A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
blue ocean สู้below the line ได้ไหม

บทความนี้เป็นบทความต่างตอบแทน (Conpensative Article)
สำหรับท่านผู้อ่านบล็อกท่านหนึ่ง ตามประสากลุ่มจอมยุทธที่มีเคล็ดลับวิชาจากเจ้าจอมสำนัก
การตลาด มาสั่นสะเทือนปฐพีเวทียุทธจักรbloggangแห่งนี้ คราวที่แล้วท่านผู้อ่าน
งัดเคล็ดวิชาว่าด้วย below the line ว่าด้วยแผนการตลาดเชิงรุก (ซึ่งผมได้
นำไปต่อยอดทางหน้าที่การงาน แม้แผนงานนั่นจะไม่ผ่านที่ประชุมสำนักงาน
ก็ตามที) มาครั้งนี้ข้าน้อยขอตอบแทนท่านด้วยเคล็ดลับวิชาสุดยอด
ที่อ่านจบไปกว่าสอง-สามปีที่ผ่านมา จากหนังสือที่ชื่อรื่นรมย์ว่า
Blue Ocean Strategy : How to Create Uncontested Market Space and Make the Competition Irrelevant ที่แนวคิดเรื่องนี้ได้รับการพัฒนา
จากอาจารย์จากสถาบัน INSEAD สองท่าน Prof.Kim Chan เขียนร่วมกับ Prof.Renee Mauborgne
ถือเป็นBest Seller ทางการตลาดและการบริหารธุรกิจระดับโลก
ที่เหล่านักการตลาดไทยนำมาต่อยอด สร้างชื่อทางแผนกลยุทธสำหรับตนเองหลายต่อหลายท่านไปแล้ว

ขอเกริ่นออกตัวก่อนว่า ผมมิใช่บุคคลที่มั่นอับเดทตัวเองกับพวกหนังสือ How to
อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะรู้สึกหน่ายแหน่งกับการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ให้พอมีชิ้นเนื้อประคองให้พออยู่รอด
โดยมักมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ เพียงแต่ที่ซื้อหนังสือเล่มนี้
สืบเนื่องจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากมวลสารทิศที่ร้องแรกแหกกระเฌ่อ
ว่ามันดีนักดีหนาและแตกต่างจากหนังสือbusiness How toเล่มอื่นๆ
(ท่ามกลางความเสมือนคล้ายคลึงกันเสียหมดของกลุ่มหนังสือเช่นนี้)
อ่านไปก็เพลินไป เป็นแนวคิดง่ายๆที่ผู้เขียนช่างเปรียบเทียบกับ
สองปรากฏการณ์ทางธุรกิจกับปรากฎการณ์เชิงการตลาด (Strategic Thinking) อย่างน่าภิรมย์

Blue Ocean Strategy คือ การมีความคิดสร้างสรรค์แบบนอกกรอบ
เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่มุ่งหาตลาดใหม่ๆ ที่คู่แข่งขันอื่นๆ นึกไม่ถึงหรือมองไม่เห็น
คงด้วยนักการตลาดมัวหลงติดกับกับวัฒนธรรมทางสมรภูมิเวทีการตลาดแบบ
เดิมๆ ที่เชื่อขวนขวายส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างเป็นบ้าเป็นหลังอันมีความจำกัดทางพื้นที่
เจอะเจอกับคู่แข่งเดิมๆที่ยึดพื้นที่ธุรกิจแบบปักเสาหลักไว้ก่อน
หน้าแล้ว ผู้ใดหวังจะเข้าไปมีแต่สู้ฟัดประหัตประหารกันทุกรูปแบบ ระดม
สรรพอาวุธเต็มอัตราไพร่พลเต็มอัตรา รูปแบบพื้นที่ตลาดนี้เปรียบเหมือนกับ
มหาสมุทรที่แดงฉานไปด้วยเลือด "Red Ocean Strategy" ดังนั้นจะทำเช่นไร
จึงจะสามารถมีพื้นที่ยืนในเวทีส่วนแบ่งตลาดในสินค้าที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้
พื้นที่ที่มีคลื่นลมสงบ มีเสียงคลื่นแผ่วเบาไม่บ้าคลั่งเต็มไปด้วยคลื่นพายุที่รุนแรง
ลักษณะวิสัยรื่นรมย์เหมาะสมที่จะเตรียมกระดานโต้คลื่น หรือไม่ก็
เบ็ดตกปลาชุดใหญ่ ขณะที่คู่แข่งยังหลงอยู่ใน ทะเลเลือดที่โหมพัดกระหน่ำ
ครับ สิ่งนี้แหละคือ Blue Ocean Strategy ที่ไม่เน้นการแข่งขันกับคู่แข่งขัน
แต่เน้นทำให้คู่แข่งขันล้าสมัย ที่มักจะนำไปสู่สินค้าและบริการที่มีลักษณะเหมือนๆ กัน
แล้วก็นำไปสู่การตัดราคาแล้วบาดเจ็บล้มตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย




วิธีคิดแบบBlue Ocean Strategy หากให้สรุปจับใจความกันจริงๆ คือ จะเน้นการสร้างอุปสงค์ใหม่ๆ
และมุ่งจับผู้ที่ไม่เคยเป็นลูกค้าในอุตสาหกรรมมาก่อน (Non-customers)ถึงแม้รูปแบบจะต่าง
หน้าที่จะต่างแต่ตอบสนองวัตถุประสงค์เดียวกัน(Different forms, Different functions, but same purpose)
เท่ากับว่าทุกวันนี้ เรากำลังเผชิญกับข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ที่ลงสุดตลาด ที่ส่วน
ใหญ่จะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง วิธีคิดแบบลด แลก แจก แถม กลายเป็นสิ่ง
ยุทธวิธีที่จะเรียกได้ว่า ล้าสมัยเพราะใครก็ทำได้ คิดกันก็เป็น (สินค้าใหม่
หลายตัวคิดไม่ออกก็มักลุยวิธีนี้ จนผู้ซื้ออย่างเราๆบางทีเดาได้เสียก่อนนัก
การตลาดจะคิดออกเสียอีก) ดังนั้นการจะเข้าถึงแบบBlue Ocean Strategy
มันจึงมีสิงหนึ่งที่เรียกว่า Value Innovation สร้างนวัตกรรมเชิงคุณค่าให้กับ
ตัวสินค้า เพื่อเกิดการรับรู้ใหม่ของผู้บริโภค
(หรืออาจเรียก"เหยื่อ" อย่างที่ท่านผู้อ่านว่าก็ได้ นักการตลาดนอกจากจะสร้างช่องทางพื้นที่สำหรับสินค้าแล้ว
ยังต้องสร้างความรู้สึกร่วมไร้ปฏิปักษ์ที่ผู้ซื้อไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อ อย่างการ
สร้างกลุ่มคำที่ชื่อว่า "การตอบสนองผู้บริโภค" "อำนาจผู้ซื้อรายใหม่" "ผู้มีอุปการคุณ..โปรดทราบ"เป็นต้น)

จริงแล้วๆยังมีองค์ประกอบที่ผู้เขียนสาธยายอีกมากมายแต่เนื่องจาก แนวคิด
แบบBlue Ocean Strategy นี้ ยังไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจุบันยังต่อยอดแนวคิดนี้
แตกแขนงออกไปอีกมากมาย งานวิจัยภาคสนามที่เป็นหัวใจหลักหนึ่งที่จะ
ทำให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพโดยง่ายอีกไม่น้อย ถ้าให้ชุมชุนบล็อกเห็น
ภาพโดยง่าย ขอยกตัวอย่าง ASTV ละกัน ท่ามกลางสถานีโทรทัศน์ข่าวที่มี
อยู่มากมายหลายช่องในประเทศไทย ASTV สามารถเป็นสถานีข่าวที่ประกาศ
จุดยืนของความไม่เป็นกลางของสือสาธารณะ โดยเลือกยืนต่อความถูกต้อง
แนวการเจาะลึกข่าวการเมืองที่ทิ่มแทงใจระบบและนักการเมืองโดยไม่รักษา
สมดุลต่อระบบธุรกิจเชิงพาณิชย์ กล้าหยิบยกประเด็นที่สื่อเสรีบ้านเราไม่กล้า
นำมาเสนอ จึงได้ใจจากกลุ่มผู้เสพสื่อที่ชอบรูปแบบถึงลูกถึงคนที่ไม่เคยนึกไม่ถึงมาก่อน
ขณะที่สื่อเสรีอื่นๆเน้นข่าวในเชิงสนุกสนาน (News Entertainment)
ทื้ต่างก็พยายามลอกเลียนกันจนอยู่ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง (แม้ปรากฎการณ์ASTV
บางคนอาจมองได้ว่า เป็นแบบBlue Ocean Strategy ที่ผันรูปแบบตัวเองให้
กลายเป็นแบบ Red Government Upon Ocean Strategy ไปแล้วก็ตามที)

นอกจากนี้ กรอบวิธีคิดนี้ยังรวมถึงการที่จะมองหาธุรกิจอื่นเสริม
หรือทดแทนธุรกิจเดิมตลอดจนการเสาะหากลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรม
และความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยส่วนตัวมันคล้ายการทำตลาดแบบคิดนอกกรอบ
(Lateral Marketing)ผสมกับทำตลาดแบบเฉพาะ (Niche Strategy)
มาคลุกเคล้าให้ได้หลักสูตรใหม่ ที่จะอ่านง่ายหรือยากก็สุดแท้แต่ แม้อาจจะ
เมาคลื่นท้องทะเลอันโคล้งเคล้งไปบ้าง ก็ถือเป็นการปรับสภาพตนเองให้
สามารถรักษาสมดุลของร่างกาย ไม่ต่างกับคลำหาพื้นที่กลุ่มเฉพาะ่ที่ยังมีฐาน
ลูกค้าบางส่วนที่ยังไม่มีกลุ่มธุรกิจใดใดเจาะตลาดว่างนี้ได้มาก่อน
แต่ปัจจุบันนี้ ถ้าเด็กพาณิชย์หรือนักศึกษาบริหารธุรกิจท่านใดยังไม่ได้เรียนรู้
หลักสูตรหรืออ่านหนังสือเล่มนี้ ผมว่ามันน่าเสียดายอยู่น้านนนน......





Create Date : 11 กันยายน 2551
Last Update : 12 กันยายน 2551 0:45:00 น. 2 comments
Counter : 809 Pageviews.

 
ธุรกิจ การแข่งขัน พัด- ทา- นา ไม่มีที่สิ้นสุด โอยยย เหนื่อย


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:7:13:12 น.  

 

GOOD MORNINGจ้าาา


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:4:40:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.