เครดิตภาพเสือจาก //matome.naver.jp/odai/2125670252481851428/2125678052821923831------------------------------------------------------------------ขอแซงคิวบล็อคนี้ขึ้นมาก่อนก่อนจะหมดบรรยากาศปีใหม่ไปซะ สิ้นปีที่ผ่านมาหัวเดียวกระเทียมลีบ คนแฟนไม่อยู่อย่าง จขบ ก็ได้ไปไหว้พระวันปีใหม่กะเค้าเหมือนกันนะ หลักๆคืออยากไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศนั่นล่ะเหลือเวลาอยู่ญี่ปุ่นอีกไม่กี่ปีใหม่เอง(หวังว่างั้น) แต่ไอ้งานแบบนี้น่ะไม่มีใครเค้าไปคนเดียวกันหรอกเซ็งแย่ โชคดีว่าหาเกาะน้องที่แล็บไปด้วยได้ อย่างน้อยก็ไม่ยืนแกร่วอยู่คนเดียวกลางฝูงคนวันสิ้นปีนั้นโดยมากไม่น่าออกไปไหนเท่าไหร่เพราะห้างร้าน(ในโตเกียว)พากันปิด(หรือปิดเร็วกว่าปกติ)กันทั้งนั้น นอนซุกผ้าห่มรออยู่ที่บ้านแล้วค่อยออกมาต่อคิวไหว้พระตอนกลางคืนทีเดียวเลยนี่ล่ะเวิร์คสุดแล้วด้วยความรู้รอบตัวอันน้อยนิดของ จขบ ก็รู้แค่ว่าศาลเจ้าดังๆที่โตเกียวก็มีที่ Asakusa แล้วก็ที่ Meiji-jingu นี่ล่ะ อีกอันที่รู้เพราะอยู่ใกล้บ้านก็คือ Yushima-tenjin อันนี้ก็ดังนะแต่ดังในแง่ที่ว่ามาขอพรให้สอบเข้าโตไดได้ ปีก่อนๆเคยเดินลงไปส่องๆดูอยู่ คนที่ต่อแถวมีแต่คนญี่ปุ่นเด็กๆวัยรุ่นๆอยู่ทั้งนั้นเลย ถ้าที่ Asakusa(เคยไปมาปีนึง) กับที่ Meiji-jingu จะแนวทุกเพศทุกวัยแถมคนต่างชาติก็เยอะแต่งตัวเตรียมกันหนาวกันเต็มที่ถึงโน่นประมาณเกือบห้าทุ่มคืนวันที่31 บรรยากาศที่นี่ต่างกับที่ Asakusa อยู่เหมือนกัน ที่ Asakusa จะเห็นกั้นแถวกันชัดๆตั้งแต่หน้า Kaminari-mon ยาวไปตามถนนเลย แต่ที่นี่ไปกั้นกันโน่นแน่ะ ข้างในลึกๆเลยเดินผ่านซุ้มด้านหน้าไปอีกไกลศาลเจ้านี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ถ่ายรูปเหมือนที่ Asakusa เท่าไหร่เลยแฮะ ที่โน่นจะเป็นร้านค้าต่างๆขายของสวยๆน่ารักๆตลอดทาง แต่ที่นี่จะเป็นทางเดินล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ทึบๆสูงๆ ก็บรรยากาศขลังๆดีอ่ะนะเดินเข้ามาลึกมากจนเห็น เอ่อ... เรียกว่าอะไรไม่รู้อ่ะ เอาเป็นว่าเห็นตามในรูปนี้ละกัน หน้าตาเหมือนถังใส่เหล้าญี่ปุ่นเดินๆไปยังนึกอยู่เลยว่า ทำไมศาลเจ้านี้คนไม่เยอะเหมือนที่ลือกันเลย เดินมาไกลแล้วยังไม่เห็นมีแถวต่อคิว เอ๊ะ หรือว่าปีนี้เรามาเร็วไปนะ เดินๆๆลึกเข้ามาอีกจนเห็นโคมไฟนี่แล้วก็จนได้......เจอจนได้หางแถว คนข้างหน้ายืนรอกันอยู่เพียบแล้วเนี่ย (ที่เห็นหันไปทางซ้ายกันอยู่ คือ หันไปดูทีวีจอยักษ์)ยืนเล่นๆไปได้สักพัก หันกลับไปข้างหลังอีกที โอ้ แถวยาวไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ แถมรอบๆนี่กลุ่มคนต่างชาติงี้เพียบเลยล่ะ แต่เนื่องด้วยความสูงที่จำกัดถ่ายมาได้แค่นี้เอง รูปถ่ายช่วงนี้เล็งอะไรไม่ได้เลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่หัวคน(จริงๆคือเห็นไม่ถึงหัวด้วยซ้ำ เกิดมาเตี้ยอ่ะ) ต้องอาศัยวิชาเขย่งเกงกอยแล้วยืดแขนสุดเหนือหัวแล้วกดชัตเตอร์มาเลยยังดีว่าตรงนี้มีทีวีจอใหญ่ให้ดูนะเนี่ย ผู้คนจะสนใจกันมากเป็นพิเศษตอนที่ทีวีฉายภาพสดๆของตรงที่พวกเรายืนอยู่นี่ พากันกระโดดเหย็งๆ โบกไม้โบกมือ โยนข้าวโยนของ หากันใหญ่เลยว่าตัวเองอยู่ตรงไหนในจอนะ (แต่ จขบ ทำไปก็เท่านั้นล่ะ ไม่มีทางโผล่พ้นออกมาจากกลุ่มคนได้หรอก)แน่นอนงานใหญ่ๆอย่างนี้ก็ลำบากคุณตำรวจอีกเช่นเคย ภายในงานนอกจากรถถ่ายทอดทีวีแล้วก็จะมีรถตำรวจอยู่เป็นระยะๆด้วย รักษาความปลอดภัยกันสุดๆล่ะงานนี้ (คนมากันขนาดนี้ ก็ต้องระวังกันหน่อยล่ะนะ ยังนึกอยู่ว่าเกิดใครปวดท้องเข้าห้องน้ำขึ้นมานี่ กว่าจะหลุดจากคนไปได้น่ากลัวราดก่อนแน่ๆ)และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง 5 4 3 2 1 ปีใหม่แล้วจ้า ทีวีก็ฉายภาพตรงด้านในศาลเจ้าที่มีตีกลองฉลองปีใหม่ให้ดู (บอกตามตรงว่าเพิ่งเคยได้ยินเพลงชาติญี่ปุ่นก็วันนี้นี่เองล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย แหะๆ) ส่วนคนที่ยืนๆรอกันก็ชูมือชูไม้ร้องไชโยโห่ฮิ้ว หอมแก้ม หรือ คิสกันเป็นฤกษ์รับปีใหม่กันใหญ่ (ที่คิสกันนี่ฝรั่งซะมาก) บางกลุ่มก็เตรียมตัวกันมาดี๊ดีเล่นเปิดแชมเปญกันกลางฝูงคนเลย มีแก้วกระดาษเตรียมมาดริงค์กันพร้อมพอเข้าปีใหม่ปุ๊บ หลายๆคนก็ก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือทันที เดาว่าไม่ส่งเมลไป Happy new year เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก็คงอ่านเมลอวยพรปีใหม่ที่ส่งกันเข้ามาแหล่ะพอที่ข้างในศาลเจ้าเสร็จพิธีกันแล้ว แถวก็เริ่มขยับ มองไปข้างหน้าเพิ่งสังเกต เอ๊ะ นั่นมันอะไรกัน พยายามอยู่หลายช็อตกว่าจะได้มา โอ้ เต็มๆ ไม่ใช่อันปังแมน แต่งานนี้เป็นโอนิกิริแมน(แต่งตัวใส่สูทแบบคนทำงานบริษัทซะด้วย) หมวกเก๋มากค่ะพี่(มั้ง) ท่าทางอุ่นไม่เบา แถมไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะงานนี้มากันเป็นกลุ่ม มีโอนิกิริแมนหนึ่งคนและอีกประมาณสี่คนใส่ชุดคลุมมิดตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่บังเอิญอยู่ไกลไปเห็นแต่ด้านหลังมองไม่ออกว่าตั้งใจจะสื่อถึงอะไร หรือว่าแต่ละคนแทนไส้แบบต่างๆของโอนิกิริหรือเปล่า เห็นใส่กันคนละสี?ค่อยๆกระดึ๊บๆตามพี่โอนิกิริแมนไปอย่างห่างๆ(ขนาดว่าเค้าตัวไม่ค่อยสูงนะนี่ แต่หมวกงี้เด่นมาเลย) มองเห็นด่านแรกอยู่ไกลๆแล้วช่วงนี้เป็นอะไรที่อนาถมาก ตัวเตี้ยจนมองอะไรข้างหน้าและข้างหลังไม่เห็นเลยว่าเค้าไปอะไรยังไงกันถึงไหนแล้ว ต้องอาศัยมองจอทีวีชั่วคราวที่มีผลุบๆโผล่ๆขึ้นมาให้ได้เห็นกันเป็นระยะๆอย่างนี้ล่ะอีกนิดเดียวเราจะพ้นด่านแรกแล้ว เห็นป้ายปีโป้คุงของคุณตำรวจ(โตเกียว)อยู่ข้างหน้านี้เอง (พี่โอนิกิริแมนไปไหนแล้วไม่รู้ สงสัยผ่านด่านนี้ไปแล้วล่ะ)รออีกแป๊บแล้วเราก็พ้นด่านแรกมาจนได้ เห็นตัวประตูเข้าที่ไหว้พระแล้ว พร้อมกันก็เห็นป้ายปีโป้คุงให้รออีกเป็นครั้งที่สองช่วงตอนที่ผ่านด่านที่สองมาได้นี่เป็นอะไรที่คลื่นมนุษย์มากๆ โดยเฉพาะตอนที่ลอดผ่านประตูเข้ามา ไม่รู้ยังไงแต่รู้สึกว่าโดนดันจนไม่ถ้าระวังนี่อาจล้ม แล้วโดนเหยียบซ้ำคาธรณีประตูรับปีใหม่ได้ง่ายๆเลย หะแรกก็นึกว่าถึงแล้วได้ไหว้พระแล้วววววว แต่ที่ไหนได้ยังเหลืออีกหนึ่งด่าน ป้ายปีโป้คุงโชว์หราเลย แต่ด้านหน้าคือที่ไหว้พระโยนเหรียญแล้วนะ ระหว่างรอจุดนี้ก็มีเสียง โอ้...อ้า... เป็นระยะๆ เวลาที่ใคร(ที่ผ่านด่านสุดท้ายนี้เข้าไปได้แล้ว)โยนเหรียญพร้อมกันเยอะๆ แล้วเห็นเป็นแสงสีเงินระยิบระยับโผล่ขึ้นมากลางอากาศ (ไกลไปแถมเร็วไปด้วย ถ่ายมาไม่ได้เลย)และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุด ผ่านด่านสุดท้ายนี้มาจนได้ ขอมาหนึ่งแชะ คุณตำรวจทำงานกันแข็งขันดีแท้เลย ไม่มีง่วง ไม่มีใจลอย ไม่มีแอบคุยเล่นกัน เอาจริงเอาจัง เป็นระเบียบมากๆเลยค่า สมแล้วที่เป็นตำรวจญี่ปุ่นในขณะที่ผู้กันพากันเบียดเข้าไปด้านหน้าเพื่อจะโยนเหรียญได้ถนัดถนี่หน่อย จขบ กลับหลบฉากมาแอบถ่ายรูปชาวบ้านเค้าอยู่อย่างนี้ล่ะ ทีแรกนึกว่าเป็นบ่อน้ำซะอีกที่ไหนได้มองไปไม่เห็นมีน้ำเลยนี่นาเป็นแค่พื้นว่างๆเอง แถมใหญ่ขนาดนี้โยนมั่วๆยังไงก็ลง (ถ้าเหรียญมันไม่หมดแรง ตกใส่หัวใครกลางทางซะก่อนน่ะนะ) เวลาโยนเหรียญนี่เค้าบอกกันว่าให้ใช้เหรียญ 5 เยนหรือ 50 yen (ง่ายๆคือเหรียญที่มีรูตรงกลาง) ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่ามันมีความหมายยังไงหมดจากที่ไหว้พระก็เสร็จภารกิจหลัก แต่ใช่ว่าจะหมดเรื่องให้ทำแล้วเดินกลับบ้านกันง่ายๆนะ ถัดจากไหว้พระแล้ว คราวนี้ก็มาถึงซุ้มขายของ ขายลูกศรปีใหม่บ้าง ขายป้ายขอพรบ้าง เซียมซีบ้าง ของที่ระลึกบ้าง เดินออกมาเห็นต่อคิวกันยาวๆทีแรกก็นึกว่าของกินซะอีก โธ่ใครใคร่เขียนป้ายขอพรก็เขียน ใครใคร่จะเสี่ยงเซียมซีก็ตามสะดวก ไหนๆเสี่ยงมาแล้วก็อ่านกันจริงจังนิดนึง ดวงของทั้งปีเลยเชียวนะนี่ พ้นจากจุดขายของก็เป็นจุดแขวนป้ายขอพรล่ะ เนื่องจากคนเยอะเลยไม่ได้เดินไปถ่ายรูปใกล้ๆ ไม่อยากไปเกะกะเค้าถัดออกมาอีกคราวนี้เป็นจุดให้ผูกใบเซียมซี ใครจับได้ใบไม่ดีก็เอามาผูกไว้แก้เคล็ดไม่ต้องเอาโชคร้ายกลับบ้าน ดูๆแล้วเนี่ยใบไม่ดีเพียบเลยนะเนี่ย (แต่คนมากันขนาดนี้ ก็สมเหตุสมผลอ่ะนะ)ดูกันใกล้ๆ เค้าผูกกันได้เรียบร้อยดีจัง แถมวิธีผูกคล้ายๆกันไปหมดเลยด้วย มีสอนกันมาหรือเปล่าเนี่ย ส่วน จขบ ไม่เคยผูกอะไรแบบนี้มาก่อน(ไม่เคยเสี่ยงเซียมซีนั่นเอง ได้มาก็อ่านไม่ออกคันจิยากๆเป็นพรืดเลย) ยังสงสัยอยู่เลยว่าเราจะผูกได้กะเค้าไหมนะและแล้วก็ถึงอย่างสุดท้ายที่รอคอย ซุ้มขายอาหารนั่นเอง เป็นธรรมเนียมการไหว้พระปีใหม่ของที่ญี่ปุ่นเลยว่าเริ่มจาก ต่อคิว ไหว้พระ ขอพร และจบด้วยการทานอาหารอุ่นท้องซะหน่อยก่อนกลับบ้านไปนอน จขบ นี่รอตรงนี้มานานแล้วเพราะหนาวจนนิ้วมือนิ้วเท้าชาจนแทบไม่มีความรู้สึกแล้วเนี่ย ปีนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าอากาศมันหนาวมากกว่าปกติหรอกนะ แต่ต้องมายืนตากลมฤดูหนาวตอนเที่ยงคืนนี่ไม่ไหวจริงๆ ขนาดใส่บู๊ตใส่ tightไหมพรม ใส่ถุงมือ อย่างหนามาแล้วก็เถอะ ก็ยังหนาวจนชาจนเจ็บอยู่ดีใครไหว้พระเสร็จก็มาหาอะไรทานกันตรงนี้ ยืนบ้าง นั่งบ้าง (แต่ส่วนใหญ่จะยืนเพราะที่นั่งมีไม่พอจำนวนคน) ที่(ยืน) indoor ก็มีเหมือนกันนะ แต่มองไปคนแน่นเชียว เอาข้างนอกนี่ล่ะได้บรรยากาศ(หนาวๆ)ดี(ซะที่ไหนล่ะ)ที่นี่นี่สมกับเป็นศาลเจ้าชื่อดังของโตเกียว ร้านขายอาหารเยอะมากๆเลย เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว หลังจากไปได้น้ำชาร้อนๆมาขวดนึง(หลักๆคือจะเอามาอุ่นมือ) ก็มาซื้อคาลบี้เสียบไม้ย่างกันที่นี่เลย (ชาร้อนขวดจิ๋วปกติ 120yen งานนี้ 200yen เจ้าค่ะ ก็หยวนๆนะเพราะเป็นเทศกาลพิเศษ แต่กว่าจะหยิบเงินให้เค้าได้นี่ลำบากไม่เบา มือไม้แข็งและสั่นจนจับอะไรไม่อยู่เลย) และที่พลาดไม่ได้อีกอย่าง(กินทุกปี)คือ ジャガイバター หรือ Buttered potato นี่ล่ะ แถมเจ้านี้อร่อยกว่าที่เคยกินมาซะด้วย ใช้มันลูกใหญ่ๆร้อนๆแล้วผ่าให้แยกตรงกลางยัดเนยลงไป ราดมายองเนสแล้วโรยเกลืออีกที เวลากินก็สับๆมันซะหน่อย ตักกินตอนร้อนๆอร่อยสุดๆ >.<ก็นั่งกินนั่งคุยกันแถวนี้ไปสักระยะ จนรู้สึกว่ามือและเท้า ชา&แข็งจนได้ที่แล้วค่อยยกพลขึ้นรถไฟกลับกัน สำหรับเทศกาลไหว้พระปีใหม่นี้รถไฟจะวิ่งกันทั้งคืนไม่ต้องกลัวว่าจะกลับบ้านไม่ได้ แล้วโดยเฉพาะที่นี่ที่เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชื่อดังที่ยอดคนมาไว้พระปีใหม่เหยียบแสน(กะเอาเองนะ) จะมีการเปิดตู้ขายตั๋วรถไฟเพิ่ม และเปิดทางเข้าพิเศษเพื่อเข้าสถานี JR Harajuku จากทางที่เดินออกจากวัดด้วย (ตู้ขายตั๋วและทางเข้าพิเศษนี้ เวลาปกติไม่มีเปิด)เสร็จสิ้นการไหว้พระปีใหม่แต่เพียงเท่านี้ได้เวลากลับไปซุกผ้าห่มอุ่นๆที่บ้านกันเสียที งานนี้ต้องขอขอบคุณคุณตำรวจมา ณ ที่นี้ด้วยที่คอยช่วยดูแลความเรียบร้อยในงานกันอย่างขยันขันแข็ง เป็นตำรวจญี่ปุ่นนี่เหนื่อยหลายงานนะเนี่ย ตอนงานฮานาบิ(ดอกไม้ไฟ)ก็ต้องมากั้นคนเรือนแสนที่หลั่งไหลมาพร้อมๆกันอย่างนี้เหมือนกันบล็อคนี้ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีปีใหม่ค่า------------------------------------------------------------------ภาพทั้งหมดถ่ายจาก Canon Kiss X3 + เลนส์คิต EF-S 18-55mm F3.5-5.6 IS ย่อทีละ 500 pixels ด้วย USM ขออภัยในความง่อยของหลายๆภาพ เนื้อที่และเวลาจะยืนเล็งไม่มีจริงๆ อาศัยชูกล้องกดมั่วๆแล้วมาเลือกภาพเอาเครดิตภาพเสือจาก //matome.naver.jp/odai/2125670252481851428/2125678052821923831
ขอให้คุณ White Amulet มีความสุขมากๆ
จะได้มาเขียน block สนุกๆให้เราอ่านตลอดไป