A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
คนเล็ก งานอดิเรกใหญ่:ไอน์สไตน์กับพ่อ

สำหรับชีวประวัติของไอน์สไตน์ ช่วงที่ฉลองครบรอบการจากไป

แม้จะผ่านไปร้อยปี แต่น้อยบุคคลนัก ที่จะมีผู้คนอีกช่วงเจเนอเรชั่นหนึ่ง

รำลึกถึง ส่วนใหญ่ถ้าไม่ติดหนี้ ติดเงิน เพื่อนหลายคนในช่วงวัยเด็ก

นึกหน้า-จำชื่อ กลายเป็นเรื่องทำลายก้านสมองโดยปริยาย

ไอน์สไตน์อาจต่างกับบุคคลสำคัญท่านอื่นๆ ในแนวทางวิทยาศาสตร์

ถ้าผมจะยกตัวอย่าง นีล โปร์ เฟรด ฮอยล์ หรือ ไอแซค นิวตัน

บางท่านอาจจำชื่อคนเหล่านี้ได้ แต่จะให้นึกภาพลักษณะบุคลิกภาพขึ้นมา

หลายท่านอาจจะบอกว่า “ไม่ใช่ญาติ”

แต่ไอน์สไตน์ ก็ “ไม่ใช่ญาติ” เช่นกัน แต่เราสามารถสมมติภาพได้แจ่มชัด

เรียบร้อย สำบัดสำนวน ตลกขบขัน มีชีวิตชีวา และออกจะเพี้ยนไม่น้อย

ถ้าไม่ติดในความอัจฉริยะ ก็อาจจะมองเป็นตาแก่จอมเพ้อเจ้อคนหนึ่ง

ที่มีมุมมองหยั่งเห็นความจริงในอนาคตทางฟิสิกส์ จนป่านฉะนี้

การสร้างเตรื่องประจุพลังงานไฟฟ้าอนุภาคฮิกส์ ที่หลายคนว่าเป็นความ

พยายามเย้ยพระเจ้าจากน้ำมือมนุษย์ก็มีส่วนในภาคจินตนาการของ

ไอน์สไตน์ด้วยเช่นกัน




เห็นคนเขายกย่องไอน์สไตน์ว่าอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ

แต่ใช่ว่าเขาไม่เคยสอบตก เพราะตอนสอบเข้าสถาบันโพลีเทคนิค

แห่งซูริค เขาสอบตกระเนระนาด ทั้ง วิชาฝรั่งเศส เคมี ชีววิทยา

เคยเห็นไอน์สไตน์เกาหัวจนมุม ...หงิๆไหมครับ

เรื่องนี้คุณพี่ อัลบิน แฮร์ซ็อก ผู้อำนวยการสถาบัน สัมผัสได้

แย่แค่ไหน ก็ยังเห็นส่วนดีของพี่ท่านไอน์สไตน์ เพราะทำคะแนนได้ดี

ในส่วนวิชาคณิตและฟิสิกส์ วิชาปราบเซียนของใครหลายๆคน

แต่ด้วยแนวคิดของนักศึกษาเชิงปฎิวัติ สถานที่เขาเรียนกับมีรูปแบบการ

สอนตรงกันข้าม ในแนวทางที่จะทดลองรุ่นเก่า

ไอน์สไตน์จึงเลือกที่จะขาดเรียน แล้วนำเวลาส่วนที่เหลืออยู่กับห้องทดลอง

เรียนรู้ ค้นหาทฤษฏีใหม่ๆด้วยตัวเอง จนบรรดาอาจารย์ด้วยกันประเมิน เขาว่า

เป็นพวกที่เกียจคร้านเรื้อรัง




ดังนั้นเมื่อจบการศึกษา เพื่อนๆในชั้นต่างได้รับหน้าที่ในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยกัน

มีเพียงแต่เขาที่มีตำแหน่ง ที่โหลที่สุดในโลกอาชีพหนึ่ง นั่นคือ อาชีพเตะฝุ่น

ในระยะเวลาที่เรียน ไอน์สไตน์มักถูกสบประมาทโดยอาจารย์ผู้สอนอยู่เสมอ

ในความที่เขาหัวดื้อที่จะเชื่อฟังความรู้ที่ถ่ายทอดในชั้นเรียน



“เธอเป็นคนที่ฉลาดเอามากๆ แต่ก็มีข้อเสียที่มหันต์ตรงที่ไม่ยอมให้ใครสอนอะไร”

“ถึงเธอจะดูกระตือรือร้น แต่ก็ดูจะไร้ความหวังในฟิสิกส์ เธอน่าจะลองเปลี่ยนไปเรียน

อย่างอื่น เช่น แพทย์ อักษรศาสตร์ หรือนิติศาสตร์ น่าจะดีกว่า”

“ไอน์สไตน์ เธอมันสุนัขสันหลังยาว (Lazy Dog)”




แต่อย่างไรเสีย ไอน์สไตน์ก็ไม่เคยสูญเสียในความหวังและการมองโลกในแง่ดีที่จะ

ผลักดันให้เขาก้าวเดินต่อไปในท่ามกลางดงหนามแห่งชีวิตที่ยังมองไม่เห็นทางสว่าง

ในภายภาคหน้า



“ผมก็ได้พยายามทุกวิถีทางและไม่ได้สูญเสียอารมณ์ขัน...พระเจ้าสร้างลาขึ้นมา

พร้อมกับได้ประทานหนังหนาให้กับมันด้วย”



เขามีเป้าหมายชีวิตที่จะพำนักและแปลงสัญชาติเป็นชาวสวิส

แต่นั่นก็หมายความว่า เขาจะต้องพิสูจน์ได้ว่า เขามีงานที่ทำเป็นหลักแหล่งจริง

กว่าที่เขาจะได้แปลงสัญชาติอย่างสมบูรณ์ เขาต้องกลายเป็นบุคคลไร้สัญชาติถึง ๕ ปี

และมีความคิดวณิพกไวโอลินข้างถนน แว้บคิดขึ้นมาเป็นระยะๆ

ความอับโชคของบุตรชาย จนทำให้พ่อของเขา ลุกขึ้นมาเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง

ถึงศาสตราจารย์Wilhelm Oswald ที่มหาวิทยาลัยLeipzipให้ช่วยรับบุตรชาย

ในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัย แต่แล้วจดหมายฉบับนั่นก็เหมือนขยะกระดาษใบหนึ่ง

ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลก ที่ศาสตราจารย์ท่านนี้

เป็นคนแรกที่เสนอชื่อของไอนสไตน์ในฐานะผู้สมควรได้รับรางวัลโนเบล

ภาวะที่ครอบครัวมีหนี้สินจากการล้มละลาย จนทำให้ไอน์สไตน์ต้องทำงานชนิด

ที่ไม่เลือกหน้า ไปทำงานสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียน ยังถูกผู้อำนวยการไล่ออก

โทษฐานจะก่อการปฏิวัติ เพื่อนที่ชื่อ Friedrich Adlert ยังจำความตกยาก

ครั้งนั้นของเขาได้ อดมื้อกินมื้อ พลิกหน้าโฆษณาเพื่อหางานไปวันๆ

แฟนร่วมมหาวิทยาลัย ที่ชื่อ มิเลวา ก็สอบไม่ผ่านเป็นครั้งที่สอง และที่สำคัญ

หล่อนยังตั้งครรภ์อีกด้วย เขาทั้งสองต่างต้องอยู่ด้วยกันอย่างยากลำบาก

ความฝันในเรื่องสำรวจค้นคว้าจักรวาลร่วมกันแทบจะหมดสิ้น

ในที่สุด ความจนยากจึงทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันไประยะหนึ่ง

มีเพียงจดหมายเท่านั้น ที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเข้าด้วยกัน

(มีจดหมายมากกว่า ๔๓๐ ฉบับ ที่ถูกเก็บรักษาจากบุตรชายคนหนึ่งของเขา

บางฉบับถูกประมูลในราคากว่า ๔๐๐,๐๐๐ เหรียญ)

บุตรคนแรก ที่ไอน์สไตน์เห่อหนักเห่อหนา เมื่อได้ยินข่าว

เป็นบุตรสาวที่เขาไม่มีวันที่จะเห็นหน้า เพราะทารกน้อยคนนี้เสียชีวิต

จากโรค scarlet fever แต่นักประวัติศาสตร์บางสำนัก เชื่อว่า เพราะคนยากไร้

จึงทำให้มิเลวาจำต้องยกเป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นไป






แต่สุดท้ายใช่ว่า ไอน์สไตน์จะสิ้นไร้ไม้ตอกไปเสียทุกประตู

เขาก็ยังมีเพื่อนที่ดี ที่มาเคาะประตูยื่นงานยังกับเด็กส่งพิซซ่า เพื่อนท่านนี้

ชื่อ มาร์เซล กรอสมันน์ ได้เสนองานในตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลก

รับรู้ว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะงานอดิเรกชิ้นน่าทึ่ง ขย่มวงการฟิสิกส์

คือ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานทะเบียนสิทธิบัตรที่กรุงเบิร์น (Bern)

แม้เงินเดือนจะน้อย แต่สิ่งอื่นที่หยิบยื่นให้เขา มีผลมหาศาลแก่เพื่อนมนุษย์

มากมายนัก

อย่างน้อยๆ งานนี้ก็ทำให้เขาตอ้งหวนกับมาศึกษาพื้นฐานทางฟิสิกส์ที่

อยู่เบื้องหลังของงานประดิษฐ์ในแต่ละชิ้น

อย่างน้อย งานนี้ก็ดึงสัญชาตญาณทางฟิสิกส์ ว่าด้วยการแยกแยะและ

ตัดทอนรายละเอียดปลีกย่อยของสิ่งประดิษฐ์แต่ละประเภทที่ไม่สำคัญออกไป

จนทำให้เขาได้เข้าถึงแก่นของงงานแต่ละชิ้น จนเขาพูดติดตลกกับหมู่เพื่อนๆว่า



“แทบฉี่ออกมาเป็นหมึก (pissing ink)”



อย่างน้อย งานของเขาก็เป็นอิสระจากสิ่งรบกวนอื่นๆ บ่อยครั้งที่เขาทำงาน

เสร็จไวพอที่จะได้มีเวลา มานั่งคิดถึงเรื่องที่เขาสนใจอย่าง แสงกับการเคลื่อนที่




แต่แล้วสิ่งเศร้าในชีวิตที่สุดของเขา เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เขามีงานทำอย่าง

เป็นหลักแหล่ง ข่าวการเสียชีวิตของบิดาจากโรคหัวใจ สร้างความทุกระทมแก่เขา

เป็นอย่างมาก ไอน์สไตน์ต้องรีบเดินทางไปมิลานเป็นการด่วน ก่อนที่เขาจะสิ้นอายุขัย

พ่อของเขา ได้ปลดเงื่อนไขที่สำคัญข้อหนึ่ง ที่สร้างความลำบากใจให้ทั้งแก่

ไอน์สไตน์และมิเลวาแฟนสาว ก็คือ การอนุญาตให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและอวยพร

ให้มีชีวิตที่มีความสุข เพราะก่อนหน้านี้ การเข้ามาของมิเลวาสร้างความร้าวฉาน

ภายในครอบครัวของไอน์สไตน์อย่างมาก

ส่วนหนึ่งเพราะมิเลวาเป็นคนจากคาบสมุทรบอลข่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่โสภาในความ

คิดของชาวยิวในเยอรมันนัก ต่ำต้อยที่จะเคียงคู่กับลูกชายของพวกเขา ทั้งแก่กว่า

ป่วยไข้ง่ายเกินไป มีความเป็นหญิงน้อย บทที่คนจะไม่ชอบขี้หน้า ก็ล้วนแต่สรรหา

ขอ้เสียของอีกฝ่ายจนได้ (เยอะด้วย) แม่ของไอน์สไตน์ถึงขั้นบอกว่า



“คนนี้เป็นต้นเหตุแห่งความขื่มข่มที่สุดในชีวิต ถ้าฉันมีอำนาจวิเศษ จะขอเสกให้

หล่อนหายสาบสูญไปจากโลกนี้ ฉันสูญเสียอิทธิพลที่มีต่อไอน์สไตน์ไปหมดแล้ว”




การสูญเสีย ทำให้เขามีสภาพเวทนา เพราะเขาเชื่อว่าเขาทำให้พ่อและครอบครัวผิดหวัง

ความรู้สึกนี้ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต เลขานุการส่วนตัว เคยเล่าว่า



“มีอยู่คราวหนึ่ง เขาเขียนว่าการเสียชีวิตของบิดาเป็นเหตุการณ์ที่เขาตื่นตระหนกเป็นที่สุด

เท่าที่เขาได้ประสบมากับชีวิต”



ส่วนมายา น้องสาวเขา บันทึกอย่างขื่นข่มว่า



“ชะตาที่น่าเศร้ากำหนดให้บิดาฉันไม่อาจทราบว่า สองปีให้หลัง บุตรชายของท่านได้เริ่ม

วางรากฐานสู่อนาคตอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดัง”



ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของไอน์สไตน์เริ่มต้นจาก

การทำนายการเบี่ยงเบนของวงโคจรของดาวพุธและวงโคจรของดาวพุธรอบดวงอาทิตย์

เขาได้เพิ่มเติมเรื่องสเปซโค้งเข้าไปในทฤษฎีของเขาด้วย ทฤษฎีเฉพาะของเขาเองนี้

เขากล้าเชื้อเชิญให้นักฟิสิกส์ทดสอบอย่างอหังกา

ว่า



“คงไม่มีผู้ใดเข้าใจทฤษฎีนี้จริงๆ จะสามารถหลุดรอดจากมนต์เสน่ห์ของมันไปได้

.....มีความงามอย่างหาที่เปรียบมิได้”



เดือนกันยายน ปี ค.ศ. ๑๙๑๙ ไอน์สไตน์ได้รับโทรเลข ว่าการคำนวณของเขาเป็นเรื่องที่

น่าทึ่งอย่างมาก มักซ์ พลักค์ถึงกับนอนไม่หลับทั้งคืน มีการประชุมร่วมกันระหว่าง

Royal Society และ Royal Astronomical Society ที่กรุงลอนดอน

เปลี่ยนสถานภาพไอน์สไตน์กลายไปสู่ศาสตรจารย์ของสำคัญของโลก ยิ่งใหญ่ต่อจาก

ไอแซค นิวตันที่พบกฎแห่งแรงโน้มถ่วงที่เดียว

หนังสือพิมพ์นับร้อยฉบับ ต่างมารุมขอสัมภาษณ์เป็นการใหญ่ ถือเป็นการกลบข่าว

ในช่วงที่เกิดภาวะสงครามโลกที่ขึ้นพาดหัวหน้าหนึ่งมาโดยตลอด ด้วยเรื่องที่ไม่น่า

เชื่อในวงการฟิสิกส์โลก อีกทั้งเสน่ห์ของการตอบคำสัมภาษณ์ยังเต็มไปด้วย

วาทะเด็ดๆและมุขที่ใส่อย่างแพรวพราว



“แม้แต่คนขับรถและบริกรในตอนนั้น ต่างก็ยังถกเถียงกันในเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพ

ถูกหรือผิด หรือว่าคนนั้นที่ตอบสังกัดพรรคการเมืองไหน” คือ จดหมายฉบับหนึ่ง

ที่เขาเขียนถึงเพื่อนๆของเขา ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ยามใด เขาก็มีอารมณ์ขันเสมอ




Create Date : 05 ธันวาคม 2551
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 6:17:11 น. 3 comments
Counter : 1106 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: Jolisa วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:19:39:10 น.  

 
อ่านสนุกได้ความรู้ดีนะเนี่ย ชั้นว่า พธม แฟนคลับแกต้องเยอะขึ้นแน่ ๆ หนึ่งในนั้นก็มีชั้นนะ ส่วนเรื่องเงินที่ติด ก็ไว้ชาติหน้านะ จะใช้คืนให้ ชาติหน้าจะได้เจอกันอีก อิอิ


โดย: ~Ging-ga-Deng~ IP: 58.8.175.118 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:9:54:50 น.  

 
อ่านสนุกได้ความรู้ดีนะเนี่ย ชั้นว่า พธม แฟนคลับแกต้องเยอะขึ้นแน่ ๆ หนึ่งในนั้นก็มีชั้นนะ ส่วนเรื่องเงินที่ติด ก็ไว้ชาติหน้านะ จะใช้คืนให้ ชาติหน้าจะได้เจอกันอีก อิอิ


โดย: ~Ging-ga-Deng~ IP: 58.8.175.118 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:9:54:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.