คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
ตุลาคม 2567
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
21 ตุลาคม 2567
space
space
space

ชวนไปทอดผ้าป่าและร่วมบุญอายุวัฒนมงคล 56 ปี พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ สุภทฺโท
ชวนไปทอดผ้าป่าและร่วมบุญอายุวัฒนมงคล 56 ปี 
พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ สุภทฺโท 

พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์  ฉันรู้จักท่าน ตอนไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย  เมื่อ เดือน
กุมภาพันธ์ปี 2563  ท่านเป็นวิทยากร  บรรยายให้ความรู้
เกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ท่านศึกษาปริญญาโทและเอก อยู่ที่ ประเทศอินเดีย
ถึง 7 ปี  ท่านจึงมีความรู้เกี่ยวกับ สังเวชนียสถานทั้ง 4 เป็นอย่างดี
นับเป็นความโชคดี ของคณะเราที่มีวิทยากรทรงคุณวุฒิเช่นท่าน 
       
จอย เพื่อนญาติธรรม  ซึ่งยังคงติดต่อกันหลังจากกลับจาก การไปแสวงธรรมที่อินเดีย
ครั้งนั้น เรายังคงติดต่อ คุยกัน เที่ยวด้วยกัน  ได้มาชวนฉันไปงาน
ร่วมบุญอายุวัฒนมงคล 56 ปีของพระอาจารย์ กิติพันธ์  ในวนที่ 11 สิงหาคม 
(ความจริงท่านเกิด 16 สิงหาคม) แต่จะจัดที่สำนักปฏิบัติธรรมที่ท่านได้ตั้งขึ้นที่จังหวัดเลย
พร้อมกับทอดผ้าป่า เพื่อจะได้สร้างห้องน้ำที่สำนักปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น
  ส่วนวันคล้ายวันเกิดจริง จะไปจัดขึ้นที่หนองคาย วัดที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส
       
พวกเรา มีฉัน จอย วรรณ เอม จุ๊ สมศักดิ์ (สามีจุ๊) มีทูน เป็นโชเฟอร์ เหมือนเดิม
  ฉันเป็นสะพานบุญบอกบุญไปถึงเพื่อนบางคนและลูกศิษย์บางคน
ที่รู้ว่าเขาชอบทำบุญ  (ผ้าป่าครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อสร้างห้องน้ำให้สำนักสงฆ์)
ได้เงินทำบุญสายฉันได้ 4,400 บาท ส่วนคณะจอย 4 คน
ไม่ได้ไปบอกบุญใคร ทำบุญคนละ 1,000 บาท รวม  4,000 บาท มีเอมและแต๋ว ชาดา
สองคน 500 บาท  รวมต้นผ้าป่าของเรา เป็น 8,900 บาท ค่ะ
     
คืนวันที่ 10 ตามที่ จอย จองไว้  ชื่อว่า  พนิดา  วิลกู๊ด เป็นที่พักที่มีบริเวณ ทิวทัศน์งดงาม
พอควร มีที่ให้ถ่ายรูป  คืนหนึ่ง ราคา 650 บาทเฉลี่ย จ่ายคนละ 325 บาท 
อาหารเช้า มีข้าวต้มเครื่องให้   พวกเราสั่งไข่กระทะเพิ่ม จำไม่ได้ว่าฉันสั่งเพิ่มหรือเปล่า
ปรกติ ไม่ค่อยได้กิน ไข่กระทะ
     
พวกเรามาถึง ได้ห้องพักแล้ว ก็มาถ่ายรูปบริเวณนี้  พวกจอย จุ๊ สมศักดิ์ ทูน วรรณ
  ออกมาสั่งอาหาร  เรียกฉันกับแต๋ว ออกมาร่วมวง แต่ไม่ได้สั่งกิน  
เพราะเพิ่งกินราดหน้าช่วงประมาณ บ่ายสี่โมง  เอม ก็ไม่กิน  จอยคะยั้นคะยอให้กิน
ยำวุ้นเส้น เลยกินกับเขาเล็กน้อย แต๋วก็เหมือนกัน  นั่งคุยได้พัก 
ฉันกับแต๋วก็กลับห้องพัก  เพื่อดูละคร อาบน้ำ พักผ่อน     







รูปและบริเวณที่พัก  ถ่ายช่วงเย็นวันแรก ค่ะ 

วันที่ 11 ส.ค. เช้านี้ ฉันก็ตื่นเช้ากว่าคนอื่นเหมือนเดิม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาจากห้องพัก 
ไปเดินรอบ ๆ ที่พักอีกครั้ง เพื่อถ่ายรูปบรรยากาศตอนเช้าไว้
  อากาศสดชื่น  มีเอม เป็นคนถ่ายรูปให้ฉันและแต๋ว ถ่ายหลายมุมมากกว่า เมื่อวานที่มาถึง
เพราะมาถึงแล้ว แดดไม่ค่อยมีแล้ว นั่นเอง มาชมบรรยากาศของเช้าวันนี้ ค่ะ 











บริเวณบ้านพักตอนเช้า  ฝีมือถ่ายรูปของ เอม ทุกรูป มีฉันและชาดา เป็นนางแบบ อิอิ 


 
         ทางโรงแรม  นัดให้เรากินข้าวเช้า  6.00 น. เมื่อถีงเวลาที่นัด  เราก็มานั่งโต๊ะที่จัดให้เรากินข้าว 
เป็นข้าวต้มหมู รสชาติค่อนข้างเค็ม  คนที่สั่ง ไข่กระทะ จ่ายเพิ่ม 50  บาท
ฉันจำไม่ได้ว่า  สั่งกับเขาหรือเปล่า อิอิ  
       
นัดกัน 7.00 น. รถออกจ้ะ  เพราะยังต้องเดินทางอีกประมาณชั่วโมงกว่า จะถึงสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรม
ที่เป็นที่ทอดผ้าป่าและจัดงาน ร่วมบุญอายุวัฒนมงคล 56 ปี 
พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ สุภทฺโท  มาถึงงาน (ซึ่งพวกเราเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง) ชาวบ้านที่มาช่วยงาน
  มารอใส่บาตรข้าวเหนียว มากันมากมายแล้ว ชาวบ้านให้การต้อนรับพวกเรา
เป็นอย่างดี  พวกเราเดินไปถึงที่ที่จะทำพิธี มีต้นผ้าป่าที่จัดเสร็จแล้ว 2 ต้น มีของชาวบ้านที่
สำนักสงฆ์ 1 กระถาง บ้านชำพร้าว อีกคนของวัดอะไร
อ่านไม่ชัดเจน ตามรูปมีต้นเล็ก  ๆ ไม่มีชื่อติด  แล้วก็มีต้นผ้าป่าของเราซึ่งยังไม่ได้จัด เขียนบอกว่า
  ศิษยานุศิษย์ จาก สมุทรปราการ  ไม่มีของฉันซึ่งมาจากกรุงเทพฯ
อยู่ในป้ายชื่อ พระอาจารย์คงไม่รู้ว่า เรากับเอม จะไปมั้ง  

พอเดินเข้าไปในศาลาที่จะทำพิธี พระอาจารย์กิติพันธ์ นั่งอยู่บนอาสนที่เตรียมนิมนต์พระจาก
วัดป่าวิเวกภูเขาวงของพระอาจารย์ประพันธ์ ที่เรียกท่านว่าหลวงตา
นำพระมาร่วมพิธีทอดผ้าป่าด้วย ค่ะ พระอาจารย์ กิติพันธ์ พอเห็นคณะเราก็ดีใจท่านทักฉันว่า
  "โยมสุวิมล ก็มาด้วย"  ฉันก็ปลื้มใจเนาะที่ท่านจำฉันได้ 
ก็น่าจะจำได้แม่นหรอกนะเพราะท่านเคยมีไลน์ฉันด้วย (ปัจจุบันไลน์ท่านหายไป
ไม่ได้แอดกันไหม่) เคยบอกบุญมาถึงฉันบอกว่า  ท่านอยาก
สร้างถนนที่จะเข้าไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ภูผายา ซึ่งถนนยังเป็นดินลูกรัง เวลาหน้าฝน
ชาวบ้านและคนที่จะมาปฏิบัติธรรมที่นี่เดินทางลำบากมาก
  ท่านต้องการจะทำถนนเป็นปูนซิเมนท์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาทำบุญและ
ปฏิบัติธรรม ฉันก็ช่วยเป็นสะพานบุญให้ท่าน บอกลูกศิษย์
เพื่อนฝูง ช่วยกันทำบุญ ผ้าป่ากองละ 999 บาท หรือตามแต่ความสะดวกของผู้ทำบุญ 
 คราวนั้น ฉันรวบรวมเงินทำบุญได้ สี่หมื่นกว่า  จอยเสนอว่า
ควรเป็นผ้าป่าของเราเลย คณะของจอย จุ๊ จากสมุปราการได้ปัจจัยมาน่าจะสองหมื่นกว่า
รวมแล้วได้ หกหมื่นกว่า  
       ท่านเป็นพระนักพัฒนา  คุมงานทำถนนเอง  ถ่ายรูปการสร้างถนนมาให้เห็นความก้าวหน้า
ของการสร้างถนน ฉันก็ได้ส่งไปให้ผู้ที่ทำบุญชม  เสียดาย
ท่านไม่มีใบอนุโมทนาและการทำใบลดหย่อนภาษีให้คนทำบุญ ไม่งั้นน่าจะได้
ปัจจัยมากกว่านี้ อิอิ 
     
 พวกเราเข้าไปกราบท่าน    ฉันนำเงินผ้าป่าของฉันและเพื่อน ๆ ใส่ซองโดยมีรายชื่อผู้ทำบุญเขียน
ไว้หน้าซอง ถวายพระอาจารย์  มีรูปถ่ายประกอบ เพื่อให้ผู้ทำบุญ
ได้ทราบว่า  เงินทำบุญของเพื่อน ๆ และลูกศิษย์ ได้ถึงมือพระอาจารย์แล้ว จะได้สบายใจ 
เพราะว่า ทางสำนักสงฆ์ไม่มีใบอนุโมทนาบัตรให้ ค่ะ 










นำซองเงินที่เพื่อนและลูกศิษย์รวมปีจจัยของฉัน ถวายพระอาจารย์
ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ด้วย ค่ะ 


พระอาจารย์ ทอดผ้ามารับซองแล้ว  พวกเรา ก็รีบช่วยกัน นำปัจจัยทั้งหมด เสียบไม้และนำไปเสียบ
ที่ต้นผ้าป่ากัน ช่วยกันจนต้นผ้าป่าของเรา ก็สวยงาม ถึงจะ
มีน้อย สีสันไม่มีมากนัก  มาชมรูปของพวกเรา ค่ะ 







ต้นผ้าป่าของคณะเรา ค่ะ 



ต้นผ้าป่าที่นำมาร่วมทอดกันวันนี้ ค่ะ 





 เมื่อพระจากวัดหลวงตามาพร้อมกันแล้ว  ก็จะเริ่มมีพิธีตักบาตรข้าวเหนียว ค่ะ ชาวบ้านที่นี่  เขาทำ
ข้าวเหนียวเผื่อพวกเราด้วย ค่ะ  ถือกันคนละจาน  แล้วก็ไปยืนเข้าแถว
ตามทางที่ทางสำนักสงฆ์จัดไป  ตามภาพที่ถ่ายไว้ ค่ะ บรรยากาศร่มรื่น  พระสงฆ์เดินไปตั้งแถวด้านใน
แล้วเดินออกมารับบาตรจากพวกเรา ซึ่งตั้งแถวยาวไว้รอใส่บาตร 
มาชมบรรยากาศของการใส่บาตรของพวกเราและชาวบ้าน ค่ะ 















หลังจากใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ว  น่าจะประมาณ 9.30 น. เห็นจะได้  ก็เริ่มพิธีทอดผ้าป่า ค่ะ
มีชาวบ้านมาร่วมงานมากมายเต็มสถานที่จัดงาน ฉันกับจุ๊ไปนั่งเก้าอี้อยู่
ด้านหลัง  เจ้าภาพใหญ่จุดธูปเทียน อาราธนาศีล  เสร็จแล้ว  พระสงฆ์สวดมนต์ พวกเราและชาวบ้าน
นั่งฟัง  เสร็จแล้ว พระอาจารย์หลวงตาประพันธ์มีเทศน์และให้พร
มีการถวายเครื่องไทยทาน (ไทยธรรม  เรียกได้สองอย่าง)  แล้วกรวดน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี
   จากนั้น เป็นการฉันเพล  ค่ะ 





ในการทอดผ้าป่า  มีการโยงสายสิญจน์ ด้วยให้พวกเราจับ
ในขณะที่พระสวดทำพิธี ค่ะ 



เข่าไม่ดี นั่งกับพื้นนาน ไม่ไหว เลยนั่งเก้าอี้กับ จุ๊ 










เมื่อเสร็จพิธีและพระฉันเพล เรียบร้อยแล้ว  ผู้มาร่วมงานก็กินข้าวร่วมกัน แต่กินข้าวกลุ่มใคร
กลุ่มมันนะ อิอิ กลุ่มเรา จอยรู้จักกับคนที่ชื่อ น้อย
ซึ่งน่าจะเป็นคนจัดการเกี่ยวอาหารที่คนนำมาถวายพระมั้ง  จอยซื้อไก่ย่าง  ข้าวเหนียว  ปลาสลิด 
มาให้คุณน้อยคนนี้ ทำเพื่อถวายพระฉันเพลส่วนหนึ่ง 
อีกส่วนหนึ่งมาให้พวกเรากินเป็นมื้อเที่ยงเขาก็จัดการให้อย่างเรียบร้อย จัดชุดใหญ่ให้เลย
  มีแกงเขียวหวาน ขนมจีนด้วย  มีขนมด้วย  ขนมสาลี่ อร่อยดี
มาชมบรรยากาศมื้อกลาววัน ค่ะ 







อาหารที่น้อยนำมาให้พวกเรา มีมากมาย ค่ะ เราออกมากินที่เต็นท์ ที่เขาจัดให้

คุณน้อย หลังจากที่พวกเรากินข้าวเสร็จก็มาตามพวกเราที่บอกว่า ต้องการหน่อไม้  เขาให้ฟรี แต่ไม่นึกว่า
เขาจะขนมาเยอะมาก อยากให้เราเอาไปเยอะ ๆ แกขนมา
เต็มหลังรถกะบะ ฉันตั้งใจจะเอาสัก 5-6 ถุง กินเองสักถุง (เป็นหน่อไม้ที่ต้มเสร็จฝักเล็ก ๆ ถุงละ 5 ฝัก)
ที่เหลือจะไปแจกเขา ปรากฏว่า เขาจัดให้น่าจะเป็น12-15 ถุงได้
  แล้วยังมีหน่อไม้ดองในขาดพลาสติค ให้มา 7-8 ขวด  อย่างนี้ จะเอาของฟรีก็ไม่ค่อยดี
เลยให้เงินเขาไป 100 บาท เอามาก็ต้องไปแจกเพื่อนบ้านคนละ 2-3 ถุง
  แจกหน่อไม้เปรี้ยวคนละขวดสองขวดเหลืออีก หลายถุง เรียกประไพ แม่บ้านที่มาทำความสะอาด
มาเอาไปกินด้วย ฉันเหลืออยู่ในช่องแข็งประมาณ 3-4 ถุง เท่านั้น 
       
ประมาณบ่ายโมงเศษ ๆ ก็เริ่มพิธี รดน้ำ งานบุญอายุวัฒนมงคล 56 ปี พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ สุภทฺโท
ฉันเตรียมซอง ใส่ปัจจัยถวายท่าน อีก 500 บาท จอย ฉัน จุ๊
สมศักดิ์ และวรรณ ก็ไปรดน้ำพระอาจารย์  ส่วนเอมและแต๋ว ชวนแล้ว เขาไม่ไป  พวกเรา  5 คน
ก็ไปกราบพระอาจารย์และรดน้ำพร้อมถวายปัจจัยของใครของเขา 
พระอาจารย์แจกยาหม่อม (มั้ง) คนละกระปุก ฉันขอเพิ่มอีก 4 กระปุกไปให้ลูกศิษย์และ
เพื่อนที่ทำบุญผ้าป่ามา  500 บาท ขึ้นไป ค่ะ  



รดน้ำงานวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์ เป็นปีแรก  และมอบปัจจัยด้วยค่ะ (ทุกปี
ฝากปัจจัยมาให้ท่าน ไม่ได้มาด้วยตัวเอง) 





เมื่อพวกเรารดน้ำพระอาจารย์เรียบร้อยแล้ว ก็กราบลาท่านเพื่อไปเที่ยวต่อ ค่ะ แห่งแรก เป็นทางผ่าน
ที่จะไปยังที่พัก  มีป้ายเขียนว่า "มนต์ขลังทุ่งลุยลาย"
  มีรถคันอื่นจอดถ่ายรูปกันก่อน  พวกเราก็รอสักพัก ก็ได้ถ่ายกับป้ายนี้ ค่ะ อิอิ  มาชมค่ะ 











รูปหมู่ นาน ๆ จะได้ถ่ายกัน ค่ะ

     จากที่นี่ ก็ไปเที่ยว  สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว

“สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว”  ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2536 ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม
ตั้งอยู่ที่บ้านผาเบียด หมู่ 2 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ บนพื้นที่ 160 ไร่  
ตามตำนานเล่าว่า กองทัพแห่งราชอาณาจักรล้านนา(ลาว)ในอดีต ยกกองทัพผ่านมา ที่บ้านผาเบียด
และเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงได้ทำการเกษตร ปลูกข้าวสะสมเป็นเสบียง
อาหารของกองทัพ และต่อมาก็มีคนลาวอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก
จึงขนานนามว่า "น้ำผุดทัพลาว" หรือ "น้ำผุดทับลาว" สืบต่อกันมา

    บ้านผาเบียด เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา ดินอุดมสมบูรณ์ มีตาน้ำขนาดใหญ่ผุดขึ้นจากใต้ภูเขา
น้ำใสสีเขียวมรกต สวยงามสะอาดปราศจากกลิ่น มีน้ำผุดตลอดทั้งปี
 ไหลเป็นลำธารแยกเป็นสายน้ำผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ มองเห็นรากไม้ สวยงามจับใจ มองเห็น
ก้อนหินรูปร่างเล็กใหญ่สวยงามอยู่ในลำธาร เห็นแล้วก็อดที่ลง
ไปสัมผัสอุณหภูมิของน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำเสียมิได้ ลึกเข้าไปบนภูเขาก็จะเห็นสภาพป่าเบญจพรรณ
ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์จึงไม่แปลกเลยที่กองทัพแห่งราชอาณาจักรล้านนา
จะเห็นความอุดมสมบูรณ์ที่ว่านี้น้ำผุดทัพลาว เกิดจากหินที่ถูกกัดกร่อนจากน้ำและความชื้น
ด้วยระยะเวลานานหลายล้านปจนทะลุเป็นโพรงใต้ภูเขา
ทำให้เป็นทางน้ำไหลจากใต้ดิน ดันขึ้นสู่พื้นดินเป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำธรรมชาติ ผุดขึ้นในปริมาณ
กว่า 400 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงตลอดทั้งปี จึงสันนิษฐานกันว่า
เป็นน้ำผุดที่เกิดจากการดูดซับน้ำของผืนป่าบนภูเขา และค่อยคลายไหลรวมกันผ่านโพรงหินใต้พื้นดิน
และผุดขึ้นมาให้ปรากฏ เป็นแหล่งน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์
เป็นน้ำผุดหล่อเลี้ยงปู ปลาน้อยใหญ่ ต้นไม้ให้อุดมสมบูรณ์ ส่งผลความร่มเย็นตลอดทั้งปี 

 นอกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ใกล้กับบ่อตาน้ำผุด มี “พระพุทธรูปเก่าแก่” และ “เจ้าพ่อหมื่นตื้อ”
ซึ่งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

   สวนรุกขชาตินี้ ชาวบ้านยังได้ร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีสินค้าของที่ระลึก
มีบริเวณที่ปูเสื่อ นั่งสนทนากันในหมู่คณะ หรือจะนั่งบนเถียงนาน้อย 
(บ้านไม้ไผ่น้อย) บริเวณใต้ร่มไม้ใหญ่ มีสายน้ำไหลผ่าน ได้ยินเสียงครกส้มตำดังโป๊กๆ
กลิ่นหอมไก่ย่างลอยมาแต่ไกล ปลานิลสดๆ จากเขื่อนจุฬาภรณ์เผาเกลือ ซึ่งเขื่อน
อยู่ห่างออกไปแค่ประมาณ 8 กิโลเมตร เท่านั้น 

  การเดินก็สะดวกสบาย จากทางหลวงหมายเลข 12 (ชุมแพ-คอนสาร-เพชรบูรณ์) ถึงแยกอำเภอ
คอนสารให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2055 เข้าไปประมาณ 10 
กิโลเมตร ก่อนถึงเขื่อนจุฬาภรณ์ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะเห็นป้ายทางแยกเลี้ยวขวาเข้าไป
สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว เป็นทางลาดยาง อีกประมาณ 3 กิโลเมตร 
จะเห็นบ้านพักทรงสวยงาม และมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ด้วยราคา
เป็นกันเอง หากต้องการไปกราบสักการะ “หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม”
พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าห้วยกุ่ม ต.หนองโพนงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ด้วยระยะทาง
20.7 กิโลเมตร หรือจะไปพักที่เขื่อนจุฬาภรณ์ แล้วเที่ยวชมสัตว์ป่า
ที่ทุ่งกะมังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ก็ไม่ไกลกัน
( ขอบคุณข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ) 
             




ที่เห็นทางด้านซ้าย คือ น้ำผุด 







มุมนี้ คนมาถ่ายรูปกันมากมาย  รวมทั้งพวกเราด้วย 



(ขอบคุณ บทความจาก สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จ.ชัยภูมิ
: คอลัมน์ถิ่นไทยงาม  ชาตรี ทวีนาท)


จากน้ำผุดแห่งนี้แล้ว  ก็เดินทางเข้าที่พัก  คืนนี้พักที่เขื่อนจุฬาภรณ์  แบ่งเป็นห้องละ 3 คน
เฉลี่ยค่าห้อง คนละ 360 บาท  เมื่อนำกระเป็นเข้าที่พักแล้ว  พวกเรา
ก็ไปเที่ยวเขื่อนจุฬาภรณ์กัน ค่ะ มาทราบประวัติของเขื่อนนี้ สักหน่อยค่ะ 

         เขื่อนจุฬาภรณ์ มีชื่อเดิมว่า “เขื่อนน้ำพรม” เป็นโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สร้างปิดกั้นลำน้ำพรมบนเทือกเขาขุนพาย บริเวณที่เรียกว่า
 ภูหยวก ในท้องที่ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

เขื่อนจุฬาภรณ์ เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญมากอีกเขื่อนหนึ่งต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้า
ของประชาชนได้อย่างเพียงพอ เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่ให้ประโยชน์ต่อการชลประทานช่วย
ระบายน้ำเพื่อการเพาะปลูกในฤดูแล้งในพื้นที่การเกษตรตามลำน้ำพรม
 ประมาณ 50,300 ไร่ และตามลำน้ำเชิญ ประมาณ 20,800 ไร่ นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำยังเป็นแหล่งเพาะ
พันธุ์ปลาน้ำจืดที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 รวมทั้งบริเวณโดยรอบของที่ตั้งตัวเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงามมาก มีอากาศเย็นสบายตลอดปี
จนได้สมญาว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ของประเทศไทย”

โครงการน้ำพรม ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน
พ.ศ. 2512 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
 ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้า เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2513 งานก่อสร้าง
แล้วเสร็จและสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2515 
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 
เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 
ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนและโรงไฟฟ้า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2516 พร้อมทั้งพระราชทาน
พระนามสมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 
ขนานนามเขื่อนว่า “เขื่อนจุฬาภรณ์”  (ขอบคุณ ความรู้จากอินเทอร์เน็ต)  มาชมรูปของพวกเราค่ะ 



บรรยากาศอ่างเก็บน้ำ เขื่อนจุฬาภรณ์ ช่วงเกือบเย็น ลมพัดเย็น แดดร้อนเหมือนกัน













 อาหารมื้อเย็น  เราสั่งกินกันที่ร้านอาหารของที่พักที่นี่  ก่อนที่เราจะไปนั่งกินข้าวมื้อเย็น
ยังมีเวลาถ่ายรูปบริเวณนี้ด้วย ค่ะ ไปชมบรรยากาศแถวร้านอาหารค่ะ 
รูปตอนเย็น ที่เขื่อนจุฬาภรณ์








       อาหารมื้อเย็น สั่งกินกัน หลายอย่าง ดังภาพ ค่ะ เฉลี่ยจ่ายกันคนละ 170 บาท  กินเสร็จ กลับที่พัก
ยังไม่หกโมงเย็นเลย  วันนี้กลับที่พักเร็วกว่าทุกวัน ค่ะ 



วันที่ 12 ส.ค. เช้านี้  เราสั่งข้างต้มของร้านอาหารที่เรากินเมื่อคืนนี้ คนละชาม  ข้าวต้มหมู ราคาชามละ
50 บาท บางคนสั่งข้าวต้มกุ้ง น่าจะราคาสูงกว่า เป็น 60 บาทมั้ง
ก่อนรอกินข้าวต้ม  เราก็ถ่ายรูปกันอีกรอบ  ค่ะ มาชมรูปช่วงเช้า ค่ะ 



อาหารมื้อเช้า ท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น ค่ะ 





ถ่ายรูปตอนเช้า ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง ค่ะ 

             กินข้าวมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว  สถานที่ไปเที่ยวเช้านี้  ก็คือ ทุ่งกะมัง  ค่ะ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า 
ทางที่ไปบางช่วงค่อนข้างขรุขระ  มารู้ประวัติของ ทุ่งกะมัง นี้สักหน่อย

         ทุ่งกะมัง ตั้งอยู่ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ตำ  มีเนื้อที่ราว 5,000 ไร่ เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ
ที่อยู่บนเนินสูงต่ำสลับกันไป  มีธารน้ำหลายสายไหลผ่าน
 พื้นที่รอบ ๆ เป็นป่าดิบเขา บางช่วงของป่ามีป่าสนขึ้นสลับกับต้นเหียงและต้นก่อ ส่วนกลางทุ่งกะมัง
แทบจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเลย เป็นลานโล่งกว้างมาก 
        ทุ่งกะทัง นอกจากมีสัตว์ป่าแล้ว ในช่วงฤดูหนาว ก็จะมีอากาศหนาวเย็นและตอนเช้า
ก็จะสามารถเห็นหมอกกระจายอยู่ทั่วทุ่งได้อีกด้วย  โดยเฉพาะ 
ตรงจุดชมวิวบริเวณพลับพลาที่กลางทุ่ง จะมีวิวของทุ่งหญ้าสีทองและพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
พร้อมกับหมอก แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นก็สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตก ได้ที่บริเวณ
อ่างเก็บน้ำเลยค่ะ เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.00 น.
         ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท , ต่างชาติ 200 บาท  แต่พวกเราเข้าฟรีค่ะ 
เพราะตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระพันปีหลวง เลยให้เข้าฟรี
มาชมภาพสวย ๆ ที่ถ่ายมาฝาก ค่ะ 













ทุ่งกะมัง  ที่บริเวณนี้ เป็นทุ่งกว้าง เขียนขจี สวยงามมาก ค่ะ 




จากทุ่งกะมัง  ก็มุ่งหน้าเดินทางไปยังเขายายเที่ยง  เพื่อไปพักที่รีสอร์ท ชื่อ "บ้านผาหินงาม เขายายเที่ยง"
  ระหว่างทางเกิดเหตุการณ์น่าตื่นตระหนก ฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ ได้ยิน
เสียงดังมาก ๆ เหมือนกับว่า  รถเราชนกับรถคันอื่น  หัวฉันโขกกับพนักเก้าอี้  ดีที่แว่นไม่แตก รอประกัน
ฝ่ายรถบรรทุก  น่าจะชั่วโมงกว่า  แถมฝนก็ตกหนักด้วย  ดีที่จุ๊ ให้ฉัน
ช่วยบัง  ไปฉี่ที่ทุ่งหญ้าข้างทางแถวนั้น  ฉี่เสร็จฝนก็ลงเม็ด  ไม่งั้นอั้นฉี่แย่แน่นอน อิอิ 
เมื่อประกันของฝ่ายที่ชนรถตู้เรา กระจกประตูหลังแตกบ่อย 
ประตูบุบ  กระจกไฟท้ายแตก ประกันมา  ถ่ายรูปไว้แล้วไปดำเนินการต่อ อยู่ตรงเกิดเหตุ
น่าจะสองชั่วโมงได้   เรามาถึงก็มืดแล้ว  ทางเจ้าของที่พัก
เตรียมอาหารให้เรียบร้อยแล้วรอพวกเรา  เจ้าของที่พัก คิดห้วละพันบาท มีอาหารมื้อเย็นนี้และ
มื้อเช้าอีกมื้อ   เจ้าของบ้านใจดี  ท่าทางทะมัดทะแมง  พูดเก่ง
ชอบร้องเพลง  ร้องให้พวกเราฟังหลายเพลง ค่ะ อาหารที่จัดให้เราเป็นสองชุด  รสชาติอร่อย 
พวกเรากินกันอย่างเอร็ดอร่อย  ตามรายการอาหารที่ถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ 





       
สมศักดิ์โชว์ลีลาการร้องเพลง ค่ะ อิอิ

ห้องนอนคืนนี้ มีสองห้องใหญ่  ค่อนข้างแออัด  คับแคบหน่อย  แต่ไม่มีปัญหา  ห้องเรานอนเตียงใหญ่
4 คนมีฉัน จอย วรรณ ชาดา  เตียงเล็ก เอมจองไปนอนคนเดียว
ไม่มีแอร์ แต่อากาศก็ไม่ร้อน เนื่องจากอยู่ในเขาใหญ่ อีกห้องมี สมศักดิ์ จุ๊ และทูล ห้องน้ำในห้องนอน
มี 1 ห้อง ด้านนอกอีก 1 ห้อง  โทรทัศน์ดูไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ อิอิ 
       
13 ส.ค. เช้านี้ พวกเราตื่นตามสบาย ไม่รีบร้อนนัก  วันนี้เราจะกลับกรุงเทพฯ ฉันกับเอม
ตื่นเช้าแล้ว  เดินชมธรรมชาติที่ร่มรื่นของที่พัก แล้วเดินถ่ายรูปสักพัก
อาหารเช้าก็พร้อมให้พวกเรากินแล้ว  อาหารมีทั้งข้าวต้ม ข้าวสวย แกงหน่อไม้ ขนมจีน
หมึกกะตอยทอด กุนเชียงทอด  ผัดผักบุ้งด้วย  ผลไม้ 
ฉันกับเอม ออกจากบ้านพักก่อน เลยมากินข้าวช้าก่อน  เจ้าของที่พัก มีของฝาก คือ
น้ำพริกมะขามและหน่อไม้ให้ด้วย นะ มาชมอาหารมื้อเช้า ค่ะ 





อาหารมื้อเช้า มีกับข้าวกินกับข้าวต้ม ข้าวสวยกินกับแกงหน่อไม้ได้ ค่ะ อร่อยมาก ค่ะ


สมาชิกที่เพิ่งตื่น ก็มากินข้าวเช้า  นั่งคุยกัน  ฉันกับเอมไปเดินถ่ายรูปบริเวณที่พักต่อ  ต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ
มีมากมาย เลยทำให้สถานที่นี้ ร่มรื่น  เจ้าของได้สร้าง
จุดให้ถ่ายรูปอยู่หลายจุด ค่ะ มาชมภาพที่เอมถ่ายให้  ค่ะ 





คนที่ยืนขวาสุด คือเจ้าของที่เรามาพักค่ะ  อัธยาศัยดี  ค่ะ 







 ได้เวลาพอสมควร  น่าจะประมาณ 9.00 น. พวกเราก็ลาเจ้าของที่พัก  เป้าหมาย คือ
จอยพาไปเที่ยวกังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้า  เป็นสถานที่
มีลมพัดโชยมา แต่ตอนนี้แดดร้อน คนมาชม มีรถให้เช่าเพื่อขับชมสถานที่แห่งนี้ 
แต่ต้องขับเอง  เป็นรถไฟฟ้า  คันละ น่าจะ 200 บาท
นั่งได้ 5 คนมั้ง จำได้ว่า จ่ายเงินคนละ 50 บาท  คันฉันมีจอยเป็นคนขับ  อีกคัน น่าจะสมศักดิ์
ขับไม่เกิน 1 ชั่วโมง มั้ง  มาชมบรรยากาศสถานที่แห่งนี้ ค่ะ 
 


มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ คนมาเที่ยวกราบไหว้บูชา ค่ะ 





ท้องฟ้าวันนี้ สีครามสวยงามมาก ค่ะ 



นี่เป็นรถให้นักท่องเที่ยวเช่า ขับชมวิวบริเวณอ่าวเก็บน้ำ ค่ะ

 จากที่นี่แล้ว  ก็ไปชมสถานที่ของการไฟฟ้า  วันนี้ ใกล้วัน สัปดาห์วิทยาศาสตร์ คือ 18 ส.ค.
จึงดูคึกคัก  มีคนมาชมมากพอสมควร  มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ
เรื่องของไฟฟ้า  การผลิตไฟฟา  การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เป็นต้นมีวิทยากร เจ้าหน้าที่
มาอธิบาย  มีกิจกรรมให้ร่วมด้วย  ดูหนังสามมิติ
มีแว่นให้ใส่ แสดงถึงความเจริญก้าวหน้าเกี่ยวกับไฟฟ้า  มีถ่ายรูปกับป้ายที่เราร่วมกิจกรรม
ด้วย ค่ะ  มาชมรูปภายในงาน ค่ะ 



กิจกรรมที่ทางสำนักงานจัดให้ทำ ค่ะ 



ฟังคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ ค่ะ 



สถานที่นี่ เป็นการชมเป็นสถานที่สุดท้ายแล้ว  พวกเรามุ่งหน้ากลับกรุงเทพ ฯ  ได้แวะ
ตลาดไอยรา  เพื่อซื้อทุเรียนที่แกะแล้ว จอยน่าจะมาซื้อร้านนี้
เป็นประจำมั้ง เพราะดูเลือกทุเรียน เก่ง  รู้จักร้านขายดี พวกเราก็ลงรถ เฮโลลงไปที่ร้านนี้ 
เขาขายขีดละ 45 บาท แกะเสร็จเรียบร้อย  เราเลือกกันเอง
เอานิ้วจิ้มเบา ๆ นะ จะเอาพูไหนก็บอกคนขายแล้วนำไปชั่ง  ของฉันซื้อ 3 พู เล็ก  180 บาท
  จอยซื้อมากที่สุด ได้ยินว่า เขาจะซื้อไปฝากต๋อยมั้ง
  ส่วนของฉัน จะไปไหว้แม่ ไหว้พ่อ ก่อน พ่อกับแม่ชอบกินทุเรียน ค่ะ 
         จากที่ตลาดไอยรา ก็เดินทางกลับบ้าน  ส่งเอมลงที่คลองเตย แล้วถึงมาส่งฉัน  วันนี้เรากลับ
กรุงเทพฯ เร็วน่าจะประมาณ บ่ายสามโมง เอง
ช่วยกันขนหน่อไม้ กระเป๋าเสื้อผ้า และแก้วมังกร เข้าบ้าน  เป็นอันจบทริปผ้าป่าและ
ทำบุญวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์กิติพันธ์
ผลพลอยได้ คือ เที่ยวด้วย ค่ะ ถึงบ้าน ก็จัดแจงนำหน่อไม้ แจกบ้านละ 2 ถุงบ้านไหนคนเยอะ
แจก หน่อไม้ดองขวดด้วย  บ้านแจ๊ค ที่มาช่วยดูคอมฯ
เวลามีปัญหา  บ้านแม่น้องออม  บ้านเอ๋ ขายโจ๊ก มีแก้วมังกรด้วยคนละผลสองผล
แจกเสร็จก็มาจัดการของกินเข้าตู้เย็น ใหเรียบร้อย  จบทริป
ทำบุญเป็นหลัก ท่องเที่ยวเป็นผลพลอยได้  ขอแบ่งผลบุญครั้งนี้ให้แก่เพื่อนชาวบล็อกทุกคน ค่ะ สวัสดี ค่ะ   


















  



Create Date : 21 ตุลาคม 2567
Last Update : 22 ตุลาคม 2567 19:40:37 น. 31 comments
Counter : 397 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณปัญญา Dh, คุณร่มไม้เย็น, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtanjira, คุณชีริว, คุณกะว่าก๋า, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSweet_pills, คุณดอยสะเก็ด, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณ**mp5**, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี


 
อนุโมทนาบุญด้วยคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 ตุลาคม 2567 เวลา:20:38:05 น.  

 
ได้ทั้งเที่ยวทั้งทำบุญเลยนะครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอบุญนี้จงส่งเสริมให้พบแต่สิ่งดีๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 ตุลาคม 2567 เวลา:21:12:45 น.  

 
อาจารย์ดูแข็งแรงมากค่ะ
รักษาสุขภาพนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:10:00:44 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

อาจารย์ยังแข็งแรงอย่างคุณหอมกรบอกเลยค่ะ
แม่หนู 79 ไม่ชอบออกจากบ้านค่ะอาจารย์ ชวนไปไหนก็ไม่ไปค่ะ

อาจารย์ได้ไปทำบุญได้ไปเที่ยวด้วยดีจังค่ะ



โดย: tanjira วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:13:31:56 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ อาจารย์สุวิมล

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ได้ไปทำบุญและได้ไปเที่ยวต่อด้วย
สุขกายสุขใจที่สุดค่ะ

จากบล็อก
ฝนตกเกือบทุกวันค่ะ จันทร์ไม่ได้ไปเดินเลยจริงๆค่ะ
ตอนนี้เลยติดขี้เกียจอีกแล้วค่ะ พอวันไหนมีแดดก็ไม่ไป
เดือนหน้ามีงานแห่หลวงพ่อเค้ามาใช้สถานที่ ได้หยุดยาวเป็นเดือนอีกค่ะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:13:32:20 น.  

 
อยากไปสังเวชนียสถานสักครั้งครับ ต้องลาหลายวันเลย ต้องหาโอกาสเหมาะๆ ก่อน
ถ้าได้คนมีความรู้แบบพระอาจารย์กิติพันธ์ด้วยก็ยิ่งดีเลยครับ กลัวทัวร์จะพาไปสวดมนต์อย่างเดียว

จ.เลยอยู่ระหว่างภาคเหนือกับอีสาน ไปช่วงปลายๆ ปีอากาศน่าจะดีเลยครับ
คนไม่ค่อยเยอะด้วย ยกเว้นเชียงคาน
เสียดายทำบุญลดภาษีไม่ได้นะครับ
เดี๋ยวนี้บางวัดสแกน QR บริจาคแล้วตัวเลขเข้าระบบของสรราพรหักภาษีให้เลย ไม่ต้องกรอกเพิ่ม

ทุ่งลุยลายมองลงไปข้างล่างเห็นสีเขียวสุดลุกหูลูกตาน่าจะสดชื่นดีครับ
น้ำผุดทัพลาวหน้านี้น้ำเยอะเลยอาจมองไม่เห็นตาน้ำ
ตรงเจ้าพ่อหมื่นตื้อไม่ได้ไปใช่ไหมครับ
เขื่อนทั้งสองเขื่อนมีจุดให้ถ่ายรูปบนสันเขื่อนสวยเลยครับ
ทุ่งกะมังเข้าฟรี ที่เห็นไกลๆ นั่นฝูงกวางใช่ไหมครับ อุดมสมบูรณ์นะเนี่ย

มีอุบัติเหตุระหว่างทางด้วย เสียดายกำลังสนุกเลยนะครับ ดีไม่มีใครเป็นอะไรมาก
ทัวร์นี้ผมเคยไปอยู่ที่เดียวก็ลำตะคลองนี่ละครับ นอกนั้นไม่เคยเลย
อยู่นอกเส้นทางที่ผ่านบ่อยๆ ด้วย


โดย: ชีริว วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:14:41:02 น.  

 
อนุโมทนาบุญครับอาจารย์

ได้เที่ยวและได้ทำบุญด้วย
เป็นทริปที่ดีมากๆเลยครับ

ผมเคยใช้ชีวิตที่จังหวัดเลยอยู่สองปีครับ
เป็นจังหวัดเล็กๆที่น่ารักมากๆ
แต่ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ก็ไม่เคยได้กลับไปอีกเลย
ตอนนี้น่าจะเจริญขึ้นมากแล้วนะครับ

ทุกวันนี้ผมก็อ่านเซนไม่เข้าใจครับอาจารย์ 555
เพียงแต่ชอบศึกษาแนวทางเซน
เพราะมีอะไรน่าสนใจและน่าเรียนรู้เยอะมากครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:14:55:46 น.  

 
สวัสดีครับอาจารย์

ช่วงนี้ฝนตก แล้วทำให้อากาศเริ่มเย็น อาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะคับ อากาศเปลี่ยนไวๆ จะไอไม่สบายเอา

สวนผม แน่นอน....อากาศแบบนี้ ผมก็ไอต่อเนื่องไม่หายซักที

ผมบุญต่างจังหวัดนี่ นอกจากได้บุญ ยังได้เที่ยวด้วยนะครับ ถือว่าเป็นบุญทันตาเห็น เพราะได้เที่ยวกับเพื่อนมีความสุข เปิดหูเปิดตา
บางจังหวะเราอาจจะคิดไม่ถึงว่ามีที่น่าเที่ยว แต่พอมีเหตุผลเรื่องไปผ้าป่า กฐิน ก็ถือโอกาสได้เที่ยวด้วยเลย

ผมชอบงานต่างจัวหวัดตรงที่ของกินเยอะนี่แหละครับ แค่เดินกินนี่ก็อิ่มยันเย็นแล้ว

ชัยภูมิไม่เคยไปเลยครับ เกือบจะได้ไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
แต่ป่วยก่อนเลยต้องยกเลิกทริปไปเลยครับ
แต่ชัยภูมิผมต้องวางแผนชาร์จรถซักหน่อย เพราะภาคอีสานยังไม่มี Supercharger ของ Tesla ครับ

จากบล๊อก
จริงๆ ผมไม่ได้เก่งเปียโนหรอกครับ แต่หลานเชื่อแบบนั้น 5555 เพราะเล่นได้ทุกเพลงที่เค้าอยากให้เล่น
ผมบอกเค้าเสมอว่า ข้าวหอมโชคดีนะ ที่ไม่ได้เริ่มจาก 0 เหมือนคนอื่นๆ บ้านก็มีเปียโนไฟฟ้า 2 เครื่อง ให้ได้ซ้อม ทั้งแม่ทั้งน้า รู้โน้ต เล่นเปียโนได้ สอน พาซ้อมได้ตลอด ข้าวหอมรู้จักโน้ตดนตรีตั้งแต่เริ่มพูดได้เลยด้วยซ้ำ ขอให้ตั้งใจหน่อย

น้องตูนจริงๆ เป็นคนไนซ์ และมีมารยาทให้เกียรติ์คนอื่นมากๆ ครับ แล้วใช่ครับ โชคดีมากครับที่น้องเค้าอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นผมนอนนับ 1 - 1000 อยู่ตรงนั้นอีกนานแน่นอน



ป้าอ้วน...ป้าอ้วนขรี้เม้าท์ครับ 55555 แล้วน่าจะออกมารดน้ำต้นไม้ไปพราง ส่องผมไม่ใส่เสื้อไปพราง 55555
คือผมก็อยู่ในห้องนอนตัวเอง จะยืนแปรงฟันริมหน้าต่าง ดูฟ้า รับลม ไม่ก็น่าแปลกเนอะครับ 555555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:18:37:58 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:4:27:48 น.  

 
อาจารย์เต๊ะ มาอ่านในมือถือไปรอบนึงแล้วนะครับ
แต่มาตรฐาน อาจารย์เต๊ะ ต้องอ่านละเอียดอีกรอบ ถึงจะเม้นท์ได้ครับ
วันนี้ พึ่งจะกลับจากไปงานศพเพื่อน สถาปัตย์ รุ่นเดียวกัน เป็นมะเร็งปอดตายครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่นะครับอาจารย์





โดย: multiple วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:19:14:40 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เรื่องเล่าเรื่องแรกนั้นสามารถตีความได้หลากหลายมากครับ
บางคนก็เปรียบว่าเสือที่ไล่ล่าอยู่ด้านบนเป็นอดีต
ตัวที่รออยู่ด้านล่างคืออนาคต
ส่วนปัจจุบันขณะนั้น
ถ้าเราลิ้มรสสตอเบอรี่ก็เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
จนลืมสิ้นทั้งความกลัวในอดีตและปัจจุบันครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:20:49:24 น.  

 
ตื่นเช้าก็รีบมาเลยคร้าบ
ทริปนี้ อาจารย์ไปทำบุญ ถึงเลย แต่ยังไม่เลยไปไหนนะครับ แฮร่
คราวนี้ทำบุญสร้างห้องน้ำ อาจารย์เต๊ะ เวลาไปไหน ถ้าอยากเข้าห้องน้ำนี่ ถ้าหาที่ไหนไม่ได้ ก็นึกถึงวัดก่อนเลย ยังไงก็ต้องได้เข้าแน่นอนนะครับ ทำบุญสร้างห้องน้ำ ถือว่าได้บุญมาก ต้องอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

ที่พักที่ไปพักนี่ ถือว่าบรรยากาศดี กลางท้องทุ่ง ราคาถูกมากมาย
ไข่กระทะนี่เป็นอาหารเช้าชั้นดี แต่ ข้าวต้มเค็ม แม่ครัวเมื่อวานคงจัดหนักเมาค้าง เหยาะน้ำปลาเพลินไปหน่อยนะครับ555

แล้วก็พระยุดนี้นี่เป็นนักพัฒนา บางคนเรียนช่างมาก่อนจะมาบวช
บางวัดนี่ อาจารย์เต๊ะ เคยเห็น พระทั้งวัด ทำงานก่อสร้าง
สร้างกุฎิเองเป็นหลังๆ สวยงามไม่แพ้ช่างอาชีพเลยเชียวครับ

แล้วก็ไปคราวนี้ อาจารย์ยังมีโอกาสได้ตักบาตรข้าวเหนียวด้วย
ชาวบ้านมาร่วมงานกันมากมาย บรรยากาศชื่นมื่น ผู้เฒ่าผู้แก่
ยิ้มแย้มแจ่มใส แลกเลขเด็ด งวดนี้กัน บันเทิงเลยนะครับ

แล้วก็กับข้าวงานวัดนี่ ส่วนใหญ่จะอร่อยเด็ด เพราะคัดแม่คร้ว
เชพมิชลินประจำหมู่บ้านมาทำกัน ข้าวเหนียวไก่ย่างปลาสลิดนี่สุดยอด หนมจีนน้ำยาก็น่าอร่อย แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้วนะครับ 555

กลับจากทำบุญได้ของฝากเป็นหน่อไม้มาต้มจิ้มน้ำพริกกิน
แถมยังได้แวะเที่ยวรายทางอีกหลายที่
ทริปนี้ ชื่นมื่น ราบรื่น อาหารไทย กินอะไรก็ยังถูกปาก
อร่อยกว่าโรตีแขก จิ้มแกงเขละๆ ทริปก่อนนี้ แยะเลยนะครับนี่ 555





โดย: multiple วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:4:12:58 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:6:50:13 น.  

 
มาชวนไปดูแนวคิดจีนครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:22:22:20 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เมฆบ้าเป็นฉายาของท่านอิกคิวเลยครับ
ท่านอิกคิวมีตัวตนจริง
และไม่ได้น่ารักเหมือนในการ์ตูนครับ
ประวัติของท่านโชกโชนมากๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:22:34:31 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2567 เวลา:5:11:34 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ตอนนี้ตาปรือใกล้จะหลับแล้วครับ
ผมกินยาเข้าไป เหมือนยาสลบเลยครับ 555

ช่วงนี้รีวิวหนังสือแบบยาวๆเลย
แต่ช่วงต้นนี้จะหนักไปทางหนังสือเซนเยอะเป็นพิเศษครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2567 เวลา:20:52:30 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2567 เวลา:6:17:06 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อาจารย์โกวิทเป็นศิลปินแห่งชาติด้วย
เสียดายที่ท่านจากไปเร็วมากครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2567 เวลา:19:46:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ตุลาคม 2567 เวลา:5:11:54 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

คนตื่นธรรมได้ดูบ้างครับอาจารย์
เย็นนี้ก็เพิ่งดูครับ
เพราะตอนนี้น่าจะเป็นคนสอนธรรมที่ดังที่สุดแล้วล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ตุลาคม 2567 เวลา:21:01:37 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์

เป็นอีกทริปที่เต็มไปด้วยความสุขใจตั้งแต่ก่อนเดินทาง
กระทั่งกลับนะคะ
สถานที่ที่อาจารย์ไป ไม่ว่าจะเป็นสวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว
เขื่อนจุฬาภรณ์ ทุ่งกะมังหรือรีสอร์ทที่เขายายเที่ยง
ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ สวยสดชื่น น่าเที่ียวมาก
อาหารน่าอร่อยด้วยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่พาเที่ยวค่ะ
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ

ต๋ากลับมาจากเชียงใหม่ก็มีธุระทำต่อที่กรุงเทพฯ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่แวะชมเมนูบ้านต๋า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะอาจารย์

อาจารย์นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 29 ตุลาคม 2567 เวลา:0:40:58 น.  

 

สวัสดีค่ะ อจ.
ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกนะคะ
น้อยไม่ค่อยม่ีรูปเพราะเป็นถ่ายรูป
หาคนถ่ายรูปให้ยาก บางทีไม่อยากรบกวนคนอื่นด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 29 ตุลาคม 2567 เวลา:3:21:17 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2567 เวลา:5:26:37 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ดร.สมภารท่านเคยบวชเป็นพระอยู่นานมากครับ
พอสึกมาท่านก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
เขียนและแปลหนังสือปรัชญาและธรรมะเอาไว้เยอะมาก
โดยเฉพาะแนวเซน
ผมตามเพจอาจารย์สมภารอยู่ครับ
ท่านวาดภาพและเล่นดนตรีได้เก่งมากๆด้วยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2567 เวลา:13:26:44 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:4:53:17 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

คนเล่นบล็อกตอนนี้น้อยลงๆเรื่อยๆครับอาจารย์
วันนึงมีถึง 10 เม้นท์ก็เก่งแล้วล่ะครับ 55



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:12:40:07 น.  

 
สาธุ สาธุ
อรุโมทามิ


โดย: อุ้มสี วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:21:21:52 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2567 เวลา:4:51:06 น.  

 
นิยายบทใหมมาแล้วต่ะ


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 31 ตุลาคม 2567 เวลา:7:16:01 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 31 ตุลาคม 2567 เวลา:11:53:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

BlogGang Popular Award#20


 
อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space