มองให้เห็นหลายมุม แต่ไม่ลืมมุมที่มองไม่เห็น
Group Blog
 
All Blogs
 

.... ก่อนจะมี "สองพี่น้องตระกูลไรท์" ยังมี "สองพี่น้องตระกูลรูทส์" ...

ความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่ขายได้เสมอ

และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราอับจนหนทาง ตกงาน บ้านถูกยึด มองไปทางไหนก็มืดมน สมบัติพัสฐานทุกอย่างก็ขายไปจนไม่เหลืออะไรให้ขายอีกแล้ว ขอจงรู้ว่า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะขายได้ไม่มีวันหมด เป็นสิ่งเดียวที่จะไม่ทำให้เราอดตาย นั่นก็คือ “ความคิดสร้างสรรค์” ของเรานั่นเอง

หลายพันหลายหมื่นปี นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มสร้างอารยธรรมบนโลกนี้ สิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ บนโลกใบเดียวกัน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยมานับครั้งไม่ถ้วน ก็คือ สิ่งประดิษฐ์ ที่เกิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์นี่เอง

ถ้าจะถามถึงสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ คงจะต้องมีบางคนยกให้ “เครื่องบิน” ของสองพี่น้องตระกูลไรท์ เป็นสุดยอดของสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาได้

“เครื่องบิน” ช่วยทำลาย “ขีดจำกัด” ของมนุษย์ที่เคยอยู่ได้แค่บนพื้นดิน ให้สามารถทะลุออกไปสู่แกนที่ 3 ในแนวดิ่งได้ สามารถโบยบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้า บรรดานกที่เคยเยาะเย้ยว่าคนบินไม่ได้เหมือนมันก็เลยต้องจ๋อยไป

แต่มีใครจะรู้ว่า ยังมีครอบครัวนักประดิษฐ์อีกบ้านหนึ่ง ไม่ไกลกันกับบ้านของพี่น้องตระกูลไรท์เท่าไหร่ ที่มีสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายนัก แต่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถทำเงินให้กับเขาได้อย่างมหาศาล และนี่คือเรื่องของ “ความคิดสร้างสรรค์ที่ขายได้” ของเขา... สองพี่น้องตระกูลรู้ทส์

เมื่อร้อยปีที่แล้ว ขณะที่สองพี่น้องตระกูลไรท์ กำลังทดลองบินด้วยเครื่องร่อนรุ่นล่าสุดของเขา สองพี่น้องตระกูลรู้ทส์ ก็กำลังประกอบเครื่องเป่าลม (Blower) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา เพื่อส่งขายไปทั่วอเมริกา

ฟรานซิส รู้ทส์ และ ฟิลันเดอร์ รู้ทส์ สองพี่น้องจากครอบครัวโรงทอผ้าขนแกะในเมือง อ็อกซ์ฟอร์ต รัฐโอไฮโอ้ ได้สืบทอดดูแลกิจการโรงทอจากพ่อของเขา และย้ายกำลังการผลิตมาอยู่ที่เมืองคอนเนอร์สวิลล์ รัฐอินเดียน่า ที่อยู่ติดกัน เนื่องจากเมืองคอนเนอร์สวิลล์เป็นเมืองท่าที่มีทำเลในการค้าขายดีมาก สามารถส่งสินค้าบรรทุกผ่านคลองไวท์วอเตอร์ ไปทั่วอเมริกาได้ และที่นี่เอง คือต้นกำเนิดของสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพี่น้องตระกูลรู้ทส์

ทั้งคู่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เข้ามาช่วยทำงาน จากความช่างประดิษฐ์ของพี่น้องรู้ทส์นี้เอง เครื่องจักรใหม่ ๆ ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในโรงงานอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้ง กังหันน้ำที่ ใช้ใบพัดไม้ทรงเลข 8 สองใบ วางขนานกัน และหมุนในทิศตรงข้ามกัน ทำให้ได้กำลังส่งที่แรงกว่ากังหันน้ำปรกติ



ขณะที่เขากำลังปรับแต่ง และทดลองหมุนกังหันเปล่า ๆ โดยไม่มีน้ำอยู่นั้น ทั้งคู่ก็เกิดไอเดียใหม่เมื่อพบว่า เพียงแค่หมุนเบา ๆ ที่เพลาทั้งสอง ลมที่ออกมาก็แรงมากจนหมวกบนหัวถึงกับปลิวขึ้นไปได้ พี่น้องตระกูลรู้ทส์เลิกคิดถึงกังหันน้ำ แล้วพัฒนามันให้กลายเป็นเครื่องเป่าอากาศกำลังสูงสำหรับงานอุตสาหกรรม แล้วนำไปเสนอขายให้กับโรงงาน และหน่วยงานต่าง ๆ หลายแห่ง ซึ่งครั้งแรก ได้ถูกนำไปติดตั้งเพื่อระบายอากาศที่เหมืองคอมสต็อกล็อด ไม่ไกลจากโรงงานที่คอนเนอร์สวิลล์

ด้วยปริมาณลมที่มาก และสม่ำเสมอ เครื่องเป่าลมของพี่น้องรู้ทส์ ได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ในงานแสดงเครื่องจักรต่าง ๆ มากมายทั่วโลก เช่น รางวัลสูงสุดในด้านการออกแบบ การใช้งาน วัสดุ และประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ที่ปารีส ในปี 1867 รางวัลสูงสุดสำหรับการออกแบบเครื่องจักรที่เวียนนา ในปี 1873 และอีกหลายรางวัลทั่วอเมริกา

เครื่องเป่าลมแบบรู้ทส์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ตั้งแต่โรงเหล็ก โรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมอาหาร โรงงานเคมี โรงงานกระดาษ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และแม้แต่ โรงบำบัดน้ำเสีย แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมาก คือเมื่อครั้งที่เทศมนตรีแห่งเมืองนิวยอร์ค จะก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดินขบวนแรก ในปี 1867 เครื่องเป่าลมดังกล่าว ถูกทำหน้าที่ที่ไม่น่าเชื่อ คือ ใช้ดันให้รถไฟใต้ดินวิ่งจากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่งได้ เขาเรียกฉายามันว่าเป็น “พายุทอร์นาโดแห่งตะวันตก” หรือ “Western Tornado” เป็นพายุที่ห่อหุ้มด้วยโลหะสูงถึง 21 ฟุตครึ่ง เพื่อส่งปริมาณลมถึง 100,000 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ด้วยอัตราการหมุนที่ต่ำเพียง 60 รอบต่อนาทีเท่านั้น แม้แต่องค์การนาซ่าเอง ก็ยังต้องเรียกใช้บริการเครื่องเป่าอากาศจากพี่น้องตระกูลรู้ทส์ เมื่อต้องการจะสร้างอุโมงค์ลมขนาดยักษ์ในปี 1940 ที่ศูนย์วิจัยลูอีส ในเมืองเคลฟแลนด์



นอกจากนี้ สองพี่น้องตระกูลรู้ทส์ ยังอุทิศตัวเพื่อสังคม และชุมชนเมืองคอนเนอร์สวิลล์อีกมากมาย ทั้งคู่ได้มีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชนทั้งเรื่องของการค้า และสังคม ซึ่งต่อมา ฟรานซิส รู้ทส์ ได้เป็นประธานบอร์ดบริหารของธนาคารกลางแห่งเมืองคอนเนอร์สวิลล์ อันเป็นตำแหน่งสุดท้าย จนวันสุดท้ายของชีวิตของเขาเอง

โรงงานผลิตเครื่องเป่าลมของสองพี่น้องรู้ทส์ในเมืองคอนเนอร์สวิลล์ เติบโตขึ้นพร้อม ๆ กับการเติบโตของยุคอุตสาหกรรมในอเมริกา ครอบครัวของรู้ทส์ส่งเครื่องเป่าลมไปขายทั่วโลก โดยที่ไม่เคยสร้างโรงงานสาขาที่อื่น จนปัจจุบันมีโรงงานผลิตเครื่องเป่าลมอุตสาหกรรมใน “แบบของรู้ทส์” จากผู้ผลิตอื่น ๆ อยู่ทั่วโลก และเรียกชื่อเครื่องเป่าลมที่มีหลักการทำงานแบบนี้ว่า “Roots Type” แม้ว่าจะไม่ได้ผลิตโดยรู้ทส์ก็ตาม กิจการของการผลิตเครื่องเป่าลมชนิดนี้ก็ยังคงมีดำเนินการอยู่จวบจนทุกวันนี้ แม้แต่ที่บ้านเราก็มีใช้งานเครื่องเป่าลมชนิดรู้ทส์ ที่ผลิตจากโรงงานของรู้ทส์แท้ ๆ ในคอนเนอร์สวิลล์ใช้งานอยู่เช่นกัน คือที่โรงบำบัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

ความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ในชีวิตประจำวัน บวกกับการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจเพียงแว่บเดียว ก็ถึงกับเปลี่ยนแปลงชีวิตของพี่น้องตระกูลรู้ทส์ จากเจ้าของโรงงานทอผ้า ให้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องจักรกลที่ขายไปได้ทั่วโลก พร้อม ๆ กับการสร้าง “สิ่งใหม่” ที่มีคุณค่าให้กับโลกอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเกินจากความคาดหมายจากที่เขาคิดไว้มาย

บ่อยครั้งที่การ “ขายความคิดสร้างสรรค์” ให้ประโยชน์มากกว่าที่เจ้าของความคิดจะคาดคิดหลายเท่านัก




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 18 มีนาคม 2551 1:01:34 น.
Counter : 873 Pageviews.  

ว่าด้วยการเรียนต่อที่ฝรั่งเศส

ถ้าพูดถึงฝรั่งเศส หลายคนอาจจะคิดถึง ศิลปะ แฟชั่น ภาพยนตร์ น้ำหอม ไวน์ กระเป๋าหลุยส์ วิตอง รถเปอโยต์ หรือแม้กระทั่งนักฟุตบอลชื่อดังของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ประเทศฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญต่อโลกมาอย่างยาวนาน ทั้งในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรม และเทคโนโลยี รวมไปถึงบทบาทในฐานะส่วนหนึ่งของประเทศสหภาพยุโรป (EU) ที่นับวันจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น และกำลังก้าวขึ้นมาเป็นอีกขั้วมหาอำนาจอีกหนึ่งของโลกในปัจจุบัน

ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ให้ความสำคัญกับเรื่องของศิลปวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพชีวิต และยึดถือเรื่องของความเสมอภาคเท่าเทียมกันของคนเป็นหลัก โดยจะให้ความสำคัญกับผู้ด้อยโอกาสในสังคม ให้สามารถมีความเป็นอยู่ที่สบายเหมือนกับคนปกติ หรือคนมีฐานะทั่วไป คนฝรั่งเศสโดยทั่วไป ดูจะเป็นคนหัวอนุรักษ์นิยม ชอบอะไรที่เป็นแบบเดิม ๆ คลาสสิค ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรืออะไรที่หวือหวาจนเกินไป และเป็นคนมีอัธยาศรัยดี ช่างพูดช่างคุย แต่อาจจะมีนิสัยขี้บ่น ขี้นินทาคล้าย ๆ กับนิสัยคนไทยอยู่บ้างเป็นบางที

เป็นเวลานานมาแล้วที่เรามีนักเรียนไทยมาศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส นับตั้งแต่ในยุคที่พระมหากษัตริย์ของไทยนิยมส่งบุตรหลานมาเรียนต่อยังประเทศยุโรป เพื่อนำความรู้ และวิทยาการกลับมาพัฒนาประเทศ ในปัจจุบัน มีนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในสาขาต่าง ๆ อยู่ประมาณ 300-500 คน โดยสาขาที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ก็ได้แก่ สาขากฎหมาย สาขาทางด้านศิลปะ วาดภาพ แฟชั่นดีไซน์ ภาพยนตร์ ภาษาศาสตร์ วรรณคดี สาขาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถึงสาขาทางด้านสังคมและวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่นรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บริหาร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จำนวนของนักเรียนไทยในฝรั่งเศสยังถือว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือญี่ปุ่น ทั้งนี้นอกจากเรื่องของอุปสรรคทางด้านภาษา ที่ต้องเรียนเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด และเรื่องของระบบการศึกษาที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากของบ้านเราพอสมควรแล้ว ปัจจุบันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการศึกษาต่อที่ฝรั่งเศสไม่มากนัก และอยู่ในวงจำกัด ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว การเรียนต่อที่ฝรั่งเศสนับว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ทั้งด้วยการศึกษาที่มีมาตรฐานสูง และค่าเรียนที่ถูกมาก ซึ่งจะทำให้ความฝันของคนที่ต้องการจะเรียนต่อต่างประเทศ แต่มีทุนทรัพย์จำกัด มีโอกาสเป็นจริงได้
ถ้าพูดว่าไปเรียนต่อฝรั่งเศส อาจจะฟังดูหรูหรามาก แต่มีน้อยคนจะรู้ว่างบประมาณโดยทั่วไป สำหรับการเรียนต่อที่ฝรั่งเศสในทุกสาขา รวมค่ากินอยู่ ค่าที่พัก ค่าเดินทาง จะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 400 ยูโร หรือปีละไม่เกิน 300,000 บาท เท่านั้นเอง

ทั้งนี้เพราะในประเทศฝรั่งเศส เขาถือว่าการศึกษาไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องที่รัฐต้องสนับสนุนให้กับผู้ที่ต้องการจะเรียนในทุกระดับชั้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยรัฐของฝรั่งเศสทุกแห่ง จะไม่มีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนอะไร นอกจากค่าลงทะเบียนรายปี เพียงแค่ 200-300 ยูโรต่อปีเท่านั้น (10,000-15,000 บาท) สำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย (Université) และประมาณ 600-1000 ยูโรต่อปี (30,000-50,000 บาท) สำหรับการเรียนในโรงเรียนชั้นสูง หรือโรงเรียนเฉพาะทาง (Grande Ecole) เช่น โรงเรียนวิศวกรรม โรงเรียนรัฐศาสตร์ และโรงเรียนทางด้านการบริหารต่าง ๆ ทั้งนี้หลักการดังกล่าว ใช้ทั้งกับนักเรียนฝรั่งเศส และนักเรียนต่างชาติที่เรียนที่ฝรั่งเศสอย่างเสมอภาคกัน แต่จะยกเว้นในหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ เปิดขึ้นมาเป็นพิเศษ เช่น หลักสูตร international ภาคภาษาอังกฤษ หรือหลักสูตรสาขาพิเศษอื่น ๆ ซึ่งมักจะมีการเก็บค่าเรียนเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นอีก คือประมาณ 6,000-12,000 ยูโรต่อปี (300,000- 600,000 บาท) แต่ก็ยังนับว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับการเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษที่ต้องเสียค่าเทอมสูงถึง 50,000-100,000 ดอลล่าร์ ต่อภาคการศึกษา (200,000-400,000 บาท) และอาจจะถูกกว่าค่าเรียนในระดับปริญญาโทและเอกในบ้านเราอีกหลายที่เสียด้วยซ้ำ

เรื่องของภาษา ดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับคนที่อยากจะมาเรียนที่ฝรั่งเศส เพราะผู้ที่จะมาเรียนที่ฝรั่งเศสทุกคนจำเป็นต้องรู้ภาษาฝรั่งเศส เพื่อใช้ในการเรียน และในชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะเลือกที่จะเรียนในหลักสูตรที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม การต้องมาเริ่มเรียนภาษาที่สามใหม่ โดยที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลย อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร แต่เมื่อคุ้นเคยแล้ว จะเหมือนกับได้กำไรชีวิต คือได้รู้จักภาษามากขึ้นอีก 1 ภาษา ทำให้โลกของเรากว้างขึ้น ได้มารับความรู้จากแหล่งความรู้ใหม่ ๆ โดยที่ไม่มีกำแพงของภาษามากั้นเอาไว้ การที่ได้รู้เพิ่มขึ้นอีก 1 ภาษา และเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในวันข้างหน้า ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน ซึ่งเราอาจจำเป็นต้องติดต่อสื่อสาร ทำธุรกิจกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ภาษาฝรั่งเศสก็เป็นอีกภาษาหนึ่งที่สำคัญ มีผู้ใช้อยู่หลายประเทศ และถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 5 ของภาษาหลักทางการของสหภาพยุโรป อีกด้วย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การใช้เวลาเรียนภาษาฝรั่งเศสที่ประเทศฝรั่งเศสเพียงแค่ 2-3 เดือน ก็เพียงพอในการที่จะทำให้สามารถพูด เขียน หรือสื่อสารได้อย่างคล่องในระดับหนึ่งแล้ว โดยส่วนมากนักเรียนไทยในฝรั่งเศสหลายคนมักจะใช้วิธีลงเรียนคอร์สภาษาฝรั่งเศสที่ฝรั่งเศส เป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือบางคนที่มีพื้นฐานมาบ้าง อาจจะใช้เวลาในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนของฝรั่งเศส คือประมาณเดือนกค. ถึงสค. ลงเรียนภาษาแบบ Intensive เพื่อปรับสภาพก่อนเข้าเรียนจริง ก็สามารถทำได้

สำหรับเรื่องความเป็นอยู่ที่ฝรั่งเศส การมาอยู่ในสถานะของนักเรียนที่ฝรั่งเศส จะได้รับการช่วยเหลือ และดูแลจากรัฐเป็นอย่างมาก มีเงินช่วยเหลือในเรื่องที่พัก มีสวัสดิการในเรื่องการประกันสุขภาพที่จ่ายในราคาถูก แต่ทำให้ไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ มากมาย อายุต่ำกว่า 25 สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถทุกชนิดในราคาพิเศษ โรงอาหารราคาพิเศษสำหรับนักเรียน ที่ถูกกว่าการไปกินตามร้านอาหารถึง 4-5 เท่า รวมไปถึงค่าสวัสดิการ และทุนการศึกษาอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ความเป็นอยู่ไม่ลำบากจนเกินไป

โดยรวมแล้ว การมาเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนต่อต่างประเทศ เพราะนอกจากจะได้รับความรู้ที่มีมาตรฐานสูงแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเรียนก็ถือว่าถูกมาก แล้วยังได้ภาษาที่สามมาเป็นของแถม กับได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองแห่งศิลปะ ที่มีสีสันชีวิตชีวาน่ารื่นรมย์อีกด้วย ใครที่กำลังมองหาที่เรียนต่อดี ๆ ในงบประมาณที่ไม่แพงจนเกินไป น่าจะลองมาศึกษาข้อมูลของการเรียนต่อที่ฝรั่งเศสดู อาจจะทำให้ความฝันเป็นจริงได้ไม่ยากเลย

ใครมีคำถามเพิ่มเติม ส่งมาทาง email หรือ add msn : athnp@hotmail.com ก็ได้นะครับ




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 18 มีนาคม 2551 0:59:01 น.
Counter : 8955 Pageviews.  

เพิ่งเปิดบล็อคใหม่ครับ .... (ทดลองออกอากาศ)

สวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามาชมครับ... ทั้งไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตามที เห็นใคร ๆ เขาก็มีบล็อคกัน ก็เลยลองถอยเอามาเล่นดูบ้าง ถ้าเข้ามาแล้วยังเจอบล็อคว่าง ๆ อยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะเจ้าของบล็อคเป็นคนขยันมากกกก...

ช่วงนี้ถือว่าทดลองออกอากาศอยู่ ก็ขอเชิญเข้าไปชมเรื่องทดลองเล่าใน group blog ทางซ้ายมือได้เลยนะครับ

วิชาการ : เรื่องพลังงานลม
อยู่/เที่ยว/ฝรั่งเศส : ว่าด้วยเรื่องของ "ม้าหมุน... จริง ๆ นะ"




 

Create Date : 15 เมษายน 2548    
Last Update : 15 เมษายน 2548 5:25:27 น.
Counter : 503 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

หลายมิติ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




คนเราบางคน เป็นคนหลายคน ได้ในคน ๆ เดียว
คนเราหลายคน กลายเป็นคน ๆ เดียวกันได้กับคนอีกหลายคน
คนเราบางคน เป็นเหมือนคนหลายคน ที่ไม่เหมือนคนอีกหลายคน
Friends' blogs
[Add หลายมิติ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.