A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
เช็คช่วยชาติ



ขอบอกก่อนเริ่มต้นเลยว่า นี้เป็นประสบการณ์ทางการเมืองลำดับต้นๆของผู้เขียน
นับตั้งแต่จรดแป้นพิมพ์ลงใน blog มาได้กว่าปีกว่ากับอีกหลายวัน
ทั้งนี้ ....................เพียงเพื่อชื่นชมนโยบาลของ "เช็คช่วยชาติ"
ที่มีมูลค่ากว่าสองพันบาท (อันนี้ยังไม่รวมกับมูลค่าในการจับจ่ายสำหรับร้านค้าที่ร่วม
รายการ) ในฐานะที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสียในประสบการณ์
อันเนื่องจากฐานะของรายได้เข้าข่ายเกณฑ์ของผู้มีรายได้ต่ำกว่า ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน
ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต ที่มีนิยมเทียบเคียงว่าเป็น "คนจน-รายได้น้อย"
(แน่อะเด่! ก็เพิ่งอุตริคิดลองทำครั้งนี้แบบสี่แยกแจกเงินเท่าที่เคยมีรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญนี้หว่า)


จะก้าวข้ามเรื่องประวัติส่วนตัว อันเนื่องจากไม่ได้สาระใดใดจากท้องเรื่อง
ซึ่งขอวกเข้าเนื้อเรื่องของประเด็นกันดีกว่า ..........เรื่องมีอยู่ว่า ผู้เขียนได้รับจดหมายถ่ายสำเนาจากทาง
สำนักงานประกันสังคมเขตสาม มาตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ที่ รง ๐๖๑๙/ว. ๑๑๓ เรื่อง
แจ้งกำหนดการจ่ายเช็คช่วยชาติ "ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก" ประจำงวดที่ ๑ (ฟังดูดีว่าจะมีงวดที่ ๒ ตามมา
ทั้งๆที่รู้ว่า "ไม่เป็นจริง" แม้ชื่อยังกับหนังแอ๊กชั่นจากฮอลลีวู้ดนี้ป้าด)
ผมมักได้เหน็บเหนมจากทางฝ่ายหัวหน้างาน ถึงความโชคดีที่ "มีเงินเดือนน้อย"
จนได้รับโอกาสในอำนาจการจับจ่ายตามสิทธิ์ที่ผู้ประกันตัวได้รับจากการอันฉีดของนโยบายประชานิยมของ
รัฐบาล ขอบอกตามตรงว่า สิ่งที่ต้องการเล่ามิได้เพื่อค่อนขอดกลุ่มผู้บริหารAIGที่ขอรับเงินโบนัสทั้งๆที่
ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลของสหรัฐ หรือ งบสนับสนุนของตัวสส.ในฐานะที่ยกมือโหวตรับร่างของทาง
ฝ่ายรัฐบาล เพียงแต่อยากเล่าเชิงประสบการณ์อย่างมีอคติ ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์ประโยชน์พึ่งประเมิน
ในฐานะผู้มีเงินเดือนที่เลยเส้นติ่งกว่ากึ่งนึงจากเส้นประเมินรายได้ประจำเดือนที่ตั้งไว้า ๑๕,๐๐๐ บาท
อันมิได้ประชดประชันผู้ที่มีรายได้มากกว่าเส้นที่รัฐบาลนิยามว่ามีกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
แต่ต้องการที่จะบันทึกถึงประชานิยมเพียงบางมาตราการที่รัฐบาลมุ่งอันฉีดผู้มีรายได้ต่ำ
ที่มีฐานกว่า ๕ ล้านกว่าคน
เพื่อสร้างอำนาจการจับจ่ายและบริโภค อันเป็นการเสริมการบริโภคมวลรวมภายในประเทศ
ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไต้หวันมาแล้ว และชอบถ้อยคำที่อ.วีระ ธีรภัทธ ทีมักบอกผู้คนที่ไม่ชอบ
นโยบายชิ้นนี้ โดยไปอ้าง "คนอื่น" โดยไปคิดแทนเขาเหล่านั้น ว่าจะนำเงินไปไม่ถูกวัตถุประสงค์ที่ทางรัฐบาล
ได้ตั้งวางเอาไว้ โดยอาจารย์บอกเพียงสั้นๆว่า "ไม่ต้องไปคิดแทนเขาเหล่านั้นหรอก ห่วงปัญหาของตัวคุณเองเถอะ"




ขอบอกอคติเบื้องแรกของตัวผู้เขียนว่า ไมไดมีความเชื่อถือในประสิทธิภาพในการบริหารการจัดการ
ในจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์อนุมัติเบิกจ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ อันเป็นโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ
ประชาชนและบุคคลากรภาครัฐ ในส่วนของผู้ประกันตน (สปร.รบ. ๒๐๐๐)
ถึงแม้จะมีจดหมายแจ้งถึงช่วงเวลาของการใช้สิทธิ ในการดำเนินการอนุมัติเบิกจ่าย ในวันที่
๒๖ มีนาคม เวลา ๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ณ สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ ๓ ซึ่งก็คือ
บริเวณกระทรวงแรงงาน แขวงดินแดง อันเป็นพื้นที่ที่ใกล้สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ที่ซึ่งผู้เขียนเคยไป
ขอร่วมเล่นกีฬาฟุตบอลจนถูกแข้งเยาวชนอายุไม่เกิน ๑๗ ปี เตะเกือบขาหักมาแล้วก็ตาม
ในเบื้องต้น ผู้เขียนได้ปรามาสถึงประสิทธิภาพในการบริหารของผู้เข้าร่วมโครงการอันเป็นคนหมู่มาก
และความที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรับมือของมวลชนธนบัตรแดง จำนวน ๒๐ ใบ (เท่ากับ ๒,๐๐๐บาท
อยู่ดี) และต้องสารภาพแบบไม่เคืองกันนะครับว่า ได้อ่านข่าวออนไลน์ทางเว็บไซด์ Manager.co.th
ในช่วงเช้า ที่ว่า มีความอลหม่านถึงการเข้าคิวเข้ารับการใช้สิทธิ์ที่ลานคนเมือง ณ กรุงเทพมหานคร
กอปรกับฟังข่าวเที่ยงทางช่อง ๓ ที่มีการสัมภาษณ์สดผู้ได้รับสิทธิ์ในเช๊คช่วยชาติสองพันบาท
ที่มาแหกตาคอยถึงตีห้า อันกว่าจะได้รับเช็คตัวจริง -นามสกุลจริง ก็ปาไปกว่าสิบโมงครึ่ง อันได้ฟังแล้ว
ก็ร้อนๆหนาวๆ แถมผมยังมีหน้าไปขู่เมสเสนเจอร์ของบริษัทถึงข่าวสารที่ผมได้รับมาแบบจับติดขอบ
แตทว่าไม่อาจจะทลายบุคคลิกความเชื่อมั่นส่วนตัวของเมสเสนเจอร์ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในภาคพื้นสนาม
มากกว่าความทีติดตำราของตัวผู้อ่าน ยังมีหน้ามาท้าว่า หากมีโอกาสจะลองไปเขตพื้นที่ที่จ่ายเช็คช่วยชาติแบบต่อเนื่อง
(คือ รับจ๊อบส่งของ แล้วเพิ่มแรงบิดในเข็มไมล์เพื่อให้สอดรับคำสั่งของช่วงเวลาในกำ
หนด อันจะมีเวลาที่มากพอในการดำเนินธุรการของการยื่นเรื่องของรับสิทธิ์ ซึ่งหมายความว่า ส่วนต่าง
ของเวลาดังกล่าว จะต้องเร่งรีบดำเนินการได้ ไม่เกินยี่สิบนาที!) ประทานโทษมีผู้ยื่นขอความ
จำนงตั้ง ๕.๕ ล้านคน นะเพ่!

เพราะหากเกินเวลาในการขอใช้สิทธิ์ในวันนี้ ย่อมหมายความว่า เขตพื้นที่ให้บริการจะจ่ายเช็คได้
ในวันที่ ๙-๓๐ เมษายน ซึ่งผู้เขียนก็ทำใจไว้แต่ต้นแล้วว่า จะยื่นความจำนงไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์
อันจะมีผู้ต่างภูมิลำเนาประสงค์ที่จะกลับบ้านเกิดต่างจังหวัด อันเป็นเทศกาลหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพเป็นเมือง
น่าอยู่ รถราโล่งโจ้งให้น่าสัญจรระหว่างแขวง จะเปียกสักหน่อยโดยแลกกับความสะดวกในการต่อคิว
สองพัน................อันนี้ความเชื่อส่วนตัว "คุ้มกว่าเป็นไหนๆ"
แต่เมื่อเมสเสนเจอร์ ที่แอบดอดธุระส่วนตัวในช่วงธุระส่วนรวม
กลับมาเย้ยตน ด้วยการโชว์ต้นฉบับจริงของ "เช็คช่วยชาติ" ทีมีชื่อสลักของเจ้าของชื่อแผ่หลา
ในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อสายตา นึกว่าไปใช้กระบวนการตัดต่อพันธุกรรมชื่อเสียงเรียงนามในหลอกตา
อำเล่น เล่นเอาผู้เขียนใช้ความอหังการส่วนตัวไปเย้ยหยันว่าเป็นการจัดฉากของกลุ่มเมสเสนเจอร์
ที่มักเล่นอำพวกเหล่าพนักงานออฟฟิคกันบ่อยๆ บ่อยแค่ไหนเหรอ ก็เคยเอารถเตอรี่รางวัลเลขท้ายสอง
ตัวมาหลอกกันซึ่งๆหน้า
แต่ด้วยความใส่ใจของผู้เขียนที่ติดตาม โครงการเช็คช่วยชาติ ตั้งแต่ยังไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีในสภาไปจนถึง
การสังเกตในจุดสังเกตพิเศษตั้งแต่รอยนูนของเนื้องกระดาษ การสมควรที่สลักชื่อด้านหลังของตัวเช็ค
เนื่องจากมีค่าเสมือนเงินสดไม่อาจอายัติยามที่สูญหายได้ แม้แต่ช่วงเช้าก็พยายามติดต่อในเบอร์โทรศัพท์
ที่ปรากฎในจดหมายในทุกๆครึ่งชั่วโมง จนแทบไม่มีช่องว่างของชุมสายโทรศัพท์ในเบอร์ดังกล่าว
จึงทำให้รู้ว่า............สิ่งที่กำลังเล่นตลกของเมสเสนเจอร์ คือ "เรื่องจริง"

จากนั้น............การทำงานของผู้เขียนก็เริ่มที่จะไม่เป็นสุข
มีความกระวนกระวายและกระสับกระส่าย ถึงการวางแผนงานที่จะไปในทันการดำเนินงาน
ที่ทางเมสเสนเจอร์ที่สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่โดยตรงว่า ภายในวันนี้จะปิดการให้บริการไม่เกิน ๒ ทุ่ม
ดังันั้น ทุ่มที่เหลือที่ผู้เขียน จึงโอนจากการทุ่มเทในหน้าที่การงาน ไปสู๋การทุ่มเทให้กับการวางแผนเพื่อให้
ไปถึงกระทรวงแรงงานอันเป็นเขตสำนักงานประกันสังคมที่ตนดำเนินการขออนุมัติได้ (โดยมีคำขู่ของเมส
เสนเจอร์ที่ว่า หากไม่ยื่นแบบตั้งแต่วันนี้ กว่าจะไปยื่นแบบอีกทีอาจเป็นที่ เขตสำนักงานประกันสังคมที่
ลำลูกกา จ.ปทุมธานี) ทางเดียวที่จะไปได้ทันเวลาและคุ้มค่าที่สุด
คือ การอาศัยการอำนวยความสะดวกของมอเตอร์ไซด์ของฝ่ายแผนกเมสเสนเจอร์
แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎในลำดับความรุนแรงสูงสุดที่เมสเสนเจอร์ตั้งไว้ คือ โทษสามขวด
อันนี้เป็นการตั้งระดับศาลที่ไม่มีความสูง และตัวบทกฎหมายของบริษัทไม่มีความเข้มแข็งพอ
ใช้กันเองระหว่างหน่วยงานของผมกับแผนกของเมสเสนเจอร์ โดยไม่ให้เบื้องบนทราบเรื่อง
ถือเป็นหลักประนีประนอมสากล ที่บริษัทข้างเคียงในตึกเดียวกัน ก็ใช้ร่วมกัน
งานนี้จึงได้ม้าเร็ว ที่ยังเบิกค่าบิลน้ำมันของบริษัท ทยานไปถึงที่หมายไม่เกินครึ่งชั่วโมง
และที่สำคัญเร็วและอัธยาศัยของเจ้าหน้าที่ นั่นดีเกินคาด........................ดีพอที่ผมจะยังพอเล่นมุขกับทาง
เจ้าหน้าทีประกันสังคมว่า "ต้องร้องเพลงชาติ แสดงความเป็นสิทธิ์พลเมืองไทยอะเปล่าครับ"

นอกจากนี้ ทางสำนักงานยังมีเจ้าหน้าที่สปส. ที่คอยให้คำปรึกษา และทางพนักงานของธนาคารกรุงเทพ
ได้เตรียมเงินสดล็อตแรก จำนวน 1 ล้านบาทมาด้วย เพื่อเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนสามารถนำเช็คช่วยชาติ
มาขึ้นเงินสดได้โดยไม่มีการหักค่าธรรมเนียมใด ๆ ที่ตั้งโต๊ะคอยขึ้นเช็คเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเงินสด
แต่ผู้เขียนถูกรั้งจากทางฝ่านเมสเสนเจอร์ผู้ชำนาญในเรื่องนี้มากกว่าว่า
ยังมีห้างร้านค้าเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ เพิ่มมูลค่าในการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าโดยเพิ่มมูล่คาของ
ราคาเช็ค จากเดิมอาจจะสองพัน ก็มาเป็นสองพันหก โดยอาจต้องเพิ่มกำลังเงินสดจากผู้ซื้อ
และ อาจได้คูปองเงินสดเป็นมูลค่ากำหนัดในครั้งต่อ่ไปถึง ๕๐ เปอร์เซ้นต์ .........................!!!! ตรงนี้ยังไม่รวมส่วนของการจับจ่ายที่จะช่วยชะลอจากจ้างออกงาน
ของผู้ผลิตอีกท่างหนึ่งด้วย เกิดผลทางเศรษฐกิจมหภาคเป็นทวีคูณ (Multiplier Effect)

จากเนื้อเรื่องที่เล่ามา......เป็นการใช้ประสบการณ์สอนอัตตาตัวเอง ที่ว่า แม้แต่คนที่เรามองว่า
เป็นเพียงคนเล็กคนน้อยที่ไร้การศึกษา เมื่อไปเทียบเท่ากับสิ่งที่ตนได้ร่ำเรียนและมั่นแสวงหา
ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะมีความรู้เชิงประสบการณ์ที่เหนือว่าในแทบทุกประการโดยอิงอาศัยมาตรา
ฐานอันฉาบฉวยที่สังคมได้เป็นผู้กำหนด
หากผมไม่ได้รับข้อมูลจากประสบการณ์จริง การอำนวยความสะดวกในวิชาชีพ และความชำนาญใน
ถนนหนทาง ทุกวันนี้ผมอาจจะไม่ได้แสดงสิทธิ์ของผู้สิทธิ์ได้รับเงินค่าครองชีพหรืออาจปล่อยให้ล่วงเลย
เพราะความเกียงคร้านของตัวผู้เขียนเองอย่างไม่น่าให้อภัย
จึงไม่มีอะไรที่ผู้เขียนจะทำได้ มากไปกว่าความ "ถ่อมตัว" และถ้อยคำที่แสดงความกรุณาว่า "ขอบคุณ"
เท่าที่มนุษยปถุชนคนหนึ่งจะแสดงได้..........................................
แต่สิ่งที่ย้อนกลับมาจากคำมั่นของเมสเสนเจอร์ผู้สนิทอย่างมีพระคุณ ท่านนั้น ก็คือ............

"ไหนละฟะ! สามขวด"........



Create Date : 11 กรกฎาคม 2552
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 16:06:25 น. 2 comments
Counter : 629 Pageviews.

 

everyything you
feeling so abset
need someone to understand and help you
go to GOD ask for help
he is waiting for you
to help you
as he does to me!


โดย: believe IP: 124.120.17.164 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:08:00 น.  

 
ได้ความรู้มากครับ


โดย: ทนายความวิรัช (WWLF ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:16:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.