์ทิน่าให้อยู่ในเมืองตามลำพัง ครั้นจะให้นางเป็นคนเดินทาง เขาก็เป็นห่วงอยู่ดี

 

‘ช่างปะไร แค่ผู้หญิงกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเท่านั้น พินาศไปก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า’

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว อาเซอร์บัสจึงหลับตาและรวบรวมพลังข่มอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกายให้ถอยกลับเข้าสู่ซอกหลืบแห่งความมืด เมื่อสยบมันลงได้แล้วเขาจึงลืมตาขึ้นและมองนักเวทด้านล่างอยู่อีกครู่หนึ่งจึงเดินกลับเข้าปราสาทเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป

 

 ทางด้านเจ้าหญิงเบอร์ทิน่า เมื่อไม่อาจหว่านล้อมอาเซอร์บัสได้จึงตัดสินใจหนีออกจากห้องโดยขอร้องแกมบังคับให้ราเชนยอมร่วมมือ แผนแรกก็คือจับสาวใช้เคราะห์ร้ายมาสับเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นก็ทำเป็นตีหน้าเฉยเดินออกจากห้อง และเล็ดลอดออกจากปราสาทได้ในที่สุด แต่แทนที่นางจะมุ่งหน้าตรงไปยังโต๊ะรับสมัครการแข่งขัน กลับไปยังบ้านของราเชนเป็นแห่งแรก แม้เด็กหนุ่มพยายามถาม เบอร์ทิน่าก็ไม่ยอมตอบ กระทั่งถึงบ้าน เข้าห้องปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาแล้ว เด็กสาวจึงเฉลยให้ฟัง

 

“ข้าต้องปลอมตัวไปสมัคร”

 

ราเชนทำตาโตก่อนส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

 

“คนในเมืองทั้งหมดรู้จักหน้าตาของเจ้าดี แต่งยังไงก็คงจำได้”

 

“ถ้าข้าใส่หน้ากาก หุ้มตัวด้วยชุดเกราะล่ะ” เบอร์ทิน่าถาม ราเชนขมวดคิ้วนึกภาพตามและผงกศีรษะ

 

“งั้นก็พอไหว แต่เวลาอย่างนี้จะไปหาชุดอย่างนั้นได้ที่ไหนกัน”

 

เบอร์ทิน่ายิ้มก่อนชี้มือไปที่ราเชน เขาทำหน้าเหรอหรา

 

“ที่ข้าเนี่ยนะ” เขาส่ายหน้า “ไม่มีหรอก”

 

“ยังจำชุดที่ใส่ในงานเทศกาลปีที่แล้วได้หรือเปล่า” เบอร์ทิน่าถาม เด็กหนุ่มนิ่งคิดและทำตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะมันเป็นชุดที่เขาออกแบบให้หน้ากากมีหู อุ้งมือและหางแบบแมว อันที่จริงเขาพยายามทำให้เป็นเสือ แต่มันดันออกมาเป็นแมวเองต่างหาก ซึ่งพอใส่แล้วทำให้เขารู้สึกประหลาดพิกล เลยตัดสินใจยัดมันลงหีบแล้วถีบเอาไว้ใต้เตียง

 

“อย่าบอกนะว่าเจ้าจะใส่ชุดนั้น” เด็กหนุ่มถามเพราะขนาดของชุดที่ว่า ใหญ่กว่าตัวของเบอร์ทิน่าพอดู เด็กสาวถอนใจออกมาแรงๆอย่างเบื่อหน่ายก่อนตอบ

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ข้าต้องเอามาปรับอะไรนิดหน่อยก่อน อย่ามัวแต่พูดอยู่รีบไปหยิบมาเร็ว”

 

เบอร์ทิน่าร้องเร่งและนั่งรอจนกระทั่งราเชนยกกล่องเก็บชุดมาวางตรงหน้าจึงหยิบออกมาพิจารณาทีละชิ้น

 

“หน้ากากคงไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ตัวชุดต้องแก้ไขนิดหน่อย” พูดพลางหยิบอุปกรณ์ช่างจากกล่องที่เด็กหนุ่มหยิบติดมือมาด้วย นั่งปรับไปได้สักพัก เด็กสาวก็หันไปมองหน้าเพื่อน “เจ้าไปเฝ้าประตูไว้ดีกว่า เผื่อท่านโหราจารย์กลับมาข้าจะได้แอบทัน”

 

“ยังอีกนานแหละกว่าจะมา” ราเชนพูดแต่ก็ยอมไปยืนที่ประตูแต่โดยดี นานครั้งก็แอบชำเลืองมาทางเบอร์ทิน่า เมื่อเห็นนางก้มหน้าก้มตาทำชุดเกราะอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาก็หันกลับไปที่ช่องประตูอีกครั้ง และถอนใจออกมา แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันของเบอร์ทิน่า แต่พอเห็นสีหน้ากับแววตามุ่งมั่นแล้วเขาก็แย้งอะไรไม่ออก และยอมทำทุกอย่างตามที่นางสั่ง แม้จะต้องเสี่ยงกับโทษทั้งจากบิดาและมหาอำมาตย์ก็ตาม

 

อีกสิ่งที่ราเชนยังไม่ยอมบอกเบอร์ทิน่าก็คือ เขาตัดสินใจเข้าประลองในครั้งนี้ด้วยเพื่อคอยดูแลนาง ถึงไม่มีเวทมนต์แต่เด็กหนุ่มก็มั่นใจในสติปัญญาว่าสามารถพาตัวเองให้รอดได้ สิ่งที่เขากลุ้มในตอนนี้ก็คือ จะอธิบายยังไงให้บิดาเข้าใจ แค่คดีพาเจ้าหญิงหนีออกจากวังก็แย่แล้ว

 

ขณะจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความกลัดกลุ้ม ราเชนต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโหราจารย์เอ่ยถาม

 

“ทำอะไรกันอยู่”

 

เขาหันไปมองทางด้านหลังและอ้าปากค้างเมื่อเห็นบิดากำลังยืนกอดอกตีหน้าเครียดอยู่กลางห้อง

 

“พ่อ” เด็กหนุ่มอุทานด้วยความตระหนกและรีบหันไปมองประตูที่ตัวเองเฝ้าอยู่ “เข้ามาทางไหนกันนี่”

 

“ประตูหลัง” โหราจารย์ตอบอย่างเคร่งขรึมพลางตวัดดวงตาไปทางเบอร์ที่น่าซึ่งตอนนี้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก มือชะงักค้างอยู่ในท่ากำลังตัดแต่งเกราะ โหราจารย์มองเด็กทั้งสองสลับไปมาก่อนถามซ้ำอีกครั้ง

 

“ข้าถามว่า พวกเจ้ากำลังทำอะไร”

 

“คือว่าข้า” ราเชนพยายามนึกหาคำพูดแก้ตัวทำยังไงก็นึกไม่ออก เพราะลองได้เห็นเจ้าหญิงเบอร์ทิน่านั่งตำตาอยู่ทนโท่แบบนี้ ต่อให้มีข้ออ้างยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ดูเหมือนโหราจารย์จะรู้ดีว่าบุตรชายตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก เขาจึงเบนเป้าหมายไปที่เด็กสาว

 

“ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ เจ้าหญิง”

 

เบอร์ทิน่าทำตาปริบๆพลางยกเกราะให้มือให้อีกฝ่ายดู เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนกล่าวเบาๆ

 

“งานเทศกาลล้มไปแล้ว ท่านจะมาเตรียมชุดพวกนี้อยู่อีกทำไม”

 

“คือว่า....”เด็กสาวเตรียมอธิบายแต่ราเชนกลับทะลุกลางปล้องขึ้นมา

 

“นางกำลังใจเสียเรื่องกษัตริย์วาเก็น ข้าก็เลยหาอะไรให้ทำ” คำพูดหยุดค้างไว้แค่นั้นเมื่อบิดาหันมามองตาวาว พอเห็นท่าไม่ดีราเชนจึงยอมหุบปากและถอยไปยืนจนชิดประตู เมื่อกำราบบุตรชายตัวแสบได้แล้ว โหราจารย์จึงหันกลับไปที่เจ้าหญิงเบอร์ทิน่าอีกครั้ง

 

“ว่ายังไง เจ้าหญิง”

 

“ข้ากำลังตัดแปลงชุด เพื่อปลอมตัวไปสมัครการประลองเวท”

 

เด็กสาวบอกไปตามตรง โหราจารย์มองนางนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม

 

“รู้หรือเปล่าว่ามันอันตราย”

 

“อาเซอร์บัสบอกข้าแล้ว”

 

“ท่านอาเซอร์บัสเตือนแล้วอย่างนั้นหรือ” โหราจารย์พูดเสียงสูง และถอนใจ “แสดงว่าเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้และคงห้ามแล้วแต่ท่านก็ยังดึงดันที่จะทำ” เขามองเด็กสาว “ทำไม”

 

“ข้าอยากช่วยท่านพ่อกับท่านแม่” เบอร์ทิน่าตอบและรีบพูด “ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่มั่นใจกับแผนของพวกท่าน แต่ท่านอาอายุมากแล้ว เดินทางไกลแบบนั้นจะเป็นอันตราย”

 

“ท่านออร์เด็นไม่ได้เดินทางไปเพียงลำพัง ยังมีทหารหนึ่งกองร้อยกับจอมเวทอีกนับสิบคน”

 

“แน่ใจได้ยังไงว่าจอมเวทพวกนั้นจะไม่หักหลัง” เบอร์ทิน่าเถียงและลดน้ำเสียงลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว “ขอโทษ ข้าเป็นห่วงท่านอา เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”

 

“แล้วท่านไม่ห่วงประชาชนไมธีร่าหรือ” โหราจารย์ถาม “คิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าผู้ปกครองออกไปกันหมด ชาวเมืองจะทำยังไง และถ้าเมืองข้างเคียงรู้ว่ากษัตริย์วาเก็นกับราชินีไอดามีอันเป็นไปแล้ว ไมธีร่าลุกเป็นไฟแน่”

 

“ข้าถึงอยากให้ท่านอาอยู่เฝ้าเมือง” เบอร์ทิน่าเถียงอุบอิบ และเหลือบตาขึ้นมองโหราจารย์เหมือนหยั่งเชิงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่นางเพิ่งพูดออกไปหรือไม่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่ง เด็กสาวจึงสูดลมหายใจเข้าและยืดอกขึ้น “ท่านอาเป็นถึงมหาอำมาตย์ พร้อมทั้งประสบการณ์และความสามารถ ท่านสามารถดูแลไมธีร่าได้ดีกว่าข้าแน่”

 

“ถ้าเจ้าลงสมัครและผ่านเข้ารอบ คิดหรือว่าท่านออร์เด็นจะยอมให้ไปด้วย” โหราจารย์ถาม เบอร์ทิน่าขมวดคิ้วคิดอยู่อึดใจจึงตอบ

 

“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องข้าจะมัดท่านอาขังไว้ในห้องแล้วย่องเงียบออกไป”

 

โหราจารย์ทำตาโตเหมือนนึกไม่ถึงว่าเจ้าหญิงแสนซนจะพูดออกมาแบบนั้น ราเชนถึงกับใจแป้วเพราะคิดว่าบิดาคงโกรธแน่แต่ผิดคาดเพราะโหราจารย์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

 

“ตอบได้สมกับเป็นท่าน” เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ขออภัยกับกิริยาไร้มารยาทเมื่อครู่ แต่ข้าอยากลองใจท่านดูนิดหน่อยจึงถามคำถามแบบนั้นออกไป”

 

“หมายความว่าท่านพ่อเห็นด้วย” ราเชนพูดเหมือนนึกไม่ถึง บิดามองเขาด้วยหางตา

 

“ข้าไม่เห็นด้วย แต่ทำตามคำแนะนำของท่านอาเซอร์บัสต่างหาก”

 

“อาเซอร์บัส” เบอร์ทิน่าทวนคำด้วยความแปลกใจ “เขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ แต่เมื่อไหร่ เพราะข้าเพิ่งตัดสินใจบอกราเชนตอนก่อนมานี่เอง”

 

“ท่านปิดบังความในใจกับจอมเวทไม่ได้หรอก โดยเฉพาะผู้มีพลังด้านมืดอย่างท่านอาเซอร์บัส” โหราจารย์กล่าวพลางมองชุดเกราะแมวเหมียวในมือเด็กสาว “หากจะสวมชุดนี้เข้าประลอง โปรดฟังคำแนะนำจากคนแก่สักนิด ปรับหน้ากากให้กระชับศีรษะ เปิดบริเวณตาให้กว้างขึ้นจะได้มองรอบตัวได้ชัด เพราะเจ้าหญิงมีเพียงเวทดวงดาว ไม่มีอำนาจสัมผัสพลังเหมือนจอมเวททั่วไป ส่วนชุด ให้คงเกราะช่วงอกเอาไว้เพื่อป้องกันแต่ตัดช่วงล่างทิ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นกระโปรงสั้น มันจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจอมเวทหนุ่มบางคน และควรทำประเป๋าเล็กๆไว้ในตำแหน่งที่หยิบใช้สะดวกเพื่อเก็บเหรียญดวงดาว”

 

เขาหยุดพูดเหมือนกำลังนึกคำแนะนำเพิ่มเติม “อ้อ อุ้งมือกับหางนั่นไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ส่วนหูจะเก็บเอาไว้ก็ได้” พูดจบก็หันไปทางราเชน

 

“ตามข้ามา”

 

 




Create Date : 23 ธันวาคม 2556
Last Update : 23 ธันวาคม 2556 9:12:10 น.
Counter : 454 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี