Simply , Easy , Me...
Group Blog
 
All Blogs
 

เธอตัดสินใจโดดตึก

ผม copy มาจากรุ่นพี่นะครับ...

ลองดูก็แล้วกัน

ปัญหาชีวิตที่รุมเร้าจนแก้ไม่ตก ทำให้ผู้หญิงคนนึงตัดสินใจโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหา

...




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2548 18:28:38 น.
Counter : 456 Pageviews.  

30 วิธี มีความสุขแบบง่ายๆ

ก็...แหะๆ จาก เมลอีกเช่นกันครับ

รูปที่เห็นนี่... คือเจ้าปู่กุ่ย ขณะนอนหลับ อยู่ที่ประตูครับ



30 ความสุขแบบง่ายๆ

1. นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่

3. ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4. หลับตานิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหนามันช่างยากเหลือเกิน

5. ระหว่างแปรงฟันฮัมเพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า แฮะๆ

6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก้อจะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7. ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก้อต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด

8. การขึ้นลงบันไดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไร

9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆ ทันทีที่คุณถามเค้าว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ ?"

10. เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก

11. ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12. ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนเมื่อก่อน

13. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงเล่าให้มันฟัง

14. อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกทีเผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15. เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ

16. ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งจะดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้

17. ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18. ก่อนจะชื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันทำให้ได้อย่างน้อนสามข้อก่อน

19. ถึงเสื้อกางเกง ในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆก้อจะดูเหมือนมีเยอะขึ้น

20. ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง

21. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด

22. ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปชื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23. แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24. ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ

25. ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26. ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่

28. วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29. แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่านก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30. ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2548 8:53:54 น.
Counter : 436 Pageviews.  

ปราการแห่งทิฐิ...

วันหยุดนี้...เข้าพรรษา หาเวลา ไปทำบุญ กันซักหน่อยนะครับ.

เรื่องนี้... ผมได้รับ มาจากเมลของเพื่อนเราคนหนึ่ง ในพันทิพย์นี้แหละ ขอเอ่ยนามซักหน่อยนะครับ เค้าชื่อ Sherry Anna แหะ... จำไม่ได้ว่า ในพันทิพย์ใช้ชื่อว่าอะไร ( กลัวจำผิดจะยิ่งเสียหาย(กับผม) ดังนั้น... ถ้าคุณ Sherry Anna แวะเข้ามา ก็แสดงตัวหน่อยละกันนะครับ )

ฮ่า ๆ ๆ เข้ามา update ชื่อ log-in ของคุณ sherryannaa ครับ
เธอใช้ชื่อ log-in ว่า "หญิงไทยใจดี" ครับ.

เห็นว่า น่าจะมีข้อคิด ก็เลยเอามาให้อ่านกันดู//

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนาม

เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่บันทึกไว้ในข้อเขียน
>เรื่อง "เมตตาภาวนา : คำสอนว่าด้วยรัก " ของท่าน " ติช นัท ฮันท์ "

>อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ จึงอยากนำมาเล่าต่อ

>ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
>ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา
>เขาหายไปในสงครามเป็นเวลากว่า 3 ปีจึงส่งข่าวคราวกลับมา

>เธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหากัน สัมผัสไออุ่นจากกันและกัน
>นิ่งนาน จนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่
>>ผู้เป็นพ่อดีใจมาก ยื่นมือไปหมายกอดลูกชายแต่เจ้าหนูถอยกรูด
>แม่ปลอบว่า "อย่าตกใจ เจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ"
>ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด>หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อพิเศษ
>ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชาย จึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ
>เท่านั้นยังไม่กระไร พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่าง>เขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิดปกติ
>"น้าไม่ใช่พ่อของหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน
>พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืนพ่อก็ยืน..." เพียงไม่กี่คำเท่านี้เอง
>หัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงครามอันแสนหฤโหดยาวนาน>ก็พลันกระด้างยังกับแผ่นศิลา

>>สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาด>เธอก็พบว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
>เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน>หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปรายตามองอีกต่อไป เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
>>เย็นวันนั้น อาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาจืดสนิท
>ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด>เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอแวะไปซื้อของ

>เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรักอย่างจับใจคนเดิมอยู่หรือเปล่า
>ต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง
>เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม ไม่มีการถามไถ่
>ไม่มีการโอบกอดอันอบอุ่น ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
>ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกันอย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว
>การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม>แล้วความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลง

>เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์ที่แม่น้ำสายหนึ่ง>ทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี
>เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม
>เขาไปรับศพเธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆ ในบ้านของตัวเอง>มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น

>และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย>ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อยๆ หรี่ลงจวนเจียนจะดับ
>เขาเติมน้ำมันแล้วจุดใหม่ เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ เขาลุกเดินกลับไปกลับมา
>ขณะนั้นเองเงาของเขาทาบทอไปปรากฏยังฝาเรือน>เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น
>"นั่นไง พ่อหนูมาแล้วพอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืนพ่อก็ยืน คนนั้นแหละพ่อของหนู"
>ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนู เห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา>จึงเข้าใจขึ้นมาในนาทีนั้นเองว่า
>"พ่อ" ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ "เงา" ที่เห็นอยู่นี่เอง ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว

>เธอ...คงรักเขามากสินะ ถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา>แล้วบอกเจ้าหนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ "พ่อ" ที่หายไปในสงคราม
>>โอ...ไม่น่าเลย ความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป>เจ็บเกินกว่าหัวใจของคนธรรมดาจะรับไหว
>รุ่งขึ้นอีกวัน เขาชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง>ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิตเขาอีกชีวิตหนึ่ง...

>เรื่องราวของเขาและเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เล่าขานกันมาอีกนานนับนาน
>>วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง "พ่อ" ของตัวเองให้เขาฟังที่กลางตลาด
>หากเขาไม่หุนหันพลันแล่น มีสติสักนิดหนึ่ง ถามไถ่จากเธอว่า "พ่อ" คนที่เจ้าหนูพูดถึงคือใคร
>และหลังจากที่เขาเย็นชา ปิดปากเงียบสนิท
>หากเธอจะอาจหาญถามเขากลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น
>เธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยา>และเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น
>ไม่ใช่เธอไม่รักเขา และไม่ใช่เขาก็ไม่รักเธอ>หากทั้งเธอและเขาต่างรัก ต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง
>ความรักของคนทั้งสองบริสุทธิ์ งดงาม หมดจด>จนกลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีผู้พิชิต
>ความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทางแห่งรักแท้จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรม
>ของคนทั้งคู่เกิดจากเส้นบางๆของปราการแห่ง "ทิฐิ" โดยแท้>>หากทั้งเธอและเขายอมวาง "ทิฐิ" ลง
>แล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย>ถามไถ่จากกันและกันอย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย
>ไหนเลยจะต้องมาจำพรากทั้งที่ยังรักล้นใจเช่นนั้น>รักเอย รักนั้นงดงาม บริสุทธิ์ อ่อนหวาน

>ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอกจะบอกให้ผิดที่ใจอันมากด้วย "ทิฐิ" ของทั้งคู่นั่นต่างหาก
>ปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี อย่าให้มี "ปราการแห่งทิฐิ" มากางกั้นแค่นั้นพอ...
>>ด้วยความนับถือ
>
>
> Virus Scanned




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2548 11:55:55 น.
Counter : 382 Pageviews.  

การทำให้ Laptop เปิด-ปิดเร็วขึ้น และประหยัดพลังงานขึ้น

' สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหน ใช้ Laptop หรือ Computer Notebook กันอยู่ ถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆ เครื่องแรงๆ ก็อาจจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ แต่ ถ้าใครรู้สึกว่า เปิด ปิดเครื่องแต่ละครั้ง มันช้าาาาา มันนาน ก็ลอง วิธีที่ผมจะบอกดูนะ

วิธีการที่ผมจะบอกต่อไปนี้ เรียกว่า การใช้ Hibernate ซึ่งก็คือ การที่ระบบ ดัมพ์ข้อมูลในหน่วยความจำ ลงไปใน Harddisk ซึ่งเมื่อทำการ Hibernate ก็จะต้องมีพื้นที่ว่างใน Harddisk เหลืออยู่มากกว่า Physical Memory ( และควรจะมากกว่า Page File ด้วย )

สำหรับการใช้ Hibernate นี้ ผมแนะนำว่า Physical Memory ควรจะมีมากกว่า Page File หรือใกล้เคียงกัน ไม่งั้นมันจะช้า และไม่ค่อยเกิดประโยชน์ โปรแกรมไหนไม่ได้ใช้ ก็ให้ปิดทิ้งไปซะ หรือถอดออกจากหน่วยความจำ และถอดหรือออกจาก Startup ด้วย



คลิกที่ภาพ จะขยายเป็นภาพใหญ่ แล้วกดปุ่ม F11 นะครับ


ก่อนอื่น ต้องดูว่า เครื่อง Laptop ของคุณ มีหน่วยความจำเท่าไหร่ และ ใช้ pagefile อยู่เท่าไหร่ ( ถ้าเป็น windows XP ก็ให้กดปุ่ม Ctrl + Alt + Delete จะมีหน้าต่างอย่างในภาพขึ้นมา ) หน่วยความจำ... ก็ดูที่ Physical Memory (K) ส่วน Page File ก็ดูจากช่อง PF Usage นั่นเอง

ซึ่งการใช้ Hibernate นี้ ก็จะคล้ายๆกับการเปิดปิดเครื่องตามปกติ แต่แทนที่จะต้องบูทระบบ ทุกอย่าง เราจะปิด และเปิดขึ้นมายังสภาวะในขณะนั้นเลย เปิดโปรแกรมอะไรอยู่ แสดงข้อมูลอะไรอยู่ ก็จะเป็นแบบนั้นเลย (ถอดปลั๊ก หรือ Battery ก็ได้) เหมือนกับถ่ายภาพหน้าจอไว้ พอปิดไป แล้วเปิดมาก็กลับมาอย่างในภาพที่ถ่าย ( แม้แต่เปิดเพลง MP3 ไว้ก็จะกลับมาเล่นต่อจากจุดที่ปิดเข้าสู่ Hibernate ) แต่ไม่ควรทำนะครับ ถ้ามีข้อมูลอะไรอ่านอยู่ จะมีโอกาสเสียหายได้

และการใช้ Hibernate นี้... ไม่ควรใช้ในกรณีที่เพื่อนๆ เปิดโปรแกรมไว้หลายอย่างมากมายเกินไป ให้เปิดเฉพาะโปรแกรมที่จำเป็นใช้เท่านั้น อย่าเปิดฟุ่มเฟือย เพราะจะทำให้มันยิ่งช้า และ เป็นภาระกับเครื่อง จะพังเร็วขึ้น


ทีนี้... วิธีที่ผมจะทำให้เพื่อนๆ ประหยัดเวลาในการบูทระบบเข้าวินโดวส์ ขึ้นอย่างมาก และ รวมทั้งการปิดเครื่องด้วยก็คือ การใช้ Hibernate



คลิกที่ภาพ จะขยายเป็นภาพใหญ่แล้วกดปุ่ม F11 นะครับ แล้วพอเอาเม้าส์ไปชี้ค้างไว้แถวๆมุมล่าง มันจะมีปุ่มขยายภาพขึ้นมา


อันดับแรก ก็คลิกขวา บนที่ว่างๆ ของหน้าจอ ( Desktop )
แล้วเลือกที่ Properties จากนั้นจะมี หน้าต่าง Display Properties ขึ้นมา
แล้วก็เลือกที่ tab ของ Screen Saver แล้วเพื่อนก็คลิกตรง Power...(1)
ก็จะมีหน้าต่าง อย่างในรูปฝั่งขวา แล้วไปเลือกที่ tab ของ Hibernate (2)
แล้วก็คลิกตรง Enable hibernation (3) ก็เป็นอันเสร็จการเปิดระบบ Hibernate
อ้อ... อย่าลืม กด OK หรือ Apply ด้วยนะครับ


แต่... ยังไม่จบ
เพื่อนๆ เห็น Tab ของ Advanced ใช่ไม๊ครับ ? ( แหม...ต้องเติมตัว d ด้วย )

นั่นแหละครับ ตรงกรอบของ Power buttons น่ะ ให้เลือกในช่อง
ใต้คำว่า When I close the lid of my portable computer:
เป็น Hibernate แล้วก็กด OK ทีนี้...เมื่อเพื่อนๆเลิกใช้งาน ก็ปิดฝา Laptop ลงมาเท่านั้น แค่นี้... เพื่อนๆ จะประหยัดทั้งเวลาในการทำงานและ battery เพราะการบูทเครื่องจาก Power off Stage เข้าระบบนั้น จะกินทั้งเวลา และ พลังงานกว่าการใช้ Resume จาก Hibernate หลายเท่า

เช่นว่า Battery ของผมมันเก่าแล้ว เปิดๆ ปิดๆ สองที ไฟก็จะหมดแล้ว แต่ถ้าใช้ระบบ Hibernate ผมสามารถใช้งาน Battery ได้นานขึ้นอีกราวๆ 30 นาที

และการเปิดเครื่องของผม ( มันไม่แรงน่ะนะ เก่าแล้ว )ใช้เวลาราวๆ 4นาทีกับ30วินาที จากกดปุ่มสวิชต์เปิด กว่าไฟฮาร์ดดิสค์จะดับลง และผมสามารถคลิกใช้งานอะไรต่างๆในระบบได้ แต่ถ้าเปิดจาก Hibernate ก็จะใช้เวลาเพียงแค่ ประมาณ 30-40 วินาทีเท่านั้น ก็พร้อมที่จะใช้งานโปรแกรมต่างๆ ทันที ( เครื่องผมมันบูทเยอะน่ะ ) แล้วเวลาในการปิด(ยังไม่เคยจับเวลาการปิดเครื่องแฮะ อันนี้) ปิดฝาหรือสั่ง Hibernate ก็จะเหลือเวลาเพียงแค่ราว 20 วินาทีเท่านั้น เมื่อไฟดับ เสียงเงียบ ก็ถอดปลั๊ก หรือ Battery ออกได้เลย

อ้อ... ถ้าใครกลัวคนอื่นจะมาใช้ แล้วตั้งให้วินโดว์ ถาม Password เอาไว้ ก็ไปปิดก่อนครับจะได้เร็ว แล้วไปตั้งจาก Bios ให้ถาม Password จาก System เลยจะเร็วกว่ามาก

แต่เมื่อว่างๆ หรือถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมใหม่ หรือมีการ Uninstall ก็เปิด - ปิด แบบ Shut Down บ้างนะครับ ให้ระบบมันตรวจสอบ แก้ไข Register ซะหน่อย เรียบร้อยดีแล้ว ค่อยกลับมาใช้ Hibernate อย่างเดิม

การ Shut Down ก็เหมือนปกติครับ แต่ถ้า Hibernate ก็แค่ ปิดฝาเครื่องเท่านั้น

อย่าลืม ช่วยกันประหยัดพลังงาน ทั้งไฟฟ้า น้ำมัน และ ทรัพยากร ธรรมชาตินะครับ




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2548 17:31:30 น.
Counter : 846 Pageviews.  

อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม

เรื่องนี้...( อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม ) ยาวเหมือนกัน... ผมชักขี้เกียจแล้วสิ...( หิวด้วย... นมในตู้เย็นก็หมดแล้ว ดึกแล้วด้วย... จะมีอะไรกินเปล่าหว่า... เดินไปหาอะไรกินก่อน...เดี๋ยวค่อยมาพิมพ์ต่อละกัน ) แฮ่... ขนมปัง 3 แผ่น โยเกิร์ตผลไม้รวมหนึ่งถ้วย แล้วก็น้ำเปล่าไม่เย็นหนึ่งแก้ว... หายหิวแล้ว... ต่อ ๆ
เอาล่ะ...

"อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม" จากคอลัมน์ "นิทาน วันอังคาร" โดย "ซานติอาโก" จากหน้า C2 หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ ฉบับ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

' เมื่อต้องพบเข้ากับอุปสรรค บางคนกลับเลือกที่จะวิ่งหนี ปฎิเสธที่จะไม่รับรู้ อุปสรรคที่เดินทางเข้ามาสู่ชีวิต ขณะที่บางคน ปล่อยให้ตนเองจมจ่อมอยู่กับอุปสรรคเหล่านั้น และกักขังจิตใจให้อยู่ในวังวนแห่งความทุกข์อยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับบางคน อุปสรรคเป็นเรื่องท้าทายและมีไว้เพื่อก้าวข้าม

. ช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า เราไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงจากอุปสรรคได้ แต่เมื่อต้องพบเจออุปสรรคเข้าจริงๆ หลายคนกลับมีปฎิกิริยาโต้ตอบกับอุปสรรคเหล่านั้นแตกต่างกัน ทั้งๆที่ผู้คนเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าอุปสรรคเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเผชิญ

' เมื่อต้องพบเข้ากับอุปสรรค บางคนกลับเลือกที่จะวิ่งหนี ปฎิเสธที่จะไม่รับรู้ อุปสรรคที่เดินทางเข้ามาสู่ชีวิต ขณะที่บางคน ปล่อยให้ตนเองจมจ่อมอยู่กับอุปสรรคเหล่านั้น และกักขังจิตใจให้อยู่ในวังวนแห่งความทุกข์อยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับบางคน อุปสรรคเป็นเรื่องท้าทายและมีไว้เพื่อก้าวข้าม


' เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์ได้กล่าวถึงเรื่องราวของอุปสรรคเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งได้มีชาวนาในชนบทเลี้ยงลาแก่เอาไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งมีอายุมาก และแทบจะไม่สามารถใช้ทำงานอะไรได้แล้ว แต่ชาวนา ก็ยังคงเลี้ยงลาแก่เอาไว้ด้วยความสงสาร เพราะหากปล่อยไปโดยไม่เลี้ยงดูแล้ว เจ้าลาก็คงจะเสียชีวิตลงในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินทางไปหาอาหารกินด้วยตัวเองแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่งชาวนามีอันต้องพาเจ้าลาไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจโรคประจำปี จึงจูงลาแก่ออกเดินทางไปหาหมอตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยอากาศที่ยังมีแสงสว่างสลัวๆและหมอกที่ลงจัด ประกอบกับสายตาที่ฝ้าฟางเพราะอายุมาก ทำให้ลาแก่เดินพลัดตกไปในบ่อดินแห่งหนึ่ง ลาแก่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบ่อ แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากบ่อดินมีความลึกมาก รวมทั้งลาแก่เองก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก ทำให้มันไม่สามารถปีนพ้นข้ามขอบบ่อขึ้นมาได้ จึงได้แต่ร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลา

ฝ่ายชาวนาเองก็คิดใคร่ครวญเพื่อจะหาวิธีช่วยเจ้าลาแก่ขึ้นมาจากบ่อ แต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีที่จะมาช่วยลาแก่ได้ เพราะเจ้าลาเองก็มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย รวมทั้งบ่อดินก็มีความลึกมาก แม้จะเอาเชือกลงไปผูกลาได้ ก็คงไม่สามารถดึงมันขึ้นมาจากบ่อได้อย่างแน่นอน ชาวบ้านหลายคนที่พากันมามุงดูเจ้าลาแก่ก็จนปัญญาที่จะหาวิธีนำมันขึ้นมาจากบ่อได้เช่นกัน

ในที่สุดชาวนาก็คิดขึ้นมาได้ว่า ปัจจุบันเจ้าลาก็แก่จนไม่สามารถใช้ทำงานอะไรได้แล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่รอวันที่จะตายเท่านั้น บ่อดินที่เจ้าลาตกลงไปก็เป็นบ่อดินที่ไม่ได้ใช้และจะกลบอยู่ในเร็วๆนี้ ฉะนั้นคงจะไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลาขึ้นมาจากบ่อดิน คิดได้ดังนั้นชาวนาจึงขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อดินที่มีลาแก่อยู่ก้นบ่อ เมื่อทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ เจ้าลาก็ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน เนื่องจากมันรู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่าเจ้านายตัดสินใจที่จะไม่ช่วยมันเสียแล้ว

แต่หลังจากที่ทุกคนช่วยกันตักดินสาดลงไปในบ่อได้สักระยะหนึ่ง ก็ต้องพบกับความแปลกใจ เนื่องจากเสียงของเจ้าลาไม่ได้ร้องโหยหวนอีกต่อไปแล้ว สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป และพากันก้มหน้ามองลงไปในบ่อเนื่องจากคิดว่าเจ้าลาแก่ได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว แต่เมื่อมองลงไปในบ่อ ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะขณะที่ชาวนาได้ตักดินสาดลงไปในบ่อนั้น ลาจะสะบัดดินออกจากหลังและก้าวขึ้นไปเหยียบดินที่หล่นอยู่บนพื้น ทุกครั้งที่ผู้คนพยายามสาดดินลงไปอยู่ก้นบ่อ เจ้าลาจะพยายามสะบัดดินออกจากหลังและก้าวขึ้นเหยียบดินที่หล่นอยู่ให้เร็วมากยิ่งขึ้น

ในไม่ช้าลาแก่ก็สามารถขึ้นมาจากบ่อลึกได้สำเร็จ เพราะมันอาศัยดินที่ชาวบ้านตักใส่ลงไปในบ่อเป็นบันไดให้สามารถก้าวขึ้นมาสู่ปากบ่อได้ในที่สุด

อุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตเราก็ไม่ต่างอะไรกับดินที่สาดลงไปยังลาแก่ที่อยู่ก้นหลุม หากลาแก่ไม่ก้าวข้ามดินที่ถูกสาดลงไป มันก็อาจต้องถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในบ่อแห่งนั้น เช่นเดียวกับชีวิตเรา หากปล่อยให้อุปสรรคถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตโดยไม่คิดที่จะก้าวข้ามไป ตัวเราเองก็จะตกอยู่ในความทุกข์จนยากที่จะถอนตัวออกมา ตรงกันข้าม หากเรามองอุปสรรคว่าเป็นเรื่องที่จะต้องก้าวข้ามแล้วละก็ เชื่อได้เลยว่าความสำเร็จจะต้องอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน.//

ที่จริง ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ "อีคิว... สร้างได้ เพื่อความสุขในทุกๆวัน" แต่มันค่อนข้างยาว... ผมขอติดไว้คราวหน้าละกันนะ ( ฮ่า ๆ ๆ อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คงไม่เกินเดือนนึงหรอก เชื่อเหอะ ;) เอ... หรือว่า... โพสท์ทูเดย์ เค้ามี ออนไลน์หรือเปล่าหว่า... ถ้าเพื่อนๆสนใจ ก็ลองๆ เซิร์ชหาดูละกันนะครับ มีประโยชน์อย่างแน่นอน

สำหรับคืนนี้... ผมขอลาไปแต่เพียงเท่านี้เพราะพรุ่งนี้... ต้องไปทำบุญ ขึ้นบ้านใหม่ของอากู๋ผม แล้วก็ ทำบุญให้กับอากง พร้อมกับถอดทุกข์ด้วยครับ... สวัสดี และ ธรรมรักษาทุกคนครับ. :)




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2548 4:20:55 น.
Counter : 528 Pageviews.  

1  2  3  4  

Phoenixนิลมังกร
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย แต่ไม่ใช่ Joker
จริงจัง จริงใจ แต่ไม่เอาเป็นเอาตาย
ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่ทำร้ายใครก่อน...



- It is only with the heart
that one can see rightly
what is essential is
invisible to the eye.


- ด้วยหัวใจเท่านั้น
ที่เราจะมองเห็นอย่างถ่องแท้ว่า
สิ่งสำคัญ ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
คืออะไร.


//- Antoine de Saint-Exupery

Friends' blogs
[Add Phoenixนิลมังกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.