Group Blog
 
All blogs
 

361. วัดบุปผาราม หรือ วัดมัลวัตตะ หรือ วัดอุบาลี เมืองแคนดี้ (Kandy) ประเทศศรีลังกา

วัดบุปผาราม หรือวัดพระอุบาลี ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแคนดี้ เป็นวัดที่พระอุบาลีและคณะสมณฑูตจากกรุงศรีอยุธยามาทำการบรรพชาให้ภิกษุชาวศรีลังกา ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “ลัทธิสยามวงศ์

กำเนิดพระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์
- ในรัชสมัย พระเจ้ากิตติศรีราชสิงหะ ซึ่งตรงกันกับในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ของไทย พระองค์ได้เอาพระทัยใส่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ตลอดรัชกาล ส่งเสริมให้มีการบวชเรียนศึกษาพระธรรมวินัย ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนกิตติศัพท์แพร่ไปถึงประเทศศรีลังกา ประจวบกับพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเองกำลังเสื่อมโทรมใกล้สูญสิ้น จากสาเหตุปัจจัยที่สั่งสมต่อเนื่องมายาวนาน ทั้งเหตุปัจจัยภายในประเทศเอง ได้แก่ การที่พระมหากษัตริย์ไม่เอาพระทัยใส่ดูแลการพระศาสนา อีกทั้งพระสงฆ์ก็ย่อหย่อนในพระธรรมวินัย ได้รับอิทธิพลจากลัทธิศาสนาอื่น ทำให้พระพุทธศาสนาเกิดการผิดเพี้ยน และเหตุปัจจัยภายนอก ได้แก่ การล่าอาณานิคมของประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจากซีกโลกตะวันตก พระเจ้าแผ่นดินลังกาในสมัยเกียวกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศคือพระเจ้ากิตติศรีราชสิงหะ จึงทรงส่งคณะราชฑูตมาขอพระสงฆ์ไทยออกไปช่วยอุปสมบทให้แก่กุลบุตรศรีลังกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงเห็นสมควรให้การอนุเคราะห์ จึงมีพระบรมราชโองการให้จัดส่งพระสงฆ์ไปลังกาทวีป

- พระสงฆ์ที่ได้รับคัดเลือกไปศรีลังกา คือ พระอุบาลี พระอริยมุนี ทั้งสองท่านมีชื่อเสียงในทางเคร่งครัดพระธรรมวินัย พระมหานามะ มีชื่อเสียงทางวิปัสสนากรรมฐาน นอกจากนี้ พระกรรมวาจาจารย์อีก 5 รูป พร้อมกันนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้พระราชทานหนังสือคัมภีร์ต่างๆ ไปกับคณะสงฆ์ชุดนี้ด้วย

- พระอุบาลีและคณะ จำพรรษาอยู่ที่แคนดี 3 ปี ได้ให้อุปสมบทกุลบุตรชาวสิงหลเป็นพระภิกษุจำนวน 700 รูป บรรพชาสามเณร 3,000 รูป นับว่าคณะสงฆ์ไทยชุดนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ผลดี เมื่อครบ 3 ปีแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ส่งพระวิสุทธาจารย์ พระวรญาณมุนี และพระสงฆ์อีก 20 รูป ไปผลัดเปลี่ยนกับคณะสงฆ์ชุดพระอุบาลี ตามที่ได้ทรงให้สัญญาไว้ว่าจะส่งคณะสงฆ์ไปผลัดเปลี่ยนจนกว่าคณะสงฆ์สิงหลจะมีพรรรษาครบ 10 พรรษา ที่สามารถจะอุปัชฌาย์ให้บรรพชาอุปสมบทได้ แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า พระอุบาลีเองอาพาธ และมรณภาพในแคนดี พระสงฆ์อีก 10 รูป สามเณรอีก 6 รูป ก็มรณภาพด้วยเช่นกัน ก่อนที่คณะสงฆ์ชุดใหม่จะไปถึง ชาวสิงหล จึงได้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของพระอุบาลีไว้บนยอดเขาในเมืองแคนดี

- ส่วนคณะสงฆ์ชุดที่ไปเปลี่ยนโดยการนำของพระวิสุทธาจารย์ ได้พำนักที่วัดบุปผาราม รับภาระอบรมพระภิกษุสามเณรสิงหลต่อมานาน 4 ปี จึงเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาในปีเดียวกับที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต พ.ศ.2301

- สามเณรที่ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยพระอุปัชฌาย์ไทยที่สำคัญมากรูปหนึ่งได้แก่ สามเณรเวลิวิตะ ศรี สรณังกร ต่อมาเป็นพระมหาเถระดำรงตำแหน่งสังฆาราชองค์แรกของสยามนิกายแห่งศรีลังกา มีผลงานทางวิชาการมากมาย เช่ มุนีคุณาลังการ สารัตถสังคหะ อภิสัมโพธิอลังการ มถุราถปรากาศานี มหาโพธิวังสะ รูปนามมาลา ฯลฯ



















 

Create Date : 19 เมษายน 2557    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 20:27:12 น.
Counter : 3437 Pageviews.  

362. วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร (Kelaniya Temple) โคลัมโบ (Colombo) ประเทศศรีลังกา

วัดกัลณียา ชื่อเต็มว่า เกลานียาราชมหาวิหาร ตามพงศาวดารมหาวงศ์ กล่าวว่า ในพรรษาที่ 8 หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาเทศน์โปรดพญานาคาที่บริเวณวัดกัลณียาแห่งนี้ ต่อมาได้มีการสร้างพระเจดีย์ครอบบริเวณที่เชื่อกันกันว่าเป็นพุทธอาสนะในครั้งนั้น

ตำนานวัดกัลณียา สมัยพระราชากาลานิทิสาครองเมืองอยู่ พระอนุชาอุททิยา เกิดมีจิตพิสมัยพระราชินีซึ่งเป็นพระเชษฐนีหรือพี่สะใภ้ จนถึงขั้นลักลอบเป็นชู้กัน พอเรื่องทราบถึงพระราชกานิทิสา อุททิยาผู้น้องจึงต้องหลบหนีออกจากเมือง แต่ด้วยความรักและความคิดถึงต่อพระราชินี อุททิยาจึงแอบกลับเข้าเมืองอีกโดยปลอมเป็นพระเข้าไปอยู่ในวัดเกลานียาแห่งนี้ วันหนึ่งพระในวัดได้รับนิมนต์เข้าวังเพื่อรับพระราชทานปัจจัยจากพระราชาและพระประยูร ญาติเป็นการทำบุญ อุททิยา จึงเขียนสาส์นรักฝากพระรูปหนึ่งที่ได้รับนิมนต์ด้วยไปส่งให้พระราชินี ซึ่งเวลาส่งสาสน์รักถึงกันตามธรรมเนียมนั้นจะไม่ยื่นให้กับมือโดยตรงแต่จะวางไว้แทบเท้าของสตรีผู้นั้นแทน บังเอิญพระรูปนั้นจะประหม่าหรือกลัวมากเกินไป มือจึงสั่นผิดปกติเวลา หยิบจดหมายวางลงที่พระบาทของพระราชินี จนพระราชาสังเกตเห็นและจับได้ เมื่อเปิดออกดูรู้ข้อความก็ทรงพิโรธประกอบกับลายมือที่ปรากฏในสาสน์รักนั้น คล้ายคลึงกับลายมือของพระที่นำสาสน์มาก จึงทรงตัดสินประหารชีวิตพระ โทษประหารที่ถือว่าให้เกียรติสูงสุดแก่จำเลยตามหลัก “อภัย” หรือ Apaya ของชาวสิงหลสมัยนั้น คือเอาลงต้มในหม้อน้ำมันขนาดใหญ่ที่กำลังเดือดพล่านให้ตายทั้งเป็น ส่วนพระราชินีให้สำเร็จโทษโดยการมัดตัว แล้วนำไปถ่วงน้ำในแม่น้ำที่อยู่ใกล้ ๆ

การ “ฆ่าพระ” ถือว่าเป็นบาปหนักมาก ยิ่งประหารชีวิตพระที่บริสุทธิ์และเคราะห์ร้ายเพราะยอมส่งสาสน์ให้เพื่อน โดยวิธีต้มให้ตายทั้งเป็นในน้ำมันเดือดๆ อย่างทารุณแบบนี้เทพสมุทรหจึงพิโรธมาก จึงบันดาลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดภูเขาลูกย่อม ๆ โหมกระหน่ำชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะซึ่งเป็นแถบที่ตั้งเมืองกัลยาณี กวาดเอาบ้านเรือนราษฎรลงทะเลเป็นพื้นที่มหาศาลและยังโหมกระหน่ำขึ้นไปบนฝั่งเรื่อยๆ จนเกือบถึงตัวเมืองกัลญาณีอยู่แล้ว บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายจึงรีบจับยามดูและเข้าไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบพร้อมกับแนะหนทางแก้ไข ซึ่งมีอยู่ทางเดียวคือต้องเซ่นบูชาเทพสมุทรให้คลายพิโรธด้วยชีวิตสาวบริสุทธิ์ที่พระองค์รักที่สุด มีค่าที่สุดและใกล้ชิดกับพระองค์ที่สุด นั่นคือ พระธิดาของพระองค์เอง ปรากฏว่ายังไม่พอล้างบาปเพราะ “ยมะราชจุรุโว” หรือ พญายมบาล ก็โผล่ขึ้นมาจากอเวจี ช่วยเทพสมุทรลงโทษราชากาลานิทิสสาอีก ตามตำนานบอกว่าทรงบันดาลแยกแผ่นดินให้ไฟนรกพวยพุ่งขึ้นมาเผา ส่วนพระธิดานั้น ถูกพระบิดาจับลอยแพรออกสู่มหาสมุทรตามยถากรรม จึงไปถึงทางใต้ของเกาะ ตอนนั้นเจ้าหญิงสลบไปแล้วด้วยความหิวโหยและคลื่นซัดแพไปติดอยู่ที่ชายหาดเมืองกิรินท์ ผลสุดท้ายเจ้าหญิงก็ได้รับความช่วยเหลือและกลายเป็นชายาของ “คาวันทิสสา” เจ้าเมืองกิรินท์ มีโอรสองค์หนึ่งซึ่งต่อมากลายเป็นวีรกษัตริย์ของชาวสิงหลนั่นเอง

จุดที่ตั้งเตาต้มพระภิกษุ มีการสร้างสถูปไว้ให้ผู้คนได้เซ่นไหว้บูชา จนกระทั่งถึงสมัยโปรตุเกสเข้ามายึดครองสถูปองค์นั้นจึงถูกทำลายทิ้งไป แต่ต่อมาก็สร้างขึ้นใหม่ ส่วนวิหารของวัดกัลยาณีหลังเก่าก็ถูกทำลายไปเช่นกันในตอนต้นศตวรรษที่ 13 โดยกองกำลังต่างชาติคือพวกมาฆะแห่งกาลิงคะหรือชาวเผาทมิฬจากภาคใต้สุดของอินเดียที่เข้าครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ของเกาะซีลอน ราชอาณาจักรสิงหลจึงสูญไปตั้งแต่บัดนี้ จนกระทั่งถึงสมัยกษัตริย์วิชัยยะพาหุที่ 3 คือเมื่อ 771 ปีที่ผ่านมา (ครองราชย์ปีค.ศ.1232-1236) และกษัตริย์ปรักรามาพาหุที่ 2 (ค.ศ. 1236-1270) ผู้เป็นโอรส จึงสามารถขับไล่พวกทมิฬออกไปได้และสร้างอาณาจักรขึ้นใหม่ วัดเกลานียา จึงได้รับการสร้างขึ้นใหม่เป็นวิหารที่ใหญ่และสำคัญที่สุดทางพุทธศาสนาในกรุงโคลัมโบ

ทวารบาลวัดกัลณียา ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัดชั้นในของวัดกัลณียานั้น ต้องผ่านทวารบาลหรือผู้พิทักษ์ประตูทางเข้า ทวารบาลของลังกาในยุคแรกจะเป็นรูปหม้อน้ำซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่า ปูรณฆฏะ ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอมราวดีในอินเดีย แต่ต่อมาในยุคที่สอง ทวารบาลได้เปลี่ยนเป็นรูปคนแคระ 2 คน คนหนึ่งใส่หมวกรูปดอกบัวเรียก “ปัทมนิธิ” อีกคนหนึ่งใส่หมวกรูปสังข์เรียก “สังขนิธิ” ตามตำนานเล่าว่า คนแคระเป็นบริวารของท้าวกุเวร เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ในยุคต่อมาทวารบาลได้เปลี่ยนเป็น มนุษยนาค คือเป็นรูปคนและมีนาคแผ่พังพานอยู่เบื้องหลังและในยุคหลังได้มีการผสมผสานทวารบาลของทุกยุคเข้ามารวมกันเป็นรูปพญานาคในร่างมนุษย์ ถือหม้อน้ำ และมีบริวารเป็นคนแคระ

ทางด้านข้างวิหารทางทิศใต้นั้น มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เป็น 1 ใน 13 ต้นที่แยกหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อนุราธปุระ มีชาวพุทธมารดน้ำบูชากันมิขาดสาย ภายในวิหารมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ มีผ้าม่านผ้าโปร่งบางกั้นพระประธานของโบสถ์ไว้อีกชั้นหนึ่ง

จิตรกรรมฝาผนังวัดกัลณียา
ภายในห้องวิหารของวัดกัลณียานั้น มีจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสวยงาม ทั้งในเรื่องการใช้สี การจัดวางเรื่องราว องค์ประกอบภาพ ตลอดจนฝีมือในการวาด เนื้อหาของจิตรกรรมฝาผนังวัดกัลณียานั้นเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และตำนานต่างๆ ได้แก่
1.ภาพเจ้าชายทันตกุมาร กับเจ้าหญิงเหมมาลา อัญเชิญพระทันตธาตุ(พระเขี้ยวแก้ว)จากอินเดียมาลังกา
2.ภาพพระสังฆมิตตาเถรีนำต้นพระศรีมหาโพธิ์มาลังกา พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงลุยน้ำไปรับที่เรือ
3.ภาพพระพุทธโฆษาจารย์นำคัมภีร์ใบลานวิสุทธิมรรคที่ท่านรจนาแล้ว 3 ชุดถวายพระสังฆราชสิงหล
4.ภาพพระเจ้ากิตติศรีราชสิงหะทรงแต่งตั้งพระเวลิวิตะ ศรี สรณังกร เป็นพระสังฆราชนายกสยามนิกาย
5.ภาพพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะโปรดเกล้าฯ ให้ช้างเกลี่ยพื้นที่ในพระราชอุทยานมหาเมฆ ก่อนที่จะสร้างเป็นวัดมหาวิหาร
6.ภาพพระมหินทเถระพร้อมด้วยหมู่สงฆ์เดินทางเข้าเมืองอนุราธปุระ ตามคำอาราธนาของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ





















src="//www.bloggang.com/data/a/aerides/picture/1501421493.jpg" />















src="//www.bloggang.com/data/a/aerides/picture/1501421608.jpg" />





























































 

Create Date : 19 เมษายน 2557    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 20:42:29 น.
Counter : 3580 Pageviews.  

363. วัดคงคาราม โคลัมโบ (Colombo) ประเทศศรีลังกา

วัดคงคารามซึ่งเป็นวัดของนิกายสยามวงศ์ และ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกา ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองสดใสและ ประกอบไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามนอกจากนั้น ที่วัดนี้ยังมีอาคารต่างๆที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและสิ่งมีค่าต่างๆมากมายทางศาสนา
























 

Create Date : 19 เมษายน 2557    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 20:52:08 น.
Counter : 2874 Pageviews.  

364. วัดสีมามาลากา หรือ วัดกลางน้ำ โคลัมโบ (Colombo) ประเทศศรีลังกา



วัดกลางน้ำตั้งอยู่กลางทะเลสาป ประกอบด้วยโบสถ์ 3 หลัง หลังแรก ประดิษฐานต้นโพธิ์ หลังที่สอง ประดิษฐานพระพุทธรูป หลังที่สาม เป็นที่เก็บคัมภีร์พระไตรปิฎก

























 

Create Date : 19 เมษายน 2557    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 20:54:55 น.
Counter : 1902 Pageviews.  

365. วัดมหาอันทูกันธาเจดีย์ (Maha Ant Htoo Kan Thar Pagoda) เมืองพินอูลวิน (Pyin Oo Lwin) ประเทศพม่า

Pagoda of the Reluctant Buddha (Maha Ant Htoo Kan Thar Pagoda)
This is a very recent pagoda. A Chinese temple in Yunnan, China, ordered three massive marble Buddha images to be sculpted in Mandalay. After the marble images were finished, they were transported by a tuck to China. After passing Maymyo, the truck got accident, and one of the three Buddha images fell down of the truck. After unsuccessful attempt to salvage the Buddha image, the truck driver declared that he had a dream where the Buddha told him he did not wish to be taken to China. Thus they left the Buddha image and left with the other two images. A local monk believed to have supernatural power then moved the Buddha, and built a temple for the Buddha. Later, the Buddha image was renamed Maha Ant Htoo Kan Thar Buddha. Apart from this interesting story, and a massive marble Buddha, there is not much to see here.

Maha Ant Htoo Kan Thar Pagoda : ข้อมูลจาก K. Sarthit medhasith Suksumret







 

Create Date : 19 เมษายน 2557    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 20:56:35 น.
Counter : 1883 Pageviews.  

1  2  

เหมียวสินธร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add เหมียวสินธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.