A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
คนเล็ก งานอดิเรกใหญ่:นักแต่งเพ้อฝัน

เคยได้ยิน นักวิจารณ์วรรณกรรมกล่าวอะไรเท่ห์อย่างหนึ่งไว้ว่า

"งานวรรณกรรมที่แต่งแต้มขึ้น ล้วนเกิดจากจิตวิญญาณแห่งประสบการณ์ที่ผู้แต่งผ่านพ้นมา"

อืมม.......มันก็ฟังเท่ห์อยู่หรอกน๊าาา..........แล้วไอ้พวกที่เป็นนวนิยายประโลมโลก
ไม่มีสาระความเป็นจริงในโลกนี้ละ? พี่จะอธิบายได้ไหมครับว่า

"พวกเขาเหล่านั้นเข้าญานหรือไม่ก็นั่งเทียนเขียนแต่งไปตามเรื่องตามราวกันแน่"

เริ่มต้น..ผมก็ตั้งคำถาม ที่ชวนให้ได้รอยเท้าฟรีสักข้าง ไม่ก็ท่านไหนหากใจดี
งานนี้ก็อาจมีมากกว่าหนึ่งคู่จากรองเท้าคนละเบอร์ ก็มิอาจทราบได้
ในหัวเรื่อง "คนเล็ก งานอดิเรกใหญ่" ซึ่งต้องขอบคุณสหมงคลฟิลม์ที่คิดชื่อหนังจีนแต่ดัดแปลง
เสียจนน่าจดจำเป็นภาษาไทย โดยที่พี่โจว ชิงฉือ อาจเกาหัวแบบงงๆว่า

"ตูมันเล็กตรงไหนหว๋า?"

วันนี้จะหยิบยกตัวอย่าง อดิเรกของคนช่างฝันที่กลั่นมาจากประสบการณ์ที่บากบั่น
จนกลายเป็นงานที่รื่นรมย์............ชนิดที่คนทั้งโลกไม่อาจปฏิเสธว่า

"เฮ้ย ไม่รู้จักนะเฟ้ย อย่ามามั่วแบบขี้ตั๊วแบบี้"

รับรองได้ว่า ถ้าท่านไม่รู้จักคงได้อายอาตี้ อาหมวย ขาใหญ่ในซอย แซวเสียจนสิ้นสมรรถภาพ
ของความเป็นอาวุโสเป็นแน่แท้

เรื่องของหญิงคนหนึ่ง ที่มีความฝันในโลกจินตนาการอันไม่อาจจะจับต้องได้
แล้วเธอก็ต้องการแบ่งปันความฝันนั้น ให้แก่เด็กทั่วโลกได้อ่าน
แต่ความฝันแบบเด็กๆของเธอนั่น ล้วนเกิดจากความยากลำบากที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ
อาจต้องยอมละความฝันนั่น เพื่อมาเผชิญกับโลกความเป็นจริงที่ไม่มีวันสมบูรณ์แบบ
งานเขียนที่เธอไม่อาจจะเสนอชื่อจริงของเธอ เพียงเพราะว่าอคติทางสตรีเพศ
อันนำไปสู่การจำกัดตลาดของกลุ่มความเป็นชาย..................ผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่ทราบหรอก
อคตินี้เป็นจิตใต้สำนึกที่ไม่อาจบ่งบอกในสำนักโพลล์ไหนๆ
เหมือนกับอ่านคอลัมภ์วิเคราะห์ฟุตบอล พอรู้ว่านักเขียนเป็นผู้หญิง ก็มีอคติว่าไม่เจ๋งจริงบ้างละ
พอหล่อนวิเคราะห์แม่นยำ ก็บอกแบบแทงสีข้างว่า "ถ้าเป็นเกจิชาย ก็เชื่อไปนานแล้ว"
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการรูปเกมส์ แต่ไม่อยากเสียรูปเชิงชายเพราะไปเชื่อผู้หญิง!!

ก่อนที่จะรังสรรงานวรรณกรรมในรูปแบบความคิดของเธอ
เธอกำลังดำรงสภาพของความลำเข็ญฐานะผู้ว่างงาน ยืนรอเข้าแถวกับคนสิ้นไร้ไม้ตอก
เพื่อรองรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อรับเงินสงเคราะห์ มูลค่า ๗๐ ปอนด์ต่อสัปดาห์
ในขณะที่ยังต้องแบกรับกับการเลี้ยงบุตรสาวตามลำพัง อาศัยซุกหัวนอนในแฟลตโกโรโกโซ
ที่มีค่าเช่าตกอาทิตย์ละ ๒๓๐ ปอนด์ เรียกได้ว่าแพงเสียมากกว่าเงินสงเคราะห์รายสัปดาห์เสียอีก
ความจนเสียจนแทบไม่มีอะไรจะกิน จึงทำให้เธอต้องแบกลูกมาเลี้ยงที่ร้านกาแฟของน้องเขย
เกือบทุกวัน
บางคนเงินเดือนไม่ได้เพิ่ม ก็แทบจะนอนดิ้นหน้าออฟฟิค ติดเสียแต่ว่าโตจนเกินงาม

" ถ้าคุณไม่ได้อยู่ตรงนั้น คุณก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าการไม่มีเงินมันเลวร้ายขนาดไหน ความภูมิใจในตัวเองของคุณ
(ศักดิ์ศรี) จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง "
นี้คือเสียงสะท้อนเสี้ยวหนึ่งที่เลวร้ายในชีวิตของเธอ
ไหนจะต้องหอบบุตรสาวหนีอดีตสามีที่ตามราวีเธอ จนต้องขอคำสั่งศาลห้ามเขาเข้ากล้เธอ
และหย่าขาดในเวลาต่อมา แม้ก่อนหน้าเธอจะพยายามหลบหน้า เพื่อขอความช่วยเหลือทั้งจาก
เพื่อนที่เป็นครูหรือน้องสาวซึ่งเพิ่งแต่งงานไปอยู่ที่เมืองเอดินเบิร์กในสกอตแลนด์
ชีวิตที่เหลือของเธอ คือการใช้ชีวิตที่เหลือกับบุตรสาว อันเป็นสุดที่รักของเธอเพียงสิ่งเดียวเท่าที่เหลือ
อยู่ ก่อนหน้านั้นเธอได้แทงลูกครับเมื่อกลับไปโปรตุเกส ช่วงที่อดีตสามีถูกเกณฑ์เป็นทหารกองหนุน
แม้ช่วงหลังจากปลดประจำการไปประกอบอาชีพนักข่าวอิสระก็ไม่เป็นมรรคเป็นผลเท่าไรนัก
คนที่อยู่เบื้องหลังของเธอ อย่างมารดาก็มาเสียชีวิตลงจากโรคเส้นเลือดตีบ ส่วนบิดาของเธอก็
มีภรรยาใหม่แทบจะทันทีที่แม่ของเธอเสีย สร้างความเจ็บปวดและโกรธแค้นแก่เธอมาก
จนเธฮตีตั๋วเที่ยวบินเดี่ยวจากาลอนดอนมุ่งหน้าเผชิญโชคเดียวยังเมืองโปรตุเกส
จนมาได้พบสามีขี้หวงที่ร่วมชีวิตคู่กันได้เพียง ปีกับอีกหนึ่งเดือน

แต่ด้วยความที่เป็นคนรักงานขีดๆเขียนๆ Rabbit ถือเป็นงานแต่งเรื่องแรกที่เธอแต่งสมัยที่ยัง
อายุเพียง ๕ หรือ ๖ขวบ เธอเล่าภาพอย่างสนุกสนานกับน้องของเธอว่า

"I can still remember me telling her a story in which she fell down a rabbit hole and was fed strawberries by the rabbit family inside it
(ฉันยังจำเรื่องเล่าได้ครันที่เธอตกไปยังหลุมกระต่ายและถูกป้อนสตรอเบอรรี่โดยครอบครัวกระต่าย)"

และสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย Exeter ภาควิชาฝรั่งเศสคลาสสิค (BA in French and Classics at the University of Exeter) เธอก็ได้แต่งงานเขียนหลายเรื่อง
แต่งานเขียนที่สร้างชื่อเสียงและแรงจินตนาการแก่นักอ่านทั่วโลก บังเกิดโครงร่างขึ้น
ตั้งแต่ปี ๑๙๙๐ ครั้งที่กำลังนั่งรถไฟระหว่างเมืองแมนเชสเตอร์กับเมืองคิงส์ครอสในลอนดอน
จนเธอเปล่งออกมาว่า "ถาโถมอย่างเต็มเปี่ยม" (came fully formed) จนมาเสร็จสมบูรณ์
ก็อีกหกปีต่อมา เธอได้กล่าวถึงงานเขียนเล่มนี้ของเธอว่า

I was writing ........ at the moment my mother died. I had never told her about.............."
"ที่ฉันเขียนเรื่อง.........เป็นการรำลึกถึงแม่ของฉันที่ตายไปแล้ว ฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่ท่านเลย"

งานชิ้นแรกที่เธอได้ค่าเรื่องจากสำนักพิมพ์เล็กๆของกรุงลอนดอน ในราคาเพียงแค่1500 ปอนด์
และอาจมีออปชั่นเสริม (a £1500 advance) เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นความสำเร็จ
เพราะก่อนหน้านั้นเธอได้เสนอไปมากถึง ๑๒ สำนักพิมพ์ ล้วนปฏิเสธกันอย่างพร้อมเพรียงกัน( all of which rejected the manuscript)
ว่ากันว่างานเธอไปถูกใจลูกสาวchairmanหนึ่งในคณะกรรมการของสำนักพิมพ์
จนได้รับการติดต่อให้ตีพิมพ์ จนกระทั่งสำนักพิมพ์ของค่ายข้ามซีกทวีปให้ค่าลิขสิทธิ์แก่เธอ $105,000 ดอลลาร์
เธอแทบอุทานว่า "ปางใจจะวาย (nearly died)" เมื่อเธอทราบข่าวนี้เข้า..............................

ใช่แล้วครับ ผมว่าหลายคนที่เป็นสาวกงานเขียนนี้ น่าจะเริ่มร้องอ้อกันแล้ว
สำนักพิมพ์เล็กในกรุงลอนดอน (ที่ตอนนี้ไม่เล็กแล้ว) ชื่อว่า Bloomsbury
ส่วนสำนักพิมพ์ค่ายซีกโลกทวีป คือ Scholastic Inc.
งานเขียนเล่มที่ว่า คือ Harry Potter and the Philosopher's Stone
และนักเขียนท่านนั้น คือ J. K. Rowling

ทุกวันนี้ ว่ากันว่า เธอมีทรัพย์สินรายได้มากกว่าราขินีอังกฤษร่วม ๒๐๐๐ พันล้านบาท
โดยSunday Times Rich List ปี ๒๐๐๘ ประเมินความร่ำรวยของเธออยู่ที่ £560 ล้านปอนด์ (ยิ่งกว่าค่าตัว
นักเตะแมนยูทั้งทีมอีก) เป็นอันดับที่ สิบสองของเมืองผู้ดี (the twelfth richest woman in Britain.)
ส่วนนิตยสาร Forbes (ที่วันๆตรวจดัชนีชี้วัดความรวยชาวบ้าน) ให้เธอในอันดับที่ ๔๘ ในกลุ่มผู้เชิดหน้าชูตา
ผู้มากด้วยบารมี (ผมตั้งให้เก๋ๆเองแหละ)
(the forty eighth most powerful celebrity of 2007) และนิตยสาร Times ยกให้เธอเป็น runner-up for its 2007 Person of the Year คงด้วยเพราะการทิ้งทวนงานภาคจบของพ่อมดน้อยในตอนHarry Potter and the Deathly Hallows จนแย่งพื้นที่ข่าวตั้งแต่หนังสือยังไม่ออกจำหน่ายไปต่างต่างนานา
แต่ไม่ว่าความโด่งดังและความมีชื่อเสียงล้อมรอบข้างกายเธอเพียงใดก็ตาม เธอเองก็ไม่ลืมศรัทธาที่มีให้แก่งานเขียนของเธอว่า

"I will continue writing for children because that's what I enjoy"
แล้วทุกวันนี้ คุณenjoyกับสิ่งที่คุณทำหรือคุณทำเพื่อenjoyในผลตอบแทนจากสิ่งที่คุณทำอยู่ละ?




แถมท้าย Harry Potter is now a global brand worth an estimated £7 billion ($15 billion)
,and the last four Harry Potter books have consecutively set records as the fastest-selling books in history.
The series, totalling 4,195 pages, has been translated, in whole or in part, into 65 languages.

(ทุกวันนี้พ่อมดน้อยยังเสกคาถาความเป็นแบนด์ระดับโลก
สนนรายได้อยู่ที่ ไม่มากไม่น้อย ๗พันล้านปอนด์ และเอาแค่สี่ภาคเบาะๆ ก็แค่ประเภทขายเร็วปานสายฟ้าแลบเท่าที่โลกเคยมีมา
จำนวนหน้าก็หนาพอสาดแมลงสาปดึกดำบรรพสิ้นชิวินด้วยความหนา ๔๑๙๕ หน้า ตอกย้ำความดังด้วยให้ชาวบ้านชาวช่อง
ไปแปลด้วยอักษรยึกๆยือๆแปลกถิ่นอีก ๖๕ ภาษา นี้แหละผลของงานอดิเรกจากฝีมือเจ๊แกละ
คนที่เคยต่อแถวแบบคนไม่มีกิน ครอบครัวแตกสิ้น รักคุด มุดซ่อนตัวตามที่ต่างๆ...........แล้วชีวิตคุณละ?)


//www.geocities.com/pichate1964/jkrowling
(ที่ไปอ้างจากสำเริงคดี/ทรงวาด มติชนสุดฯ เล่ม๑๑๑๘และ MovieTime Specialอีกที)

//en.wikipedia.org/wiki/J.K._Rowling

//th.wikipedia.org/wiki

//www.nanmeebooks.com


ขอบคุณเพียบเลย ข้อมูลปะแปะ จากพวกนี้แหละ
ภาพก็จาก //www.teenee.com


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 1:00:12 น. 8 comments
Counter : 584 Pageviews.

 
ป.ล. เดี๋ยวเสียคอนเซ็ปต์
ก่อนหน้านี้ เธอได้ลอง
ทำงานทั้งเลขานุการองค์การนิรโทษกรรมระหว่างประเทศและ
ครูภาษาอังกฤษที่โปรตุเกส เธอกลับรู้ได้ว่าสิ่งที่เธอรักและถนัดจากงานอดิเรกที่เคยทำมาตั้งแต่เล็ก


โดย: chanpanakrit IP: 124.120.177.140 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:24:04 น.  

 
ถามคำถามได้ชวนคิดดีค่ะ

ประวัติของเจเค เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนที่ท้อถอยทางด้านการเขียนนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:27:55 น.  

 
งานอดิเรก เป็นงานที่ำทำแล้วมีความสูข
ตราบเท่าที่ ยังคงเป็นเพียง "งานอดิเรก" นะคะ

(ความเห็นส่วนตัว)


โดย: นัทธ์ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:44:18 น.  

 
^
^

ก้อทำงานอดิเรกให้เป็นงานประจำสิครับ อิอิ ทำเท่าที่พอใจจะทำ


โดย: Tentty วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:43:44 น.  

 
สำนักพิมพ์ที่เคยปฏิเสธงานเธอ ป่านนี้กระอักเลือดตายไปแล้วล่ะค่ะ


โดย: แก้วกังไส วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:45:51 น.  

 
ชีวิตเธอน่าพิศวงมากๆๆ
เก่งกะมีแรงบันดาลใจสูง
ทั้งยังมีจินตนาการที่แปลกกว่าใคร เธอถึงได้ร่ำรวยกว่าพระราชินีของประเทศเธอซะอีกแน่ะ
ยอดเยี่ยมจริงๆ


โดย: Em-emiley วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:57:45 น.  

 


โดย: Em-emiley วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:51:35 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นัทธ์ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:42:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.