|
|
ขอบคุณทุกการติดแท็กเพื่อพ่อหลวง
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคมที่ผ่านมา
คุณทั้งหลายชาวไทยที่ "รักนายหลวง"
คงได้แสดงออกในการใด เพื่อถวายความจงรักภักดีบ้างไหมขอรับ
หลายคน อาจจะแสดงการจงรักภักดีด้วยการ
"จุดเทียนชัยถวายพระพร"
หลายท่านแสดงออกผ่านการ "ร้องเพลงสดุดีมหาราช" หรืออาจ "ติดธงชาติ"
และ "ธงในพระปรมาภิไทย่อ" "ใส่เสื้อสีชมพู" และอีกหลายกิจกรรม
ตามแต่วาระและโอกาสที่เหมาะสม
ส่วนผู้เขียนนั้นเหรอครับ จะบอกว่าอย่างไรดีละ
เอาเป็นว่า ผม "ติดแท็ก" ในทวิตเตอร์ครับ!!
แน่นอนว่าครับว่า ทวิตเตอร์ เป็นการบริการโซเชียลมีเดียแบบไมโครบล็อกกิ้ง
ที่หลายคนอาจจะนอนกลิ้งไปพิมพ์ข้อความสั้นไป ในโควต้าที่ไม่ให้
ระบบน้ำท่วมทุ่งจนทุ่งเน่าเกินพอดีงามที่ ๑๔๐ ตัวอักษร
หมายความง่ายๆว่า พิมพ์ในยูสเซอร์ของเราครั้งเดียว
ก็ขจรขจายไปไกล สุดแท้แต่ความมี "เพื่อนมาก" สักแค่
เพื่อนในที่นี้ ระบบทวิตเตอร์เขาแทนความหมายถึง "follower"
อันเป็นภาระการถูกติดตามที่สมยอม ในทุกทวิตส์ที่เปิดเผย
เท่ากับเป็นการสมยอดถูกเปิดเผยการรับรู้ใหกับอีกฝ่าย อย่างหน้าชื่นตาบาน
ที่อาจผิดธรรมเนียมที่ว่า "ไม่รู้เขา แต่อยากจะให้รู้แต่เรา"
ซึ่งในที่นี้ ก็ดาราชื่อดังหลายคน ที่ไม่บานด้วย
เนือ่งจากอารมณ์การโต้ตอบแบบretweet ของพวกแฟนคลับสาวเหยี่ยว
จนต้องมีการขอปิดตัว ล้มหายตายจากกันและเลิกลากันไป
แต่ประเด็นที่อยากพูดคุยด้วยของผู้เขียน มิใช่เรือ่งนี้
กลับเป็นปรากฎการณ์ของการสร้างชื่อให้ประเทศไทย ในฐานะที่
เกิดการ "ปลุกระดมมวลชนคนทวิตส์" ครั้งใหญ่ ในช่วงเวลาประมาณทุ่มครึ่ง
จนนำสู่สิ่งที่เรียกว่า "อันดับไทยเทรดยอดฮิต" ของในวันมหามงคล
๕ ธันวา ที่ผ่านมา โดยมีสิ่งที่เรียกกันว่า Hashtag
(เข้าใจง่ายๆนะ ก็คือการใส่ชาร์ปที่ไม่ใช่หม้อหุงข้าว
แต่เป็นเจ้านี้ -"#" ก่อนหน้าคำ ที่เราอยากจะปั้นให้โด่งดังหรือมีการพูดถึงกันบ่อยๆ
ที่เข้าใจกว้างๆอีกอย่างว่า ทอล์กออฟเดอะทาวน์)
จนมีอันดับติดเทรนด์นำลิ่ว ในส่วนของวันที่ห้า ธันวาที่ผ่านมา คือ
คำว่า
(๑) #WeLoveKing ด้วยจำนวนที่มากถึง ๑๘๘,๑๓๑ รองมาด้วย
อันดับที่ (๒) #HisMajesty ในสัดส่วนที่ลดห่างกันไป ๔๑,๗๑๕ (ข้อมูลจากคุณ RT @Yui_Project)
ขณะที่ข้อมูลทวิตของคุณ RT @yokekung: ข้อมูล Twitter ในเมืองไทย ๕ ธันวาคม
ทวีตทั้งหมด: ๖๓๖,๑๐๖ ทวีต tag ที่มีการพูดมากสุด: "#WeLoveKing"
๑
แต่ไม่ว่าจะมาก หรือไมน้อยก็ตาม
สิ่งนี้ ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ทางโลกสังคมออนไลน์
จากน้ำมือ "พลังคลิก" ผ่านกระบวนการทางการตลาดที่เรียกว่า Viral Margeting
ที่คนไทยบ้านนารู้จักกันดีว่า "ปากต่อปาก" อินเตอร์แบบหื่นจับหน่อยก็ "เมาท์ทูเมาท์"
ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่ว่าเป็นรู้แบบสังคมร่วมหมู่ ที่ประสงค์ต้องการความสนุกหรรษา
ของกลุ่มพวกพ้องการทวิตส์ของหมู่ตน เพราะพลังร่วมหมู่เช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
ในฐานะที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจร่วมกัน และใช้เครื่องมือสื่อสารเฉพาะหลัก
ในการสร้างกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ถ้าพูดง่ายๆ
ก็คล้ายกับการลงแขกแต่จะไม่เห็นหน้าคาตา ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้
โอกาสจะเกิดขึ้นได้ในโลกเสรีนิยมจัดยังอาจจะเกิดขึ้นพร้อมกันแบบสังคมร่วมหมู่ได้ยาก
เพราะขาดซึ่งสิ่งจูงใจในการยึดเหนี่ยว อย่างมากสุดก็อาจจะหยิบยกประเด็นในเรือ่ง
รสนิยม ดารา สินค้าไฮเทค หรือปรากฎการณ์อย่างที่เคยเป็นอยู่
(ผิดกับเมืองไทย ในกรณีภัยพิบัติน้ำท่วม คำว่า #Thatflood กลายเป็นเครือ่งมือชั้นดี
ในการร่วมกลุ่มอาสาสมัครด้วยใจ ไปช่วยภัยน้ำท่วมในสังกัดเครือบริวาร)
แต่ขณะเดียวกัน แม้แต่สังคมร่วมศูนย์อำนาจก็เหอะ
ก็ยังยากที่จะเกิดปรากฎการณ์เฉกเช่นนี้ได้
ลองนึกดู เอาทวิตเตอร์ไปใช้ในพม่า ขนาดจะปล่อยนางอองซานซูจีว่าจริงหรือหลอก
ยังต้องใช้เวลาตั้งสามสี่วัน และการปล่อยข่าวลือเป็นอะไรทื่เหนือชั้นกว่าทวิตตั้งเยอะ
ในทางเดียวกันถ้าเอาทวิตเตอร์ไปใช้ในสังคมเกาหลีเหนือ
ดีไม่ดี อาจจะมีชาวบ้านถูกจับขังคุกเพิ่มมากขึ้น
ด้วยข้อหา "ประพฤติตนให้เสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี" เพราะไปทวิตหาดาราเกาหลีใต้สักงั้น
ดังนั้น #WeloveKing สามารถขึ้นไปสู่อันดับ ๑ ของเทรนด์ทวิตเตอร์โลก
เมื่อเวลา สองทุ่มครึ่ง (ตามข่าวไทยรัฐออนไลน์) จึงมีนัยยะสำคัญ
นอกเหนือจากการรวมพลังของคนออนไลน์ที่มอบถวายแด่พ่อหลวง
ด้วยอยู่นอกเหนือข้อจำกัดทางอธิปไตยในฐานะของอาณาเขตรัฐ
หากใครได้ดูในแผนที่แสดง trendworld แล้ว จะเห็นถึงการจงรักภักดี
ผ่านทวิตส์นอกภูมิทวีป ไม่ว่าทั้ง อเมริกา จีน ญี่ปุ่น แอฟริกา อังกฤษ รัสเซีย
เป็นต้น
เป็นการแสดงออกที่บ่งชี้ถึงอัตลักษณ์บนผืนภูมิภาค
เป็น Globolized Nationalization ที่คงความเป็นชาติผ่านจิตสำนึกบางลักษณะ
อย่างที่เคยดูในหนัง Aftershock แผ่นดินถล่ม ก็เป็นเพียงสำนึกคนในท้องถิ่น
อันเป็นนัยยะที่น่าคิด อาจผิดกับการถวายเทียนชัยที่เป็นสิ่งที่ดี
ผ่านสำนึกอันรู้สึกเปี่ยมล้นเฉพาะจิตใจหรือเขตหน้าบ้าน หรือกำหนดเฉพาะพื้นที่เหมาะควร
ด้วยมีรายงานข่าว ที่ได้ฟังทางช่องเนชั่นทีวี
ในรายการคมชัดลึก เมือ่วานว่า
แท็กคำว่า #WeloveKing ได้ถูกโปรแกรมกรอกสแปมของทางทวิตเตอร์
ตีความเอาอย่างอกุศลตามความซื่อของระบบว่า "ติดเชื้อสแปม" แน่นอน
เท่าที่จับความอธิบาย ดูจะคล้ายกับการ retweet ข้อความซ้ำๆ ที่มีคำว่า
#WeloveKing ติดมาด้วย กลายเป็นคำที่ถูกแบนไปทั้งที่ยอดตั้ง "
แสนแปดหมื่นกว่าครั้ง"
โดยรายงานข่าวของไทยรัฐ อ่านด้วยอาการงงๆของผู้เขียนเอง
(แม้แต่ท่านผู้อ่าน ก็คงคิดเห็นไม่ต่างกันว่า) เพราะรายงานข่าวบอกอย่างนี้
จริงๆว่า "ระบบคงเข้าใจผิด คิดว่าคนไทยทวิต
"#WeloveBurgerKing" นั่นเอง
จนนักทวิตทราบรายงานข่าวดังกล่าว จำต้องไม่ลดละความพยายาม
เบนไปใช้คำใหม่ ที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีที่ไม่มีหายไปจากใจ
#hismajesty จึงเกิดขึ้น และทดแทนอย่างทันเวลา
จนไม่เกิดสี่ทุ่ม ก็ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง ของเทรนด์ทวิตเตอร์
มีอัตราส่วน ๐.๗๕ เปอร์เซนต์
ของการทวิตทั้งหมดทั่วโลกในเวลานั้น ซึ่งก็หมายถึง
มันได้เป็นประเด็นคำ ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง เพราะจะเป็นรายงานผล
ที่ถูกแสดงขึ้นในข้างๆหน้าเพจของทวิตเตอร์ทั่วทุกมุมโลก
ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ส่วนเขาคนนั้นจะกดคลิกต่อ หรือ รีทวิตกันรึไม่
อันนี้ก็เป็นเรือ่งที่สุดจะพยายามเข้าใจ แต่มันเป็นทุกทวิสในด้วยใจ
เพื่อเป็นทวิตถวายพระพรต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย
อันแสดงออกไปสู่สายตาชาวโลกให้ได้ประจักษ์.......
อ้างอิงข้อมูลจาก.............
ไทยรัฐออนไลน์
เนชั่นแชลนอล
และเพื่อนทวิตภพทั้งหลาย
| Create Date : 07 ธันวาคม 2553 |
| Last Update : 8 ธันวาคม 2553 0:36:09 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 726 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: TaMaChAN (narumol_tama  ) วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:17:35:45 น. |
|
|
|
| โดย: นัทธ์ วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:22:43:34 น. |
|
|
|
| โดย: เกศสุริยง วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:9:16:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [
>
