ผมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่เอารธน.ฉบับไมโครเวฟ .
ไม่ได้เขียนอะไรมานาน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เพราะรู้สึกว่าเอียนกับเรื่องพวกนี้มาก ไม่อยากคิดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร เพราะรู้สึกว่าถ้าจะพูดคุยเรื่องการเมืองช่วงนี้ ต้องกลั่นกรองคำพูดดี ๆ และไม่ให้เจืออคติคนไทยทุกวันนี้ ทะเลาะกันเพราะถือ หลักกู มากกว่า หลักการกลายเป็นว่า อะไรที่เป็นพวกเรา ทำผิดแค่ไหน ก็ดูดี อะไรที่ไม่ใช่พวก ทำดีก็โดนด่า ถากถาง ไม่ (ค่อย) มีใครที่มีจุดยืนในความถูกต้อง คืออะไรที่ถูกต้อง ไม่ว่าพวกเดียวกัน หรือต่างกัน ก็ต้องว่าถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูก ผิด หรือเลว ในบรรทัดฐานของสังคมที่เรายอมรับ เราก็ต้องว่ามันผิดเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ ด่ารัฐบาล ก็หาว่าเป็นพวกพันธมิตร หาว่าเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ ส่วนฝ่ายรัฐบาล กระโดดถีบคนอื่น ยังมีคนชื่นชม ราวกับเป็นวีรบุรุษแถมยังหน่ายใจกับคนบางประเภท ที่ไม่เชื่อว่าในหลวงของเรา ที่ทรงงานมา 60 ปี ทำคุณความดีเพื่อประเทศชาติ หาว่าท่านเป็น propaganda บ้าง หาว่าท่านเป็นฆาตกรบ้าง ท่านสนับสนุนรัฐประหารทุกยุคทุกสมัยบ้าง ที่มันน่าหน่ายใจ ก็คือ คนพวกข้างบน ไม่เชื่อในหลวง แต่กลับเชื่อว่า ทักษิณเป็นคนที่ทำคุณความดีให้กับประเทศชาติโดยไม่มีอะไรแอบแฝง เชื่อว่าทักษิณเป็นคนมีอุดมการณ์ มีประชาธิปไตย หรือกระทั่งอุปโลกว่าเป็นอดีตวีรกษัตริย์กลับชาติมาเกิดคนไทยชอบดูละครไทย ก็เลยชอบคิดอะไรที่สุดขั้ว มีตัวเอก มีผู้ร้าย มีตัวการเบื้องหลังบงการเรื่องต่าง ๆ ไม่มองให้สิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งธรรมดาตามธรรมชาติ นักการเมืองก็คือนักการเมือง ทักษิณก็เป็นนักการเมือง และนักธุรกิจการเมืองคนนึง ไม่ใช่คนมีอุดมการณ์รุนแรง ทำอะไรก็ย่อมคิดถึงประโยชน์ได้เสียของตนเอง พวกเกลียดก็มองเขาเป็นปีศาจร้าย จอมบงการ แต่พวกรักก็มองเป็นเทพเจ้าไปเลยเพราะเรา (คนไทย) คิดกันอย่างนั้น ส่วนหนึ่งก็ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับปู้ยี่ปู้ยำ ปี 2550 เพื่อสกัดกั้น (คนอย่าง) ทักษิณ ซะจนไม่รู้จะหาคนดีที่ไหนมาบริหารประเทศได้อีก มีกฎมีข้อห้ามหยุมหยิม และ ปัญญาอ่อน เต็มไปหมดรัฐธรรมนูญปี 50 มีรายละเอียดเรื่องต่าง ๆ เยอะมาก แม้แต่แนวนโยบายของรัฐ ก็ยังเอามาใส่ไว้ ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์โลก แต่ตลกคือสิ่งที่ไม่พบในนั้นคือ concept หรือแนวคิดพื้นฐานของรัฐธรรมนูญConcept แรกเลย คือ คุณกะจะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อใช้กี่ปี่?? 5 ปี 10 ปี หรือ 100 ปี วิธีคิดมันก็ต่างกันแล้ว ถ้าอยากให้ใช้นาน ๆ ก็ต้องใส่เรื่องพื้นฐานหลักเข้าไปมากกว่าใส่เรื่องปลีกย่อยConcept ที่ 2 คนร่างมีมุมมองเรื่องหลักเสรีภาพ เสมอภาค และหลักประชาธิปไตยอย่างไร? ผมว่าเขาไม่เคยคุยกันตรงนี้เลย คิดแต่เรื่องวิธีการว่า มีปัญหาอย่างนี้ จะแก้อย่างนี้ แล้วสุดท้ายมันก็แก้ไม่ถูกจุด สร้างปัญหาใหม่มาอีกอย่างเช่น สว. กลายเป็นสภาผัวเมีย กับพวกนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นลูกน้องพรรคการเมือง . แทนที่จะหาวิธีการเลือกตั้งที่จะซื้อเสียงยากขึ้น หรือปลอดอิทธิพลนักการเมือง อย่างเช่น ให้เขตเลือกตั้งใหญ่ขึ้นอีก เป็นระดับภาค หรือ เขตรวมระดับประเทศ หรือกำหนดคุณสมบัติผู้สมัคร ฯลฯ . แต่กลับไปคิดว่า การเลือกตั้งคือปัญหา ให้เป็นแต่งตั้งดีกว่า.. ไม่รู้หรือแกล้งโง่ว่าการแต่งตั้งนี่แหละทายาทอสูรจะวิ่งกันฝุ่นตลบ ไม่ว่าวันนี้ หรืออนาคต ถ้ายังมีระบบแต่งตั้ง คนไทยก็ต้องมีระบบฝากเด็กเส้น อย่างว่าล่ะ สสร. ยังมาจากการแต่งตั้ง ที่วิ่งกันมาฝุ่นตลบ แต่ละคนก็เป็นนักวิ่งเต้นอยู่แล้ว ย่อมจะชอบกติกานี้ทั้งนี้ เพราะสสร. ไม่เคยคุยเรื่อ concept ของประชาธิปไตยให้แตกก่อน ว่าหลักการที่ถูกต้องคืออะไร รัฐธรรมนูญคืออะไร แล้วค่อยลงประเด็นว่าอะไรบ้างที่ควรใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นรัฐธรรมนูญคือต้นสน หรือต้นโพธิ์ ที่ต้องมีลำต้นที่ใหญ่ แข็งแรง แล้วค่อยแตกกิ่งย่อย ๆ ออกไป ไม่ใช่ต้นมะม่วงที่ลำต้นแกนหลักยังไม่แข็งแรงก็รีบแตกกิ่งก้านออกไป สุดท้ายเราก็จะได้ต้นไม้ที่ไม่ใหญ่โต ไม่แข็งแรง และบิดเบี้ยวไม่ตั้งตรงแล้วสิ่งที่เขาบอกว่าจะเอาของปี 40 มาแปะทั้งดุ้นล่ะ???นั่นมันคือการเอาของเก่ามาใส่ไมโครเวฟให้กินใหม่ชัด ๆ มันมักง่ายเกินไปหน่อยมั๊งประเทศผ่านการเรียนรู้อะไรมาเยอะแยะตลอดเวลา เราน่าจะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วทำสิ่งใหม่ให้มันดีกว่าเก่า ไม่ใช่จะแก้แบบขอไปที ให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมจริง ๆ ของประเทศชาติเล่นกันอย่างนี้ เหมือนจะแค่อยากจะเอาชนะกัน โดยไม่สนใจว่าประเทศชาติควรจะได้อะไร ประชาชนควรจะได้อะไร อีกกี่ปีมันจะจบ ???รธน. ปี 40 ก็เป็นอย่างที่เรารู้อยู่แล้วว่ามีจุดอ่อนเรื่องการตรวจสอบอำนาจรัฐ กับการป้องกันการแทรกแซงองค์กรอิสระจากอำนาจทางการเมือง นี่คือจุดหลัก แต่ยังมีจุดย่อยอีก เช่นเรื่องการกำหนด 5% ของการเลือกตั้งระบบ party listคิดจะเอาปี 40 มาใช้ ได้เอามาศึกษาข้อดีข้อเสีย จุดด้อย จุดบอดแค่ไหน หรือคิดแต่ว่า ถ้าเอา 40 มาฉันได้เปรียบ พวกข้าได้เปรียบ ก็เอามาเลย สสร. ก็ไม่ต้องตั้ง แก้กันเองยำกันเองด้วยวิธีคิดว่า เราเป็นเสียงส่วนใหญ่ แค่นี้ก็ผิดหลักประชาธิไตยแล้วถ้าจะทำอย่างนี้ ก็รอได้เลยว่าเราจะต้องมาแก้รัฐธรรมนูญกันอีกใน 3 ปี 5 ปี ประชาธิปไตย ไม่ใช่อนาธิปไตย เสียงส่วนมากไม่ได้กำหนดทุกอย่างของประชาธิไตย แต่ประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นคือ เคารพเสียงส่วนใหญ่ และให้เกียรติเสียงส่วนน้อย ถ้าเสียงส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องเคารพ และยอมรับ แต่เสียงส่วนน้อย ถ้าทักท้วงในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต้องรับฟังกันถ้าคิดได้แค่นี้ ก็คงจะไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีพันธมิตร ไม่มีนปก. และไม่มีรัฐประหารนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่า ผมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แต่รธน.ฉบับไมโครเวฟ ก็ไม่เอาเหมือนกัน
การ์ตูนซึบาสะ ช่วยสร้างจนญี่ปุ่นได้เป็นทีมฟุตบอลระดับโลก ละครไทยแนวตบตีให้อะไร
การ์ตูนซึบาสะ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กญี่ปุ่นอยากเล่นบอล จนญี่ปุ่นได้เป็นระดับโลก ทั้งที่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทีมฟุตบอลญี่ปุ่น ต่ำกว่าไทยมากการ์ตูนกีฬา ละครกีฬา หลายๆ เรื่อง กระตุ้นให้เด็กอยากเล่นกีฬา อยากเก่งระดับโลกละครญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่อง ปลูกฝังเรื่องคุณธรรม การต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเสริมความคิดสร้างสรรค์ละครเกาหลี มีความละเมียดละไม ดูแล้วทำให้จิตใจอ่อนโยน มีเพลงประกอบเป็นดนตรีคลาสิค ช่วยให้คนรู้จักซึมซับคุ้นเคยดนตรีคลาสิคอย่างไม่รู้ตัวละครเกาหลี สร้างภาพให้ประเทศดูโรแมนติก เรียกนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศใครจะบอกว่าละครก็คือละคร ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ความเป็นจริง ละครมีอิทธิพลต่อสังคมนั้น ๆ อย่างมาก เพราะคนซึมซับเข้าทุกวัน ๆ โดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวคนญี่ปุ่น ชื่นชมที่พระเอกเป็นคนเก่ง ฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ จึงอยากเป็นอย่างพระเอก อยากฉลาดแบบพระเอก อยากเล่นกีฬา เล่นดนตรีได้เก่งอย่างพระเอกแต่ละครไทยเราไม่เคยสร้างความรู้สึกตรงนั้นเลย ไม่เคยมีความลึกในตัวละคร ในเนื้อเรื่อง พระเอกไม่เคยแสดงความเก่งในการคิด การทำงาน การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี พระเอกเป็นแค่ลูกคนรวย ทายาทธุรกิจ ที่ไม่เคยแสดงความสามารถด้านการงานอะไร นอกจากจะคิดแต่เรื่องชิงรักหักสวาทกันเมื่อละครไทย สนใจแต่เรื่องชิงรักหักสวาทมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต ก็ไม่แปลกที่คนไทยทุกวันนี้ เราก็เห็นแต่ข่าวเรื่องชิงรักหักสวาท ชู้สาว กันทุกวัน มีด่าทอตบตีแย่งผู้ชาย ไม่ต่างจากละครอยากให้เลิกคิดซะทีว่าละครก็คือละคร เพราะนั่นคุณมองข้ามความสามารถของละครที่มีอิทธิพลอย่างมาก ที่จะช่วยชี้นำทิศทางของสังคมได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวการสร้างละครให้สมจริง เหมือนที่เป็นในชีวิตจริง ๆ คนจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และประทับใจได้นานกว่าละครที่ใส่บทอิจฉาริษยาเกินจริง ให้คนดูสะใจประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็เท่านั้น ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรให้คนดูเลย คือผมเชื่อว่า ละคร หนัง และงานศิลปะต่าง ๆ ก็เป็นกุศโลบาย หรือ propaganda ชั้นยอดที่จะช่วยปลูกฝังอะไรก็ได้ลงไปในคนของประเทศนั้น ๆ เราอยากจะสร้างให้ประเทศเราเป็นอย่างไร เราใช้หนังใช้ละครมาชักจูง ก็จะทำได้ง่ายกว่าการบอกเปล่า ๆ หรือสอนในห้องเรียนปัญหาคือ คนทำละครไทย สามารถเข้าให้ถึงได้มั๊ยทำละครแอร์โฮสเตท ก็ทำได้ ทำให้มีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ คาว ๆ ก็ได้ แต่ช่วยล้วงข้อมูลให้มันถึง ๆ หน่อย เสริมเรื่องการทำงานของแอร์ด้วย ว่าเขามีความยากลำบากในการเทรน ในการให้บริการยังไง แอร์ใช้ชีวิตกันยังไง ทำให้มันสมจริง แสดงปัญหาจริง ๆ และหาวิธีการแก้ปัญหาจริง ๆ สอนเรื่องการทำงานเป็นทีมก็ได้ สอนเรื่องการให้บริการก็ได้ สร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากทำงานบนเครื่องบิน ต้องเก่ง ต้องขยันยังไง จะมีเรื่องคาว ๆ แทรกมาก็ได้ ตามความเป็นจริง มีผู้หญิงขี้อ่อย ผู้หญิงที่ชอบแย่งสามี ผู้หญิงที่ไม่สนใจว่าจะนอนกับใครที่พอใจ ถ้ามันมีจริงก็ใส่เข้ามาได้ แต่ไม่ใช่ใส่การตบตีที่เกินจริง ไม่มีจริงในการทำงานแอร์เข้ามาจนล้นจอ และให้ความสำคัญกับเรื่องชู้สาวเกินจริง เพราะชีวิตจริง ๆ คนเรา เรื่องชู้สาวก็แค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดไม่อยากยกหนังต่างประเทศ แต่ Coffee Prince นี่เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นหนังรัก มีเรื่องรัก ๆ เป็นแกน แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องทำงาน ต้องหาเงิน หาลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่มีต้องทำยังไง ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องชู้สาวไปวัน ๆ ใครได้ดูก็อยากจะเปิดร้านกาแฟให้ได้อย่างนั้น ไม่ใช่ดูแล้วอยากตบตีให้ได้อย่างนางอิจฉาของเกาหลี รัฐเข้ามาช่วยส่งเสริมก็จริง แต่ก็ไม่ได้มาบอกว่าต้องสร้างเรื่องอะไร อย่างไร ญี่ปุ่นเองก็เหมือนกัน มันเกิดจากนักเขียน นักคิดทุกคน ที่ช่วยกันสร้างชาติเขาขึ้นมา คนละด้าน คนละทางที่ตัวเองถนัดซึ่งผมเชื่ออย่างมาก ว่าละครและการ์ตูนญี่ปุ่นในช่วง 20-30 ปีนี่แหละ ที่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างชาติเขาขึ้นมาได้ขนาดนี้ในวันนี้//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6260089/A6260089.html
แสงหนึ่ง
My Daemon
"Friends" - เพื่อน... ในความหมายของผมเอง
ประกาศผลไปแล้วนะครับ สำหรับโครงการสิงห์กีตาร์ตามหาสิงห์เนื้อร้อง สำหรับเนื้อร้องของผมที่เข้ารอบ 30 คนสุดท้ายไป คราวนี้พลาดหวังไม่มีอันดับติดมือครับแต่อย่างไรก็ดี อยากฝากบทเพลงนี้ที่เขียนเองกับมือ ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน เพื่อจะบอกว่า ถึงเราจะไม่ได้เจอกันทุกวัน ไม่ได้บอกรักคิดถึงกัน แต่มิตรภาพในใจนั้นไม่เคยจะลืมเลือนแด่เพื่อน ๆ ทุกคน ตั้งแต่เพื่อนวัยเด็ก เพื่อนวัยรุ่น เพื่อนมหาลัย เพื่อนนอกมหาลัย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมเมือง เพื่อนร่วมสังคม และเพื่อนร่วมโลกทุกคนครับ-------------------------------------------------------------------------------[Piano] O o อาจไม่ได้มองเห็น ไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่เรายังสื่อกันได้เสมอเราไม่เคย เปลี่ยน จะวันไหน ไม่ลบเลือนความผูกพัน[A1] จะกี่คืนวันยาวนานแค่ไหน ทุกครั้งในใจเรายังมีกันคนที่อภัยเมื่อพลาดพลั้ง ให้กำลังใจเมื่อสิ้นหวัง ขาดเกินแบ่งปันด้วยความเต็มใจ[A2] ก่อนเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา นึกถีงเวลาที่เราเคยมี...ด้วยกันทำเรื่องโง่ ๆ ที่น่าขำ ทำวีรกรรมที่ภูมิใจอดทนกันไปจนวันที่ฝัน[Hook] ไม่ต้องคอยบอกรัก ไม่ต้องคอยโทรหา ยังรับรู้ว่าเรานึกถึงกัน(กับเรามัน)ไม่ต้องมีคำพูด ไม่เคยจะมีข้อแม้ มีแต่จริงใจไม่หลอกลวงอาจไม่ต้องมองเห็น ไม่ต้องอยู่ตรงนี้ ใจเรายังสื่อกันได้เสมอไม่ว่าเรา จะอยู่ตรงไหน จะไกลเกินกว่าไปหา ยังคงมีทางให้เจอะเจอ[A3] จนวันที่เราแยกทางกันไกล หาย ๆ กันไปไม่ได้เจอกัน เหมือนก่อนแตกต่างเส้นทางในชีวิต เจอะสิ่งมากมายให้ต้องคิด สิ่งหนึ่งในใจไม่เคยลืมเลือน คือเพื่อนแท้[Bridge] แม้ว่าวันใด หนทาง ที่เราเดิน ดูสับสน ต้องการใครช่วยปลอบใจ ซักคน ต่างรู้ ว่าเรามีเพื่อนอยู่ คอยช่วยกัน ไม่มีทิ้งกันไป เพื่อนเอย(solo)[Hook] ไม่ต้องคอยบอกรัก ไม่ต้องคอยโทรหา ยังรับรู้ว่าเรานึกถึงกัน(กับเรามัน)ไม่ต้องมีคำพูด ไม่เคยจะมีข้อแม้ มีแต่จริงใจไม่หลอกลวงอาจไม่ต้องมองเห็น ไม่ต้องอยู่ตรงนี้ ใจเรายังสื่อกันได้เสมอไม่ว่าเรา จะอยู่ตรงไหน จะไกลเกินกว่าไปหา ยังคงมีทางให้เจอะเจอ[A1+] จะกี่คืนวันยาวนานแค่ไหน ทุกครั้งในใจเรายังมีกัน ไม่เปลี่ยนคนที่อภัยเมื่อพลาดพลั้ง ให้กำลังใจเมื่อสิ้นหวัง ขาดเกินแบ่งปันด้วยความเต็มใจ[A3+] จนวันที่เราแยกทางกันไกล หาย ๆ กันไปไม่ได้เจอกัน (ไม่มีเหมือนก่อน)แตกต่างเส้นทางในชีวิต เจอะสิ่งมากมายให้ต้องคิด สิ่งหนึ่งในใจไม่เคยลืมเลือน... เพื่อนเอ๊ย...