All Blog
ธาราหิมาลัย เวอร์ชั่นเซเลอร์เมอคิวรี่ & ซอยไซต์!?

เชื่อว่าคนไทยหลายคนต้องรู้จักเซเลอร์มูนแน่นอน ^ ^ วันนี้ข้าน้อยขอย้อนวัยตัวเองไป 10 ปี = = " วาดแฟนอาร์ตระลึกถึงการ์ตูนที่ตัวเองชื่นชอบจ้า โดยข้าน้อยชื่นชอบเหล่าสี่สาวเซเลอร์กับสี่หนุ่มดาร์คิงดอม ซึ่งฝ่ายหลังนั้นเป็นศัตรูในภาคแรกเวอร์ชั่นอนิเมท แต่ในเวอร์ชั่นมังงะนั้น พวกเขาต่างเป็นคู่รักกันนะเออ


 แล้วก็เหมือนบังเอิญว่า มีกรุ๊ปแฟนอาร์ตเกี่ยวกับสี่คู่นี้พอดี เลยมีแรงฮึดจะเขียนแฟนอาร์ตเสียหน่อย (ใครหวังจะเห็นข้าน้อยเขียนคู่เซเลอร์มูนกับหน้ากากทักซิโด้ ก็เสียใจด้วยนะจ๊ะ คู่นี้มันเด่นพอแล้ว ถึงคราวให้เพื่อนๆ เด่นบ้างเต๊ะ)


 แต่ครั้นจะวาดแฟนอาร์ตแบบทั่วๆ ไปก็ธรรมดาไป ข้าน้อยก็เลยคิดว่าจะมาผสมกับแฟนอาร์ตอะไรที่อยู่ในกระแสไทยที่บ้านเรารู้จักดีกว่า เผื่อจะได้เผยแพร่ให้เพื่อนชาวต่างชาติได้ชมด้วย เขาจะได้เห็นได้รู้เกี่ยวกับบ้านเราบ้างไง ^ ^...ก็ไปจับเอาละครไทยดังปีที่แล้ว อย่าง 4 หัวใจแห่งขุนเขามาซะเลย ครบคู่พอดีด้วย (หวังว่าคงไม่โดนแฟนละครตามมาตื้บเน้อ T T)


 โดยคู่แรกก็แน่นอนว่าเป็นคู่จากเรื่อง ธาราหิมาลัย ก็เลยจับเอาเซเลอร์เมอคิวรี่ หรือ อามิซัง มาสวมบทหมอน้ำเสียเลย ซึ่งอามิก็เป็นเซเลอร์ธาตุน้ำ แถมอามิก็อยากเป็นหมอเหมือนหมอน้ำด้วย ก็เลยดูเข้ากับคอนเซ็ปส์ของนิยายดี...จะติก็ตรงอิตาซอยไซต์ที่เป็นแต๋วในภาคอนิเมท ต้องมาเขียนให้แมนในภาคแฟนอาร์ตนี่อะดิ อยู่ยังไงๆ คู่นี้ดูไม่จิ้นกันอยู่ดีอ่ะ หนุ่มวาย(กลับใจ)กับสาวเนิร์ดเนี่ย = = "


 งานนี้ใช้เวลาในการทำทั้งหมด 3 วันจ้า ทั้งหาข้อมูล ตัดเส้น ลงสี โดยเฉพาะการลงสีนี่เหมือนองค์ประทับ จะไม่ยอมไปไหน ไม่กินข้าวกินปลาเลย ถ้างานไม่เสร็จ ถึงกระนั้นก็ยังแก้ปัญหาในเรื่องหน้าตัวละครมันแบนบ้าง ลงสีเข้มไปบ้างล่ะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่หายสำหรับข้าน้อยสักที T T หวังว่างานต่อไปมันจะดีขึ้นนะ (แต่มีเพื่อนชมว่า สัดส่วนโอเคล่ะ ^ ^)


 หวังว่าแฟนคลับเซเลอร์เมอคิวรี่น่าจะชอบนะจ๊ะ ^ ^


 แล้วติดตามกันต่อไป ว่าจะเป็นปกนิยายเรื่องไหน และจะเป็นเซเลอร์ใด๋มาขึ้นปกจ้า ^ ^




Create Date : 28 มีนาคม 2554
Last Update : 30 มีนาคม 2554 18:00:24 น.
Counter : 1415 Pageviews.

2 comment
Fanart Photoshop สี่สาวเซลเลอร์ กับ สี่หนุ่มดาร์คคิงดอม
เกิดอารมณ์นึกถึงเมื่อครั้งวัยเด็กที่ยังดูเซลเลอร์มูนตอนอายุ 10 ขวบอยู่งับ ^ ^ พอแก่ตัวลงมันก็เลยนึกถึงความหลัง เลยมาเขียน Fanart เอาคืนในช่วงวัยนั้นที่อินเทอร์เน็ตประเทศไทยยังไม่เจริญ

 

นี่เป็น Fanart ของเหล่าสี่สาวจากเรื่องเซลเลอร์มูน (ที่ไม่มีเซลเลอร์มูนตัวเอก เพราะข้าน้อยไม่ค่อยชอบนัก ยัยนี้บทเด่นพอแล้ว ให้เพื่อนๆ เด่นบ้างเด๊ = = *) กับสี่หนุ่มดาร์ค คิงดอม ซึ่งในแบบอนิเมทนั้น พวกเขาเป็นศัตรูกันในภาคแรก แต่ในแบบมังงะนั้น ทั้งแปดคนสี่คู่นั้น อดีตชาติเคยต่างเป็นคู่รักกันมาก่อน แต่พอกลับชาติมาเกิดใหม่ ดันจำกันบ่ได้ แล้วฝ่ายหญิงก็กระทืบฝ่ายชายตายไปในที่สุด T T แล้ว อ.นาโอโกะ ผู้เขียน ก็ไม่มีเรื่องราวอะไรให้ต่อยอดอีกเลย แม้กระทั่งตอนพิเศษ T T



ซึ่งตัวละครที่ไม่ค่อยมีเรื่องราวนี่แหละ ทำให้ข้าน้อยชอบกว่าบทนังมนูที่มีบทหวานออกหน้าออกตากว่าเพื่อน ก็เลยมาทำเป็น Fanart เสียเลย โดยเป็นแบบโฟโต้ฉับเอาก่อนค่ะ...น่าเสียดายที่รูปของสี่หนุ่มหายากมากมาย แถมหาได้เส้นก็แตกอีก T T เลยพอจะโฟโต้ฉับได้ประมาณเนี่ย T T (ต้องทำรูปเล็ก เพราะยิ่งใหญ่เส้นจะยิ่งแตก



แต่อาการฮึด ทำให้นั่งทำทั้งคืนเสร็จเลย  ^ ^



คราวหน้าจะเขียน Fanart แบบมือเขียนแน่นอน ใครเป็นแฟนของพวกเขา ติดตามภาพต่อไปเน้อ ^ ^



Create Date : 15 มีนาคม 2554
Last Update : 30 มีนาคม 2554 18:00:46 น.
Counter : 2145 Pageviews.

3 comment
เก็บตกรถบุปผาชาติไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ 2554
ภาพนี้ได้มาจากเหตุบังเอิญที่เข้าเมืองไปทำธุระ แล้วได้เห็นรถบุปผาชาติจากงานไม้ดอกไม้ประดับที่จัดที่เชียงใหม่เมื่อช่วงวันที่ 4-6 กพ. ที่ผ่านมา เขาได้นำรถบุปผาชาติมาจอดที่แยกบริเวณถนนประตูช้างเผือก คาดว่าเขาจะประดับเอาไว้เป็นควันหลงของงานนี้ เพราะเห็นว่ามีทีมงานจัดสวนก็เริ่มมาประดับตกแต่งทางเดินของสองข้างถนนด้วยแล้ว



อันแรกเป็นรถของ อัตลักษณ์ไทยล้านนาสปา ล้านนาเอ็กซ์โซติก ที่เพิ่งมีการจัดสัมมนาเรื่องอัตลักษณ์ของสปาไทยล้านนาไปเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน





ตรงกระบะตรงกลาง เอาผักสวนครัวอั๊วกินได้มาประดับ





ข้างซ้ายของรถ





หงส์





บายศรีล้านนา





ด้านข้างรถมีการตกแต่งรูปของการนวดแผนไทยด้วย ที่เป็นพื้นขาวๆ เขาใช้งาขาวแปะนะ





บายศรีอีก (อันนี้สูงมากมาย)





เทวดาเล่นซึง





ซุ้มด้านหลังรถ





คันที่ 2 จากเทศบาลนครเชียงใหม่





มีหงส์เหมือนกัน





ช้าง





ด้านข้างรถข้างขวา





สองกวางหลังรถ





สิงห์





รถคันต่อไป ของอบจ.เชียงใหม่ส่งเข้าประกวด





พญานาค (แหม ฟันเหลืองอ๋อยเลย น่าจะส่งไปขัดฟัน)





ด้านข้างของตัวรถ





แตงโมแกะสลัก วางอยู่หน้ารถ





พญานาคแบบเต็มตัว





นกหัสดีลิงค์ เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ เป็นนกที่มีงวงคล้ายช้าง มีหน้าที่เป็นพาหนะนำศพของผู้มีบุญบารมีสูงไปยังสรวงสวรรค์ ซึ่งปัจจุบันจะมีการทำหุ่นจำลองนกหัสดีลิงค์ ในงานศพของเจ้านายหรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีบุญบารมีมาก ในทางแถบภาคเหนือกับอีสาน





ช่อดอกไม้ในขบวนรถ





คันสุดท้าย รถจากสนง.การท่องเที่ยวของเชียงใหม่จ้า









มีแท่นอยู่บนรถด้วย





รถคันสุดท้ายนี่มีจุดเด่นตรงที่ความเป็นธรรมชาติของดอกไม้ ใช้กล้วยไม้ในการตกแต่ง





















































นอกจากนั้นก็จะมีการจัดเสา-กำแพงดอกไม้เพิ่มเติมด้วย



อันนี้เสาดอกไม้ กำลังเห็นคนงานมาจัดกันสดๆ เลย





ซูมถ่ายที่ดอกไม้





เสาดอกไม้อีกต้นหนึ่ง





อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นลานข้างประตูช้างเผือก ก็จัดเป็นทุ่งดอกไม้สักเลย









อีกหนึ่งไฮไลท์ กำแพงดอกไม้













เวอร์ชั่นเต็มของรถ



(ยังก่อน ยังไม่จบ)



ส่วนภาพนี้เป็นกำแพงดอกไม้เวอร์ชั่นเต็ม หลังจากที่รถโดนเก็บไปแล้ว แต่ยังคงกำแพงดอกไม้ไว้อยู่ อันนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 13/02/2554 ตอนเช้าเวลา 6.30 น. เมื่อข้าน้อยเดินออกจากโรงแรมไปกินบะหมี่ร้านประจำ (ปล่อยเพื่อนสาวชาวอาคนอนกันต่อในโรงแรม เพราะจะไปเที่ยววันนั้นต้องแอดแวนเจอร์พอสมควร แซนวิชของโรงแรมก็เอาไม่อยู่หร๊อก เรียกว่าพวกกินของโปรด ถึงขนาดยอมตื่นเช้า ฝ่าลมหนาวเดินไปกินเลย





ดูสีสวยสดกว่าตอนกลางวันเสียอีก





จบแล้วเจ๊า




Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2554 13:27:15 น.
Counter : 1869 Pageviews.

10 comment
ข้าวผัดปลาทู (ขอยืมมาจากดูสูตรของคุณดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช)
สูตรนี้ขอยืมมาจากดูสูตรของคุณดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช (พี่สาวคุณดัง-พันกร บุญยะจินดา)มาจากในนิตยสาร Oop ค่ะ จดสูตรไว้ แต่ไม่ได้สแกนภาพเอาไว้ เลยจำไม่ได้ว่าเอามาจากฉบับไหน



เป็นเมนูที่ทำง่ายๆ ใช้วัตถุดิบน้อย และเป็นอาหารที่แทบจะกินเป็นประจำกับชีวิตคนไทยเลย กับเมนูข้าวผัด และ ปลาทู ที่จะนำมารวมกัน



เครื่องปรุง

- ปลาทูตัวเล็ก 2 ตัว หรือ ตัวใหญ่ 1 ตัว

- ข้าวหุงสุก 1 ถ้วยใหญ่ หรือ 2 ถ้วยเล็ก (ทั้งนี้จะเป็นสัดส่วนระหว่างปลาทูกับข้าวคือ ถ้าปลาทูตัวใหญ่ ใช้ข้าว 2 ถ้วย (ดั่งในภาพ) ถ้าเป็นปลาทูตัวเล็ก ใช้ข้าว 1 ถ้วย ทั้งนี้เลือกใช้กันตามสะดวก)

- พริกขี้หนูซอย 3-5 เม็ด

- กระเทียมทุบ 2 กลีบ

- ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ

- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ



ข้าวที่เตรียมนี่ เป็นข้าวหุงที่ซื้อที่ตลาดแล้ว เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาในการทำ (เพราะแม่ครัวเริ่มหิวจนหน้ามืดแล้ว)



ปล.ข้าวหุงที่ซื้อตามตลาด แบบที่หุงใส่ถุงเดี่ยวๆ ไม่เป็นก้อนอัด จะอร่อยและเนื้อละเอียดกว่าแบบก้อนอัดค่ะ แบบก้อนอัดสอง เขาเอาไว้สำหรับคนที่อยากซื้อปริมาณเยอะๆ อันนี้แม่ข้าน้อยบอกมา



วิธีทำ

1. เลาะเนื้อปลาทูเอาหัวและก้างออก แล้วนำลงไปทอดลงกระทะให้เหลืองกรอบทั้ง 2 ด้าน จากนั้นนำเอาขึ้นพักยกไว้ก่อน





2. ใช้กระทะเดิม ตักน้ำมันส่วนเกินออกไปให้พอเจียวกระเทียมได้ (ที่จริงน้ำมันไม่ควรใช้ซ้ำกันนะ แต่ไหนๆ ก็มีกลิ่นปลาทูติดอยู่แล้ว ก็เลยผัดในกระทะเดียวกันไปเลย)





3. นำข้าวลงผัดตาม





4. เหยาะซอสหอยนางรม





5. เหยาะซีอิ๊วขาว แล้วนัวเนียให้เข้ากัน





6. เติมพริกขี้หนูลงไป เพื่อความเผ็ด





7. ใส่ปลาทูตามลงไป นัวเนียให้เข้ากันอีกครั้ง จนสุกกันเถิดเราทั้งสองฝ่าย





8. พร้อมเสิร์ฟ (จริงๆ ข้าน้อยจะกินข้าวผัดคู่ไข่ดาวไปด้วยเลยนะ แต่ดันลืมถ่าย(ก็คือลืมทอดมาเพิ่มเติมนั้นเอง เพราะกำลังหิว) มาแต่งพร็อปซะงั้น องค์ประกอบภาพเลยดูเหมือนขาดๆ อะไรไป)





รสชาติจะเผ็ดๆ เล็กน้อย อร่อยตรงรสชาติเผ็ดของข้าว และความกรอบของปลานี่แหละ



ใครกินปลาทูทุกวันแล้วอยากเปลี่ยนเมนูบ้าง ก็ลองทำดูกันได้นะ



Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2554 9:24:08 น.
Counter : 1613 Pageviews.

4 comment
เทปัน-ยากิ สเต็กญี่ปุ่นในเมืองเชียงใหม่ ฉลอง 10 ปี ร้านใหม่ไฉไลกว่าเดิม!?
ชื่อร้าน : เทปัน-ยากิ
รายการอาหาร : สเต็กญี่ปุ่น(เนื้อ,มังสวิรัติ,เจ) ซาซิมิ ข้าวปั้น โอโคโนมิยากิ
เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 10.00-21.00 น.
ที่ตั้งร้าน : ห้างเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ชั้น B1 โซน @b1 ตรงข้ามร้าน subway ติดร้านติ่มซำ, เชียงใหม่ Thailand
พิกัด GPS : 18° 47' 46.22" N 98° 58' 36.08" E


ที่จริงไปถ่ายรูปร้านนี้ตั้งแต่งานวันเด็กแล้วนะ แต่เพิ่งเว้นช่วงเอามาลง ตอนแรกจะรอว่าจะไปกินอีกรอบค่อยถ่ายเพิ่มเติม แต่ดูตารางเวลาแล้วไม่น่าจะได้ไปเร็วๆ นี้ ก็เลยเอามาลงเลยล่ะกัน



เทปัน-ยากิ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่อยู่คู่ห้างเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว เชียงใหม่ มานานพอสมควร เหมือนว่าจะเกิด เติบโตมาพร้อมกันเลย ร้านนี้เคยตั้งอยู่ชั้น 2 ใกล้เคียงกับร้านไอติมสเวนเซ็นต์เลยจ้า การตกแต่งร้านในยุคแรก ก็เป็นแนวเคานเตอร์บาร์ รายล้อมกับเตาย่าง เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นพ่อครัวกำลังปรุงอาหารกับตาอย่างใกล้ชิด ประมาณน้ำมันกระเด็นเข้าหน้ากันเลย ซึ่งข้าน้อยก็จะไปอุดหนุนร้านนี้ประจำ หากได้มีโอกาสไปเที่ยวห้าง



พอเมื่อสักปีที่แล้วนี่แล ที่ร้านเทปัน-ยากิครบรอบ 10 ปี ก็มีการปรับปรุงร้านใหม่ โดยการย้ายลงไปอยู่ชั้นล่างของห้าง ชั้น B1 โซน @b1 ตรงข้ามร้าน subway ติดร้านติ่มซำ ซึ่งแถวนั้นเป็นโซนฟู้ดเซ็นเตอร์อาหารนานาชาติมากมาย ทั้งอาหารจีน อินเดีย ฝรั่ง ฯลฯ เพื่อจะได้เป็นการจัดโซนนิ่งอาหารนานาชาติให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันไปเลย (เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดว่า ถ้าร้านอาหารอยู่ในที่เดียวกัน จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสเลือกได้เยอะ และขายได้ดีกว่าการอยู่กระจายกันไป) รวมทั้งได้ขยายร้านให้ใหญ่กว่าเดิม จาก 1 ล็อก เป็น 3 ล็อก ซึ่งพลอยจะพาไปยังร้านที่ปรับปรุงใหม่แล้วจ้า



ป้ายร้านที่ยังคงรูปแบบโลโก้เดิม โทนขาว-เขียว-ดำ เพิ่มชมพูซากุระมาหน่อย



การจัดร้านใหม่ ไฉไลกว่าของเดิมมากมาย เพราะนอกจากที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์เพิ่มแล้ว ยังมีที่นั่งแบบไพรเวท 4 ที่นั่ง ประมาณ 3 ที่ แบบมากินกับครอบครัวแยกให้อีก (ทางซ้ายมือ)



ที่นั่งเคาน์เตอร์บาร์แบบดั้งเดิมของร้าน ตรงผนังร้านก็จะมีภาพเมนูอาหารให้เลือก ซึงส่วนใหญ่จะเป็นสเต็กเนื้อต่างๆ มีหมดตั้งแต่หมูเห็ดเป็ดไก่ ปลา เจ ฯลฯ เรียกว่าครอบคลุมทุกการรับประทานของลูกค้า





ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ก็จะได้ใกล้ชิดกับการปรุงอาหารแบบเห็นกันจะๆ น้ำมันกระเด็นโดนหน้าเลยทีเดียว





ฉลองครบรอบร้านใหม่ ก็มีการเพิ่มเมนูประเภทซาซิมิมาด้วยค่ะ มีทั้งแซลมอน ทูน่า ซาบะ ฯลฯ เริ่มต้นที่อย่างละ 59 บาท





และข้าวปั้นก็มีด้วย ราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 19 บาทค่ะ





ร้านนี้มีเซฟประมาณ 3-4 คน (รวมหัวหน้าเชฟด้วย) จะแบ่งหน้าที่ในการปรุงอาหาร มีแผนกผัดข้าวผัดผัก ผัดเนื้อ และทำซาซิมิกับข้าวปั้นค่ะ มีเตาอยู่ประมาณ 2 เตา



ที่บอกว่าน้ำมันกระเด็นเข้าหน้านั้น อันนั้นเป็นมุกค่ะมันไม่ได้กระเด็นเลวร้ายขนาดนั้นหรอก เพราะเซฟเขาจะเอาฝาคล้ายหม้อข้าวปิดเนื้อที่กำลังย่างไว้ ห่างจากลูกค้าในระยะปลอดภัยค่ะ แต่ก็อย่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ชิดมากนะค่ะ อันนั้นมีสิทธิ์โดนเหมือนกัน



น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารก็มีน้ำมันมะกอก และบางอย่างก็ย่างด้วยเนย เช่น ข้าวผัด ค่ะ





พลอยสั่งแซลมอนไป ระหว่างที่รอ เขาก็จะเสิร์ฟสลัดก่อนค่ะ อันนี้เป็นของโปรดพลอยเลย เพราะเป็นสลัดซอสส้ม เปรี้ยวหวานกำลังดี ^ ^





น้ำซุป มีเต้าหู้สองก้อน ดูเครื่องน้อยๆ แต่รสชาติกลมกล่อมอร่อยค่ะ ความอร่อยเป็นรองแค่ซุปมิโซะของฟูจิเท่านั้นเอง





ข้าวผัด ผัดกับเนย ต้นหอม กระเทียม หอมอร่อยมากมาย





เครื่องน้ำจิ้มมี 3 แบบค่ะ



อันขาวๆ เป็นน้ำซอสสลัด



อันกลางเป็นซีอิ๊วญี่ปุ่น



อันขวา คล้ายเตาเจี๊ยวนะ





มาพร้อมสักที ใช้เวลาย่างไม่เกิน 5 นาที ก็ได้แล้วค่ะ (แต่อาจจะนานในกรณีลูกค้าเยอะนะ) = = "





ของย่างจะมาพร้อมกับผัดผักกับถั่วงอกค่ะ รสชาติโอเชเลย ย่างเนื้อได้สุกทั่วถึงกัน



ราคาเริ่มต้นที่ 70-300 บาท ถูกสุดคือสเต็กไก่ แพงสุดคือสเต็กรวมมิตรทะเลและโคเนื้อพิเศษ



ข้อเสียร้านนี้จะมีก็เรื่องชุดพนักงาน เพราะตอนที่ข้าน้อยไปกินนั้น เหมือนจะรับพนักงานเสิร์ฟหลายคน เลยไม่มีเวลาตัดชุด ต้องใส่ชุดไพรเวทมา ทำให้บางครั้งงงๆ ว่า คนที่มาเสิร์ฟนี่พนักงานหรือลูกค้าหว่า? แต่การเสิร์ฟก็โอเชค่ะ รวดเร็วใช้ได้



ก็จบการรีวิวร้านเพียงเท่านี้ค่ะ



ปล. พนักงานเสิร์ฟชายหนึ่งเดียวในร้านนี้ หน้าตาท่าทางเหมือนยากูซ่า น่ากลัวมากมาย แต่บริการเสิร์ฟดีผิดหน้าตา ถ้าใครเจอก็อย่าตกใจกลัวไปนะค่ะ




Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2554 11:59:43 น.
Counter : 2564 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

สาวเหนือเซาะกิ๋น
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวย ถึก และบึกบึน