A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Lone tailหางที่ยาวจนไม่แตะลงพื้น






ดูนาฬิกาเรือนโบราณบนข้อมือที่ค่าเปลี่ยนถ่านยังแพงกว่าตัวเรือน
ของมันเสียอีก
“เอ๊ ตีสี่กว่าแล้วเหรอนี้” เสียงอุทานของผมเป็นการอุทานตามพฤติกรรม
กล่าวคือ สักๆแต่ให้ได้อุทานไปเพราะมันจะได้อารมณ์ของการอุทานตามมา
ด้วยความจริงแล้วมันก็เป็นเวลาทำงานที่เย้ยหยันคนส่วนใหญ่ที่เอาแต่นอน
แต่พอถึงเวลาที่คนอื่นทำงาน ผมก็มักเย้ยหยันด้วยการนอนประชดคนทำงาน
ในทางกลับกัน เคยมีคนบอกว่ามีของสี่อย่างที่ไม่เคยหลับนอนพร้อมกับ
มนุษย์คนใดคนหนึ่ง นั้นคือ เวลา ดอกเบี้ย วงโคจรของโลกและนวัตกรรม
ไอ้สามข้อที่กล่าวมาผมว่าแม้แต่อดัม สมิทธจนถึงอับราฮัม ลินคอร์น ก็คงไม่
รู้สึกรู้สาอะไร เพราะเป็นสิ่งที่ยุคสมัยเป็นที่รับรู้กันดี แต่เจ้านวัตกรรมนี้สิ
คงเป็นภาพที่พิลึกในสายตา ถ้าเราเป็นเกิดพร้อมกับเขาในยุคนั้น ไม่ต่างกับมนุษย์ต่างดาว
อีกซีกโลกจักรวาลหนึ่งซึ่งไอสไตน์ก็หาสัมพัทธภาพจะเข้าถึง

สิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อนี้ให้ฝังแน่น เหมือนอย่างนี้ที่ผมครั้งหนึ่งได้รับเกียรติ์ให้
ปฎิญาณตนในวันลูกเสืออำเภอ มันเป็นเกียรติ์ที่ตามด้วยท่องสคริปต์เพราะนอกจาก
การเป็นตัวแทนหน้าตาของโรงเรียนแล้ว อาจารย์ประจำชั้นยังมาเสริมอีกว่า
นี้คือพระเกียรติยศที่รัชกาลที่หกทรงพระประสงค์ให้คนไทยมีวินัยนับแต่เยาวชน
ลูกเสืออย่างผมใน ตอนนั้นก็ไม่ต่างจากลูกหมูตัวน้อยๆ พลางคิดในใจ
“ถ้าครอบครัวหนึ่งมีลูกสองคน แล้วแนวโน้มเป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ยิ่งถ้า
หนึ่งอำเภอมีโรงเรียนประถมยี่สิบแห่ง ประชากรอำเภอที่มีสิทธิ์เลือกสส.หนึ่ง
คนต่อประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่น หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของจำนวนนี้คือหนึ่งพันห้าร้อย
ถือเป็นค่าเฉลี่ยของลูกชายที่ถูกส่งไปเรียนชั้นประถมของอำเภอ ฉะไหนจึงมาลงตู
คนเดียวที่ต้องมานำคำสัตย์ปฎิญาณ(ฟะ)” นั้นเป็นจิตใต้สำนึกที่ถูกกดทับจนถึงวัย
เจริญพันธ์ในทุกวันนี้

กลับมาสู่โลก-นวัตกรรม(Innovation) ที่ถูกกำหนดวิธีการบริโภคแนวใหม่ที่
ผมเองเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่งกับวิธีการค้าขายในวิถีชีวิตแบบไทยๆ จำพวกโชว์ห่วย ร้านของ
ชำ(ที่ช่วงหนึ่งผมมักประหลาดใจกับเรื่องราคา ที่ตอนเช้าซื้ออีกราคา เย็นกลับได้อีกราคา) หนังสือที่ทำให้ผม หวาดระแวงเช่นนี้ได้ จำชื่อมันไว้เถอะครับ “The Long Tail:Why The
Future of Business is Selling Less of More By Chris Anderson”
ผมซื้อมาในช่วงเวลาที่หนังสือสร้างความตื่นเต้นในท้องตลาดหนังสือประมาณสองปี
ก่อน จนเมื่อคนหายตื่นเต้นแล้วผมมักจะมาตื่นเต้นกระดี้กระด้ากในภายหลังแล้วไปย้อนถาม
พี่ที่อ่านก่อนหน้าว่า"เจ้าอารมณ์เนี่ย พี่เคยรู้สึกกันแบบเดียวกับผมว่าเป็นเหมือนกันรึเปล่า" (ซึ่งหลายคนที่ถามมักเกาหัวแบบลืมๆประมาณ ว่ามาพูดอะไรตอนนี้ฟะ)

เรายังจำอารมณ์ตอนที่เราไปรอเวลาการวางแผงเทปสำหรับอัลบั้มใหม่ได้ไหม
ประเภทที่ต้องประการก่อนเป็นเดือน นำการโฆษณาแบบช๊อตสั้น เห็นขาศิลปินนิด
แอวหน่อย โค้งจักกะแร้นิดๆในช่วงก่อนพักโฆษณา เป็นการประกาศให้เด็กมัธยมคอซอง
ขาสั้น คุณๆผมๆ เตรียมอดข้าว ชักลิ้นชักแม่ มายืนรอซื้อตรงหน้าแผงเทป ถ้าค่ายไหนเจ๊งๆ
หน่อย ก้อจะเอาศิลปินมารอแจกลายเซ็น บางค่ายทำปกพิเศษใส่เหล็ก เสริมดั้ง กระดาษแวว
ว้าบๆ หรือสอดปฏิทินศิลปิน ส่วนศิลปินนักร้องเองก็ซื้อเก็บงานตัวเองเจ็ด เก้าตลับตามความ
เชื่อ สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว ร้านขายเทป ซีดีกลายเป็นของฟุ่มเฟือย
ด้วยนวัตกรรมอย่างi-tune (ที่ขายเพลงแบบDRMไปกว่า600ล้านเพลง), หรือRhapsody
(มีเพลง ไม่ต่ำกว่า1.5ล้านเพลง ว่ากันว่า99%ของอัลบั้มเพลงในตลาดทุกวันนี้ไม่มีวางขายในwall mart อย่างลืมนะครับwallmartคือทุกสิ่งที่สุขสันต์แห่งอเมริกาเพราะมันมีทุกสิ่แต่แล้วมันก็ยังมีดีีีไม่พอ
เมื่อเทียบกับสิ่งที่มีจริงบนโลก (นี้ยังไม่รวมเว็บประเภทamazonหรือ Ebayทีนะครับ) หรืออย่างบริการเช่าวีดีโอมันเป็นอะไรที่เด็กหนังอาร์ท หนังอินดี้พร้อมจะคอตกทุกเมื่อที่เข้าร้านเช่าวีดีโอ (พวกเขาเหล่านี้จึงมีความชอบธรรมเสมอที่จะหาหนังเถื่อนตามคลองถมตลอดจนแถวสีลม โดยมีข้ออ้างประกาศิตว่าไม่มีค่ายหนังที่ไหนผลิตสิ่งที่ตอบสนองความต้องการ
เฉพาะแก่กลุ่มของพวกเขา) แต่เขาเหล่านี้จะไม่ผิดหวังถ้าเขาเลือกใช้บริการของ Netflix (เช่าดีวีดี
ออนไลน์)ยอดล่าสุดในหนังสือบอกเชิงขู่ร้านเช่าวีดีโอว่ามีสต๊อกกว่า55,000เรื่อง
พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยเกรงกลัวที่จะมีสินค้าชิ้นไหนขายไม่ออก เพราะเขายังมีFilterที่ช่วยกรองหรือหาสินค้าที่ใกล้เคียงให้คุณได้ควักกระเป๋าแน่โดยบางทีคุณแทบ
ไม่ต้องไปศึกษาข้อมูลอันใดให้ยุ่งยากหรือถามพนักงานที่อาจทำงานไม่ถึงอาทิตย
์จนไม่อาจจะพึ่งพาอะไรได้ (มันยอดมากเลยใช้มั้ย จอร์จ!) ต่างจากร้านค้าทั่วไปที่จะต้องเอาสินค้าที่ขายไม่ดีคืนแก่ซัพพรายเออร์ เพื่อสร้างพื้นที่แก่สินค้าใหม่ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง แน่นอนปัญหา การรักษาพื้นที่สต๊อกเท่ากับมีต้นทุนที่ต้องเสีย ต่างจากพวกที่ขายออนไลน์ที่ไม่มีค่าพื้นที่ ค่าสต๊อก ค่าพนักงานประจำแต่ละสาขา พวกเขาแค่ขอให้มีสายสัมพันธ์กับซัพพายเออร์และกระบวนการขนส่งที่ตรงต่อเวลาเท่านั้นพอ
amaZon ถึงแจ้งยอดที่จะส่งมอบสินค้าแต่ละเที่ยวเสมอก่อนที่คุณจะรูดปื้ดบัตรเดตดิตของคุณ

ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงกล้าประกาศทลายทฤษฎีคลาสสิค(ที่สมัยผมเรียนมันเป็นข้อที่ยากในการ
อธิบายให้แจ้มในสายตาอาจารย์) คือกฎของพาเรโต้ ที่จำตัวเลขง่ายกว่าชื่อของแก นั้นก็คือ
กฎ 80 / 20 ฟังให้ ง่ายกว่านั้น คือ ในโลกนี้เต็มไปด้วยสินค้าแต่ละชนิดมากมาย ตีสักว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เอาเข้าจริง ได้ใช้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น (ไปดูgoogleก็ได้ว่าเด็กไทยใช้searching เพียงไม่กี่คำเท่านั้น..
ส่วนคำว่าอะไรบ้างผมว่าทุกคนล้วนมีคำตอบในใจ เพราะผมก็หนึ่งในนั้นด้วยแต่ทำไมส่วนใหญ่
ต้องเสียสตางค์กันด้วย) แต่หนังสือเล่มที่กล้าแหก กฎนี้เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีความต้องการที่หลากหลาย จึงเกิดกลุ่มเฉพาะที่เรียกว่า นิช ดูอย่างLegoก็ได้ ซึ่ง ทุกคนคงเคยเห็นวิธีการเล่น(แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้เล่น) ได้ออกตัวที่ชื่อว่า Lego factoryให้คุณได้ออกแบบตัวเลโก้ที่คุยอยากได้ตามใจคุณโดยโรงงานจะออกแบบเฉพาะให้แก่คุณเอง (แต่หนังสือไม่ได้บอกว่าให้คิดแพลงๆได้เท่าไหน) สรุปใจความของเรื่องทั้งหมดได้ว่า
ไอ้หนังสือLong Tail หางยาวนี้ มีความเชื่อว่า ความต้องการต่อตัวสินค้ามีไม่สิ้นสุด ไม่ได้หมายความว่าของใหม่ ของฮิตเท่านั้นที่จะขายได้ กลุ่มสินค้าที่คิดว่าไม่น่าสนใจแท้จริงยังมีความต้องการที่เรายังไม่รู้อีกมาก สิ่งเหล่านั้นได้สะท้อนผ่านจากธุรกรรมในโลกออนไลน์แล้วว่ายังมีอยู่จริง และไม่มีวันต่ำเตี้ยจมหายไปเสมอ หางมันยังคงยาว ย๊าว ยาวไม่สิ้นสุด เหมือนกับความขี้เกียจสันหลังยาวประมาณนั้น

(มีหลายสิ่งที่ข้ามเนื้อหาสาระไปบ้าง ก็ความกระชับส่วนที่เหลือก็ใฝ่เรียนรู้กันเองละกัน ใครอ่าน
คนนั้นก็ได้)


Create Date : 01 เมษายน 2551
Last Update : 1 เมษายน 2551 1:33:47 น. 10 comments
Counter : 676 Pageviews.

 
กิ๊ฟไม่กล้าดูเรื่องสุสานหิ่งห้อยค่ะ กลัว แบบว่ารู้เลยว่าน่าจะเศร้ามากๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด เพราะดูที่ยูทูปตอนเดียวไม่เอาอีกเลย

มีทั้งแบบหนังและเอนิเมะ ยังทำใจไม่ได้ ไว้อยากล้างตา เมื่อไหร่กิ๊ฟจะลองทำใจกล้าดูเรื่องนี้ค่ะ แหะๆ


ชอบหนังของ สตูดิโอนี้มากๆๆ เลยค่ะ แต่เพิ่งมารู้จัก ตามดูมาหลายเรื่องแล้ว ชอบสุดๆ รายละเอียดเค้าสมจริงมากๆๆ


โดย: grippini วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:2:21:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ
อ่านรอบแรกแล้วยังงงๆ อิอิ
แต่ขอลงชื่อทักทายก่อนอ่านอีกรอบ


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:10:12:41 น.  

 


โดย: หนังสือมือสอง (AngelTomorrow ) วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:5:56:18 น.  

 
เข้ามาทักทายค่ะ...ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมนะคะ


โดย: orsor วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:15:26:38 น.  

 
ถ้างั้นก็ " ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ "


โดย: orsor วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:15:13:31 น.  

 
ขอบคุณที่ไปแจมนะคะ
ขอบคุณที่ไปอ่านธรรมค่ะ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ
เดี๋ยวนี้จะเข้ายุคเก่าสมัย
ที่เรายังเด็กค่ะไม่ใช่ซิต้องบอกยุค
สงครามโลกครั้งที่2
คือเกลือแพงหมากแพง
ยุคของแพงค่ะออกนอกบ้านตางค์100
ซื้อข้าว1จานและนอกนั้นเอาไว้ขึ้นรถเมล์ค่ะ


โดย: yoja วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:20:47:44 น.  

 
ป๋าจะดูรถ
หลานเล่นบังกันอย่างนี้
ไม่แจ่มเลย

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:18:26:19 น

^
^

อ้าว..เป็นงั้นไป


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:21:11:24 น.  

 
เข้ามาอ่านจ๊ะ


โดย: Bernadette วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:21:22:46 น.  

 
มาอ่านแล้วครับ

ขอบคุณที่ไปทักทายนะคร๊าบ


โดย: กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:27:56 น.  

 
อื้อม์...น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ

แต่มีแปลเป็นไทยหรือยังหนอ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:16:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.