|
เมื่อพญาลิไททวงดินแดน งานนี้ไม่ต้องพึ่งศาลโลก...(ตอนที่๔)
ที่ตั้งชื่อให้ดูร่วมสมัยนี้ มิได้ตั้งใจให้เกิดกระแสชาตินิยม(Nationalism) แต่อย่างใด เพียงทว่าต้องการให้ทราบเพียงว่า เรื่องของการเสียดินแดน เป็นเรื่องที่มีมาทุกยุค ทุกสมัย ตีเมืองเขาบ้าง เขามาตีคืนกลับบ้าง โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางยุทธภูมิใน การส่งเสริมอาณาบารมีแต่ละสมัยที่กษัตริย์ได้ขึ้นครองราชย์ รึไม่ก็ปราบดาภิเษก โดยอ้างความชอบธรรมของสายโคตรตระกูลราชย์ การเสียดินแดนสมัยพญาลิไท เท่าที่ประเด็นที่นักประวัติศาสตร์หลายท่านวิเคราะห์ และมีปรากฎชัดเจนตามหลักฐานศิลาจารึก(ที่พอเล่าอย่างละเอียดในหลักที่๘) คือ การเสียดินแดนเขตขอบขัญฑสีมา อย่าง แคว้นสองแคว ส่วนบุคคลที่ยกทัพขึ้นมาตีก็มิใช่ ใครที่ไหน ซึ่งก็คือ พระเจ้าอู่ทอง หรือ พระสมเด็จพระรามาธิบดีปฐมกษัตริย์ แห่งกรุงศรีอยุธยา เหตุที่ยกทัพมาครองก็ไม่ใช่อะไรมากไปกว่า อิทธิพลที่ขยายตัว ของพญาลิไทในเขตบริเวณแม่น้ำปากสัก จนระคายเคืองบารมีส่วนพระองค์ ตอนนั้นกองทัพอยุธยาถือเป็นทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งแห่งยุคสมัยที่สุโขทัยไม่อาจเทียบได้ เมื่อยึดได้ยังโปรดให้"ขุนหลวงพ่องั่ว" ซึ่งก็มิใช่ใครที่ไหนเพราะขุนหลวงพ่องั่วก็เป็นสถานะเป็นเขยทั้งสองฝ่าย ร่วมครอง เมืองสองแคว แม้ว่าเดิมขุนหลวงพ่องั่วยังเป็นเจ้าเมืองสุพรรณบุรีอยู่ก็ตาม ถือเป็นการกำราบอิทธิพลพญาลิไทอย่างชะงักจนแทบหมดทางสู้ได้ ทางเดียวที่ จะเรียกดินแดนกลับคืนมาได้ ก็คือ การออกบวช อย่างที่เล่าแต่ต้น พญาลิไทเป็นกษัตริย์ที่ชาญฉลาดในการใช้ศาสนาเป็นยุทธวิธี ผสานร่วมกับการเมือง ศรัทธาปสาทะก็ส่วนหนึ่ง เสน่ห์ทางการเมืองการปกครอง ก็ส่วนหนึ่ง (ไม่งั้นท่านคงออกบวชถาวรอย่างที่เจ้าศรีศรัทธาลูกพี่ลูกน้องท่าน ถ้าศรัทธาจริง?) เหตุใดเมืองสองแควจึงเป็นเมืองสำคัญในใจของพญาลิไทนั้น?........ ท่านสุจิตต์ วงษ์เทศ บอกเพียงว่า"เป็นเมืองสำคัญที่มั่นเขตตตอนเหนือทั้งหมด" แต่ผมว่ามันน่าจะมีปมทางใจอะไรสักอย่างสำหรับพญาลิไท จนไปพบ การเชื่อมโยงเมืองสองแควที่มีผลตั้งแต่รุ่นพ่อ คือ พญาเลอไท ที่ศ.ดร. ประเสริฐ ณ นคร ได้เล่าไว้ เป็นผู้ยกประเด็นนี้ขึ้นอภิปรายในการสัมมนาโบราณคดี ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดชัยนาท เมื่อ พ.ศ.2510 โดยอ้างจารึกหลักที่ 8 ว่าพระเจ้าลิไทยประทับ อยู่ที่สองแคว 7 ปี แต่ชื่อที่สมัยเรียกขาน หาใช่สองแคว แต่เรียกว่า"ชัยนาท" (ชัยนาทจริงๆ แต่ไม่ใช้จังหวัดชัยนาทในปัจจุบัน)โดยในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ เรียกสองแคว ว่า ชัยนาท เหตุที่เรียกว่าสองแคว ก็มิใช่เรื่องสลับซับซ้อน เพราะมีแม่น้ำน่านบรรจบกับแควน้อย แม้ในนิทานพระพุทธสิหิงค์ว่า พระเจ้าลิไทยทรงนำพระพุทธสิหิงค์ไปอยู่ที่ทวิสาขะ (ซึ่งก็คือ สองแควอีกนั้นเอง)
มาเล่าเรื่องตอนบวชดีกว่า มิใช่ว่าจะมาบวชสามวันเจ็ดวัน สึกแล้วรับเมืองคืน จากการครอบครองของพระเจ้าอู่ทองเสียในทันที แต่อยู่ในภาวะเงื่อนไขที่ว่า "ต้องประทับเมืองสองแควถึง๗ปี" ครับ๗ปี ถ้านักเลือกตั้งก็ประมาณ๒สมัย......แต่สุดท้ายพระองค์ได้ยอมรับคำมั่นสัญญา จากเงื่อนไขแสนเขี้ยวของพระเจ้าอู่ทอง หลังจากฝากฝังเมืองสุโขทัยไว้แก่คนข้างหลังปกครองชั่วคราว โดยเลือกคนที่ไว้ใจได้ เรื่องนี้นักวิชาการกรมศิลปากรอย่างพิเศษ เจียจันทร์พงษ์ วิเคราะห์ว่า"เพื่อใช้ความเป็นภิกษุมาต่อรองทางการเมือง ขอบิณฑบาตเมืองสองแควคืน โดยฝ่ายกรุงศรีฯต้องการควบคุมแลทำลายบุคคลิภาพของพญาลิไท"แล้วก็ได้คืนมาจริงๆด้วย.......... แต่มุมนี้ผมคิดเอาเองว่า อย่างน้อยที่สุดช่วงที่ท่านประจำอยู่ที่เมืองสองแคว เท่ากับว่า พระองค์มั่นพระทัยได้ว่าจะมีกองทัพที่เข้มแข็งอย่างอยุธยาคอย ช่วยปกป้อง คุ้มภัยราชอาณาจักรสุโขทัยท่ามกลางความผันแปรทางการเมือง ทั้งจากภายในและภายนอกบางทีช่วงที่ประทับอย่างสงบพระองค์อาจ ต้องการศึกษาธรรมศรัทธาจากพุทธศาสนา หลังจากที่พระองค์ เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยทำการกำราบอริราชศัตรูจากเมืองใหญ่น้อย ฆ่าฟันผู้คนไปจำนวนมาก โดยเรื่องพิธีการบวช เชื่อว่าพญาลิไทผนวกกับเรื่องอิทธิปาฏิหารย์ อำนาจพิเศษที่เหนือ กว่าฐานอำนาจกองทัพที่ไม่อาจพึ่งพาได้ ในสมัยครั้งที่บวชแรกๆ ได้นิมนต์พระมหาสามี สังฆราช "ผู้มีศีลาจารและรู้พระไตรปิฎก" จากนครพัน(มอญ) จำพรรษาที่เมืองสุโขทัย ในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงเล่าว่า" พระยาศรีสุริยพงศ์ธรรมราชาธิราชออกบวชและแผ่นดิน ป่ามะม่วงนี้ไหว" อันนี้จริงรึไม่?ไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่าเป็นการประกาศบารมีเทวานุภาพ บนผืนแผ่นดินสุโขทัย ในขณะที่พระองค์ยังเป็นเพียงเจ้าเมืองศรีสัชนาลัย อันเป็นเมืองคู่ขนาน ชั้นรอง ดังนั้นจึงไม่แปลกหากพระองค์ยังเชื่อว่าฤทธิ์บารมีจากการบวชจะเป็นอีกหนทางออก อันสันติในการแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องส่วนตัวและบ้านเมืองได้ เรื่องที่เล่าถือเป็นการสร้างธรรมเนียมใหม่ ในการเรียกร้องดินแดนคืนจากอภิสิทธิ์ที่เคยปกครอง ด้วยวิธีทางธรรมเนียมในแบบแผนทางศาสนาที่ทั้งสองแว่นแคว้นต่างก็ศรัทธาและเป็น ศาสนูปถัมภกในฐานะธรรมิกราช เรื่องของธรรมเนียมปฏิบัติทางสังคมนี้ ยังสืบทอดปรากฎ ในสมัยพระบรมไตรโลกนารถที่ทรงบวชขอเมืองศรีสัชนาลัยจากพระเจ้าติโลกราช ถึงขั้นพระเจ้า ติโลกราช"ไม่ยอมใส่บาตร" ซึ่งเป็นเรื่องที่ถือว่าผิดธรรมเนียมพอสมควร เรื่องแบบนี้ไม่ต้องไป ขึ้นศาลโลก(International Court of Justice)ที่กรุงเฮกให้ไกลกรุงสยาม เพราะของอย่างนี้สมัยก่อน ปีพ.ศ.๒๐๐๐ เขาจับเข่าคุยกันก็รู้เรื่องแล้วครับ.............
Create Date : 31 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 17:48:25 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1322 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตั๋วเจ้ ราชบุรี IP: 125.27.182.51 วันที่: 13 กรกฎาคม 2555 เวลา:12:21:58 น. |
|
|
|
| |
|
|