Group Blog All Blog
|
เมื่อสาวเหนือไปติดบนดอยอ่างข่างในหน้าฝน!? คนอื่นเขาติดน้ำท่วม แต่เราติดดอย(ในหน้าฝนซะงั้น) มูลเหตุจากการท่องเที่ยวเชิงแอดเวนเจอร์นี่ เกิดจากการที่ป๋าข้าน้อยพาเพื่อนป๋า และข้าน้อยไปอ่างข่างด้วย เพื่อที่จะนำน้ำผึ้งของป๋าไปส่งขายที่โครงการ ส่วนข้าน้อย ป๋าให้ติดตามมาด้วยเพื่อไปเขียนแบบสวนภูมิทัศน์ให้สำนักสงฆ์สัมมะนะ ที่เชียงดาว แล้วก็เลยติดตามพวกเขาขึ้นเชียงดาวไปด้วย วันก่อนถึงได้ทวิตถามเพื่อนๆ ในบอร์ดอาคว่าอยากได้อะไรบนอ่างข่างไหม จะซื้อไปให้ เมื่อขึ้นดอยมาได้ราวบ่ายสองโมง ข้าน้อยก็ตื่นจากการนอนในรถ พบว่าข้างนอกหมอกลงจัดมากๆ การขับรถต้องใช้ความระมัดระวังตลอด เพราะไม่เห็นทางอะไรเลย...สำหรับข้าน้อยแล้วไม่ค่อยห่วงรถป๋า เพราะวันก่อนป๋าก็ขับขึ้นดอยอินทนนท์ ดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยมาแล้ว สำหรับอ่างข่างก็คงไม่เท่าไหร่ ...แต่ชะรอยว่า สงสัยจะหนักจากอินทนนท์มากเกินไป ควันก็เลยโชยออกมาจากกระโปรงรถ ข้าน้อยตกใจมากจนบอกให้ป๋ารีบดับรถเถอะ แต่ป๋ากลับบอกว่าถ้าดับรถอาจจะสตาร์ไม่ติดอีกรอบ แต่ป๋าก็ยอมจอดรถ(แต่ไม่ดับเครื่อง) ข้าน้อยก็หวังว่าเครื่องจะเย็นลง เลยเดินลงไปถ่ายรูป ที่ไหนได้ ลงไปไม่ถึงนาที ได้ยินเสียงระเบิดตูมดังข้างหลังแล้ว ...เปล่าค่ะ รถไม่ได้ระเบิด แต่คาดว่าหม้อน้ำคงระเบิดไปแล้ว ป๋าถึงกับหน้าเสียเลย เพราะถ้าหม้อน้ำระเบิด ก็ขับไปไหนไม่ได้แล้ว เพื่อนป๋าก็เลยต้องช่วยโบกของความช่วยเหลือจากคนที่ขับผ่านไปมา (ที่น่าเสียใจหน่อยคือ คนขับผ่านไม่สนใจพวกเราหลายคน เหมือนกับว่าธุระไม่ใช่) จนกระทั่งได้คนขับรถบรรทุกของโครงการหลวงผ่านมา เขาจะลงไปข้างล่างพอดี ก็เลยรับปากว่าติดต่ออู่ซ่อมรถขึ้นมาให้ เพราะข้างบนไม่มีช่างซ่อม แล้วก็พี่ชาวเขาคนหนึ่งที่ป๋าวานไปซื้อเสื้อกันหนาวจากข้างบนให้หน่อย เพราะอากาศเริ่มหนาว ฝนก็เริ่มตกแล้ว ในระหว่างที่รอ ข้าน้อยก็ถ่ายรูปไปเลย เพราะโอกาสจะมาเจออะไรอย่างนี้คงไม่ใช่มีบ่อยๆ แน่ ที่จริงหน้าฝน มันไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวด้วยซิ เพราะฝนนี่แหละทำให้ถนนลื่น อันตรายมาก แม้แต่จุดที่เราจอดรถอยู่ก็ถือเป็นทางลาด ต้องใช้ก้อนหินมายันล้อไว้ด้วยซ้ำ รถป๋าข้าน้อยเอง ฝนเริ่มตกลงมาอีก (เอาเข้าไป T^T) หนาวด้วยวุ๊ย ดีที่พกเสื้อกันหนาวมา (พ่อข้าน้อยขี้ร้อนมากเปิดแอร์ในรถกระหน่ำ แต่พอเจออากาศหนาวข้างนอกแล้วขี้หนาวขึ้นมาเชียว) เสียตรงจุดพิกัดดีเสียด้วย ตรงหลักกิโลเมตรที่ 18 อีก 7 กิโลจะถึงโครงการแล้วเชียว จนอยากร้องเพลงป๋าเบิร์ด "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง" เปลี่ยนมาถ่ายรูปต้นไม้ยามหน้าฝนแบบใกล้ๆ เห็นเม็ดน้ำบ้าง ดอกไม้ป่า หลักกิโลเมตร กลับไปที่ภาพหมอกอีกครั้ง (ก็รถยังไม่มาอ่ะ T^T) ระหว่างที่รอรถลากขึ้นมา ป๋าก็หักกิ่งไม้ข้างทาง มาทำเป็นไลน์กลางถนน ให้รถเขาเห็นค่ะ จะได้ไม่ขับผ่านเลยไป ระหว่างรอรถ ก็ยังคงถ่ายรูปต่อ(ไป) รถมาแย้ว เข้าใจการคอย 10 นาที เหมือน 10 วันเลยง่ะ ช่างดูสภาพรถก็บอกว่่า ต้องลากลงข้างล่างลูกเดียว แต่ต้องนำรถลากขึ้นไปจอดบนค่ายทหารที่เป็นเนินราบก่อน เพราะจุดที่เราจอดอยู่ตรงนี้อันตรายมาก รถป๋าใหญ่มาก เป็นระดับทูมเบอร์เลย จึงไม่มีรถที่ขับผ่านไปมาที่ไหนกล้าลากไปได้ เพราะรถเล็กกว่า ต้องใช้รถลากอย่างเดียวโดยเฉพาะ แล้วเราก็ขึ้นมาพักรออยู่ที่ค่ายทหารก่อนค่ะ เพราะรถลากต้องรีบไปลากรถคันอื่นก่อนที่ติดด้วย แล้วเดี๋ยวเขาจะกลับมาลากเราลงไปใหม่ (ตอนนั้นพ่อกับเพื่อนขึ้นรถจนเต็ม ข้าน้อยเลยสละสิทธิ์ เดินขึ้นไปเอง แต่คล้อยหลังสักพัก ก็มีรถกระบะไททันดำมาจอดรับให้ข้าน้อยนั่งไปด้วย คนขับเป็นคู่รักมาท่องเที่ยวอ่างข่างค่ะ เขาก็ขับพามาส่งข้าน้อยถึงที่ค่ายทหารเลย เสียดายไม่ได้ถามชื่อเอาไว้ แต่ถ้าพี่ทั้งสองได้มาอ่านมาเจอ ก็ขอขอบพระคุณในน้ำใจนะค่ะ) ค่ายทหารที่เราไปพักรอ ข้างซ้ายนั้นเป็นแผงตลาด จำได้ไหม? เอารถมาจอดรอหน้าตลาดเอาไว้ ค่ายทหาร พี่ทหารเขาเชิญเข้าไปหลบฝนและทานข้าวเย็นด้วยกัน ขอบคุณมากค่ะ พี่ทหารเหล่านี้เพิ่งผลัดเปลี่ยนกับชุดเดิมเมื่อสองเดือนที่แล้วค่ะ มาจากสระบุรี กับข้าวกับปลาเลยมีกลิ่นอีสานหน่อยๆ อาหารก็กินพอให้อิ่ม ไม่ได้ทำอะไรมากนักค่ะ ห้องหับหลับนอนของพี่ทหาร เห็นเขาว่ามาอยู่นี่สองเดือนแล้ว ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย ขนาดวิ่งออกกำลังกายเหงื่อยังไม่ไหลเลย อาบน้ำก็อาทิตย์-สองอาทิตย์ครั้ง เต็นท์นอน (ใช้โหมดกล้อง AUTO เลยได้ภาพควันหมอกมัวในกล้องไปด้วย ต้องเปลี่ยนกลับไปใช้โหมดถ่ายรูปวิวแบบเมื่อกี้แทน) สมบุกสมบันจริงๆ ออกไปถ่ายข้างนอกต่อ ชั้นวางกับข้าวและทีวี (แต่ทีวีโดนน้ำหยดเสียไปซะล่ะ บรรยากาศภายในค่าย บริเวณล้างจาน (น้ำเย็นมากจนไม่กล้าแตะ) (เล่นมันสวยดีเลยถ่ายอ่ะ น้องหมาภายในค่าย โดยเฉพาะเจ้าตัวนี้เป็นจ่าฝูง ชื่อ เก๋า งับ (เก๋าสมชื่อมาก เป็นพ่อของลูกหมาตั้ง 12 ตัวที่เกิดจากหมาร่วมค่ายด้วยกัน) พี่ทหารบอกว่า นักท่องเที่ยวที่มาค่ายนี้ ก็มักจะถ่ายรูปเจ้าเก๋าทั้งนั้น ใครมาเที่ยวอ่างข่างก็แวะทักทายเจ้าเก๋าได้นะค่ะ ถึงหน้าโหดแต่ไม่ดุเลยสักตัว พี่ทหารยังพูดเล่นๆ เลยว่า แบ่งเอาลูกหมาไปหน่อยไหม (แต่ก็บอกอีกว่า เวลาทหารเปลี่ยนผลัดกัน ก็เอาหมาแต่ละตัวไปด้วยนะ) นี่เป็นรถที่ลากรถลงไปค่ะ ใครจะไปเที่ยวอ่างข่างก็จดเบอร์โทรไว้ด้วยนะค่ะ เผื่อรถเสียกลางทางแบบข้าน้อย จะได้โทรมาเรียกเขามาลากไปได้ (อ้าว นี่เตือนหรือแช่งฟ่ะ? คนที่ขับรถลากเขาบอกว่า มีให้มาลากลงทุกวัน เดือนที่แล้วบางคันที่ขั้นพุ่งข้ามเขาไปเลยก็มี เตรียมตัวจะกลับกันล่ะ เวลานั้นประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ (5 โมงก็ดูมืดแล้วนะนั้น) ค่าลากรถลงมาประมาณ 3,500 บาทค่ะ (เฉพาะในกรณีทัศนวิสัยไม่ดีด้วย ตามระยะทางอีก) แสงที่เห็นไม่ใช่พระอาทิตย์นะงับ นั่นมันไฟสปอต์ไลต์ ส่งท้ายด้วยรูปป่าสนเมืองหมอกก่อนกลับค่ะ มีความรู้สึกสวยแบบลึกลับเอามากๆ โอ...น่าสนุกตื่นเต้นไรเช่นนี้ ชอบมากๆทั้งดินฟ้าอากาศและบรรยากาศแบบนี้ โหดได้ใจมัก มัก
โดย: cvJ; วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:12:24:44 น.
ดูแล้ว โหดจริง ๆ ทางมืด ชิ้นแฉะ
แต่ที่แน่จริง ก็คือ ขนาดนี้มีปัญหาแบบนี้ ยังสู้ถ่ายรูป มาให้พวกเราดู ซูฮกจริง ๆ เห็นทหารเขาทำงานแบบมืดสลัว แบบนี้คงเหงาว้าเหว่ มาก แต่เขามีน้ำใจมากนะครับ ขอชมเชย โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:22:07:11 น.
ตอบท่านไวน์กับสายน้ำ
ตอนนั้นอารมณ์รถเสียนี่ใ จหายมากกว่างับว่าจะลงไปยังไง ต้องค้างอะไรบนนั้นหรือเปล่า เสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียมมา แต่สักพักมันก็เหมือนอารมณ์ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รองับ ก็เลยถ่ายรูปสลับความกลัวไป คิดซะว่าครั้งนึงในชีวิตฟ่ะ ตอนที่กลัวมากที่สุดคือตอนรถลากลงเขามากกว่างับ สวดนะโมตลอดทางเลยเออ T T โดย: Anemone2526 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:23:01:45 น.
|
สาวเหนือเซาะกิ๋น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] สวย ถึก และบึกบึน Link |
แต่ผมชอบรรยากาศแบบนี้นะ ผมว่ามันตื่นเต้นดี
ถ่ายภาพมาได้ดีเลยทีเดียวครับ