Group Blog
 
All blogs
 

351. วัดอิสุระมุณิยะ (Isurumuniya Vihara) เมืองอนุราธปุระ (Anuradhapura) ประเทศศรีลังกา

วิหารอิสุรุมุณิยะ เป็นวัดเล็กในพุทธศาสนา ตั้งอยู่ติดกัยภูเขาเตี้ยๆ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีภาพสลักบนหน้าผา เป็นภาพการเสด็จลงจากสวรรค์ของแม่พระคงคา ณ มาวลีปุรัม ในอินเดีย อายุราว พุทธศตวรรษที่ 12 สมัยราชวงศ์ปัลลวะ มีภาพช้างสลักอยู่หลายเชือก ตรงกลางหน้าผามีรอยแตกมีน้ำฝนไหลลงมาได้ ถือเป้นการเสด็จลงของแม่พระคงคา ทางด้านซ้ายมือข้างบนมีรูปสลักผู้ชายนั่งชันเข่าข้างหนึ่งเรียกว่าท่า มหาราชลีลา นั่งอยู่คู่กับม้าสันนิษฐานว่าเป็นรูปท้าวกบิลกำลังนั่งเฝ้าม้าที่จะส่งไปเข้าพิธี อัศวเมธ
ประติมากรรมหลายชิ้นที่วิหารอิสุรุมุณิยะ เดิมถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง ปัจจุบันทางรัฐบาลศรีลังกา ได้สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ชั้นเดียว แล้วย้ายรูปประติมากรรม ไปจัดเก็บรวบรวมและจัดแสดง ให้ความรู้แก่ทุกคนที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

วัดอิสุรุมุณิยะ สร้างโดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เดิมเป็น เทวาลัยในศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์มาก่อน เพราะตัวศาสนสถานเจาะเข้าไปในหิน ประวัติความเป็นมาของวัดอิสุรุมัณิยะไม่แน่นอน แต่เดิม มีถ้ำที่เคยเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ในยุคแรก แต่ก็มีงานประติมากรรมที่ไม่ได้เป็นงานทางศาสนารวมอยู่ด้วย เฉพาะงานประติมากรรมได้รับยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของยุคอนุราธปุระด้วยเช่นกัน



































 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:19:43 น.
Counter : 2357 Pageviews.  

352. เจดีย์ถูปาราม (Thuparamaya Dagoba) เมืองอนุราธปุระ (Anuradhapura) ประเทศศรีลังกา

เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาองค์แรกที่สร้างขึ้นในเกาะลังกา โดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ทรงสร้างขึ้นในราว พ.ศ. 300 ซึ่งเป็นเจดีย์หรือสถูปที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระ และในเกาะลังกา เพื่อประดิษฐานกระดูกพระรากขวัญ(ไหปลาร้า) เบื้องขวาของพระพุทธองค์ ในครั้งที่พระมหินท์พระโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชจากอินเดียได้เสด็จมาเผยแผ่พุทธศาสนาในเกาะลังกา

เจดีย์ถูปารามเดิมสร้างเป็นรูปลอมฟาง มีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถว แสดงว่าเคยมีหลังคาเครื่องไม่มุงกระเบื้องคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่ง ลักษณะเจดีย์แบบนี้ในลังกาเรียกว่า วฏะทาเค ตั้งอยู่บนลานทักษิณ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วเดินขึ้นบันได 8 ขั้น จึงจะถึงลานองค์เจดีย์มีการซ่อมแซมหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2405 มีชาวบ้านขายดอกไม้ธูปเทียนตรงทางขึ้นด้านหน้า โดยให้เอาเงินใส่กล่องทำบุญตามกำลังศัทธา มีพระพุทธรูปนั้งปางสมาธิในซุ้มทั้งสี่ทิศ เพื่อการสักการบูชาได้ทุกทิศเพื่อความเป็นศิริมงคล

เป็นสถานที่ทำสังคายนาครั้งแรกของศรีลังกาหรือเป็นครั้งที่ 4 ของโลกในปี พ.ศ. 236 มีพระมหินทเถระ เป็นประธานและเหล่าพระภิกษุสงฆ์ซึ่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์มากถึง 68,000 องค์เข้าร่วมสังคายนา ต่อมาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อีก 2 ครั้งคือระหว่างปี พ.ศ. 424-434 โดยพระเจ้าลัญชติสสะ และปี พ.ศ. 1151-1161 โดยพระเจ้าอัคโพธิ ที่ 2























 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:27:09 น.
Counter : 4767 Pageviews.  

353. เจดีย์เชตวัน เมืองอนุราธปุระ (Anuradhapura) ประเทศศรีลังกา

อยู่ทางตะวันออกของมหาถูปา เป็นพระเจดีญ์ใหญ่สร้างด้วยอิฐทั้งองค์ในสมัยพระเจ้ามหาเสนะ ครองราช พ.ศ. 819 – 846 เป็นเจดีย์ มีความสูง 122 เมตร เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในโลก และ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับ สาม ของโลกในยุคสมัยเดียวกันเป็นรองปิรามิดสองแห่งในอียิป ฐานเจดีย์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 113 เมตร





 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:28:12 น.
Counter : 1466 Pageviews.  

354. Dalada Maluva เมืองโปโลนนารุวะ (Polonnaruwa) ประเทศศรีลังกา

ทลาทะมลิกาวะวิหาร เป็นที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้วเมื่อครั้งแรกที่มาจากแคว้นกลิงคราฐ ประเทศอินเดีย จากความวุ่นวายของเหตุการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องมีการนำพระเขี้ยวแก้วไปซ่อนไว้ที่แคว้นอื่น จนในที่สุด ก็ได้นำมาไว้ที่วิหารทลาทะมลิกาวะที่แคนดีจวบจนปัจจุบัน

วิหารวฏะทาเค : เป็นรูปทรงแบบลอมฟางมีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถวโดยรอบแต่เดิมมีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องครอบอยู่ ตรงกลางเป็นเจดีย์ทรงกลม มีพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานอยู่หน้าเจดีย์ทั้ง 4 ด้านพระพุทธรูปครองจีวรเรียบไม่มีริ้ว บนพระเศียรไม่มีขมวดพระเกศาองค์เจดีย์ทำด้วยอิฐ และหินมีการสลักลวดลายอย่างสวยงามประกอบอยู่บริเวณฐานและผนังเป็นลายสิงโต คนแคระ ดอกไม้ และพันธ์พฤกษาต่างๆทางด้านเหนือมีมุขขนาดเล็กสร้างปรากฎอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้านิสสังกมัลละเมเติมขึ้นภายหลัง ส่วนทวารบาลสลักหินที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์แห่งนี้เป็นทวารบาลที่สลักได้งดงามที่สุดในศิลปะแบบโปโลนนารุวะ เป็นรูปมนุษย์นาค(ผู้ชายมีนาคแผ่พังพานอยู่ด้านหลัง) มือซ้ายถือดอกบัวมือขวาถือหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์(ปูรณฆฏะ)และมีคนแคระ 2 คนยืนอยู่สองข้างยกแขนขึ้นทั้งสองแขนอยู่ในแผ่นสลักหินชิ้นเดียวกันตรงกันข้ามจะมีอาคารรูปสี่เหลี่ยมชื่อว่า “ ฮาตะทาเค ”เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว เพราะฉะนั้นลานแห่งนี้จึงเรียกว่าลานพระเขี่ยวแก้วซึ่งจะมีกลุ่มโบราณสถานสำคัญรวม 12 แห่งมีประตูทางเข้าทางทิศตะวันออกมีอ่างน้ำขนาดยาวอยู่หนึ่งใบเอาไว้ล้างเท้าก่อนจะขึ้นไปบนลานอันศักดิ์สิทธิ์ ฮาตะทาเคนี้สร้างในสมัยพระเจ้านิสสังกมัลละมีกำแพงหินล้อมรอบ ตัววิหารก็สร้างด้วยหินภายในเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีพระพุทธรูยืน 3 องค์ประดิษฐานอยู่มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ที่ผนังของมุขด้านหน้ามีอักษรจารึกเรื่องราวของพระเจ้านิสสังกมัลละและมีภาพหงส์สลักยาวเป็นแนวอยู่ด้วย ประตูทางเข้าจะประดับด้วยรูปนักฟ้อนรำนักดนตรี ทำจากปูนปั้นหน้าบันไดทางขึ้นจะมีทวารบาลและอัฒจันทร์อยู่ด้วย วิหารนี้แต่เดิมเป็น 2 ชั้น แต่ชั้นบนเป็นไม้ได้พังไปหมดแล้ว

อาตะคาเท : เคยเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วของเมืองโปโลนารุวะ บางครั้งจึงเรียกว่า “วิหารพระเขี้ยวแก้ว” สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1 (พ.ศ. 1598 – 1653) เปฌนอาคาร 2 ชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปบริเวณด้านหลัง พระเขี้ยวแก้วคงจะประดิษฐานอยู่ชั้นบนด้านหน้า ซึ่งสร้างด้วยไม้ ปัจจุบันได้หักพังทลายไปหมดแล้ว ภาพสลักบนเสาหินทำเป็นลวดลายเล่าเรื่องราวต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในวิหารนี้ ซึ่งยังคงรักษาอิทธิพลของศิลปะอินเดียแบบบคุปตะไว้ได้เป็นอย่างดี ด้านหลังวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยื่นยาวออกมาทางด้านหน้า คำว่า “อาตะทาเค” หมายถึง วิหารของพระเขี้ยวแก้ว 8 องค์























































 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:35:31 น.
Counter : 1105 Pageviews.  

355. เจดีย์กิริเวเหระ (KIRI VEHERA) เมืองโปโลนนารุวะ (Polonnaruwa) ประเทศศรีลังกา

เชื่อกันว่าสร้างโดยพระมเหสีของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช มีพระนามว่า “สุภัทธา” เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ มีขนาดสูงใหญ่ที่ฐานมีลวดลายประดับเป็นลาบลวดบัว 3 ชั้น ส่วนบัลลลังก์ที่อยู่เหนือองค์ระฆังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีลวดลายขัดแตะ และลายธรรมจักรประกอบ เหนือบัลลังก์มีก้านฉัตรรองรับปล้องไฉนเป็นชั้นๆลดหลั่นกันขึ้นไปจนถึงปลียอด (ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงมีพระดำริเอาไว้ว่า “เจดีย์แห่งนี้มีรูปแบบลักษณะคล้ายคลึงกันมากกับพระบรมธาต์เจดีย์ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช”) นักโบราญคดี ได้ขุดค้นพบสุสานฝังศพ ส้วม ลานอาบน้ำ และโรงพยาบาลในบริเวณวัดแห่งนี้ในปี พ.ศ.2526











 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:37:35 น.
Counter : 1654 Pageviews.  

1  2  

เหมียวสินธร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add เหมียวสินธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.