A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
ตลาดที่แพงเวอร์ เจอกับตลาดที่ไม่สมบูรณ์



๘๐ ล้านปอนด์!!

ตัวเลขกลมๆ ที่ดันมีศูนย์ต่อท้าย ตั้งหลายตัว

ค่าตัวระดับสถิติโลกล่าสุด ที่ยังไม่รู้จักหยุดหย่อน ของนักเตะกระทาชาย

อย่าง "เจ้าหนูโด้" คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีก (ที่บินไม่ได้) ของทีมชาติโปรตุเกส

ของทีมปีศาจแดง-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ค่าตัวของการเสนอซื้อ

ที่เครื่องคิดเลขอันเกิดการเป็นของแถม จากการซื้อถ่านไฟฉายอัลคาไลท์ยี่ห้อหนึ่ง

ไม่อาจเสนอปริมาณค่าตัวที่เป็นเงินบาทไทยได้เต็มช่องนัก

แต่นักข่าวหลายสำนักต่างที่มีเครือ่งคิดเลขที่ดีกว่า รายงานตรงกันว่า

เป็นตัวเลขระดับน้องๆน้าแม้ว อยู่ที่ ๔๔,๐๐๐ ล้านบาท!!!

ตัวเลขที่ระดับท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แม้จะพยายามรั้งให้หนูโด้

ร่วมชายคาในโอแทฟฟอร์ดมานานหลายปี ก็ต้องโบกมืออำลาอย่างมีน้ำตาปนรอยยิ้ม

พร้อมกับเอามือลูบปากอยู่หน่อยๆ

ก็ทีมราชันย์ชุดขาวอย่างรีลมาดริด (ทีมที่แรกเริ่มเกิดจากเหล่าปัญญาชนรวมหัวกันเตะบอล

จึงเกิดการแบ่งทีม กลายมาเป็นทีมอย่าง รีล มาดริด)

ป้อนราคาดีปานนี้

การ "ปฏิเสธ" ยังดูยากกว่าการ "รับข้อเสนอ" อยู่เป็นไหนๆ บางที

การรั้งตัวนักเตะ อาจเป็นความทรมานของ "ผู้รั้ง" มากกว่าตัว "นักเตะ"

ที่อยากจะย้ายทีมสักอีก

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทีมดังกล่าวยังได้ประสบความสำเร็จ

ในการขอซื้อตัวนักเตะซูเปอร์สตาร์ของทีมปีศาจแดง-ดำ เอซีมิลาน

อย่าง "กาก้า"

นักเตะที่ทีมแมนยูยกนิ้ว (มือ) ให้ด้วยฝีเท้า ที่เคยสยบให้ปีศาจต้องตกรอบแชมเปี้ยนลีก

แต่แฟนบอลเมืองไทยกลับสดุดีเขา ด้วยเพลง "ผีกาก้า" เมื่อหลายปีก่อน

เมื่อทีมดังในศึกกัลโชฯ ของเมืองมักกะโรนี ที่กำลังร่อแหร่

มาเสนาะกับราคาที่หมิ่นเหม่กับค่าตัว ที่เขาว่าสูงที่สุดพอๆกับ ซีเนดีน ซีดาน

ที่เคยเป็นเต้ย ในเรื่องของสุดยอดค่าตัวแพงเวอร์ตลอดกาล

โดยต้องอาศัยการตีมูลค่าเปรียบเทียบของค่าเงินยูโร่เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน

แต่ถ้ามองด้วยสายตาแบบคนไม่คิดมาก เป็นอันว่า เป็นราคาที่แพงเวอร์พอๆกัน

เป็นค่าตัวที่ต้องอาศัยการเหมารวมเงินเดือนนายก ฯ ในแถบอุษาคเนย์

มาบวกกับผู้นำกลุ่ม G7 สักสี่ถึงห้าคน มันถึงจะพอกับค่าเหนื่อยต่อหนึ่งสัปดาห์ของนักเตะผู้นี้

(อย่างกรณีหนูโด้ ค่า(ที่ชวนให้เรารู้สึก)เหนื่อย ตรงสัปดาห์ละ ๘.๖๘ ล้านบาท ย้ำนะสัปดาห์!)

เราจึงเห็นหนูน้องปารีส ฮิวตัน รู้สึกอยากจะร่วมเหนื่อยในงานปาร์ตี้สุดหรู

ที่ดันไปมีหนูโด้ร่วมแจม ทั้งๆที่กำลังพักอาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดไส้เลื่อนอยู่





"แพง" อย่างเดียว ก็เป็นศัพท์ที่ดูไม่สวยหรูพอที่จะสู้ราคากันแล้ว

ยิ่งมาพ่วงกับคำว่า "เวอร์" เข้าไปอีก เป็นการเสริมดวงของความไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

จึงมีเสียงเล็ดลอดจากบิ๊กบอส ยูฟ่า อย่าง มิเชล พลาตินี่ อดีตนักเตะชั้นเทพ

ว่าจะประชุมตั้งกฎสักข้อ เพื่อล้อมคอกของอาการโชว์พาวของทีมยักษ์ที่บ้าระห่ำซื้อดะ

ทั้งๆที่ ช่วงชีวิตวัยหนุ่มของพลาตินี่กลับไม่เคยได้เสนาะราคาดีๆ เช่นนี้บ้างเลย

เวลาที่เราเห็นนักเตะหรือทางสโมสร ที่ปากบอกว่า "นักเตะคนนั้น-คนนี้ไม่ได้มีไว้ขาย"

ขอจงเชื่อไว้ในใจว่า "ไอ้หมอนี้มีแนวโน้มไปแน่ (สูง) เพียงแค่เล่นตัวอัพราคา"

ดูกรณีอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ ละกัน ตอนอยู่บาร์ซ่า ปากก็พร่ำว่ารักสโมสรแทบตาย

จากนั้นทางมาดริด เพิ่มออปชั่นให้อีกเท่าตัว วันรุ่งขึ้นถ่ายรูปยิ้มแป้นในสีเสื้ออีกทีมเฉย.....






เมื่อพรรคการเมืองใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "ป.ช.น." อันหมายถึง "ประชานิยม"

เป็นโอกาสเพื่อให้ได้เสียงส่วนใหญ่ ในการบริหารประเทศ

แล้วจะเเปลกอะไรในเมื่อ การดำรงซึ่งตำแหน่งประธานสโมสรของทีมฟุตบอล

จะเลือกใช้ "ช.ป.น." อันหมายถึง "ช้อปปิ้งนิยม" อันเป็น

"นโยบายประชานิยมอย่างเป็นรูปธรรม" แบบใครเขาบ้างไม่ได้!

ปรากฎการณ์ของค่าตัวนักเตะแพงเวอร์ จึงไม่ต่างกับงานภาพเขียนศิลปะของจิตกรเอก

ที่ว่ากันด้วยหลักของการขาดแคลน (Scarcity)

คือ มีฝืมือ จุดขาย การสร้างชื่อ และประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา

เหมือนกับ "เพชร" ที่หาง่ายอย่างกับร่อนเกลือ เพชรนั่นก็ไร้ค่าในบัดดล

ดังนั้นวงการฟุตบอลจึงเกิดอาชีพที่ช่วยเสริม การหา "ช้างเผือก" ประดับวงการนานับ

ทั้ง เอเยนต์ นายหน้า ผู้ตรวจสอบลิขสิทธิ์ ทนายส่วนตัว โมเดลิ่ง ดีไซเนอร์

บอดี้การ์ด แมวมอง หมามอง และสารพัดที่จะมองเป็นตัวๆ




เป็นเรื่องแปลก ยิ่งถ้านักเตะมีลูก Bad Boy นิดๆ ชอบออกสังคมหน่อยๆ

ก็จะถือว่าเป็นการสร้างรสชาติการติดตามให้กับปาปาราสซี

ชนิดที่ไม่ต้องตามมาแอบถ่าย แต่หาเรื่องให้ตัวเองเป็นข่าวได้ ถ้าไม่เชื่อ....... ........

ก็ให้มองคนอย่าง โอเวน เจอร์ราด เชียร์เรอร์ เป็นต้น

ถ้าว่าคนเหล่านี้เก่งไหม? ก็ต้องตอบว่าคนพวกนี้เก่งขั้นเทพ.............แต่กับไม่ค่อยมีสีสัน

แต่ถ้ายกคันโตนาที่ไปถีบแฟนบอลคริสตัน พาเลส

หรือเดวิด แบ็คแคม ที่มีข่าวนอกใจวิกตอเรีย ภรรยาสุดเลิฟแก

นักเตะเหล่านี้จะเป็นอมตะ เป็นจุดสนใจทั้งในสนามยันไปถึงเรื่องนอกสนามเชียว

เหมือนกับที่พิษณุ นิลกลัด เคยบอกไว้ ต้องมีกลิ่นของความเป็น "นักเตะติสต์"

ผู้คนถึงจะจดจำ เอาง่ายๆ อย่างซีดาน โขกทำประตูมาตั้งเยอะ คนไม่ค่อยจำหรอก

แต่ถ้าให้นึกถึงตอนอารมณ์ฉุน ที่มาเตรัชซีด่าผู้บังเกิดเกล้า..........อันนี้จำได้ถนัด

แถมทีวีชอบมาฉายซ้ำอีก!



ดังนั้น.....พลังของการซื้อ อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถที่แท้จริงของนักเตะ

ด้วยเฉพาะแต่จุดประสงค์ของความเป็นแชมป์และขายบัตรเข้าชมแต่เพียงเท่านั้น

อาจจะว่าด้วยเรื่องของ อีโก้ของผู้ซื้อ การสร้างพื้นที่ข่าว การเพิ่มมูลค่าของทีมแบนด์

ตลอดจนไปถึงการจับจองลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอด ต่อยอดผลิตภัณฑ์ในเครือ

สร้างสินค้าภายใต้ชื่อนักกีฬา (ดูอย่างกรณีแบ็คแคมที่ยอมลดค่าตัว เพื่อแลกส่วนต่างค่าลิขสิทธิ์)

ลิขสิทธิ์ในการสร้างเกมส์ การตระเวนโชว์ตัวที่เน้นทางฝั่งเอเชียแทนที่จะเป็นแอฟริกากลาง

การต่อแถวมาเป็นสปอนต์เซอร์ด้วยพื้นที่โลโก้เล็กๆบนเสื้อที่มีมูลค่าตารางเซนติเมตรละหลายล้าน

ในทางจิตวิทยา การได้นักเตะฝีเท้าขั้นเทพมาร่วมทีม

จะทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น นักเตะต้องพยายามแย่งตำแหน่งกันเองในทีม

ประเภทเอารองเท้าไปซ่อน หรือแอบใส่ยาถ่าย สำหรับมืออาชีพแล้ว.............เขาไม่ทำกัน

จะทำให้ "การได้นั่ง" ถือเป็นเรือ่งคอขาดบาดตายของเหล่านักเตะมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะการได้ "นั่งพักเป็นตัวสำรอง" นอกจากไม่ได้แสดงฝีเท้าแล้ว

ยังเป็นการลดโอกาสในการสร้างมูลค่า ทั้งในด้านการตลาดและเชิงสถิติ





จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่นักเตะอาชีพจะต้องมีความมุ่งมั่น

ในความก้าวหน้าในชีวิตของสัมมาอาชีพ ด้วยระยะเวลาของสังขารในการค้าแข้ง

ที่มีช่วงเวลาที่จำกัด นักเตะหลายคนต้องมาจบชีวิตทางอาชีพด้วยอาการบาดเจ็บเรื้อรัง

อันเป็นผลจากการตรากตรำอย่างหนักตั้งแต่เด็ก (เมาหัวราเพราะผิดหวังที่ไม่ได้ค้าอาชีพก็เยอะ)

ถึงกระนั้น "ตลาดนักฟุตบอล" ควรได้การยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงาน

ที่พัฒนาไปกว่า "ตลาดของนักการเมือง" ไปหลายชั่วโคตร

ด้วยความที่เป็นตลาดที่เรียกว่า Contract Employment ที่มีการระบุถึงพันธะสัญญา

อย่างเปิดเผยทั้งในกลุ่มผู้ซื้อ ผู้ขายและผู้ทำสัญญา ที่ชัดเจน กำหนดถึงค่าตอบเเทน

และบทลงโทษในกรณีของการละเมิดสัญญาอย่างรุนแรง แม้นักเตะจะมีค่าไม่ต่างจาก

สินทรัพย์ของทางสโมสร

ผิดกับตลาดนักการเมือง ที่เป็น Incomplete Contract นอกจากไม่มีลายลักษณ์อักษรแล้ว

ยังมิได้ระบุพันธะใดใดระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แม้ว่านักการเมืองผู้นั้นจะเบี้ยวสัญญา

ตระบัดสัตย์ หรือเคยสัญญาว่าจะให้ต่างต่างนานา อีกทั้งยังลอยหน้าลอยตาอย่างไม่

สะทกสะท้าน หรือเป็นคุณแอบทางการเมืองโดยไม่ยี่หร่าต่อบทลงโทษที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ตลาดการเมืองบ้านเรา จึงยังคงเป็น Quasi-Market ที่ไม่รู้จะออกหัว-ออกก้อย

ทางข้างฝ่ายไหน ก็ถูกกินสักเต็มประดาอยู่ดี.........................







ข้อมูลเสริมจาก
- นักการเมืองควรเป็นสินทรัพย์ของพรรคการเมืองหรือไม่?
โดย รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ผู้จัดการรายวัน วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๗
- ภาพเขียน 3 พันล้านบาท โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มติชนรายวัน ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๒๕
- โรนัลโด้ ภูมิใจสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก จาก ActiveRadio99
- นักเตะ ติสต์ ใน คอลัมภ์ หลับตามอง โดย พิษณุ นิลกลัด


Create Date : 17 มิถุนายน 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 22:45:02 น. 0 comments
Counter : 770 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.