|
Autumn in Todai (@Tokyo) เมื่อมหาวิทยาลัยถูกย้อมเป็นสีทอง
 ------------------------------------------------------------------
>> คลิกเพื่อดูในรูปแบบรีวิวที่ pantip@blueplanet
เปิดตัวด้วยสองสัญลักษณ์ของโตไดกันก่อน ใบสีเหลืองๆในภาพคือ ใบของต้นแปะก๊วยที่เป็นตราโลโก้ของมหาลัย และ หอในภาพคือหอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของแคมปัสหลัก(Hongo campus)ของโตได
 กว่าจะได้ภาพด้านบนนี้ก็ยืนถือกล้องรอแดดอยู่พักนึง ใครเดินผ่านไปมาก็คงมองว่ายายนี่ประหลาด ยืนยืดแขนถือใบไม้เล็งอะไรอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ด้านหลังตรงตึกแดดดีมากๆภาพเลยชัดแจ๋ว แต่ตรงใบไม้ดำปี๋เลยต้องตบแฟลชไปหน่อย แสงตรงมือเลยแข็งๆดูมือเหี่ยวเชียว ว้า ได้อย่างเสียอย่างน่า
ใครอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมาพอควรน่าจะเคยได้ยินชื่อ โตได (ย่อมาจาก Tokyo Daigaku หรือ University of Tokyo) ผ่านหูกันมาบ้าง ใครที่อินกับการ์ตูนมากหน่อยหรือคนญี่ปุ่นที่มาทัวร์มหาลัยกี่รายกี่รายเห็นต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันกับหอนาฬิกานี่ทุกที (มหาลัยนี้เป็นอะไรที่ทัวร์ของคนญี่ปุ่นลงบ่อยมากๆมีทุกอาทิตย์ ทั้งเด็ก ม.ต้น ม.ปลาย มาทัศนศึกษากับทางโรงเรียน ทั้งทัวร์ผู้สูงอายุ และอื่นๆ เคยคุยกับคนญี่ปุ่นบางคนเค้าบอกว่าไม่ได้เรียนที่นี่ขอแค่มีโอกาสได้มาเหยียบก็ยังดี -"- อ่ะนะ คนญี่ปุ่นนี่เป็นเอามากจริงๆ)
มหาลัยที่มีใบแปะก๊วยเป็นโลโก้แน่นอนว่าก็ต้องมีซุ้มต้นแปะก๊วย ทุกแคมปัสที่เคยไปมาจะต้องมีทางเดินที่มีต้นแปะก๊วยเรียงกันเป็นแถวสองข้างทางทุกแห่งเลย ซึ่งพอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นก็จะค่อยๆเปลี่ยนให้ใบต้นแปะก๊วยจากเขียวกลายเป็นสีเหลืองอร่ามและร่วงลงมาปูเป็นพรมสีทองเต็มทางเดินมหาลัย โตไดจะสวยมากๆก็ตอนช่วงนั้นนี่เอง (แต่ถ้าฝนตกและโดนคนเดินเหยียบมากๆเข้า ก็กลายเป็นพรมสีเหลืองเละๆไปเลย)

ช็อตบังคับที่ถ่ายกันไว้โปรโมทมหาลัยก็อยู่แถวๆนี้ล่ะ เห็นหอนาฬิกาแว้บๆและก็เห็นต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามล้อมอยู่ข้างๆ


ถอยออกมาอีกนิด หอนาฬิกาจะโดนบังจนหมดเลย แต่ก็จะเห็นบรรยากาศใบไม้ร่วงของโตไดชัดเจนขึ้น อาทิตย์นี้น่าจะเป็นอาทิตย์ที่พีคที่สุดแล้ว อาทิตย์ถัดไปใบที่ร่วงก็โดนเก็บกวาดทิ้ง ต้นแปะก๊วยก็คงเริ่มเห็นเป็นกิ่งโกร๋นๆรับหน้าหนาวแทน


หน้าใบไม้ร่วงอากาศเย็นๆอย่างนี้ ออกมาเดินเล่นในมหาลัยช่วงเที่ยงๆเป็นอะไรที่เราชอบมากๆ(ถ้าไม่ตื่นสาย) แดดอุ่นๆบรรยากาศดีๆ ลม(เย็น)พัดมาทีใบแปะก๊วยใหม่เอี่ยมก็ปลิวร่วงลงมาเหมือนฝนเลย อยากจะโรแมนติคอยู่เหมือนกันแต่เผอิญคุณแฟนไม่อยู่เลยไม่รู้จะโรแมนซ์กะใครดี


ใบไม้ที่ร่วงนั้นมีมากแค่ไหนลองดูภาพด้านล่างนี้ มันร่วงลงมาเยอะขนาดว่าคลุมรองเท้ามิดได้เลยล่ะ


ยิ่งถอยห่างจากหอนาฬิกามาทาง Seimon (ประตูใหญ่) ก็ยิ่งเห็นบรรยากาศใบไม้ร่วงของมหาลัยชัดขึ้นๆ ช่วงเวลานี้คนจะมาเที่ยวมหาลัยเยอะมาก หลักๆก็เพื่อมาเก็บภาพเหล่านี้นี่ล่ะ


คนที่มาก็มีทั้งคนเล่นกล้องที่แบกกล้องตัวเบิ้มพร้อมขาตั้งและเลนส์ครบชุด ทั้งกลุ่มคุณลุงคุณป้าที่มานั่งสเก็ตภาพบรรยากาศในมหาลัย คนในมหาลัยเองปีๆนึงพอช่วงนี้วนมาทีก็มีอันต้องหยิบกล้องมาเก็บภาพที่ระลึกกันเหมือนกัน เดินผ่านแถวๆนี้ทีไร จขบ คนนึงล่ะที่ต้องขอเงยหน้าชื่นชมใบแปะก๊วยสักหน่อยนึง ขอดื่มด่ำบรรยากาศสวยๆปีละหนนี้อีกสักครั้งก่อนจะต้องเผชิญกับฤดูที่หดหู่ที่สุดในรอบปีที่กำลังใกล้เข้ามา อีกอย่างการได้เห็นบรรยากาศนี้มันเหมือนกับการบอกกับตัวเองว่า อืม เราอยู่ที่นี่มาอีกปีแล้วสินะ

สองภาพสุดท้ายที่ด้านหน้า Seimon เดี๋ยวย้ายไปถ่ายที่อื่นในมหาลัยบ้าง ถึงเราจะเห็นอย่างงี้มาเป็นปีที่สี่แล้วก็เถอะนะ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันสวยอยู่ดี อีกอย่างคือปีหน้า(คาดว่าน่าจะ)เป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นอย่างนี้แล้ว งานนี้ต้องเก็บภาพความทรงจำไว้ให้แม่นๆหน่อยเผื่ออีกหน่อยเป็นอัลไซเมอร์จะได้ยังมีภาพไว้เตือนความจำ


ซูมอีกนิดแล้วไปจริงๆแล้ว ตรงแถวๆนี้เป็นทางเดินหน้าประตูใหญ่ด้วยคนเดินเยอะ ใบไม้บางส่วนเลยโดนเหยียบจนเริ่มเละไปแล้วแต่ก็ยังไม่มากเท่าไหร่ ถ้าฝนตกนี่สิเละของจริง


ต้นแปะก๊วยนั้นจะมีเยอะมากในแถบใกล้ๆประตูใหญ่ แยกต่างๆที่แยกไปจากทางเดินหน้าหอนาฬิกาก็มีต้นแปะก๊วยเยอะไม่แพ้กัน สวยเหมือนกัน


พาหนะหลักของเด็กมหาลัยนี้ คือ จักรยาน (บางคนตังค์เยอะหน่อยก็มอเตอร์ไซต์ นอกนั้นคือ เดิน กับ รถไฟ) ช่วงๆใบไม้ร่วงนี้ก็จะพลอยได้ของฝากกลับบ้านเป็นใบไม้ร่วง(ที่ยังไม่โดนเหยียบเละ)ในตะกร้าด้านหน้าไปด้วย


แถวๆด้านหลังแคมปัส ต้นแปะก๊วยจะเริ่มบางตา และเห็นเป็นกองใบไม้แห้งที่ถูกกวาดรวมๆไว้ตามข้างทางอย่างนี้แทน


สำหรับแคมปัสนี้ เราว่าต้นนี้ล่ะที่ใหญ่(น่าจะ)ที่สุด แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นวงกว้างทำให้บรรยากาศแถวนั้นดูร่มรื่นมากๆ ในภาพนี่ใบร่วงไปเยอะแล้วเหมือนกัน


ที่ใต้ต้นใหญ่นี้ก็เหมือนสนามปูพรมสีทอง ซึ่งค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียวเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเดินเข้ามาเหยียบในนี้กัน ใบไม้เลยยังใหม่ๆเดินเข้ามานั่งมาเล่นได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวจะเหยียบขี้หมาหรืออะไร (ว่าแล้วก็นึกถึงโนบิตะ เค้าคงโชคร้ายจริงๆนั่นล่ะถึงอุตส่าห์หาขี้หมาเจอและไปเหยียบมันได้ประจำๆอย่างนั้น เราอยู่นี่มายังไม่เคยเห็นขี้หมาอยู่เกะกะตรงไหนในโตเกียวเลยทั้งที่เลี้ยงน้องหมากันเกลื่อนเมือง)

 ขอทิ้งท้ายบรรยากาศโดยรอบมหาลัยกันที่ Akamon 赤門 ที่ถือเป็นอีกจุดสัญลักษณ์ยอดฮิตของแคมปัสนี้เช่นกัน Akamon หรือประตูแดงนี้เป็นประตูใหญ่อีกอันของแคมปัสอยู่ถัดจาก Seimon มาไม่เท่าไหร่(ค่อนไปทางด้านสถานี Hongo-sanchome 本郷三丁目) ตรงทางเดินด้านหน้าประตูนี้ก็มีซุ้มแปะก๊วยเช่นกันแม้ถนนจะเล็กกว่าตรง Seimon หน่อยก็ตาม เสียดายก็ตรงที่ว่าภาพตรงประตูนี้ไปถ่ายมาทีหลังหลายวัน(จริงๆก็สี่วันเองนะ)แดดไม่ค่อยมี ใบไม้ก็เริ่มจะแห้งๆร่วงๆกันเยอะแล้ว พยายามที่สุดแล้วที่จะทำให้ประตูแดงและใบไม้เหลืองอยู่ในเฟรมเดียวกันให้ได้แต่ก็ได้มาเท่านี้เอง ว้า

ขอภาพประตูตรงนี้ชัดๆอีกสักสองภาพเพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์(ของอะไรก็ไม่รู้) แล้วจะพอบรรยากาศโดยรอบจริงๆ เริ่มจากภาพจากด้านหน้าถนนใหญ่

สุดท้ายคือ ภาพจากด้านในมหาลัย คราวนี้ขอเลิกพาทัวร์มหาลัยเปลี่ยนไปดูกิจกรรมที่พบเห็นได้ในมหาลัยช่วงใบไม้ร่วงกันดีกว่า

อย่างแรกซึ่งออกจะช้าไปหน่อยสำหรับช่วงนี้ คือ เหล่าแม่บ้านที่มาเดินวนๆในมหาลัยพร้อมถุงที่จะเอามาใส่ลูกแปะก๊วยกลับไปทำอาหาร (ถ้าที่ไทยก็เป็นของหวานในโต๊ะจีนเลย) ก่อนหน้าที่มหาลัยจะสวยเต็มที่อย่างตอนนี้ก็ต้องผ่านช่วงที่เหม็นไม่เบามาเหมือนกัน เพราะก่อนต้นแปะก๊วยจะเหลืองจะมีช่วงที่ลูกแปะก๊วยหล่นมาเต็มทางเดินไปหมด แล้วคนเดินผ่านไปมา ไหนจะรถอีกล่ะ ลูกแปะก๊วยก็เลยถูกทับเละ ก๊อปปี้ติดพื้น ส่งกลิ่นเปรี้ยวๆออกมากระทบจมูกเวลาเดินผ่าน มามหาลัยปีแรกยังนึกว่าเป็นขี้นกอยู่เลยก็แปลกใจว่าทำไมปล่อยให้สกปรกอย่างนี้นะ (จริงๆเค้าทำความสะอาดมหาลัยกันซะเรี่ยมทุกเช้า แต่เจ้าลูกแปะก๊วยเล่นหล่นกันทั้งวัน)

กิจกรรมอย่างที่สองที่เหมาะสำหรับคนบ้าถ่ายรูป(ทั้งเป็นคนถ่ายและเป็นคนถูกถ่าย)อย่าง จขบ ก็คือการถ่ายรูปที่ระลึกนี่ล่ะ ช่วงนี้ใครต่อใครก็พากันหยิบกล้องมาถ่ายรูปกันหมด จะกล้องมือถือ กล้องคอมแพ็ค กล้องวีดีโอ หรือกล้อง DSLR ก็มีหมดทุกแบบ ดังนั้นเราเองก็ถ่ายได้ตามสบายเหมือนกันไม่แปลกประหลาดอะไร ไม่ต้องอายใคร ^o^

กิจกรรมอย่างที่สามที่ได้เกริ่นไว้บ้างแล้วก็คือการสเก็ตภาพ ฤดูอื่นๆก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอกนะแต่ในฤดูใบต้นแปะก๊วยร่วงนี้นี่ล่ะที่มักจะเห็นได้หนาตากว่าปกติ ซึ่งก็มักจะเป็นผู้สูงอายุคนญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ บ้างก็มาด้วยกันเป็นกลุ่มๆต่างคนต่างสเก็ตภาพของตัวเองไป

บ้างก็มาโซโล่เดี่ยว(คิดว่างั้นนะ) ขนอุปกรณ์ทุกอย่างตั้งแต่ จานสี พู่กัน กระปุกน้ำล้างพู่กัน แผ่นรองวาด และเก้าอี้พับได้มาเสร็จสรรพ แล้วก็มานั่งสเก็ตภาพกันสดๆในมหาลัยอย่างนี้เลย เท่าที่มองๆดูแต่ละคนดูมีสมาธิมากๆ ตั้งอกตั้งใจแต่ก็ดูรีแล็กซ์อยู่นะ ว่ายังไงดีเหมือนกับว่า ณ ตอนนั้นเค้าจดจ่ออยู่แต่กับการถ่ายทอดสิ่งที่เห็นลงบนกระดาษวาดเขียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีการคิดเรื่องอื่น ไม่มีความเครียด และไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ

เท่าที่แอบเหล่ๆมาเวลาเดินผ่าน ทุกคนฝีมือดีกันจริงๆ เห็นมากับตาตั้งแต่ยังเป็นกระดาษว่างๆจนกระทั่งเป็นรูปเป็นร่างตามรอยดินสอที่ขีดเขียนยันไปจนลงพู่กันใส่สีเสร็จสรรพ น่าเสียดายว่าไม่กล้าไปขอถ่ายรูปใกล้ๆแต่ก็มีหลักฐานมาให้ดูนิดนึงถึงจะไม่ค่อยชัด ว่าคุณลุงคุณป้าวาดรูปกันเก่งแค่ไหน อย่างเรานี่ไม่ติดฝุ่นเลยล่ะ

กิจกรรมอย่างที่สี่ที่ น่าร๊ากกกกกกมากๆก็คือนี่ล่ะ มหาลัยนี้เป็นที่ๆคนญี่ปุ่นชอบพาครอบครัวพาเพื่อนมาเดินเล่นกันอยู่แล้วเป็นปกติ เท่าที่สังเกตเด็กๆจะชอบเล่นใบไม้ร่วงกันมากๆเลย เห็นกี่คนๆก็เล่นใบแปะก๊วย(ตรงที่ยังใหม่ๆ)กันสนุกใหญ่ น่ารักสุดๆ (จะว่าไปตอนหน้าซากุระ ไม่ค่อยเห็นอย่างนี้น้า คงเพราะใบแปะก๊วยนี่มันทนไม้ทนมือและเยอะกว่าดอกซากุระล่ะมั้งเลยเล่นได้สบาย)

เสียดายว่ายังไม่มีลูกเป็นของตัวเองเลยได้แต่แอบ candid ลูกชาวบ้านมาอย่างนี้ล่ะ นึกอยากได้เลนส์เทเลก็ตอนนี้เอง จะได้ซูมได้เยอะๆหน่อย นี่แอบถ่ายมาไกลๆแล้ว crop เอา

กิจกรรมอย่างสุดท้ายที่เราพูดถึงคือ ครอบครัวสุขสันต์ อย่างภาพด้านล่างนี้ชอบม๊ากมาก เป็นครอบครัวที่น่ารักกันจริงๆ พ่อ แม่ ลูก มาเล่นใบไม้ร่วงกัน คุณพ่อ คุณลูก ผลัดกันโยนใบไม้ใส่กัน น่ารักน่าเอ็นดูสุดๆ งานนี้พลาดไม่ได้ต้องขอ candid ซะหน่อย

อ๊ะๆ แต่ที่แอบ candid มาอย่างนี้ไม่ใช่เราคนเดียวนะ ดูหลักฐานได้ในภาพเลย ตากล้องอีกคนก็ทำเหมือนเรา งานนี้หลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุดมีภาพตั้งแต่ตอนตั้งท่าจะเล็ง(รูปด้านบน) ยันตอนกำลังเล็งกล้องอยู่เลย 555 (น่ากลัวในกล้องเค้าก็อาจมีติดรูปเราเล็งกล้องอยู่เหมือนกัน)

แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นมักเป็นเหล่าคุณแม่ที่เข็นรถเข็นหรืออุ้มลูกมาเล่นกันมากกว่า คาดว่าคุณพ่อคงต้องไปทำงานน่ะนะเลยมาแจมวันธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ คุณลูกก็วิ่งเล่นใบไม้ไป คุณแม่ก็คอยเก็บช็อตน่ารักๆของลูกๆไป จะว่าไปที่ญี่ปุ่นนี่คุณแม่ยังสาวกันทั้งนั้นเลยนะเนี่ย

เฮ้อ เห็นภาพครอบครัวเด็กตัวเล็กๆอย่างนี้ทีไรมองเพลินทู๊กที ภาพด้านล่างนี้มาแบบ 3 generations เลยดูแล้วอบอุ่นดีจัง คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงลูกกันเองคุณแม่กับคุณลูกก็เลยใกล้ชิดกันอย่างนี้ล่ะ จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่มันก็พลอยทำให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องกลายมาเป็นแม่บ้าน(ไประยะนึงกว่าลูกจะโต)ไปโดยปริยายเลยเหมือนกันนี่สิ เป็นเราคงคิดหนักอยู่เพราะเป็นคนชอบทำงาน

ทัวร์รอบมหาลัยหมดเพียงเท่านี้ ตากล้องเดินไปเดินมาอยู่เป็นชั่วโมงๆ(ไม่เจียมสังขารที่กำลังเดี้ยงๆอยู่เลย) ถึงเวลาต้องเติมพลังงานกันหน่อยวันนี้ทานที่โรงอาหาร Metro (อยู่ที่ตึกทางด้านขวามือ ถ้าหันหน้าเข้าหาหอนาฬิกา) กำลังติดใจเมนูนี้อยู่เลย เป็นเทมปุระมะเขือม่วงกับฟักทอง จานหลักเป็นหมู พูดไม่ถูกว่าทำอะไร คล้ายๆผัดกับเกลือแต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆอยู่ อร่อยมากกกกก >.< ทั้งเซ็ตที่เห็นนี้แค่ 480 yen เท่านั้น (สั่งไซส์ S เลยข้าวน้อยหน่อย)

ภาพสุดท้ายขอลาไปด้วยภาพสนามหญ้าหน้าหอนาฬิกาอีกรอบ ที่เห็นในรูปหญ้ายังเขียวสดเพราะเพิ่งปูหญ้าใหม่หลังจากหน้าร้อนนี่เอง ตอนหน้าร้อนหญ้าโดนแดดเผาตายเละเรียบ พอผ่านช่วงร้อนไปมหาลัยก็เลยปูหญ้าใหม่แล้วหนนี้กั้นเชือกไว้กันไม่ให้คนเดินเข้าไปด้วย (ปกติคนชอบไปนั่งปิคนิค นอนเกลือกกลิ้งกันตรงลานหญ้านี้ล่ะ)

------------------------------------------------------------------
ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย Canon Kiss X3 + เลนส์คิต EF-S 18-55 mm ใช้ Picture Style Autumn (โหลดจากเว็บของ Canon) บางรูปมีการดึงสีขึ้นด้วย Photoshop CS2 แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ post-process มากเท่าไหร่ (เหตุเพราะขี้เกียจ ทำแค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว)
ปล. ใครที่มหาลัยผ่านมาอ่านเจอแล้วรู้ว่า จขบ คือใคร ขอให้เงียบๆไว้อย่ากระโตกกระตาก จขบ ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวจ้า

Create Date : 05 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 11:23:44 น. |
|
22 comments
|
Counter : 14179 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: แม่น้องคะน้าจัง IP: 126.23.51.69 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:19:19:38 น. |
|
|
|
โดย: tukuta วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:20:21:00 น. |
|
|
|
โดย: วดี IP: 124.25.70.184 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:21:13:23 น. |
|
|
|
โดย: MollyJinx วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:22:58:09 น. |
|
|
|
โดย: Koneko-chan (GutChy ) วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:18:10:21 น. |
|
|
|
โดย: beerkun.multiply.com IP: 221.186.3.221 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:20:34:11 น. |
|
|
|
โดย: kirofsky วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:22:02:31 น. |
|
|
|
โดย: beerkun.multiply.com IP: 221.186.3.221 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:17:19:00 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 12 ธันวาคม 2552 เวลา:20:37:19 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 15 ธันวาคม 2552 เวลา:18:13:35 น. |
|
|
|
โดย: bubblebii IP: 10.20.57.44, 203.146.104.41 วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:14:11:09 น. |
|
|
|
โดย: KaVe วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:14:12:18 น. |
|
|
|
โดย: มทิรา IP: 124.120.245.3 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:02:37 น. |
|
|
|
โดย: off IP: 125.26.31.230 วันที่: 12 กันยายน 2555 เวลา:17:20:05 น. |
|
|
|
โดย: BeerRizz IP: 27.145.91.101 วันที่: 27 สิงหาคม 2556 เวลา:23:19:07 น. |
|
|
|
โดย: ชอบของอร่อย IP: 58.11.104.166 วันที่: 20 มีนาคม 2559 เวลา:22:53:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]

|
บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ
เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
ตามมาจากห้องเจแปน อยากถ่ายรูปได้แบบนี้บ้างจังเลยคะ