Group Blog All Blog
|
เมื่อสาวเหนือส่งท้ายไปกิ๋นมื้อหรูที่ Tokiya สาขา siam discovery ชื่อร้าน : Tokiya สาขา siam discovery รายการอาหาร : สเต็กคอร์ส 8 อย่าง เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 10.00 - 21.00 น. ที่ตั้งร้าน : siam discovery อยู่ชั้น 2 ตรงทางขึ้นบันไดเลื่อนพอดี, กรุงเทพมหานคร ปทุมวัน Thailand พิกัด GPS : 13° 44' 44.37 แล้วก็มาถึงร้านส่งท้ายทัวร์กินรอบบางกอก ก่อนกลับเชียงใหม่ด้วยน้ำหนักหลายกิโลที่ตามกลับไปด้วยค่ะ (ฮา) ร้านนี่รุ่นพี่เป็นแม่งานเลี้ยงในอีกวันค่ะ ^ ^ แต่เธอจะเลี้ยงมื้อค่ำ และเธอแนะนำว่ามื้อกลางวันให้กินน้อยๆหน่อย (หรือไม่กินเลยได้ยิ่งดี) เพราะเธอบอกว่ามื้อนี่จะเยอะมาก!!! ได้ยินแบบนี้แล้วเราชักหวั่นใจว่า...รุ่นพี่จะพาเราไปเลี้ยงอะไรนิ = =" มันจะเยอะถึงขนาดต้องให้อดข้าวกลางวันเลยหรือ? ...เวลาสองทุ่มก็มาพบรุ่นพี่ตามนัดหมายหลังจากเลิกงาน เราก็เดินตามเป็นลูกเจี๊ยบไปยังชั้น 2 ของ siam discovery มายังร้านหรูสีม่วงสไตล์หรูแนวโมเดิร์น ...ร้าน Tokiya
บอกตรงๆว่า เราไม่รู้จักร้านนี่เลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นร้านที่คุณตัน บริหารก็ตาม เพราะที่เชียงใหม่นั้นไม่มีร้านของคุณตันมาเปิดสาขา ก็เลยไม่สนใจว่าเป็นร้านของคุณตันจะมีชื่ออะไรบ้าง (แล้วรู้สึกว่าเปิดเยอะมากจนจำชื่อไม่ไหว = =") ที่รู้ว่าเป็นร้านคุณตัน เพราะมีหุ่นรูปคุณตันตั้งอยู่หน้าร้าน เลยรู้นะค่ะ ^ ^" แต่ถ้าให้มาร้านนี่คนเดียวคงไม่กล้ามาแน่ค่ะ เพราะร้านตกแต่งสไตล์หรูจนน่ากลัวว่าไฮโซล้านนาอย่างอิฉันไม่กล้าเข้า ^ ^" (เห็นชั้นวางไวน์ก็รู้แล้วว่าอาหารราคาแพงแน่) เมนูของร้านนั้น เราถ่ายไม่ทันค่ะ เพราะรุ่นพี่บอกให้รีบๆเลือก เพราะมีให้กิน 8 อย่าง! พนักงานเขาจะได้เตรียมทำให้เสร็จเร็วๆ เราฟังแล้วเกือบหงายหลัง! ตอนแรกนึกว่าจะกินทีเดียว 8 อย่างเลยฤา? ปรากฎว่าได้รับการอธิบายจากรุ่นพี่ค่ะว่า...ร้าน Tokiya นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ ฟิวชั่น สเต็ก คอร์ส คือจะมีการเสิร์ฟอาหารมาให้กินทีละอย่าง เหมือนเมนคอร์ส เมื่อหมดเมนูนี่ ก็จะเสิร์ฟเมนูต่อไป เหมือนเป็นการกินอาหารแบบมีพิธีรีตองคล้ายกับผู้ดีอังกฤษหรือฝรั่งเศส (โต๊ะจีนนี่ก็น่าจะนับเป็นเมนคอร์สเหมือนกันนะค่ะ เหมือนคือมาทีละอย่าง แต่ต่างกันที่กับอาหารมาในจานรวม ไม่ได้แยก) แต่ที่เราเคยอ่านเจอในนิยายรักประโลมโลกยุควิคตอเรียน เห็นมีกินแค่ 3 อย่างนิ คือออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย อาหารหลัก ของหวาน อาจจะมีดื่มไวน์ตบท้ายก่อนนอน...แต่นี่มีถึง 8 อย่างดังในภาพเลยอ่ะ! อะไรมันจะเยอะขนาดนี่เนี่ย! แล้วนู๋จะกิ๋นไหวก่อนิ T T แต่ยังไงก็ต้องกินค่ะ เพราะ concept ของการมาทัวร์กินบางกอกคือ "กินอะไรที่เชียงใหม่ไม่มี" และถือว่าได้เป็นการลองกินเป็นครั้งแรกด้วย ยังดีกว่าไปกินเมนคอร์ทแท้ๆที่ราคาแพงหูตูบสุดๆล่ะกัน! ก่อนที่จะสั่งเมนูนั้น รุ่นพี่เสนอขึ้นมาแบบไม่บังคับว่า (มากินกัน 4 คน) ว่าน่าจะลองสั่งเมนูแบบไม่ซ้ำกันสักคนดีไหม (หมายถึงว่าหนึ่งเมนู จะมีให้เลือกหลายอย่างค่ะ เช่น ประเภทเครื่องดื่ม อาจมีหลายรส) ทั้งนี้เผื่อว่าจะได้เฉลี่ยกินกันในหมู่เพื่อน ได้ลองหลายๆเมนู ดีกว่าสั่งของใครของมันแล้วซ้ำกัน เราก็ตกลงเอาตามข้อเสนอของรุ่นพี่ค่ะ...และในฐานะที่เป็นคนต่างถิ่นและเป็นรุ่นน้องที่สุดในกลุ่ม เราก็เลยมักจะสั่งทีหลัง เพื่อรอฟังว่ารุ่นพี่สั่งเมนูอะไรไป แล้วเมนูไหนยังไม่ได้สั่ง เราก็จะเอาเมนูนั้นค่ะ รุ่นพี่บอกว่า อาหารที่ร้านนี่จะเสิร์ฟในสไตล์การจัดวางเหมือนการทำงานศิลปะหน่อย...ก็คงเหมือนการจัดวางอาหารแบบฝรั่งเศสอ่ะนะ ที่อาหารน้อยๆหน่อย แต่มีการจัดวางได้องค์ประกอบศิลป์...อะไรประมาณนี่แหละค่ะ แล้วจานแรกก็มา ออร์เดิร์ฟแบบสวยแบบอาร์ตตัวแม่เลยค่ะ...เห็ดย่างซอสโรยผงพริก 7 อย่าง เห็นตอนแรกนึกว่าเขาเสิร์ฟไก่หมักซอส CP ที่เห็นตาม 7-11 มาหรือเปล่านิ (ก็รูปร่างมันเหมือนนิ) แต่พอได้ลองกินถึงได้รู้ว่าเป็น เห็ดย่างซอสโรยผงพริก 7 อย่าง รสชาติโอเคเลย เผ็ดกำลังพอดี ส่วนเห็ดก็กึ่งนุ่มกึ่งเหนียว ไม่เหนียวมากขนาดเป็นยางมิชลิน แบบเคี้ยวไม่เข้าอ่ะค่ะ กินเห็ดเรียกน้ำย่อยแล้ว ก็มาต่อด้วยสลัดเบาๆกันค่ะ ของเราเป็นสลัดผักค่ะ ขอบอกว่าผักสด กรอบ ยิ่งกินกับน้ำสลัดครีมแล้วยิ่งอร่อยมากๆเลยค่ะ >U< ทำเอาคนที่ไม่ชอบกินผักอย่างเรา กินจนเพลินเลยอ่ะ ส่วนของเพื่อนเป็น มะเขือเทศสลัดยัดไส้เมนไทโก
ของเพื่อนอีกคนเป็น แตงกะแอปเปิ้ลคลุกน้ำสลัดโร ส่วนของรุ่นพี่เป็นสลัดเป็ดย่างค่ะ แม้จะน้อยชิ้นไปหน่อย แต่น้ำสลัดนั้นอร่อย ยิ่งราดบนเนื้อเป็ดที่นุ่มปากด้วยแล้วยิ่งอร่อยเลยค่ะ ต่อมาเป็นซุปค่ะ เริ่มที่ของเรา เป็นครีมซุปมิโสะใส่ไข่ตุ๋น โรยด้วยเม็ดสนและสาหร่าย...ซุปนี่หอมมัน ได้กลิ่นแล้วรู้สึกชอบเลยค่ะ เม็ดสนก็กรุบกรับ อร่อยมากๆ ส่วนของเพื่อนสองคนสั่งซุปเนื้อตุ๋น กลิ่นหอมฉุยคล้ายแกงพะโล้หน่อยๆค่ะ เนื้อที่ตุ๋นก็ตุ๋นจนเนื้อละลายในปากเลย รสซุปกลมกล่อม อร่อยใช้ได้ค่ะ เห็นมีแต่ของอร่อย...แต่ที่สุดแล้วเราก็เจอของไม่ถูกลิ้นเพื่อนเข้าจนได้...นั้นคือ ล็อปเตอร์ซุป...เห็นสีสวยแบบนี้ แต่เพื่อนบอกว่าทานแล้วไม่ใช่เลย ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นล็อปเตอร์เลย...ส่วนมันจะไม่อร่อยขนาดไหน เราบอกไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ชิม...เพราะว่านู๋แพ้กุ้งง่ะ T T ถ้าเรากินกุ้งเข้าไป จะรู้สึกคันแสบภายในคอหอยจนไม่อยากกินอะไรต่อเลย...ดังนั้นขอไม่ลองของค่ะ ต่อไปเป็นเมนูข้าวค่ะ อันนี่มีให้เลือกแค่สองอย่างเท่านั้น ของเราคือ ข้าวอบหร่ายกับปลาโอแห้ง หอยลาย และปูอัด ซึ่งเขาจะเอาข้าวใส่ในหม้อแล้วไปอบอีกทีหนึ่งค่ะ ได้กลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อยมากๆ ^U^ แถมทำถ้วยเป็นทรงเอียงแบบให้ปากหม้อเอียงเข้าหาผู้รับประทาน 45 องศา แนวดีค่ะ ส่วนของเพื่อนเป็นข้าวทอดญี่ปุ่นทรงเครื่อง กรอบนอกนุ่มใน อร่อยมากๆเลย กินของหนักไปกันเยอะแล้ว ก็ถึงคราวเครื่องดื่มค่ะ อันนี้ทุกคนได้ดื่มหมด คือ มัลเบอร์รี่ เวเนก้า จูซส์ เป็นน้ำมัลเบอร์รี่ที่นำไปแช่เย็นจนเกิดเกล็ดน้ำแข็ง รสชาติหวานๆฝาดๆโอเชค่ะ เย็นเจี๊ยบชื่นใจ พนักงานบอกว่าดื่มน้ำนี่จะช่วยย่อยอาหารที่กินไปก่อนหน้านี่ให้รู้สึกท้องเบาขึ้นหน่อย ก่อนที่จะเจอชุดสเต็กชุดใหญ่ พระเอกของงาน! แล้วก็มาถึงสเต็กซะที...ปกติเราชอบกินสเต็กหมูนะค่ะ แต่รู้สึกว่าทานของก่อนหน้านี่ไปแล้วอิ่มแล้วแฮะ = =" ก็เลยคิดว่า สั่งสเต็กปลาดอลลี่กับไก่แทนค่ะ รู้สึกมันจะย่อยง่ายและเบากว่าเนื้อหรือหมูนะ...แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ สเต็กไก่กรอบย่างอร่อย แต่เนื้อปลาดูจะเลอะนิด...ส่วนน้ำจิ้มนั้น ก็โอเชอยู่นะค่ะ แต่อร่อยน้อยกว่าน้ำจิ้มน้ำงาสลัดเป็ดอ่ะ ส่วนของเพื่อนสั่งสเต็กเนื้อค่ะ...และรู้สึกขอบคุณตัวเองว่า เราไม่ชอบทานเนื้อ เพราะเจอศัพท์ที่พนักงานถามว่า ต้องการเนื้อแบบ แร มีเดียม เบิร์น ฯลฯ คือเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกระดับการย่างสเต็กเนื้อ มึนไปหมดว่าแบบไหนย่างยังไงจะถูกปากเรา...ขอกินสเต็กไก่ ปลา หมูแบบย่างเสร็จสรรพแล้วดีกว่า = =" ของรุ่นพี่เป็น สเต็กเนื้อโรยกระเทียมเจียว กินสเต็กไปก็ต้องมีเครื่องดื่มแก้วใหญ่สีสันสดใสดื่มกลั้วคอค่ะ นี่เป็นโซดาที่ผสมกับแยมผลไม้ เลยออกมาได้สีสันสดใสสามสีแบบนี่เอง อร่อยซาบซ่าทุกแก้วเลย มาถึงของหวานตบท้ายเสียที (พิมพ์เหมือนไปแข่งกินแหลกงั้นล่ะ ^ ^") เอาแบบที่ไม่ค่อยประทับใจก่อนดีไหมค่ะ...อันแรกคือ พานาคอตต้านมสด ที่เห็นด้านบนซ้ายของภาพค่ะ...คือเรารู้สึกว่ามันจืดสนิทศิษย์ส่ายหน้ายังไม่รู้ มันไม่ใช่จืดแบบอร่อยอ่ะค่ะ = =" เป็นอันว่าพานาคอตต้านี่ไม่ผ่านสำหรับเราค่ะ แต่ไอศครีมที่เห็นเป็นเมนูเด่นของภาพนี่อร่อยดีค่ะ รู้สึกสีม่วงๆ จะเป็นรสอัญชัน ได้รสเปรี้ยวๆหน่อย ตรงที่เป็นโค้งนั้นทำจากไวท์ช็อกโกแลตแผ่นมาตัดประทับไอศกรีม ฐานด้านล่างเหมือนจะเป็นคุกกี้ที่คล้ายฐานคุกกี้ที่ใส่ในพายบลูเบอร์รี่แช่เย็นค่ะ ส่วนของเพื่อนเราคือ เผือกบดตักเป็นลูกใส่ลงไปใน มื้อนี่ทั้งหมดนับเป็นหัวคนละ 499 บาท...ถ้าถามว่าคุ้มไหม ก็คิดว่าคุ้มกับการได้ลองกินมื้ออาหารที่เป็นขั้นเป็นตอนครั้งแรกในชีวิตค่ะ...ร้านอาหารที่นี่ไม่แนะให้มากินคนเดียวค่ะ อย่างน้อยพาเพื่อนมาสักคน เวลากินจะได้ไม่เหงาค่ะ ^U^ ก็จบการรีวิวร้านอาหารที่บางกอกแต่เพียงเท่านี้ค่ะ สาวเหนือขอปึ้กบ้านกลับไปตามหารีวิวร้านอาหารในเชียงใหม่ต่อ และถ้ามีโอกาสมาบางกอกอีก จะไปรีวิวร้านอาหารที่ยังพันทิปยังไม่เคยไปชวนชิม มาลงให้ชมอีกนะค่ะ สวัสดีเจ้า ^U^ น่ากินมากเลยคะ
โดย: ย้งยี้ IP: 171.98.176.192 วันที่: 8 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:54:47 น.
โหวตหมวดรีวิวร้านอาหารให้เลย อยากไปตามรอยมากมายอ้ะ
น่าสนใจอย่างแรง อิอิ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 กรกฎาคม 2555 เวลา:7:39:57 น.
ลืมไป ทำไมเข็ดกับหลักสาหละคะ? เราว่าอร่อยดีง่ะ แหะๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 กรกฎาคม 2555 เวลา:7:40:48 น.
เคยไปกินเหมือนกัน ยังติดใจอยู่เลยค่ะ
โดย: peerapok IP: 223.205.85.214 วันที่: 3 สิงหาคม 2555 เวลา:20:30:40 น.
|
สาวเหนือเซาะกิ๋น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] สวย ถึก และบึกบึน Link |