|
สิ้นสวาท (นิยายไทย)
สิ้นสวาท ผู้แต่ง โรสลาเรน พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกถึงครั้งที่สาม โดยสำนักพิมพ์บำรุงสาส์น 2518-2535 ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์รวมเล่มครั้งที่ 4 พ.ศ. 2540 ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2547
เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน สมัยเด็กๆ จำไม่ได้แล้วว่าอ่านตอนมอต้น หรือมอปลาย เอ๊ะหรือจะเป็นประถมปลาย?สิ้นสวาทเป็นเรื่องที่เราอ่านแล้วร้องไห้ฮือๆ น้ำตาไหลพราก ในบทอวสาน
อ่านอีกทีเมื่อวานนี้ - -เฮ้ย ทำไมมันช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออะไรอย่างนี้? อย่าว่ากันนะ ของอย่างนี้มันต่างจิตต่างใจกันจริงๆ
เล่มแรกนี่แทบจะไม่มีเรื่องของพระเอกนางเอก มีแต่เรื่องของพระเอกคนเดียว บรรยายความเจ้าชู้ของตัวเอง อันนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้บรรยายเรื่องการเมืองด้วยนี่สิ งง และน่าเบื่อมาก ใครที่กำลังศึกษาเรื่องนิยายสะท้อนภาพการเมืองในยุค 30 ปีที่แล้วยังไง เอาเรื่องนี้ไปศึกษาได้ รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะคนแต่งแทรกการเมือง และแขวะการเมืองแทบจะทุกหน้า สรุปแล้วสมัยที่ประชากรไทยมีจำนวน 40 ล้านคนนั่นน่ะ แนวสังคมนิยม หรือประชาธิปไตยนิยมมาแรงกันแน่?
เรื่องราวทั้งหมด ดำเนินผ่านตัวพระเอก ที่เขียนบันทึกบรรยาย สรรพคุณ สรรพโทษ ของตัวเอง นัยว่าให้นางเอกอ่าน แต่นางเอกไม่ได้อ่านหรอกค่ะ ไอ้ที่น่าเบื่อคือ พูดถึงเรื่อง ก ยังไม่ทันจบ โยงไปเรื่อง ข ค ง แล้วค่อยวกกลับมา ก อีกที แล้วไอ้ ข ค ง นั่นก็ไม่พ้นเรื่องการเมือง ดังนั้นอ่านรอบสองนี่ เราเปิดผ่านๆซะมาก สงกะสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าสมัยเด็กน่ะ อ่านทุกตัวอักษรหรือเปล่า? อาจจะเป็นเพราะตอนนี้กำลังเหนื่อยกับการเมือง อยากพักสมอง หานิยายที่ให้ความบันเทิง แต่เรื่องนี้ก็ดันมาสะกิดต่อมการเมืองให้พุ่งปรี๊ด อันที่จริงคนแต่งเขาก็ตั้งใจจะทำให้มันตลก แต่จิตใจคนอ่าน
ขำไม่ออกแล้ว
เล่มสอง ดีขึ้นหน่อย มีเรื่องของพระเอกนางเอกเต็มๆ นางเอกก็เหลือเกิน (จะทน) ช่างเก็บงำอะไรต่ออะไรไว้มากมายก่ายกอง ทุกข์ก็ทุกข์คนเดียว เธอเป็นเด็กกำพร้าค่ะ สู้ชีวิตมาคนเดียว เธอก็เลยชินกับการตัดสินใจอะไรคนเดียว ซึ่งในชีวิตคู่ ทำอย่างนี้ก็พังสิคะ
ตัวพระเอกก็แสนจะเป็น typical Thai guy ผู้ช้าย ผู้ชายไทย ซะเหลือเกิน เจ้าชู้ คิดอะไรเป็นเรื่องง่ายไปซะหมด เมียทำเย็นชานิดๆหน่อยๆ แทนที่จะใช้ลูกออดลูกอ้อน ดันไปใช้วิธีหาผู้หญิงที่ง่ายแทน พอมันยากขึ้นมา แก้ไม่ได้ ชีวิตครอบครัวพัง อะโธ่
อย่ามาหวังให้ผู้หญิงอภัยค่ะ มันไม่ง่ายขนาดนั้น ไอ้ที่เศร้าในบทอวสาน คือจดหมายของนางเอกที่เขียนให้ลูก ตลอดทั้งเรื่องเราไม่รู้เลยว่านางเอกคิดยังไง แต่จดหมายทำให้เรารู้ คราวนี้คนอ่านไม่ร้องไห้โฮเหมือนสมัยโน้นแล้ว แค่ซึมๆ
ประโยคสุดท้ายเขียนว่า ชายชาตรีต้องอดทน อย่าร้องไห้
แม่ไม่เคยสิ้นสวาททั้งพ่อ
และลูก จูบพ่อแทนแม่ด้วยนะลูก
และเรื่องสิ้นสวาทก็จบลงด้วยการไม่สิ้นสวาท แล้วยังไง? ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่ด้วยกันเล่า ตายจากกันไปแล้วถึงมาบอกนี่มัน
Create Date : 09 ตุลาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 11 พฤษภาคม 2550 13:02:13 น. |
| |
Counter : 3548 Pageviews. |
| |
|
|
|
เลือดรักเลือดแค้น (ละครจีนสากล)
Heaven's Retribution มาแนวใหม่ คุยเรื่องหนังจีนสากลเรื่องที่เราชอบที่สุด ดูเรื่องนี้ตั้งแต่เป็นเด็กประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นฉายตอนกลางคืนทางช่อง 3 ยุคนั้นก็มีเพื่อนรักเพื่อนแค้น คู่แค้นสายโลหิต ฯลฯ แต่ชอบเรื่องเลือดรักเลือดแค้นที่สุด ตามหาหนังเรื่องนี้มาหลายปี แล้วก็ได้มาเมื่อวันก่อน คุณภาพ vcd ห่วยมาก ดูไม่ได้เป็นบางแผ่นก็ต้องยอมซื้อ ได้มา 32 แผ่น แผ่นที่ 29-30 ดูไม่ได้เลย ดูสองวันจบ ไอ้เครื่อง Family นี่มันทนเหมือนแรดจริงๆแฮะ เล่น 10 แผ่นติดต่อกันไม่ยักกะเจ๊ง ถ้าเป็นแนวดราม่าต้องยกให้หนังจีนสากลเขาไป แผ่นหนึ่งถึงแผ่นสามนี่ ดูไปร้องไห้ไป มันห้ามไม่อยู่ น้ำตาไหลพรากๆเปียกเสื้อไปหมด (หาอย่างอื่นไม่ทัน เลยเอาเสื้อเช็ดแหะๆ) เป็นเรื่องราวช่วงวัยเด็กของพระเอกซ้งปัง (หวงเย่อหัว) พ่อกับแม่ตาย (เยิ่นต๊ะหัว + หมีเซียะ) แต่ก่อนตายก็ โอ้ย...อะไรจะรันทดขนาดนั้น ฮือฮือ แผ่นอื่นๆก็ร้องไห้ประปราย แล้วก็จะมาร้องหนักอีกช่วงท้าย พระเอกนี่เป็นคนดวงดีของแท้ ถูกยิงเป้ายังรอดได้ จากนั้นหนีจากแผ่นดินใหญ่มาฮ่องกง เกาะห่วงยางมากับเพื่อนอีกคนชื่อเจียงซูไห่ พระเอกฉลาด อดทนและโคตรขยัน เริ่มจากเก็บขยะ ต่อมามีรถเข็นและก็มาเปิดร้านอาหาร ส่วนไอ้เพื่อนรักตรงข้ามกับพระเอกทุกอย่าง จากนั้นพระเอกก็มาเป็นแฟนกับเหม่ยหลิง เหม่ยหลิงชอบพระเอกเพราะเห็นความซื่อสัตย์ อดทนนั่นเอง แต่ยายนี่ไม่ใช่นางเอก นางเอกชื่อเหม่ยลี่ (ซิเหม่ยเจิน) โผล่มาตอนแผ่นที่ 10 ถ้าใครเพิ่งดูจะไม่คิดว่านี่คือนางเอกหรอก เพราะปากร้าย เจ้าอารมณ์ สวยก็ไม่สวย (แต่ดูไปนานๆจะเห็นว่าเธอสวยขึ้นสวยขึ้น รัศมีความดีมันเสริมส่ง) และก็เป็นพี่สาวคนละแม่ของเหม่ยหลิง พ่อกับตาตามใจสุดๆเพราะเห็นว่ากำพร้าแม่ เจอกับพระเอกครั้งแรกก็ตบตีกันจนไหล่หลุด พระเอกช่วยต่อให้ และจากนั้นเหม่ยลี่ก็มีเรื่องให้พระเอกต้องช่วยต่อไหล่ให้อีกหลายครั้งเพราะความเจ้าอารมณ์ของเธอนี่แหละ เหม่ยลี่นี่เป็นคนประเภทปากร้ายใจดี เธอชอบพระเอกแต่พอรู้ว่าเป็นแฟนน้องก็ตัดใจแล้วยังช่วยสนับสนุนน้อง สนับสนุนธุรกิจพระเอก ให้ยืมเงินทอง ต่อมาธุรกิจร้านอาหารของพระเอกเจ๊ง เป็นหนี้ท่วมหัว บ้านไฟไหม้อีก พระเอกเลยหนีไปปักกิ่ง สำมะเลเทเมา ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหม่ยหลิงไปตามก็ไม่กลับ เหม่ยลี่ไปตามมั่ง อ้างว่าไปทวงหนี้ เธอไปตบตีพระเอก ฉุดกระชากลากถู จนเธอไหล่หลุด ขาเจ็บ พระเอกไม่มีปัญญาจะต่อไหล่ให้เพราะมือสั่นด้วยฤทธิ์เหล้า ทำตัวยังกะขอทาน นางเอกเสียใจสุดๆก็เลยตะโกนด่าไปร้องไห้ไป แล้วยังเผลอพูดความในใจออกไปด้วย ประมาณว่าเสียใจที่ดูคนผิด เสียใจที่หลงชอบ พอกลับไปถึงฮ่องกงนางเอกก็ไปเล่าให้น้องฟังและก็บอกน้องไปว่าน่าอายมากที่เผลอไปบอกความในใจ เหม่ยหลิงก็ไม่ได้ว่าอะไรที่พี่สาวมาชอบอาปัง และเธอก็ยังโกรธอาปังที่ไปตามแล้วไม่กลับมาด้วยกัน เหม่ยหลิงเลยไปคบกับแซม คนที่หลงรักเหม่ยหลิงอยู่ พระเอกเมาจนเดินตกน้ำเกือบตาย เลยคิดได้ ตัดสินใจกลับไปฮ่องกง เจอเหม่ยหลิงโลเล เลยตัดใจ เหม่ยลี่เป็นห่วงอยู่เป็นเพื่อน วันหนึ่งกินเหล้าเมาทั้งคู่ นางเอกพูดขึ้นมาว่า เธอน่ะทั้งขยัน ทำงานก็เก่ง ทำนองนี้แหละ พระเอกก็ ณ จังงัง จ้องหน้านางเอกแล้วก็พูดว่า เธอนี่เอง (ที่ฉันหามานาน) จากนั้นก็จบลงบนเตียง นางเอกไม่เชื่อเลยว่าพระเอกรักเธอจริง คงคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของเหม่ยหลิง พระเอกก็ตามง้อ น่ารักดีค่ะคู่นี้ แต่น่ารักแบบชอบใช้กำลังกันน่ะนะ เรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างสนุกเข้มข้น ตอนท้ายนางเอกเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หนีพระเอกไป พระเอกก็ตามหา แล้วก็กล่อมจนนางเอกยอมไปรักษาตัว เหม่ยหลิงมีไขกระดูกที่จะช่วยนางเอกได้แต่ไม่ยอมช่วย (เธอแค้นพระเอกหลายอย่าง) บอกว่าถ้าอยากให้ช่วยพระเอกต้องคุกเข่าขอร้อง และกระโดดตึก พระเอกทำตามทุกอย่างจนเกือบตาย (อีกแล้ว) เหม่ยหลิงไม่คิดว่าพระเอกจะรักเหม่ยลี่มากขนาดนี้ ต้องยอมแพ้ยอมช่วย นางเอกได้ไขกระดูกต้องอยู่ในห้องกระจก 2 ปีออกมาข้องนอกไม่ได้ พระเอกนางเอกต้องคุยผ่านโทรศัพท์ ซึ้งมาก ทำไมเขาถึงรักกันได้มากขนาดนี้หนอ? พอครบสองปีนางเอกได้ออกจากห้องกระจก กลับมาอยู่ด้วยกันครั้งแรก พระเอกก็มาถูกไอ้เพื่อนบ้าซูไห่ยิงตายอีก ตอนจบทิ้งให้คิด---เราว่านางเอกต้องตายตามแหงๆ แงแงเรื่องมันเศร้า
ลิ้งค์ review และภาพประกอบค่ะ
อีกลิ้งค์ คุณคนนี้ไม่คิดว่าพระเอกนางเอกตาย เพราะคำพูดที่หมอดูพูดว่าทั้งปังและเหม่ยลี่จะตายวันเดียวกัน และฉากสุดท้ายนี่ นางเอกไม่ตาย และหมอดูยังบอกให้ปังทำบุญมากๆ ซึ่งปังก็ได้ไปสร้างโรงเรียนที่เมืองจีน
เราก็อยากจะคิดอย่างนั้นแต่---ตอนอยู่บนรถพยาบาลลูกแก้ว สัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตอยู่ร่วมกันของทั้งคู่ได้หลุดมือพระเอกไป แถมรถติดอีกต่างหาก อนุมานได้ว่า พระเอกไปไม่ถึงโรงพยาบาลแหง ดังนั้นไอ้ตายวันเดียวกันที่หมอดูบอกน่าจะเป็นการที่เหม่ยลี่ฆ่าตัวตายตาม และเธอก็เกือบจะยิงตัวตายไปแล้วตอนที่เห็นปังถูกยิง แต่ปังรวบรวมแรงกำลังที่เหลือปัดปืนออกไป ดังนั้นถ้าปังตาย เธอกล้าที่จะตายตามแน่
ลิ้งค์นี้มี screenshot ให้ดูด้วย
ชิเหม่ยเจิน
 ชิเหม่ยเจิน เกิดวันที่ 5 มกราคมปี 1962 อายุ 45 ปี เข้าวงการตั้งแต่ปี 1982 เธอก็เป็น 1 ใน 5 นางเอกชั้นนำช่วงปี 80 ของทีวีบี เธอและเหมียวเฉียวเหว่ย 1 ใน 5 พยัคฆ์ทีวีบี ไม่เพียงเคยรับบทเป็นสามีภรรยากันในเรื่อง ขุนศึกตระกูลหยาง และ เดชเซียวฮื้อยี้ ในชีวิตจริงทั้งคู่ก็แต่งงานกัน ผลงานสร้างชื่อได้แก่ กระบี่เย้ยยุทธจักร (1984) รับบท เย่ว์หลิงซัน จิ้งจอกภูเขาหิมะ (1985) รับบท ฮูหยินหู ขุนศึกตระกูลหยาง รับบท องค์หญิงชิงเหลียน ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
Create Date : 30 สิงหาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 5 มิถุนายน 2550 11:42:30 น. |
| |
Counter : 5978 Pageviews. |
| |
|
|
|
รัศมีจันทร์ (นิยายไทย)
ผู้แต่ง ลักษวดี สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์รวมเล่มครั้งที่ห้า สิงหาคม ๒๕๓๘

เรื่องนี้อ่านครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยยืมจากห้องสมุดประชาชน เป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ตั้งใจว่าทำงานมีเงินเดือนเมื่อไหร่ จะซื้อมาเก็บไว้ อะแฮ่ม...และก็เพิ่งหามาเก็บได้เมื่อไม่นานมานี้ แม้จะเป็นมือสองก็เถอะ แต่สภาพดีมาก รอยพับมุมกระดาษก็ไม่มี! ต้องขอบคุณเจ้าของมือแรกมา ณ ที่นี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเก็บมาเป็นสิบปีแต่รักษาให้อยู่ในสภาพอย่างนี้ได้แสดงว่าเป็นคนที่รักหนังสือจริง
ระหว่างที่อ่านเรื่องนี้ก็เกิดความคิดผุดขึ้นมาว่า น่าจะรวบรวม นางในนิยาย ขึ้นมาสักครั้ง นางในวรรณคดี นิตยสารกุลสตรียังรวบรวมเป็นรูปเล่มขึ้นมาได้อย่างสวยงาม และน่าสะสม ถ้าเราจะเพิ่มบล็อก นางในนิยายก็น่าจะเป็นประโยชน์ ที่ไม่ใช้คำว่านางเอกก็เพราะว่า คงจะไม่พูดถึงเฉพาะนางเอก แต่จะรวมถึงนางร้ายแท้ๆ และนางร้ายในคราบนางเอกด้วย
สองนางที่น่าจะต้องกล่าวถึงเป็นคนแรกๆก็คือ องค์เทพีรัศมีจันทร์และเจ้าหญิงเอลยาในเรื่องรัศมีจันทร์นี่แหละ เล่นเอาผู้ชายในเรื่องไม่ว่าจะเป็นสุลต่านหรือข่าน รวมทั้งพระเอกเป็นแค่ตัวประกอบไปเลย ถ้าจะให้พูดตรงๆแบบไม่ไว้หน้าพระเอกก็คือ นายอับดุลลา ข่าน กลายเป็นเครื่องมือของผู้หญิงทั้งสองคนนี้!
เรื่องราวเกิดในดินแดนทะเลทรายที่เต็มไปด้วยน้ำมัน ดินแดนที่ความศรัทธาในสุริยเทพยังคงอยู่ ความลึกลับแห่งพีระมิดและสมบัติฟาโรห์ยังเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปค้นหา เมืองสมมติจะเป็นที่ใดก็ช่างเถอะ ถ้าคุณอ่านไปคิดไปว่ามันเป็นประเทศอียิปต์ จะเสียอรรถรสไปเลย คติของเราเวลาอ่านนิยายคือ อย่าไปคิดว่ามันคือประเทศนู้นประเทศนี้ ถ้าคนเขียนเขาไม่อยากให้เรารู้ หรือเขาสมมติมาให้เราอย่างนั้นก็จงเชื่อตามนั้นเถิดพี่น้องเอ้ย (ดู ASTV มาก จะติดคำฮิตมาบ้าง ขอโปรดเข้าใจ)
ยังจำได้ว่าอ่านครั้งแรก เราทั้งทึ่ง ทั้งงง ทั้งประหลาดใจ กับเรื่องขององค์เทพี นี่มันคนหรือไม่ใช่?! อ่านรอบสองนี่ไม่งง แต่จะเพิ่มความสงสาร องค์เทพี เข้าไปอีกสองเท่า องค์เทพีก็คือเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่คณะนักบวชแห่งสุริยเทพคัดสรร โดยที่เธอจะต้องมีสัญลักษณ์รูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่หน้าผาก องค์เทพีของเราไม่มี! แต่ทำให้มีได้ เพื่อที่จะได้ดำรงตำแหน่งเทพีแทนเจ้าหญิงเอลยาผู้ซึ่งมีรอยจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ข้อมือมาตั้งแต่กำเนิด การห้ำหั่นชิงไหวชิงพริบของผู้หญิงทั้งสองคน น่าติดตามจนวางหนังสือไม่ลงเลย และเช่นเดิมเรายังคงยึดมั่นในนโยบายไม่เล่าเรื่องย่อเพราะเราขี้เกียจ ก็แหม...กลัวพี่น้องที่ยังไม่ได้อ่านจะหมดสนุกในการตามอ่านด้วยตัวเองน่ะ แหะแหะ
องค์เทพีรัศมีจันทร์องค์นี้ชื่อว่ากามาร่า อ่านถึงตรงนี้แล้วค้ำขำ เพราะชวนให้นึกถึงหนังญี่ปุ่นประเภทสัตว์ประหลาด คนแต่งจะนึกถึงชื่อนั้นได้ยังไงไม่รู้ แต่เราว่าเหมาะกับเธอแล้ว เพราะเธอมีอะไรประหลาดๆในตัวเยอะซะเหลือเกิน เธอเป็นทั้งธิดาสุริยเทพ เป็นทั้งหมอจบจากโลซานน์ ทั้งทหารที่มีกองทัพปีศาจเป็นของตัวเอง เป็นนางแบบในยามว่าง ภิกษุณี นักสะกดจิต นักโหราศาสตร์ ถ้าจะมีการมอบรางวัลนางในนิยายผู้รอบรู้ที่สุด เทพีรัศมีจันทร์ได้ไปครองแน่ แหม คนอื่นจะเทียบได้ไงคะ แค่สมองอันชาญฉลาดของนางในนิยายเรื่องอื่นน่ะไม่พอหรอกค่ะ ผู้หญิงคนนี้มีทั้งสมองที่ดีเยี่ยมและยังได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาแขนงต่างๆ ทั้งแบบโบราณสมัยพันปีก่อนและแบบสมัยใหม่จากคณะนักบวชสุริยเทพระดับด๊อกเตอร์นี่ ใครอื่นจะสู้ได้เล่า แล้วยังสวยมาก จนมีโศลกสรรเสริญความงามเธอว่า
...งามโอษฐ์ดุจจะแต้ม ละม้ายแย้มติดตราตรู งามเนตรมลักหมู่ ดาริกาอันพร่าพราว...
กลิ่นกายเธอก็หอมและเป็นเอกลักษณ์ เพราะเธอใช้สารสกัดจากดอกกระบองเพชร ที่เป็นสูตรเฉพาะของเหล่านักบวชเท่านั้น ไหมล่ะ บอกแล้วว่าเธอประหลาด เอ้ย พิเศษ! มารักกับพระเอกได้ไงนี่ยังคิดไม่ตก คงเป็นเพราะพระเอกเป็นคนแรกที่กล้าแตะต้องชายพระภูษาปิดพักตร์ของเธอโดยไม่กลัวตายมั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะเธอรู้ชะตาตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือเนื้อคู่ คนที่จะพาเธอหลุดพ้นจากตำแหน่งองค์เทพี และแล้วก็จบแบบเดียวกับอีกหลายเรื่องที่ปัญหาที่ติดตัวนางเอกหรือพระเอกมาไม่ว่าเธอและเขาจะเป็นเจ้านายหรือเทพีเทโพ จะหมดลงโดยการสละตำแหน่งและไปอยู่ต่างประเทศครองคู่อย่างมีสุข ข้อดีของการอ่านนิยายมาเยอะคือคุณจะสบายใจได้ว่าไม่ว่าเขาและเธอจะสถานะต่างกันเพียงใด แม้แต่คนกับผี คนแต่งเขาก็จะหาทาง ลง ให้พระเอกนางเอกจนได้
มาถึงเรื่องของเจ้าหญิงเอลยาผู้เลอโฉมบ้าง เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อทีเดียว แต่น่าสงสารที่เจ้าหญิงต้องทำงานโดดเดี่ยว เพราะขาดแรงศรัทธาจากผู้คน! ระยะแรกๆคนอ่านจะสงสัยอยู่หน่อย ว่าเจ้าหญิงนี่ล่ะมั้งเป็นนางเอก เธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงสมัยใหม่ มีความเข้มแข็ง อ่อนหวาน แต่ช้าก่อนท่านทั้งหลาย องค์เทพีของเราถึงกับตั้งรหัสแทนตัวเจ้าหญิงว่า ดอกไม้พิษติดน้ำหวาน เชียวน้า ...ไม่ธรรมดาแน่นอน ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้ชิงรักหักสวาท ตบตีแย่งผู้ชายกัน แต่ใช้เล่ห์อุบายด้านการทหาร การเมือง การปกครองมาต่อสู้กัน โดยสิ่งที่วางเป็นเดิมพันก็ไม่ใช่พระเอก (ไม่รู้จะแย่งไปทำไม แค่ผู้ชายหนึ่งคน) แต่เป็นแคว้นรุไบยา! คิดไปก็น่าสงสารเจ้าหญิง เธอจะได้เป็นองค์เทพีที่มีอำนาจเหนือใครๆในรุไบยาอยู่แล้ว แต่เพราะเธอเป็นธิดาของข่าน ทำให้คณะนักบวชเกรงว่าจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เลยไม่ยอมรับเธอ แล้วไปควานหาองค์เทพีจนได้ ภายนอกดูเหมือนเธอต่อต้านความเชื่อโบราณ เพราะถือเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เพื่อให้รุไบยาก้าวไปสู่ความทันสมัย แต่ใจจริงแล้วเธอพยายามจะล้มล้างความเชื่อนั้นเพราะเธอริษยาองค์เทพี ความศรัทธาของชาวรุไบยานั้นน่าจะเป็นของเธอต่างหาก นี่ถ้าเจ้าหญิงรู้ว่าเทพีองค์นี้ไม่ได้มีสัญลักษณ์รูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวมาแต่กำเนิด เป็นเพียงหลานกำพร้าของนักบวชด้วยแล้วล่ะก็ เธอคงแทบจะกระอักเลือดด้วยความแค้น เจ้าหญิงเอลยานี่ก็สุดยอด จบเลขานุการมา แต่บัญชาการรบได้คล่องแคล่ว
อ่านเรื่องที่มีแต่คนฉลาดๆนี่ เล่นเอาคนอ่านที่ฉลาดน้อย เช่นเดี๊ยนเอง ^^ ตามไม่ค่อยทัน เอ...แผนอะไรฟะนี่ ต้องอ่านหน้านั้นซ้ำสองครั้งก็มี เพื่อจะได้ไล่ตามแผนของทั้งองค์เทพีและเจ้าหญิงได้ทัน
สรุปว่าเรื่องนี้สนุกค่ะ ถ้าคุณชอบความลึกลับของทะเลทราย อยากรู้ความลับอภินิหารของเทพ ประเพณีโบราณ การทำมัมมี่ ชอบเรื่องการวางแผนแก้เกมชิงไหวชิงพริบ ชอบเรื่องที่ไม่กุ๊กกิ๊กหวานแหวว ไม่นิยมนิยายประเภทตบจูบ ขอแนะนำเรื่องนี้ค่ะ
Create Date : 18 มีนาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 11 พฤษภาคม 2550 13:09:34 น. |
| |
Counter : 9215 Pageviews. |
| |
|
|
|
ฟ้าจรดทราย (นิยายไทย)
กำลังหาบัตรดูละครเวทีฟ้าจรดทรายอยู่หรือเปล่า? ถ้าใช่ อย่าลืมอ่าน comments ด้านล่าง ติดต่อกันเองนะคะ งานนี้ mrguide ไม่เกี่ยว
ฟ้าจรดทราย โสภาค สุวรรณ รวมสาส์น: พิมพ์ครั้งที่ ๑๓ พ.ศ.๒๕๔๖
ขอยกเรื่องนี้ให้เป็นที่สุดแห่งความประทับใจ เพราะตั้งแต่เริ่มอ่านนิยาย แม่ก็บอกว่าต้องอ่านเรื่องนี้ให้ได้นะ พี่สาวซึ่งเป็นเซียนนิยายอีกคนก็แนะนำเรื่องนี้ เรียกว่าแนะนำกันจากรุ่นสู่รุ่นกันเลยทีเดียว หลังจากอ่านเรื่องนี้เราก็โดนเสน่ห์แห่งทะเลทรายทำพิษ จนต้องตามอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับทะเลทรายอื่นๆ เช่น โกบี เจ้าชาย รัศมีจันทร์
เราอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกตั้งแต่ยังละอ่อน จนบัดนี้ละแก่ (ละแก่แปลว่าทิ้งความแก่?) แล้วก็ยังอ่านเป็นรอบที่ ๗ ที่ ๘ ว่ากันว่ามันคือไพรัชนิยาย ตามพจนานุกรมมันหมายถึงอะไรก็ไป search หากันเอาเองนะ สำหรับเราไพรัชนิยายก็คือนิยายที่เหมือนเรื่องแปลผสมสารคดี
- เรื่องราวไม่ได้เกิดที่ประเทศไทย
ตัวละครไม่ใช่คนไทย
- ภาษาที่ตัวละครใช้ก็ย่อมจะเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลียน อาหรับ คนอ่านจะรับรู้โดยอัตโนมัติว่าพระเอก นางเอกไม่ได้พูดภาษาไทยแน่นอน แต่คนเขียนเขาแปลเป็นไทยมาให้เราแล้ว (น่านนนน)
มีการสอดแทรกเรื่องวัฒนธรรม ความเชื่อ ภูมิประเทศ เหมือนคู่มือนำเที่ยว
เรื่องนี้พูดกันมาเกือบสิบปีแล้วว่าช่องเจ็ดจะสร้างเป็นละคร เสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกว่าคนที่จะได้เล่นเป็นชารีฟมีตั้งแต่ยุรนันท์ วิลลี่ อานัส วีรภาพ ส่วนมิเชลล์ก็มี นาตาชา เปลี่ยนวิถี- มาช่า หมิว- ซ่ารา -ชมพู่ อารยา -ปู ไปรยา และอีกมากมาย เรียกว่ารักใครชอบใครก็เป็นเจ๊ดันกันไปนั่นเอง แต่ก็ไม่เห็นสร้างได้ซักที แฟนนิยายหลายๆคนดีใจที่มันยังคาราคาซัง เพราะเกรงว่าถ้าสร้างเป็นละครกันล่ะก็ จะเสียยี่ห้อมิเชลล์กะชารีฟซะเปล่าๆ
มาเข้าเรื่องกันซะที ใครกลัวว่าจะสปอยล์ (รู้เรื่องล่วงหน้าแล้วเสียอรรถรสในการอ่านเอง ดูเอง) ก็อย่าอ่านนะจ๊ะ แต่ขอบอกว่าเราเล่าเรื่องไม่เป็นหรอก จะเก็บแค่ฉากประทับใจและอยากจะพูดถึงมาเขียนเท่านั้น มันก็คงไม่สปอยล์หรอกน่า
แหม---อยากรู้จริงๆว่าสมาชิกพันทิปท่านใดหนอนำคำว่าสปอยล์มาใช้เป็นคนแรก?
พูดถึงมิเชลล์กับชารีฟ คู่รักในฝันของใครหลายคน แต่ไม่ใช่ ยายจิ๊เพื่อนเราแน่(ขออภัยที่เอ่ยนาม) เขาชอบคู่ของอะไรน้า
ลิลลี่กับ
ลืมไปแล้ว จากเรื่องโกบี ใครรู้ช่วยบอกที เราชอบหลายคู่ ถ้าให้ยกมาซักคู่ตอนนี้ก็คงเป็นคู่ของเมยานีกับแงซายจากเพชรพระอุมา แม้เมยานีจะโผล่มาตอนสุดท้ายของภาคแรก แต่ก็ประทับใจจ๊อด โอ้
แม่นักรบหญิงของเดี๊ยน
เหตุที่หลายคนไม่อยากให้สร้างเป็นละครเพราะมิเชลล์ นางเอกของเรื่องสวยซึ้ง สวยจนไม่น่าจะเป็นคนจริงๆ
นางข้าหลวงกระซิบว่า งามเหมือนนางฟ้าเทียวค่ะ
ชายใดได้พบเจอ อารมณ์ปรารถนาจะเกิดขึ้นทันที ไม่เชื่อก็ลองอ่านตอนที่เธอถูกจับให้ไปยืนต่อในหน้าพระพักตร์ในท้องพระโรงสิ
มิเชลล์ไม่รู้ตัวว่าหล่อนถูกจ้องมองจากสายตาบุรุษเพศนับไม่ถ้วนด้วยความรู้สึกอย่างเดียวกันคือ ความปรารถนาอันร้อนแรง พวกเขาพากันจับตาอยู่ที่ผิวขาวอมชมพูอันเนียนละเอียด ยอมบาปทางใจ
ทรวงอกเต่งตึงใต้ผ้าบางพลิ้วที่สะท้อนขึ้นลงด้วยแรงเต้นอันตระหนกของหัวใจ เรือนร่างนั้นโปร่งระหงงดงาม ผมสีน้ำตาลเรียบเสมอ ดวงหน้าตระหนกของหล่อนคือเสน่ห์ประหลาดในยามนั้น
(หน้า ๑๗๔ เล่ม ๑)
และเพราะไอ้ความสวยนี่แหละ ทำให้เธอต้องผจญกับเคราะห์กรรม คิดๆดูแล้วน้ำหวานกับมิเชลล์เป็นผู้หญิงที่มี sex appeal สูงเหมือนกัน บรรยายความสวยคล้ายๆกัน แต่น้ำหวานเธอจะมีจริตของผู้หญิง แต่มิเชลล์เธอสวยแบบนางชีผู้บริสุทธิ์
ทีนี้มาพูดถึงพระเอกบ้าง หล่อเข้มอย่างทหาร ชอบดุนางเอก แต่ก็อ่อนโยนอย่างหมอ แถมโรแมนติกมากๆด้วย เสียอยู่อย่างอีตรงไว้หนวดนี่แหละ เจ๊ไม่ชอบคนไว้หนวด ถึงจะตัดเล็มเป็นระเบียบก็เหอะ
ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นต้นแบบของการให้นางเอกตัดผมสั้นแล้วปลอมเป็นผู้ชายของอีกหลายๆเรื่องรึเปล่า อันที่จริงนางเอกไม่ได้อยากตัดหรอกนะ แต่ นายพันเอกน่ะสิ ดึงผมยาวสลวยสวยเก๋ของนางเอกมาตัดๆๆๆด้วยมีดซะดื้อ ๆ เธอจะไปในสภาพผู้หญิงไม่ได้ เข้าใจหรือยัง
มีดุอีกแน่ะ
จากผู้หญิงสวย กลายเป็นหนุ่มน้อยตาฟา หน้าสวยไปในบัดดล มีคนจะยกลูกสาวให้ด้วยนา ถามจริง! นี่จะไม่รู้กันเชียวหรือว่าเธอคือผู้หญิง คนแต่งเขาก็คงเกรงว่าจะมีคนสงสัยในเรื่องนี้ก็เลยบรรยายว่า ชุดที่ใส่มันเป็นชุดคลุมหลวมของชาวเบดูอิน มีผ้าโพกหัว แล้วหน้าตานางเอกก็โทรม มอมแมม เพราะเดินทางในทะเลทราย เออ---มันก็พอกล้อมแกล้มไปได้หน่อย
เรื่องนี้มีตบจูบไหม? มีจูบค่ะ แต่นางเอกไม่ตบ เฮ้อ
เสียดายจัง เธอหยิบมีดพระเอกมาแล้วพูดว่า ฉันจะไม่ตบหน้าท่านหรอกพันเอกชารีฟ เพราะนั่นเท่ากับเร่งให้ท่านประกอบกรรมชั่วช้าขึ้นอีก
อย่านึกว่าฉันจะให้อภัยท่านนะ ต่อไปนี้เราจะไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน
จากนั้นนางเอกก็ระวังตัวแจ ยึดมีดพระเอกไว้ แต่พระเอกก็มีโอกาสกอดนางเอกเป็นครั้งคราวอีตอนพายุทรายมา
ชอบฉากรักของเรื่องนี้ที่สุด เพราะมันเกิดจากความรัก ความยินยอมพร้อมใจ ความเห็นอกเห็นใจ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล เพราะเห็นใจทั้งคู่ พระเอกไม่ได้ข่มขืน ไม่ได้เมา แต่ขออนุญาตกันตรงๆนี่แหละ นางเอกก็ยอมเพราะคิดว่าต้องตายแน่แล้วทั้งคู่ จะมัวคิดมากเรื่องเชื้อชาติ เรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมกันไปทำไม
ไม่มีฉากรักเรื่องไหน ที่น่าประทับใจเท่าเรื่องนี้ ความตายที่จะมาถึงคือความสุขครั้งสุดท้าย (หน้า ๑๒๓ เล่ม ๒)
จากนั้นพระเอก นางเอกก็ต้องพรากจากกัน จริงๆแล้วก็อยู่ใกล้กันนี่แหละ แต่พบหน้ากันไม่ได้ ตามประเพณีของชาวทะเลทราย ที่ชายหญิง ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันจะใกล้ชิด ข้องเกี่ยวกันไม่ได้ พระเอกฝึกอาวุธอยู่ นางเอกก็ทำทีเป็นมาตักน้ำในลำธารใกล้ลานฝึก พระเอกก็รู้ว่าเป็นนางเอก คำพูดตอนนี้ของทั้งคู่ซาบซึ้ง น่ารัก ปนเศร้า หลายอารมณ์เหลือเกิน อยู่คนละฝั่งของลำธาร นางเอกก็ทำเป็นตักน้ำไป พระเอกก็ทำทีเป็นล้างหน้าล้างตา ปากก็พร่ำรำพรรณถึงความคิดถึง ความห่วงใยที่มีให้กัน
โอวววววว มันยอดมาก
กระทู้เกี่ยวกับฟ้าจรดทรายในพันทิป
ถ้าเลือกได้ ชารีฟ ใน ฟ้าจรดทราย แบบไหน ในใจคุณ ถ้าเลือกได้ มิเชล ใน ฟ้าจรดทราย แบบไหน ในใจคุณ พันเอกชารีฟ ในฟ้าจรดทราย ที่เคยมีข่าวถูกวางตัวมา{แตกประเด็นจาก A4799713}
 รวบรวมมิเชลใน "ฟ้าจรดทราย" ที่บรรดาผู้สร้างเคยวางตัวกันมาค่ะ
เมื่อวันหยุดชดเชยวันฉัตรมงคล 7 พ.ค. ได้ดูรายการเปิดม่านฟ้าจรดทราย ทำให้เข้าใจว่าทั้งๆที่เป็นนิยายดังพิมพ์ล่าสุดครั้งที่ 16 แล้ว แต่ทำไมยังไม่เคยมีใครทำเป็นละคร ผู้จัดละครที่ให้สัมภาษณ์ก็มีคุณมารุต สาโรวาต คุณมยุรฉัตร และก็คุณไก่ วรายุทธ (ช่อง 3 ทั้งนั้น) คุณไก่บอกว่าอยากทำแต่มีคนได้ลิขสิทธิ์ไปแล้ว อีก 2 ท่านก็พูดทำนองว่ามันลงทุนเยอะ ต้องไปถ่ายที่ทะเลทราย "เคยได้ยินว่ามีการลงทุนทำทะเลทรายที่ศรีราชา..." คุณมยุรฉัตรบอก
ละครเวทีเรื่องฟ้าจรดทรายเดอะมิวสิเคิล ถือว่าเป็นการนำเอานิยายรักอมตะเรื่องนี้มาทำเป็นละครเป็นครั้งแรก ซึ่งเท่าที่ติดตามในรายการวันนั้นก็ทำให้รู้สึกว่า มันคือรูปแบบหนึ่งของฟ้าจรดทราย แต่ไม่ใช่ฟ้าจรดทราย พูดอย่างนี้แฟนนิยายฟ้าจรดทรายคงเข้าใจ
ความยากของการทำละครเวที ฉาก เสื้อผ้าที่อลังการ และตัวเรื่องฟ้าจรดทรายเอง---ก็น่าจะทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ฝ่ายฉากลงทุนไปโมรอคโคเพื่อไปดูพระราชวังและทะเลทรายที่นั่น
ลองหาคลิปย้อนหลังรายการนี้ แต่ก็หาไม่เจอ
ใครที่ได้ไปดูละครเวที ก็ช่วยเก็บภาพประทับใจ หรือแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ ละครเวทีเรื่องฟ้าจรดทราย

Create Date : 09 ตุลาคม 2548 |
| |
|
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 23:57:44 น. |
| |
Counter : 7369 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
 |
mrguide |
|
 |
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]

|
สวัสดีค่ะ เคยเจอปัญหา อยากจะซื้อหนังสือนิยายมาอ่านซักเล่ม แต่ก็ไม่รู้ว่า จะซื้อเรื่องอะไรดี หรือบางทีเรื่องที่ใครๆเขาว่าดี เรากลับเห็นว่าไม่เห็นจะสนุกตรงไหน ต่างจิตต่างใจนะคะ แต่อย่างน้อยถ้ามีใครมาเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ประกอบการตัดสินใจซื้อ หรืออ่าน ก็น่าจะดี ก็เลยเกิด blog นี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องที่เคยอ่านมา และเป็นเวที แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสาคนรักนิยายค่ะ
|
|
|