|
สุภาษิตพระร่วง...ล่วงมาหลายปีก็ยังไม่มีข้อสรุป
หลังจากที่ห่างหายการเขียนบล็อกไปนานพอสมควรและไม่ได้มีเรื่องสำรอง อะไรไว้สำหรับแจกจ่ายยามฉุกเฉิน (ความจริงก็มีอยู่แต่ปั่นไม่เสร็จอยู่สองสามงาน) ประกอบกับ การมีเจ้านายที่มี"อำนาจ"เป็นอาวุธ จึงมักถูกอาวุธที่เจ้านายมีตามจี้ ตามจิก งานที่โผล่เข้ามาแต่ละวันเสมือนเข้าคิวตามล้างแค้นจากชาติปานก่อน ดีที่มีวันวิสาขบูชา เป็นตัวยืดงานให้พักยาวเพิ่มขึ้นอีกตั้งหนึ่งวัน งานนี้ต้องนมัสการพระคุณของพระพุทธเจ้า ที่แม้จะไม่ตรงวัตถุประสงค์ของการระลึกถึง แต่มีผลทางอ้อมให้ฆราวาสอย่างผมได้เจริญสติ หลังจากโกลาหลกันทั้งอาทิตย์.....
เวลาที่ว่างผมมักไปจับจ่ายหนังสือที่ศูนย์หนังสือจุฬา ร้านหนังสือใหญ่ที่ลดอะไรกันได้ทั้งปี ที่นั้นค่อนข้างมีหนังสือที่มีเป้าหมายในใจ ที่คล้ายคนรู้จักให้ได้นัดพบ อีกทั้งยังมีนิสิตเด็กเฟรชชี่เป็นอาหารตา ยามเมื่อยล้าจากอาหารสมอง แม้ตัวเองจะไม่ได้มีสายสัมพันธ์อันใด กับสถาบันแห่งนี้ก็ตาม ช่วงนี้บ้างานวรรณกรรม วรรณคดีเป็นพิเศษ เลยคว้างานวรรณกรรมระดับขึ้นหิ้งของไทยที่มีคุณค่าไม่แพ้งาน วรรณกรรมของสำนักพิมพ์Woodworth Classic ของพวกเมืองนอก เมืองนาเขา ราคาก็แสนถูกเล่มไม่กี่ร้อย (บางเล่มก็ไม่ถึงร้อย) เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกันที่ครั้งอดีต วิชาภาษาไทยจะบรรจุงานวรรณกรรม วรรณคดีตอนสั้นๆ (ที่ความรู้สึกวัยเด็กรู้สึกว่ามันยาว ยาก และสำนวน ตกยุค) เป็นดั่งยาขมชนิดรุนแรง แตะเมื่อใดต้องมีฤทธิ์กล่อมประสาทให้ เกิดอาการง่วงหาวหนาวนอนทุกคราว แต่พอระดับวัยเข้าสู่สามัญปถุชน กับรู้สึกโหยหาจินตนาการเหนือโลก (Transcendental Imagination)
เงินถูกออกจากกระเป๋าไปพอสมควร (ทำงานไม่ได้ให้เงินกองท่วมหัวนี่หว่า) จึงได้มาแค่สี่ห้าเล่ม แต่วันนี้ขอโม้หนังสือเล่มหนึ่งเพราะจะได้โยงเข้าเรื่อง ของสุโขทัยตามติดไปด้วย หนังสือเล่มที่ว่าก็คือ "อ่านสุภาษิตพระร่วง ฉบับวิเคราะห์และถอดความ โดย ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต ราคาแค่ 110 บาท เท่านั้น แต่ให้คุณค่าทางรสวรรณกรรมและวิธีคิดคติหลายอย่าง แล้วแต่ตามใครจะตีความกันเอง (แต่งานนี้มีคนถอดความให้เรียบร้อยแล้ว เหลืออย่างเดียวคืออ่านให้จบเถอะ) ปัจจุบันผู้แต่งท่านนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ภาคภาษาไทย อยู่ที่จุฬาลงกรณ์ มีงานเขียนที่ผมซื้อเหมาโหลมาหลายเล่ม อาทิ วรรณคดีอยุธยาตอนต้น :ลักษณะร่วมและอิทธิพล ,อ่านโองการแช่งน้ำ :ฉบับวิเคราะห์และถอดความ , อ่านลิลิตพระลอฉบับวิเคราะห์และถอดความ และอีกเยอะแยะมากมาย เป็นงานถอดความที่ต้องอาศัยกรอบวิธี บริบทแวดล้อมในยุคสมัยที่แต่ง โลกทัศน์ ค่านิยม และปัจจัย ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แต่งงานชิ้นนั้นๆ เพื่อรองรับบุคคลกลุ่มชนชั้นใด เรื่องปัญหาภาษายากๆก็คลี่คลายพร้อมคำอธิบาย เล่นเอาสักผมเห็นภาพยุคอดีตได้แจ่มชัด อ่านไปก็อินไปเพราะต้องเข้าใจว่า แวดวงวรรณคดียุคนั้นรับใช้กลุ่มชนชั้นสูงและความเชื่อทางศาสนา อ่านไปก็รู้สึกถึงเป็นคนชั้นสูงและยังมีศาสนา มิใช่คนบ้างานหน้าคอมแบบปัจจุบันไปเสียหมด
แต่หลายคนยังคิดว่า "สุภาษิตพระร่วง" ก็ต้องทำในสมัยพ่อขุนรามคำแหงเป็นแน่ เรื่องนี้รัชกาลที่๖ เคยสันนิษฐานเอาว่า น่ารวบรวมสมัยพ่อขุนรามคำแหง เพราะพ้นจากน้ำใต้ศอกของพวกขอม จำเป็นต้องโชว์อารยะความเจริญ ผ่านงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ความหมายของสุภาษิตพระร่วงเรียกอีกอย่างหนึ่ง ว่า"บัญญัติพระร่วง"ปรากฏหลักฐานเก่าแก่ที่สุด คือ จารึกอยู่ที่ฝาผนังด้านหน้า พระมหาเจดีย์องค์เหนือแห่งวัดพระเชตุพลฯ ในรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์และพิมพ์ครั้งแรกในประชุมจารึก วัดพระเชตุพนฯ ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณรวบรวม ทำนองแต่ง ตอนต้นแต่งด้วยร่ายสุภาพจบแบบโคลงสองสุภาพ ตอนท้ายเป็นโคลงกระทู้ หนึ่งบท เป็นเสมือนการออกกฎหมายแบบสอนสั่งประชาชนโดยรอบ งานแต่งของสุภาษิตพระร่วงมีอิทธิพลต่องานเขียนวรรณคดี ในยุคหลังหลายต่อหลายเรื่อง แต่เอาที่ดังๆ ก็ต้อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกตอนพระนางมัทรีตรัสสอนชาลีและพระกัณหา ว่า "อย่าใฝ่สูงให้เกินศักดิ์" ตอนชูชกกล่าวแก่เจตบุตรว่า "เราคิดว่าจะอาสาเจ้าจนตัวตายตามสุภาษิต" และตอนพระเวสสันดรแสร้งต่อว่าพระนางมัทรีว่า "เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้า" ในเสภาขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม กล่าวถึงวิชาที่พลายงามต้องศึกษาเพิ่มเติมเมื่ออยู่กับเจ้าหมื่นศรีเสาวลักษณ์ ว่ามี
"สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง"
ดังนั้นถ้าให้วิเคราะห์งานจากสุภาษิตพระร่วงต้องถือว่า กว้างเอามากๆ เพราะแสดงคติค่านิยมเกือบทุกด้านแม้จะติดโลกแบบอุดมคติแบบผู้ปกครอง ก็ตาม ก็เจ้าพวก รักอิสระ ไม่ชอบตกเป็นทาส ปักหลักรักแผ่นดิน แบ่งชนชั้นการปกครองชัดเจนซึ่งติดตามด้วยการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ คละกันไป มารยาททางสังคม การปฏิบัติกับพวกพ้อง ซึ่งถ้าว่ามานี้ดูจะทันสมัยเกินหน้าเกินตากว่าที่จะเป็นยุคสุโขทัยเอามากๆ ขอยกตัวอย่างสั้นๆสักตอน ให้เห็นภาพชัดๆ..........นะครับ
ปางสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพศุโขไทย มลักเห็นในอนาคต เหตุไว้ เป็นอนุสาศนกถา สอนคณานรชน ทั่วธราราดพึงเพียร เรียนอรุงผดุงอาศม์ อย่าเคลื่อนคลาศถ้อย เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริะร่านแก่ความ ประพฤทธตามบูรรพ์รบอบ อย่าอวดหาญแก่เพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า .....................................................
รักตนกว่ารักทรัพย์ อย่าได้รับของเข็น เหนงามตาอย่าปอง ของฝากท่านอย่ารับ ที่ทับจงมีไฟ ที่ไปจงมีเพื่อน ทางแถวเถื่อนไคลคลา ครูบาสอนอย่าโกรธ โทษตนผิดพึงรู้ สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์ ภักดีอย่าด่วนเคียด อย่าเบียดเสียดแก่มิตร ที่ผิดช่วยเตือน ที่ชอบช่วยยกยอ อย่าขอของรักมิตร ชอบชิดมักจาง
แต่ด้วยหลักฐานและพยานแวดล้อม จะทำให้เชื่อว่า น่าจะแต่งในยุคปลายสมัยอยุธยาตอนปลายในยุคของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสียมากกกว่า เรื่องนี้ นายธนิต อยู่โพธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ได้เขียนคำอธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง สุภาษิตพระร่วง ฉบับพิมพ์เป็นที่ระลึก ในวันสถาปนากรมศิลปากร พ.ศ. 2505 ว่า "สังเกตจากข้อความและถ้อยคำเห็นได้ว่าเป็นภาษิตไทยแท้ ๆ ใช้ถ้อยคำอย่างพื้น ๆ ยังไม่มีภาษิตต่างประเทศ เข้ามาแทรกแซงปะปน และดูเหมือนจะยังไม่มีอิทธิพลจากภาษิตแบบอินเดีย เช่น คัมภีร์โลกนิติ และพระธรรมบท เป็นต้น เข้าครอบงำแสดงว่าเป็นภาษิตไทยเก่าแก่ที่ติดปากคนไทยสืบมา และมากลายรูปไปในลักษณะของกวีนิพนธ์แบบต่าง ๆ แทรกอยู่ในวรรณคดีไทยในกาลต่อมา และถ้าพิจารณาตามรูปของวลี จะเห็นได้ว่าคล้ายคลึงใกล้เคียงกับจารึกในหลักที่ 1 เรียกว่าจารึกพ่อขุนรามคำแหง จึงอาจเป็นได้ว่า สุภาษิตพระร่วง หรือบัญญัติพระร่วงนี้ เดิมเป็นพระบรมราโชวาท ซึ่งพระร่วงเจ้าพ่อขุนรามคำแหง ทรงแสดงสั่งสอนประชาชนชาวไทย…"
แต่อย่างว่า งานที่มีคำว่า "พระร่วง" ห้อยท้าย ใชว่าจะต้องแต่งสมัยพ่อขุนรามหรือสุโขทัยอย่างเดียวเสียเมื่อไร อย่างงานที่มีคำว่า หรือเรื่องราวของพระร่วงมาพีคสุดๆอีกที ก็ในยุคพระเจ้าอยู่บรมโกศ (พ.ศ.2297-2298) ประดิษฐพระร่วง ก่อนหน้านั้นในโคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก โคลงพาลีสอนน้อง โคลงทศรถสอนพระราม โคลงราชสวัสดิ์ และโคลงราชานุวรรค ก็มีการอ้างถึงพระร่วงอยู่โดยตลอด เ รื่องนี้ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร ตั้งเวลาให้อย่างน้อยก็ต้องสมัยบรมโกศ แต่อาจมามีฉบับดั้งเดิมอยู่ก่อนแล้วหรือจากการเก็บคำสุภาษิตแบบปาก มาต่อเป็นโคลงสี่ขึ้นเหมือนอย่างที่สุนทรภู่เก็บเอาสุภาษิตต่าง ๆ ขณะที่ด้านนายนายล้อม เพ็งแก้ว พบต้นฉบับร่าย สุภาสิทตัง ที่จังหวัดเพชรบุรี และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ โครงประดิษฐ์พระร่วงแล้ว เทียบได้ตรงกันวรรคต่อวรรค นายล้อมจึงสันนิษฐานว่า โคลงประดิษฐ์พระร่วง น่าจะลอกขยายมาจาก สุภาสิทตัง…... น่าจะสรุปได้อย่างเดียวกับ ร่ายสุภาษิตพระร่วง ว่า แต่งขึ้นตามกฎเกณฑ์ที่แต่งขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์…" (หนักเข้าไปอีก)
แต่ไม่ว่าจะแต่งยุคไหน การที่ประเทศมีงานวรรณศิลป์เชิงภาษาดีๆ มากมาย ประดับไว้ในชนรุ่นหลังมันก็ยังไพเราะสอดคล้องแฝงความหมาย (แม้คำหลายตัวโบราณตกยุคก็ตามที) ก็ไม่ต่างจากเพลงดีๆ ที่มีกลวิธีทางนิรุกติศาสตร์อย่างแยบคาย แม้จะไม่ไพเราะเท่าบทเพลงปัจจุบัน ที่ฟังสบายแต่ความหมายต่อสังคมช่างกลวงโป๋๋วเหลือเกิน
ขอบคุณ -หนังสือ อ่านสุภาษิตพระร่วง ฉบับวิเคราะห์และถอดความ โดย ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต ที่เชียร์แบบไม่ได้ตังค์ -//www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/PRR12.htm ที่มีงานวิเคราะห์วรรณคดี ที่ดีอยู่เสมอมา รวมทั้งรูปด้วย........ -
Create Date : 18 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 13 มิถุนายน 2552 22:41:45 น. |
|
39 comments
|
Counter : 11348 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นา IP: 58.9.87.14 วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:20:47:51 น. |
|
|
|
โดย: ฝา IP: 118.173.115.232 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:37:05 น. |
|
|
|
โดย: เห IP: 124.120.212.80 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:54:06 น. |
|
|
|
โดย: หล่อ IP: 202.183.141.238 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:17:05:16 น. |
|
|
|
โดย: น้ำ IP: 58.9.193.102 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:15:58:05 น. |
|
|
|
โดย: เคน IP: 124.121.22.58 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:17:01:19 น. |
|
|
|
โดย: ............... IP: 118.173.108.21 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:18:34:03 น. |
|
|
|
โดย: นะนะ IP: 118.173.108.21 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:18:35:27 น. |
|
|
|
โดย: MY LOVE จองเบ IP: 125.25.241.127 วันที่: 31 สิงหาคม 2551 เวลา:9:35:57 น. |
|
|
|
โดย: noon IP: 124.157.248.127 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:10:04:45 น. |
|
|
|
โดย: ช่าช่า IP: 124.157.248.127 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:10:08:21 น. |
|
|
|
โดย: ออย IP: 202.149.25.234 วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:6:02:37 น. |
|
|
|
โดย: ฐิติยา IP: 125.27.111.127 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:17:05:12 น. |
|
|
|
โดย: ตาล IP: 118.174.39.5 วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:15:02:58 น. |
|
|
|
โดย: นิรนาม IP: 125.24.97.91 วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:18:45:21 น. |
|
|
|
โดย: นิรนาม IP: 125.24.97.91 วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:18:45:42 น. |
|
|
|
โดย: อนาตาซ่า IP: 115.67.55.236 วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:20:04:42 น. |
|
|
|
โดย: ดพำเพะไภ IP: 58.147.41.86 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:56:19 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:14:45:24 น. |
|
|
|
โดย: ชื่อแม็ก IP: 125.24.242.105 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:38:50 น. |
|
|
|
โดย: 555+ IP: 124.120.38.69 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:05:05 น. |
|
|
|
โดย: june IP: 222.123.186.231 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:21:35:05 น. |
|
|
|
โดย: ต่าต๊า IP: 118.173.139.25 วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:17:47:01 น. |
|
|
|
โดย: แทมมี่ IP: 118.173.202.133 วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:20:14:21 น. |
|
|
|
โดย: snoopy IP: 112.142.61.132 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:19:58:51 น. |
|
|
|
โดย: ดายานา IP: 222.123.182.2 วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:14:02:50 น. |
|
|
|
โดย: มารีนา IP: 222.123.182.2 วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:14:05:46 น. |
|
|
|
โดย: เพรียวจัง(อยู่ร.ร. ช.น. ชลบุรี) IP: 113.53.63.161 วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:19:35:58 น. |
|
|
|
โดย: น้องแอม IP: 119.42.88.123 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:17:43:20 น. |
|
|
|
โดย: แนนนารี่ IP: 119.42.88.123 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:17:47:08 น. |
|
|
|
โดย: Punch IP: 117.47.249.133 วันที่: 15 กันยายน 2552 เวลา:18:35:49 น. |
|
|
|
โดย: รู้เพื่อ IP: 125.27.64.27 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:14:06:25 น. |
|
|
|
โดย: แพนเค้ก IP: 117.47.81.17 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:17:17:03 น. |
|
|
|
โดย: ................ IP: 125.24.170.83 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:10:50:54 น. |
|
|
|
โดย: ........................... IP: 125.24.170.83 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:10:52:31 น. |
|
|
|
โดย: แนน IP: 183.89.213.1 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:38:43 น. |
|
|
|
โดย: ศุภนิดา สอนจิตร IP: 118.172.235.140 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:19:05 น. |
|
|
|
โดย: ดา IP: 180.180.114.251 วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:17:55:56 น. |
|
|
|
โดย: นา IP: 180.180.114.251 วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:17:58:00 น. |
|
|
|
| |
|
|