A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
คนเล็ก งานอดิเรกใหญ่:นักวิทยาศาสตร์ซวยซ้ำซวยซาก


"กำลังใจมีให้ได้ไม่มีวันหมด ถึงแม้คนให้ จะไม่เหลือกำลังใจที่พอใช้สำหรับตัวเอง"

คำคมประโยคนี้ ผมได้รับฟัง แม้เพียงครั้งเดียว แต่ก็จำมันได้ขึ้นใจ
มันคล้ายดั่งหน้าที่ ที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องมีให้และต่อเติมเสริมแต่ง
เพือ่ใช้ในการประคับประคองชีวิตซึ่งกันและกัน
ผมเคยพยายามฝึกที่จะมั่นให้กำลังใจแก่คนรอบข้างเสมอ ด้วยความเชื่อ
กำลังใจ มันให้ง่ายกว่าการให้ยืมตังค์ ให้ไปก็ไม่หวังจะได้รับการตอบแทนคืน
หรือคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้นของเจ้ากำลังใจ
แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินเรือ่งทองกันจริงๆแล้ว เวลาตอนที่ให้ ผู้รับก็แสนจะพินอบพิเทา
แต่ยามที่จะขอคืนนี้ ผิดเป็นคนละคน ว่าแล้วก็เอากำลังใจไปซะ เพื่อต่อลมหายใจ
ให้ต่อสู้ชีวิตทีเหลือ พอสู้ทนเพื่อจะได้สร้างเนื้อสร้างตัว มีฐานะตามอรรถภาพพอสมควร
แล้วเงินที่ยืมไป ก็รีบๆ เอามาคืนตูสักที!!.................

โดยส่วนตัวแล้ว การให้กำลังใจตัวเอง สำหรับผมแล้วมีสองประเภท
หนึ่ง คือ มองให้เป็นธรรมะ
มองอะไรให้เป็นธรรม ก็เหมือนกับมองเห็นสัจธรรมของชีวิต มีเกิด มีแก่ มีเจ็บและมีตาย
ฝึกมั่นให้คิดเช่นนี้ เวลาจ่ายเงินก้อนที่ถูกหักเพื่อเป็นค่าประกันสังคม ในงวดแต่ละเดือน
ก็มิใช่น้อยๆ ไม่เป็นไรถือว่าตอนนี้แบ่งให้คนอื่นได้ใช้ วันหน้าฟ้าใหม่คงมีโอกาสเฉียดเจ้า
โรงพยาบาลแบบไม่เฉียดเงินเก็บที่ออมในธนาคาร
สอง คือ มองประสบการณ์ของผู้อื่น
เอาความเจ็บปวดของผู้อื่นมาเป็นทุน ไม่ต้องไปเสี่ยงลอง คล้ายกับจ้างสต๊านแมนชีวิต
ที่เขาผ่านมรสุมลูกแล้วลูกเล่า นำวิกฤตชีวิตเป็นโอกาส พลิกชะตาฟ้าลิขิตด้วยน้ำมือของตน
ว่าอย่างไรเสีย.......คนเหล่านี้เขาก็รอดมาจนได้ แม้จะเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้และเคยคิดสั้น
แต่ก็ไม่ปิดอุโมงค์แห่งแสงสว่างภายในใจตน แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง...................คือ
เราต้องไม่เลือกศึกษาประสบการณ์คนที่คิดสั้นและทำให้ "สั้น" จนสำเร็จ
หากเผลอศึกษาไป.......เดี๋ยวของจะเข้าตัว!!!

เหมือนอย่างประสบการณ์ของท่านหนึ่ง ที่เป็นอุทาหรณ์ที่ดีแก่ผมอย่างยิ่ง
เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ ๒๐
ชายผู้ซึ่งใครทั่วโลกต่างยกย่องถึงความสามารถระดับรางวัลโนเบล
และคว้าปริญญาเอกมาตั้งแต่อายุ ๒๑
แต่ถ้าตัดสองดีข้อนี้ออกไป เชือ่ไหมว่า........ชีวิตที่ผ่านมา
ถ้าลองใช้แว่นตาพุทธปนพราหมณ์หน่อยๆ ต้องขอบอกว่า

"ไอ้หมอนี้ มีชีวิตที่กงกรรม กงเหวียนเสียนี้กระไร"






ทฤษฎี "ค่าคงที่ของพลังค์ (Planck's Constant)" ถือเป็นทฤษฎีที่เข้าใจยาก
พอๆกับชีวิตของเขา "มักซ์ พลังค์ ( Max Planck : ๒๔๐๑- ๒๔๙๐)"
ความที่เป็นทฤษฎีนอกกรอบฟิสิกส์แนวคลาสสิก ว่ากันด้วย..................
สมมติฐาน พลังงานมิได้มีค่าราบเรียบแต่เป็นกลุ่มก้อนที่แน่นอน เรียกว่า ควอนต้า
แต่ละควอนตัม จะอยู่เป็นสัดเป็นส่วนโดยตรงกับเจ้าความถี่ของมัน
พอให้อธิบายแบบนี้ ............. ผู้อ่านที่ไม่ใช่เด็กสายวิทย์ คงงงเป็นไก่ตาแตก
แต่ถ้าอธิบายด้วยวิกฤตกรรมในชีวิตของพลังค์ จะไม่เเปลกใจเลยว่า......
ทำไมคุณพี่พลังค์จึงแนวคิดเช่นนี้
ที่จริงชีวิตเขา ก็ไม่ต่างกับพลังงานที่ไม่เคยราบเรียบ
ความที่พลังค์ไม่เคยล้างซวยด้วยความเชื่อแบบไทยๆ
ตลอดชีวิตพลังค์ ถือเป็นคนที่ผ่าเหล่าผ่ากอตั้งแต่สายตระกูล
ปู่ทวดเป็นศาสตราจารย์ด้านเทววิทยา บิดาก็เป็นศาสตราจารย์ทางนิติศาสตร์
ลุงฝ่ายพ่อก็เป็นถึงผู้พิพากษา แต่เขากลับมาเอาดีในทางสายวิทยาศาสตร์แทน
แม้ส่วนตัวแล้ว จะมีความสามารถทางดนตรีอันหลากหลาย
เล่นได้ทั้งเปียโน ออร์แกนและเชลโล่ แต่งเพลงเองไว้ประชันกับบีโธ่เฟ่นก็ยังได้
แต่โลกก็ไม่เคยมีเมโลดีที่ไล่ระดับเสียงขึ้นๆลงๆ ด้วยอัจฉริยภาพทางดนตรีของพลังค์
มากไปกว่าการทำให้หยุดนิ่งซะ ด้วยค่าคงที่พลังค์ทีสร้างชื่อเสียงได้ดีกว่า

ความซวยก็ค่อยๆคืบคลานและบังเกิดในตอนชีวิตที่เหลือ เมื่อย่างเข้ามาอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน
เริ่มสตาร์ทด้วยภรรยาคนแรกวัยสาวของเขา ถึงแก่กรรมด้วยวัณโรค
ต่อมาบุตรคนเล็กของเขาสองคนมาตายด้วยผลของเจ้าสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
บุตคนแรกถูกสังหารในสนามรบ เจ้าคนเล็กถูกกองทัพฝรั่งเศสจับตัวไปจองจำจนตัวตาย
ต่อมาบุตรสาวฝาแฝดที่เขารักมาก คนหนึ่งคลอดบุตรจนถึงแก่กรรม
คนน้องต้องมาทำหน้าที่ดูแลหลาน ไปทำอีท่าไหน จนไปตกหลุมรัก
กับเจ้าสามีของพี่สาวที่เสียชีวิต จนแต่งงานได้ไม่ถึงสองปี
เธอก็มาตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือ การคลอดบุตร
พลังค์จึงเป็นชายที่มีทายาทสืบสกุลน้อยลงทุกทีที่เขายังมีชีวิตอยู่

จนชีวิตย่างเข้าวัยชราภาพ ทุกอย่างดูเริ่มคลี่คลายจนบรรเทา
แต่แล้วระเบิดของสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง ตกที่ไหนตั้งกว้างไม่ตก
ดันมาตกหล่นใส่บ้านของเขา ที่เป็นแหล่งเก็บกักข้อมูลอันล้ำค่าทางวิทยาศาสตร์
ทำให้เอกสาร การบันทึกและสิ่งสะสมศูนย์สิ้นในบัดดล แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น
เมื่อบุตรชายอีกคน ถูกจับได้ในข้อหาลอบสังหารฮิตเลอร์ จนถูกนำตัวไปประหารชีวิต
ความชอกช้ำในประเทศที่เขาศรัทธา นำมาซึ่งความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
สุดท้ายเขาก็ได้ย้ายอาศัยยังเมืองเกิตติงเกน และถึงแก่กรรมที่นั่น รวมอายุได้ ๘๙ ปีเศษ


หากกลุ่มก้อนของพลังที่ไม่ราบเรียบ ถูกเรียกว่า "ควอนต้า"
กลุ่มก้อนของชีวิตที่ไม่ราบเรียบของพลังค์เช่นกัน ก็น่าที่จะถูกเรียกว่า "มรสุมควอนต้า"
ที่ไม่เคยทำให้จิตใจอันทุกข์ระทมของเขาหยุดนิ่ง อย่างที่เฒ่าชราในบั้นปลายอยากให้เป็น

แม้แต่ชีวิตในเรื่องของงานวิจัย ช่วงหนึ่งของเขา ก็หมดกับความวิริยะ-อุตสาหะอยู่หลายปี
กับการมุ่งเน้นศึกษาเพียงแต่หัวข้อเรื่อง "เอนโทรปี (Entropy)"
ซึ่งเป็นหัวใจของหลักของกฎเทอร์โมไดนามิกส์
จนเมื่อผลการทดลองเป็นที่สำเร็จด้วยดี อยู่ๆก็มีข่าวแจ้งมา
ได้สร้างความท้อแท้ใจอย่างยิ่งสำหรับโลกวิทยาศาสตร์สำหรับเขาอย่างมาก
คือ การที่มีคนได้คิดเรื่องงานเอนโทรปี ชิ้นเอกชิ้นนี้ก่อนหน้าเขา
และได้เผยแพร่ลงลงในวารสารทางวิชาการของคอนเนคติกัคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชนิดที่เขาเองก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะแม้แต่ทางมหาวิทยาลับคอนเนคติกัคเอง
ก็ไมเคยรับรู้ว่ามีวารสารฉบับดังกล่าวมาก่อน

คนบางคน ถูกโลกสร้างอุปสรรคเพื่อทดสอบความเข้มแข็ง
พอที่จะสมควรให้ได้รับเกียรติ์ในการอยู่ร่วมกับโลกใบนี้
บางคนบันดาลความเปลี่ยนแปลงของโลกด้วยทฤษฎีที่มีความยาวไม่กี่ประโยค
มักซ์ พลังค์ จึงเป็นชายที่โลกสร้างบททดสอบที่หินมหาโหด ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ทดสอบโลก
ด้วยกฏทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เท่าที่โลกเคยมีมา
ถึงกระนั้นสิ่งที่มักซ์ พลังค์ ถูกกระทำ แม้แต่บุตรชายที่ถูกสังหารโดยผู้นำของประเทศ
และชะตากรรมอันเลวร้ายที่กระทำต่อคนในครอบครัวของเขา
แต่เขาก็ไม่เคยหนีออกจากประเทศเยอรมนี อันเป็นบ้านเกิดที่เขารัก
และอัตวินิบากกรรมตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของชะตากรรมที่เขาถูกกระทำ

เขาจึงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งทางอัตนัยและพฤตินัยอย่างชัดเจน..................ดั่งคำพูดของเขาที่ว่า


"วิทยาศาสตร์ ไม่สามารถไขความลับอันทรงไว้ ซึ่งเงื่อนงำของธรรมชาติได้ทั้งหมด
และนี่แหละคือสาเหตุ ขณะที่เราวิเคราะห์หาคำตอบขั้นสุดท้ายนั้น
ตัวเราเองนั้นก็อยู่ในธรรมชาติ ซึ่งความลับนั้นก็รวมเอาตัวเราไว้ด้วย"

(Science cannot solve the ultimate mystery of nature.
And that is because,in the last analysis, we ourselves are
part of nature and therefore part of the mystery that
we are trying to solve)





ข้อมูลจาก ....ประวัติย่อเกือบทุกอย่าง , จักรวาลของไอนสไตน์ wikipedia และ //www.people.ubr.com





Create Date : 30 พฤษภาคม 2552
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 12:19:17 น. 3 comments
Counter : 649 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกว่าเขาเข้มแข็งจังค่ะ

เป็นเรา ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเลยหละค่ะ

"ไอ้หมอนี้ มีชีวิตที่กงกรรม กงเหวียนเสียนี้กระไร"

สะกดผิดนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:34:33 น.  

 
ถูกต้อง

การเรียนทำให้เราได้งานทำ ประสบการณ์ทำให้เราทำงานเป็น

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:18:43:14 น.  

 
ยอมรับความผิดพลาด และได้แก้ไขในบัดดลแล้วครับ ท่านสาวไกด์ใจซื่อ


โดย: chanpanakrit IP: 124.120.168.65 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:23:14:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.