ส่องนกที่ทะเลน้อยเมืองพัทลุง


วันก่อนไปชมนกที่อุทยานทะเลน้อย เมืองพัทลุงมาคับ

ด้วยความที่ไม่รู้ รายละเอียด สภาพอากาส ความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลน้อย

กว่าที่ผมจะออกจากหาดใหญ่นั่งรถมาถึงพัทลุง ก็ปาเข้าไปสิบโมงเช้า

แดดก็ร้อนเปรี้ยง ๆ แล้ว



ประสมกับความไม่รู้ถึงความกว้างของพื้นที่ทะเลน้อยที่ต้องนั่งเรือหางยาวไปกลับ เป้นระยะทางกว่าสิบกิโลเมตรที่อยู่บนเรือตอนที่จ้างเรือ

ลุงคนขับเรือหางยาวแกมาเสนอราคาว่า จะพาเที่ยวนี่คิดสี่ร้อย
ผมก็อุตส่าห์ไปต่อแก

"ซ่องหร่อยได้มาย"
ผมพยายามเลียนสำเนียงวรรณยุกต์แบบคนใต้

"ซี่"
ลุงแกยืนยัน

ผมก็คิดในใจว่า สี่ก็สี่วะ

แต่พอแกพานั่งกินระยะเวลาเป็นสามสี่ชั่วโมงแบบนี้ แล้ว สี่ร้อยบาทถือว่าไม่แพงเลย

ยังรู้สึกตะหงิด ๆ อยู่ว่าไปต่อราคาแกเหลือ "ซ่องหร่อย"



ผลที่ได้รับก็คือ ต้องตากแดดกันจนผิวแสบ ๆ ไปตาม ๆ กัน


"รู้อะไรให้กระจ่ายเพียงอย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินบทกวีที่กล่าวไปนี้กันมาบ้าง

ความหมายที่มหากวีไทยได้เรียงคำร้อยสัมผัสรจนาออกมาก็คงจะประมาณว่า ในจักรวาลนี้มีสิ่งให้เราเรียนรู้ไม่จบสิ้น จะให้รู้ทุกเรื่องคงเป็นไปไม่ได้ ขอแค่ให้เรารู้ลึกรู้จริงรู้จริงในสิ่งที่ตนเชี่ยวชาญก็ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ๆ แล้ว



หลังจากที่โง่มานาน (ตอนนี้ก็ยังโง่อยู่) ผมเพิ่งมาค้นพบ คำโต้แย้งบทกวีดังกล่าวว่า

บางที การรู้ลึกรู้จริงในสิ่งเดียว โดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลยก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน

คือถ้าประมาท หรือสำคัญตัวเองผิด มันจะทำให้คนที่มั่นใจว่าตัวเองมีความรู้ ในเรื่องเดียวนั้น ๆ อาจจะยอมอ่อนน้อมถ่อมตน แต่กับผู้ที่ถือว่า "มีความรู้" ในวงการความรู้วิชาชีพที่ตัวเองถนัด

โดยไม่ยอมรับนับถือ คนในวงการอื่นที่มีความรู้แบบอื่นเลย
ถ้าเลยเถิดไป ความรู้สึกดูถูกผู้อื่น ก็อาจผุดขึ้นมาได้ ซึ่งไม่ดีเลย



หนึ่งในวิธีกำราบความรู้สึกอย่างว่า ก็คือ เราอาจจะต้องลองศึกษาหาความรู้ในเรื่องอื่นที่เราไม่ถนัดบ้าง

เผื่อเป็นการ "บริหารและถ่วงดุลอีโก้" ให้กับตัวเราเอง

เมื่อเราได้พบเจอ คนเก่ง ๆ จากต่างวงการ ต่างสสาขาวิชาชีพ เราก็จะตระหนักว่า โลกนี้ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกเรื่อง ไปโดยปริยาย

เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ว อวิชชา ความหลงผิดในอีโก้ ตัวเอง ก็จะถูกรื้อถอนออกไป จะมากน้อย ก้ขึ้นอยู่กับบุญทำกรรมหนุนของแต่ละคน



ผมเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เป้น

เพิ่งมาจับกล้องครั้งแรก ก็เมื่อสี่ห้าเดือนที่ผ่านมานี่แหละ

แรงบันดาลใจก็คือ พอผมได้ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์พี่ ๆ ช่างภาพในมัลติพลาย

เห็นเขาถ่ายสวยดีก็เลยอยากถ่ายรูปเป็นบ้าง ก็เลยซื้อกล้องมามั่วๆ ดู









ผมพยายามจะถ่ายนก เห็นในมัลติพลาย มีแต่คนถ่ายสวย ๆ

ภาพนกแต่ละตัว คมกริบ

ผมก็มั่ว ๆ มาได้แค่นี้ แหะๆ



อีกเรื่องนึงที่ผมไม่รู้เอาเสียเลย ก็คือ นกนานาพันธุ์ที่ผลัดเวียนมาเป็นนางแบบนายแบบ

ลุงคนขับเรือแกก็บอกนะ แต่ก็มักจะลืม แล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรทุกครั้งไป

ส่วนไอ้พันธุ์ที่จำได้ ผมก็ดันถ่ายเบลอจนไม่ได้มาโพส ซะนี่













เจ้านกตัวนี้เป็นพันธ์เดียวที่จำได้

คือเขาเรียกมันว่า "นกกาน้ำ"

ที่จำได้เพราะฟังแล้วขำ คือ ชื่อมันชวนให้นึกถึงกาน้ำที่ใช้ต้มน้ำร้อน













แต่เจ้าสองตัวนี้มันพันธุ์อะไรก็ไม่รู้ลุงคนขับเรือแกบอก แต่ก็ลืม



Create Date : 21 เมษายน 2552
Last Update : 21 เมษายน 2552 11:02:04 น.
Counter : 1387 Pageviews.

1 comment
ตะวันแรกแห่งสยาม


ตะวันออกสุดของสยามคือ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี

ฉะนั้น เวลาเขาพยากรณ์อากาศทางวิทยุ เราก็มักจะได้ยินว่า พระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผาชนะได" อำเภอ โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี อยู่บ่อย ๆ

ผมก็เลยอยากจะถือโอกาสไปถ่ายรูปเก็บภาพ "ตะวันแรกในสยาม" ดูบ้าง แต่ในภาพนี้ไม่ใช่ผาชนะได นะ ครับ

แต่ก็อยู่ในอำเภอโขงเจียม ตรงจดชมวิว ที่มีป้ายบอกว่า "ตะวันออกสุดเขตสยาม" นั่นแหละ คาดว่าคงไม่ต่างกันมาก ^^

ยิ่งอากาศหนาว ๆ แบบนี้ คนที่เฝ้ารอดวงตะวันจะยิ่งได้รับความอุ่นมากขึ้น



ภาพจากแม่น้ำโขง ขณะที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ

สีแดงเรื่อ ๆ ที่เห็นขึ้นสัญญาณการลุกขึ้นตื่นนอนของดวงตะวัน



ตอนนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลัดเลาะไปตามทางเดินเลียบโขง



นี่เป็นฝั่งลาว



ที่เห็นมาจากฝั่งขวา คือแม่น้ำมูล ที่ไหลออกมาบรรจบกับแม่น้ำโขงทางด้านซ้ายมือ

คนโขงเจียม เรียก "จุดปะทะสังสรรค์" ฝรั่งเรียกว่า confluence นี้ว่า "แม่น้ำสองสี"

คือ แม่น้ำมูลมีความใส จะมาบรรจบกระทบกับแม่น้ำโขงที่มีความขุ่น

ความใส่ของแม่น้ำมูลจะมีสีคราม

ส่วนความขุ่นจะมีสีแดงเหมือนปูน

เราจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "โขงสีปูนมูลสีคราม"

แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ เรามองสีทั้งสองไม่ชัดเจนเท่าใดนัก



พระอาทิตย์ค่อย ๆ ตื่นนอน หลังจากที่ "แม่ของพระอาทิตย์" ปลุก

คล้าย ๆ คนนอนคลุมโปง ค่อย ๆ แง้ม จากผ้าห่มหนา ๆ ตอนอากาศหนาวๆ เลยแฮะ


ตื่นแล้ว



ริมแม่น้ำโขง



ลมพัด ต้นไม้ตามเกาะแก่งพริ้วไหว



ข้าวจี่ชุบไข่ปิ้ง ร้อน ๆ กลิ่นหอม ๆ ท่ามกลางอุณหภูมิสิบกว่าองศา


หมาใครก็ไม่รู้



Create Date : 25 มกราคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 3:27:39 น.
Counter : 789 Pageviews.

2 comment
เที่ยวผาแต้มริมโขง Pathaem on the Mekhong Riverside
ผาแต้ม

หากจะอ้างกันตามตำหรับตำรา เขาก็บอกมาว่า เป็น "ผา" ที่มี การ "แต้มฮูป" (รูป) ก่อนประวัติศาสตร์

คือบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในบริเวณ หน้าผา ติดแม่น้ำโขง ได้บันทึกวิถีชีวิตของตนเอง ด้วยการละเลงเลือดปลาบึก เป็นภาพต่าง ๆ นานา ลงไปบนผาหิน



อากาศจะว่าหนาว ก็หนาวนะ แต่ ก็ไม่ถึงขนาด หิมะตก หรอก เพราะมันแค่เก้าองศาเอง

แต่จะแปลกก็ตรงที่ตอนเช้าก่อนอาทิตย์ขึ้นนี่มันหนาว

แล้วทำไม กลางวันตอน แดดออก มันร้อนจริง





นี่เป็นทางเลียบ หน้าผา

มองลงไปเห็นแม่น้ำโขง

ตรงข้ามเป็นฝั่งลาว




เป็นทางอย่างนี้แหละครับ



แหงนหน้ามองขึ้นมาจะเจอวิวแบบนี้



แม้จะเป็นหน้าแล้ง (หนาว) แต่เพราะใกล้แม่น้ำโขง

ทำให้พันธุ์ไม้บริเวณนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีสีเขียวให้จำเริญตาจำเริญใจมิได้ขาด



นี่แหละครับ

ไอ้ผาที่ว่า

หมึกมันจาง ๆ ผมเก็บภาพ ให้ดีไม่ได้

แต่ถ้าเสิร์ชหา เราจะเห็นภาพและชื่นชมเรื่องราวได้อย่างชัดเจน




ใบไม้ในอากาศ Leaf in the Air



มองมุมนี้เห็นแม่น้ำโขงและฝั่งลาวชัดเจน



รังต่อ



แห้งแล้งจริง ๆ





Create Date : 18 มกราคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 3:30:12 น.
Counter : 1579 Pageviews.

5 comment
จากเกาะยอสู่สมิหลา


เขาว่ากันว่า ภาคใต้มี อยู่ 2 ฤดู คือฤดูร้อนกับฤดูฝน

วลีที่ว่า "ฝนแปดแดดสี่" หรือ ขยาวความได้ว่า "ฝนแปดเดือนอีกสี่เดือนเป็นฤดูแดดคือฤดูร้อน" ก็คงนิยามสภาพอากาศบริเวณดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นด้ามขวานของสยามประเทศได้เป็นอย่างดี



ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหรอก ที่บริเวณนครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง จนไปถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในตอนปลายปีต่อต้นปี จะมีฝนเสียเป็นส่วนใหญ่

ไอ้ครั้นแดดจะออกให้ชื่นใจ ก็มีไม่ถึงสามนาที ฝนก็ตกอีก และฟ้าก็ครึ้มเสียเป็นส่วนมาก


ภาพระหว่างทางจากเกาะยอเข้าไปอำเภอเมืองสงขลา



นี่กุฏิวัดแห่งหนึ่งในเกาะยอ




พอเดาได้ว่า "สงขลา" น่าจะมาจากภาษามลายู แล้ว

ผมก็เลยพาลเดาต่อไปอีกว่า "สมิหลา" ที่เป็นชื่อหาด เนี่ยก็น่าจะมาจากภาษามลายูด้วยเช่นกัน

แต่จะจริงหรือไม่ ต้องขอไปค้นขว้าหาข้อมูลให้หายสงสัยให้ได้เสียก่อนนะครับ




วันนี้เป็นภาพ ของเกาะยอ

นั่งรถต่อมายังหาดสมิหลา ครับ



ตามประสาที่ผมชอบแส่สอดสร้างปัญหาให้ตัวเองได้ทุกเรื่อง

พอมาถึงสงขลา ก็อดสงสัยไม่ได้อีกแล้ว

ว่าไอ้คำว่า "สงขลา" เนี่ยมาจากภาษาอะไร และแปลว่าอะไร



ที่แน่ ๆ ชื่อ "สงขลา" ไม่ได้มีรากคำทางนิรุกติศาสตร์ มาจาก ภาษาบาลีสันสกฤติ หล่ะ

เลยเดาว่า น่าจะเป็นคำเก่าภาษามลายู แล้วพออ่านสำเนียงคนไท เสียงเลยออกเป็น สงขลา (ถ้าเดาผิดท่านผู้รู้แก้ไขให้ได้เลยนะครับ)

ก็คงจะคล้าย ๆ กับจังหวัดอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง อย่าง

ภูเก็ต อันนี้เคยได้ยินว่ามาจาก "บูกิต" ในภาษามลายู

หรือ ปัตตานี ก็มาจากคำว่า "ฟาฏานี" อะไรทำนองนั้นแหละ



ผมก็ทักลิงตอบว่า "สะวัดดีปีม่าย" บ้าง




เด็ก ๆ ก่อปราสาททรายกันยังไม่ทันเสร็จ


ฝนก็มาเสียแล้ว




Create Date : 05 มกราคม 2552
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 8:46:48 น.
Counter : 694 Pageviews.

2 comment
เขียนแผ่นดินศรีวิชัย - เมืองคอน ปากพนัง ตะลุมพุก



เขา (ไม่รู้ใคร) ว่ากันว่า

นครศรีธรรมราชเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่รุ่งเรืองในอดีตนามว่า ศรีวิชัย

ศรีวิชัย ผมก็เคยแปลตรงตัว แล้วก็งง ๆ อยู่

ถ้าพูดถึงคำว่า "วิชัย" หรือ "พิชัย" แล้วเรามักจะนึกถึงการรบ อะไรเทือกนั้น เช่น ตำราพิชัยสงคราม ก็คือตำราว่าด้วยการรบ

ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า "ศรีวิชัย" มันแปลความหมายว่าอะไร จะไปรบกับใครหรือเปล่า

จนกระทั่งเผลอไปได้ยิน มัคทายกวัด ท่านหนึ่งที่วัดมหาธาตุ พุดว่า วิชัย นี่หมายถึง ชัยชนะ ที่ศาสนาพุทธมีเหนือศาสนาพราหมณ์ บนแผ่นดินนี้นั่นเอง
เพราะเท่าที่เห็น นครศรีธรรมราชวันนี้ ก็ยังมีความเชื่อที่ปนไปด้วยคติแบบ พุทธ พราหมณ์ อย่างจตุคามหรือศาสนาอิสลามผสมกลมกลืนกัน อยู่





นี่ท่านขุนพันธ์ ผู้ขมังเวทย์ครับ



ร้านกาแฟ ที่ขึ้นชื่อร้านนี้ไม่บอกก็รู้ ว่าต้องมีคนมากินเยอะ



นครศรีธรรมราชเป็นเหมือนกับศูนย์รวมอารยธรรมจริง ๆ ทั้งไทยพุทธ พราหมณ์ อิสลาม แม้แต่คนจีน




พระธาตุเมืองคอน




นี่อำเภอปากพนังครับออกนอกเมืองมาแล้ว



นี่ออกมาถึงสะดือทะเลนะครับ



และแล้วก็มาถึงแหลมตะลุมพุก สถานที่ ๆ เคยประสบภัยร้ายแรงเมื่อปี 2505 ชนิดคนตายเกือบหมดหมู่บ้าน

มีคนเอามาทำเป็นหนังด้วย




แต่ในวันนี้ ก็ยังคงเสน่ห์ความเป็นตะลุมพุกได้อยู่

และทุกชีวิตก็ยังมีความหวัง รอวันเวลาอันเรืองรองในชีวิต

เพื่อจะขีดเขียนเรื่องราวดินแดนศรีวิชัยในปัจจุบันเพื่ออนาคตที่งดงามต่อไป




Create Date : 04 มกราคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 3:38:41 น.
Counter : 893 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog
MY VIP Friend