space
space
space
<<
เมษายน 2564
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
20 เมษายน 2564
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 16/2กำเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่
ขุนช้าง ขุนแผน
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน โดย ทักษภณ
ตอนที่   16/2 กำเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่
 
    

    พลายแก้วนอนรอคอยบัวคลี่ ไม่ได้หลับ นอนผ่านไปค่อนราตรี ได้แต่คิดคำนึงว่า เหตุไฉน ป่านฉะนี้นางจึงยังไม่มา ครั้นได้ยินเสียง สายยูประตูดังกริก รีบขยับพลิกตัว ผงกหัวขึ้นเงยหน้า มองเขม้นเห็นมารดา พานางมาส่ง จึงได้ลงจากเตียง

    นางสีจันทร์เข้าไปถึงในห้อง มองไปที่พลายแก้วแล้ว ให้เสียงโดยการกระแอมไอ ภายในห้องแสงตะเกียงสว่างจ้า บัวคลี่เฝ้าคอยมองแต่มารดา ตลอดเวลาที่เข้ามา พอถึงที่ มารดาก็นั่งลง พลายแก้วพนมมือกราบไหว้ ส่วนบัวคลี่ เข้าไปแฝงม่านด้วยใจพลุ่งพล่าน เขินอาย ด้วยยังไม่เคยมือชาย มารดากล่าวกับพลายแก้วว่า

    “ขอให้กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูกันไปจนวันตาย สารพัดโรคภัยอย่าได้เข้ามาย่ำกราย จงคับคั่งมั่งมีขึ้นทุกๆ วัน
    ลูกข้ายังเด็กเล็กหนักหนา ค่อยๆ สั่งสอน ทั้งสองจงเป็นสุขตลอดกาล เสียงไก่กระชั้นเซ็นแซ่เข้ามาแล้ว แม่คงต้องลาไปแล้วหนา”

    พลายแก้วคำนับรับพร นางสีจันทร์ลุกจะออกไปจากห้อง บัวคลี่รีบกอดแม่ไว้ ไม่ให้จากไป มารดาต้องปลอบประโลมลูกสาว เพื่อให้คลายมือจากการเกาะกุม รอจนกระทั่งลูกสาวคลายความวิตกกังวลลง จากนั้นมารดาก็ค่อยๆ ออกไปจากห้อง

    เมื่อมารดาจากไปแล้ว บัวคลี่เกิดความกลัว ตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครา คิดจะติดตามมารดากลับไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว อีกทั้งพลายแก้วก็ไปกั้นขวางทางไว้ ไม่ให้ออกไปได้ บัวคลี่เมื่อไม่อาจออกไปได้ จึงเข้าไปแฝงม่าน หลบอยู่ติดกับฝาเรือน พลายแก้วจำต้องกล่าวปลุกปลอบขวัญนาง

    “ออเจ้ามานั่งนิ่ง ก้มหน้าอยู่ไปไย นี่แน่ พี่จะเล่าความจริงจากใจ คราแรกที่ได้พบออเจ้าในกลางไร่ ใจของพี่นั้น กำเริบรักขึ้นหนักหนา จึงได้มาให้พ่อท่านได้ใช้ โดยไม่คิดกลัวเกรง ทั้งนี้คงเป็นเพราะบุญกุศลเข้าดลใจ ท่านจึงยกออเจ้าให้อยู่กัน เป็นเมียผัว จงทำใจให้สบาย สนทนากันเถิด อย่ากลัวไปเลย”

    พอดูเหมือนว่า นางจะคลายความสั่นกลัวบ้างแล้ว แต่เมื่อพลายแก้วแตะต้องตัวเท่านั้น นางก็เกิดตัวสั่นงันงกขึ้นอีก

    บัวคลี่รู้สึกวาบหวามใจปนสะท้าน ยามเมื่อชายต้องตัวสั่นงกเป็นดังลูกนก ประหม่า ไม่พูดจา พลายแก้วเห็นนาง เมินหมาง สะเทินหนี จึงได้พูดเว้าวอน เพื่อให้ความวิตกกังวล ลดน้อยลง จากนั้นแนบกายนาง พลางเป่าลมละลวย เสกประสมเนตร ทางในเพลาที่พูดจาปราศัย

    “พี่รักเจ้าเท่าชีวิตหนา ออเจ้าจะค้อนควักผลักไสพี่ไปไย”

    แล้วอุ้มนางขึ้นวางบนที่นอน วิงวอน หยอกเย้า
    “จงผินหน้ามาข้างนี้เถิด เสียแรงที่พี่นี้รักออเจ้าเท่าดวงใจหนา”

    บัวคลี่ครั้นถูกเว้าวอน ปลอบประโลมไม่หยุดหย่อน มิอาจทนทานการเว้าวอนได้ จึงค้อนควัก สะบัดหน้าเบือนแล้วกล่าวว่า

    “อะไรนี่ มาเฝ้าแต่เซ้าซี้ ก็รู้ว่าคุณพ่อยอมยกให้ จะพ้นมือพี่ไปได้ฤา ขอให้งดน้องไว้สักสองสามราตรีเถิด ประเวณีเป็นเยี่ยงไร ฉันมิเคย”

    พลายแก้วฟังนางอ้อนวอนจึงกล่าวว่า
    “จะผัดผ่อนไปไยเล่าออเจ้า อย่ากังวลกับการชมเชยไปเลย ถึงไม่เคยก็จะรู้ในครู่เดียว”

    ว่าพลางเป่าเทพรัญจวน ให้บัวคลี่รู้สึกปั่นป่วนซาบซ่านเสียวในทรวง จูบแก้มแนบกายเข้ากลมเกลียว แล้วกล่าวว่า

    “อย่าบิดเบี้่ยวหลีกเร้น ไปให้กายชอกช้ำเลยหนา”

    บัวคลี่ต้องอาคมลมละลวย อ่อนระทวย ด้วยคาถา ความประหม่าจางหายไป แต่ในใจร้อนรักยังคิดอาย จึงทำเป็นชมดชม้อย เมินหน้า ไม่พูดจา

    พลายแก้วเข้าโอบกอด นางก็ผลัก หยิก ข่วน แล้วพลิกหนี พลายแก้วต้องนาง ก็ปัดป้องพอเป็นที แต่ในที่สุดทั้งสอง ก็เสร็จสมอารมณ์หมาย

    พลายแก้วครองคู่อยู่กับบัวคลี่ ไม่มีเรื่่องขัดข้อง เคืองใจอันใด ผ่านไปหลายเดือน บัวคลี่ก็ตั้งครรภ์

    ทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหาร บ่าว ทาส ต่างทำหน้าที่ ช่วยกัน ทำมาหากิน มีเพียงพลายแก้วเท่านั้น ที่นิ่งดูดาย อยู่กับเรือน ทำเป็นเหมือนคน ทำอะไรไม่เป็น หูหนวก ตาบอด
    นางสีจันทร์ กับหมื่นหาญ ดูการกระทำของลูกเขย ที่ไม่ใคร่ทำการงานใดๆเลย ทำเป็นเฉยเมย เฉื่อยชาเป็นเวลาหลายเดือน

    “กูประมาทคาดผิดคิดว่ามันดี ช่างย่อยยับอัปปรีย์ยิ่งนัก มัวแต่นอนมุด คุดคู้อยู่กับเรือน จะให้เตือนด้วยศอกเข่าหรือกระไร”

    หลังจากผัวเมียปรึกษาหารือกันแล้ว เรียกพลายแก้วเข้ามาหา

    “เพลานี้เจ้าคิดอ่านประการใด จึงจะได้เลี้ยงตนเองจนวันตาย ไม่ดูเยี่ยงพวกเราเหล่าทหาร เห็นว่าสิ่งใดได้การก็ไปทำ

    แม้แต่เที่ยวปล้น ชิงชัย ก็ทำ เพื่อให้ได้เงินตรา แพรพรรณ ผ้าผ่อน วัวควาย ช้าง ม้า ทำการให้คนมาไถ่ถอน เอาทั้งหมด ทั้งสิ้น ทำการทุกอย่างให้ได้กิน โดยไม่ลำบากยากเย็นเท่าใด ไม่เว้นแต่ละวัน ได้มาแบ่งปันกันบ่อยไป

    ตัวเจ้ามาอยู่บ้านนี้ ก็ช้านาน เงินสักเฟื้องหนึ่งก็หามามิได้ ไม่อับอายขายหน้าพวกข้า ไท บ้างเลยฤา พวกเรานั้น แกล้งดูใจออเจ้ามาเป็นเวลาช้านาน แต่ก็มิเห็นทำการอันใด เพื่อจะเลี้ยงตัวเองเลย”

    ขุนแผนตอบหมื่นหาญไปว่า

    “ฉันคิดจะมอบกาย มอบใจกับพ่อแม่ ไปจนวันตาย ด้วยหมายว่าท่านจะชุบเลี้่ยงอย่างแท้จริง ถ้าฉันทำผิด สิ่งใดขอให้สั่งสอน หากแม้นฉันมิฟังถ้อยคำ ขัดขืน บิดเบือน แกล้งเชือนแช
ท่านจงทำให้หนำใจเถิด ซึ่งการลักช้าง ขโมยคน ปล้นตีบ้าน ล้วนแต่เป็นการโจรกรรม ฉันทำไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุ เภทพาลประการใด จะมิให้เดือดร้อนถึงท่าน ฉันจะรับทำแทนหนา”

    หมื่นหาญ พอได้ฟังคำขุนแผนกล่าวว่า
    “ชิชะ พูดแก้ตัวเอาตามแกน เจ้านี้รู้หลักสักเพียงไร อันพวกทหารในบ้านกู ล้วนอยู่ยงคงกระพันทุกคน จะฟันแทงเยี่ยงไรไม่ไหวติง คนเดียวก็สู้ได้ถึงสิบคน

    ส่วนเจ้านั้นตัวอ้อนแอ้น เอวบาง ดูกิริยาท่าทางอย่างกับผู้หญิง ไม่เห็นจะสู้ใครได้ เพียงแค่ลมพัด ก็คงจะล้มกลิ้งลงกลางดิน ยังมากล้าอวดอ้างได้”

    ขุนแผนฟัง หมื่นหาญ ด่าว่า หมิ่นประมาท ทั้งยังอวดอ้าง ทหารของตนว่า ชาญชัย ใจกล้า ยืนยงคงกระพัน กันทุกคน จึงยิ้ม แล้วตอบหมื่นหาญไปว่า

    “ถึงทหารของท่าน จะอยู่ยงคงกระพัน เหลือเกิน แต่ฉานคิดว่ายังไม่พอการ ที่ว่าเรี่ยวแรงแข็งขัน ฟันไม่เข้า จะนับเอาว่าเป็นดียังมิได้ ถ้าเขารุมแทง ฟันเรื่อยไป คงได้ช้ำใน กระดูกหักป่น ไม่พ้นตายเป็นแน่

    หากแม้นมีวิชาดีจริง ต้องแคล้วคลาด จากศาสตราวุธทั้งหลาย ทั้งสิ้น ต่อให้ยิงปืนอัดยัดเข้ารอบกาย ต้องไม่ระคายเคือง ปลายเส้นขนแม้แต่นิดเดียว”

    หมื่นหาญ ได้ฟังคำของพลายแก้ว โกรธจนตัวสั่น ตาเขียว

    “อ้ายนี่อวดหยิ่งจริงๆ เจียว เออประเดี๋ยวจะเล่นให้ได้เห็นกัน”

    แกลุกขึ้นลงบันได ตรงไปกลางบ้าน เรียกพวกเหล่าทหาร บ่าว ข้า เป็นจ้าละหวั่น

    “เอาปืนที่เคยถือมากันให้ครบมือ มาลองลั่นพิสูจน์เจ้าตัวดี”

    พวกทหารฟังนายว่า พากันรีบคว้าปืน ยืนขึ้นยัดปัศตัน (ปัศตัน ลูกปืนที่บรรจุดินและแก๊ปในตัว) อย่างรีบเร่ง ขึ้นนกสองชั้นไว้ พร้อมทั้งยี่สิบกระบอกวิ่งออกมา หมื่นหาญเรียกพลายแก้วดั่งลั่น

    “เป็นกระไรมิไคร่ลงมาจากเรือน อย่าทำเป็นหลอกเล่น คุยโว โอ้อวด ให้รีบลงมา ถ้ามีวิชาดีจริง อย่าได้พรั่นพรึงไปเลย แม้นแคล้วคลาด จากศาตราเหมือนที่ว่าจริง ถึงปืนยิงก็ไม่ถูกสักลูกหนึ่ง ถ้าไม่ดีจริงเหมือนที่คุยโอ้อวดไว้ วันนี้คงได้ตายเป็นผี ตัวของมึงจะปรุประเป็นรวงผึ้งไปทั้งตัว”


    พลายแก้วได้ฟังทำเป็นนั่งนิ่ง
    “จะยิงจริงๆ เจียวฤาคุณพ่อขา ของด พักผ่อนไปก่อนสักหน่อยเถิด ให้ได้ฤกษ์ก่อน จึงค่อยลองเถิดหนา”
    หมื่นหาญโกรธฮึดฮัด ชี้ัหน้ากล่าวว่า

    “เจรจาอวดเยี่ยงไร อ้ายจองหอง หากแม้นมึงมิลงมาให้ลองยิง กูจะถองเสียให้ยับ ขับไล่มึงออกจากเรือน”
    พลายแก้ว แกล้งล้อพ่อตาจนหน้าเฝื่อน เห็นแกเรียกหลายคำ ซ้ำๆ หลายครา จึงทำเป็นค่อยๆเลื่อนตัวลดลงบันไดไป พลางคิดไปว่า

    “ด้วยลืมตัวพูด พลั้งปากออกไป หากมิให้ท่านลองวิชา คงจะถองแล้วขับไล่ออกจากเรือนไปเป็นแน่แท้”
    ครั้นคิดได้ดังนี้แล้ว จึงรีบลุกขึ้นเดินมาโดยเร็ว

    “อย่าขัดเคืองไปเลย เจ้าคะ จะให้ยิงแล้วท่านพ่อขา”
    จากนั้น สงบใจโอมอ่านพระคาถา ภาวนาตั้งจิตให้นิ่ง เป็นสมาธิ เป็นหนึ่งแน่วแน่ ไม่ไหวติง พยักหน้ากล่าวว่า

    “ให้ยิงมาพร้อมกันเลย”
    หมื่นหาญร้องสั่งว่า
    “เอา เจ้าพวกทหารยิง”

    ทหารทุกคนยกปืนขึ้น ยืนกรานประทับปืนมั่น ปืนยี่สิบกระบอก ยิงตรงเข้าไปเป็นจุดเดียวกัน พร้อมกัน เสียงนกปืน สับฉับวับวับตึงๆ เอ็งลั่น กูลั่น ควันฟุ้ง ฝุ่นตลบ เสียงดังเปรี้ยงๆ ยิงไปแล้วยัดลูกปืนเข้าไปใหม่ อย่างรวดเร็ว รีบเร่ง ไม่ขาดตอน

    เสียงปืนดังกึกก้อง สนั่นหวั่นไหว ไปทั้งหมู่บ้าน ผู้คนทั้งชายหญิง ต่างวิ่งพรูเข้ามาดูการเล่น ได้เห็นเพียงแต่ฝุ่นตลบคละคลุ้ง หามองเห็นพลายแก้วไม่ บางคนคิดว่าคงตายแล้วเป็นแน่แท้  ด้วยเสียงปืนมิได้ขาดช่วง ดังสนั่นหวั่นไหว ยิงแล้ว ยัดลูกปืนเข้าไปใหม่ กระหน่ำใส่ไม่หยุด ยิงกันจนกระทั่งลูกปืนหมดสิ้น

    พอฝุ่นตลบคละคลุ้ง ค่อยๆ จางลง ทุกคนมองเห็นว่า พลายแก้วยังคงนั่งนิ่งอย่างไม่กลัวเกรง ไม่มีส่วนใดของร่างกายย่อยยับ รอยขีดข่วนแม้สักเล็กน้อยก็ไม่มี
    พวกนักเลงทุกคน ต่างพากันสั่นหัว ยอมรับ หวาดหวั่น พลายแก้วกันทุกผู้คน พวกชาวบ้านบ้างก็ว่า

    “ท่านผู้นี้ดีจริง เขายิงปืนยัดดังห่าฝน หมดสิ้นลูกปืน ก็ไม่ถูกสักนิด ไม่ระคายแม้แต่ปลายเส้นขน เป็นคนมีดีจริงๆ”

    หมื่นหาญเห็นพลายแก้วแคล้วคลาด ในใจคิดขยาดหวั่นไหว

    “อ้ายแก้วนี้เก่งกาจ บังอาจนัก เดิมสำคัญว่ามันเป็นคนเคอะ เดินซมซานมา แต่มันกลับซุกซ่อนมิให้รู้แจ้ง แกล้งทำเป็น ถ่อมตนเหมือนดังคนบ้า กูก็เป็นคนดีมีวิชา แต่อ้ายนี่ มันยังดีกว่า น่าน้อยใจนัก เหมือนดังพญาราชสีห์อันเกรี้ยวกราดสองตัว อยู่ถ้ำเดียวกันเห็นจะเป็นไปมิได้”

    หมื่นหาญยิ่งคิด ยิ่งแค้น อัดอั้นใจ จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปบนเรือนทันที ส่วนพลายแก้ว ใจเป็นหนึ่งแน่วแน่ ไม่ไหวหวั่น พอเสียงปืนสงบเงียบลง ก็ลืมตาขึ้นทันที แกล้งพูดท้าทายว่า

    “เป็นไร ไม่ยิงปืนยัดเข้ามา กระไรจึงพากันยืนนิ่งงันไปหมด จะยิงอีกฤา ไม่เล่าพวกเจ้าทั้งหลาย อย่าได้เสียดายชีวิตของข้าไปเลย ปืนทุกกระบอกจงยิงกรอกยัดเข้ามา”

    พวกทหารพากันกลัวพลายแก้ว รีบกราบราบลงกับพื้น
    “ลูกปืนสิ้นแล้วคุณพ่อขา ที่ได้ตั้งใจยิงพ่อไปแล้ว ขมาโทษเถิด ขอได้เมตตาอย่าได้โกรธเอาโทษทัณฑ์อันใดเลย”
    พลายแก้วตอบว่า

    “พ่อตาใช้ มิใช่เพราะพวกเจ้าจะทำตามใจตัว แต่เป็นเพราะขัดไม่ได้จริงๆ จึงต้องยิง ข้าจะโกรธ พวกเจ้าด้วยเหตุอันใด”

    ว่าพลางลุกขึ้นผลัดผ้า หน้าตาดำ ดังทาด้วยเขม่า เพราะดินปืนเปรอะเปื้อนไปทั่วกาย แต่พลายแก้วมิได้เดือดเนื้อร้อนใจอันใด พวกทหารยิงไปกว่า ห้าร้อยนัด มิได้พลัดหลงเข้าไปต้องกายแม้แต่สักปลายขน

    พวกทหารสั่นหัว หวาดกลัว กันทุกคน ต่างกล่าวกันว่า เลิศล้ำเกินมนุษย์ที่สุดในปฐพี พลายแก้วเข้ามาในเรือน หยิบผ้ามาผลัดแล้ว อาบน้ำ เอาน้ำรดล้างดินปืน ขัดสีตัวจนกระทั่งสะอาดหมดจด

    บัวคลี่เข้ามาคลอเคล้าเอาใจ บิดผ้าให้แห้งแล้วตากเป็นที่เสร็จสิ้น จากนั้นพาผัวเข้าไปในห้อง นั่งประคองเคียงข้าง หาได้ห่างจากกายผัวไม่

    ฝ่ายหมื่นหาญ รู้สึกรุ่มร้อนใจ ยิ่งนัก มิได้กินข้าว เหล้ายา ปลาปิ้ง เวลาจะนั่งนอน รู้สึกร้อนกาย ใจระส่ำ ระส่าย จนทนไม่ได้ จำต้องเรียกยายสีจันทร์มาปรึกษาหารือ

    “อ้ายแก้ว จัดเจนวิชา มันเก่งกาจเกินหน้าเราไปมากมายนัก มันเป็นดังช้างงา อันกล้าหาญ เราก็เป็นคชสารอันสูงใหญ่ จะอยู่ป่าเดียวกันนั้นได้เยี่ยงไร นานไปคงจะได้ย่อยยับกันไปข้าง ช้าง ม้า วัว ควาย ผู้คนและลูกเมีย จะเป็นของมันไปเสียสิ้นทั้งบ้าน แต่เพียงนี้มันยังทำเย่อหยิ่ง จองหอง ฉันคิดว่าจะทำให้มันตายเสีย”

    สีจันทร์ผู้ภรรยาได้คำหมื่นหาญ รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
    “มันเป็นชาติอสรพิษฤทธิ์ร้ายแรง ได้ทำแล้วต้องให้มันตายวายปราณ หากไม่เป็นไปตามที่มุ่งหมาย ถ้าพลาดพลั้งเสียที จะเป็นเหมือนตีงูให้หลังหัก มันคงจะพยาบาทหวนมาทำร้ายเรา จงตริตรองคิดอ่านให้จงดีเถิด”

    หมื่นหาญกล่าวว่า
    “เราจะไม่ผลุนผลัน ฟัน แทง ฆ่ามันด้วยอาวุธ ให้อึงมี่ เพราะมันมีเวทย์มนต์วิเศษดี เราจะทำให้สนิทใจโดยคิดวางยา”

    ว่าพลางใช้ให้ทาสีไปเรียกตัวบัวคลี่เขามาหา ค่อยๆ พูดจา เล้าโลมเอาใจลูกสาว

    “พ่อขอถามแก้วตาอย่างจริงใจ ด้วยพ่อแม่เลี้ยงออเจ้ามาตั้งแต่เป็นตัว ส่วนผัวพึ่งมาพบกันเมื่อเติบใหญ่ พ่อใคร่ถามเนื้อความในใจออเจ้า รักใครมากกว่ากัน ขอให้ว่าตามความเป็นจริง”

    บัวคลี่ตอบไป ด้วยใจที่คิดแน่วแน่มั่นคง ว่า

    “ฉันไม่แกล้งเจรจาดอกหนา ถึงรักผัวก็ไม่ยิ่งเท่าพ่อของตัว อันสามีเขาจะรักเราสักเพียงไหน ลงบันไดไปสามขั้นก็ขาดจากความเป็นผัว ส่วนพ่อแม่ จำต้องอยู่ด้วยกันจนแก่ตัว ถึงลูกชั่วฉันใดก็ไม่ขาดจากกัน”

    หมื่นหาญ นางสีจันทร์ ได้ฟังคำของลูกสาว ที่กล่าวมาจากใจจริง จึงลูบไล้ประคองขวัญว่า

    “มิเสียแรงที่พ่อรักเจ้าเท่าชีวิต ถ้าลูกมีใจเยี่ยงที่พูดจริงๆ พ่อก็ขอบใจ เพลานี้พ่อแต่งลูกปลูกเรือนผิด จำจะคิดปลูกฝังลูกเสียใหม่ อ้ายแก้วมันเป็นคนยากจนเข็ญใจ พ่อจะมิให้มันเลี้ยงดู อยู่ด้วยกันอีกหนา

    พ่อจะให้เจ้าได้ตั้งตัว มีผัวใหม่ พ่อจะมอบทรัพย์สินที่มีอยู่ ให้แก่ออเจ้าทั้งหมด จะหาที่คนที่เขาเป็นผู้ดี มีเผ่าพันธ์ุ เงินทองกองมากมีให้ถึงใจ ออเจ้าก็ยังงามอยู่ทั้งตัว ทำไมจะมีลูกผัวใหม่มิได้ เราจะวางยาฆ่ามันให้บรรลัย เจ้าเห็นเป็นเยี่ยงไรให้ว่ามา”

    บัวคลี่ได้ฟังคำบิดา เว้าวอน แม้ว่าเพลานี้ กำลังรักพลายแก้วอยู่หนักหนา ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ก็มิมีเรื่องขัดเคืองใจอันใด

    เพียงแต่ว่าบัวคลี่มีใจมักมาก นึกอยากจะได้สิ่งของ ด้วยเป็นบิดาเอาเงิน ทองเข้าล่อ และด้วยเป็นเวรกรรม ที่จะต้องตายทั้งกลม จึงดลใจ ให้เชื่อคำพ่อของตัวทุกสิ่ง ใจโน้มเอียงไปในฝ่ายที่เป็นอกุศล

    ให้เกิดเปลี่ยนใจ เบื่อหน่ายผัว คิดไปว่าตนเองนั้น ยังสาวดูสดใส ถ้าคลอดลูกไปแล้ว ก็คงไม่ต้องกลัวสิ่งใด ยังจะมีคนไขว่คว้า ยื้อแย่งกันมาสู่ขอทุกวี่วัน คิดแล้วก็ตอบคำของบิดาไปว่า

    “สุดแต่พ่อเถิด ฉันไม่ขัดใจ”
    หมื่นหาญเห็นลูกยินยอมพร้อมใจ จึงประกอบยาพิษหาช้าไม่ เป็นตำรับใหญ่ได้มาจากตาครู ใช้หลายสิ่งประกอบเข้าด้วยกัน ดีนกยูง ดีหนู ดีงูเห่า บดให้ละเอียด บีบน้ำมะนาวปนเข้าไป คลุกเคล้าด้วยกันกับสารหนู แล้วปั้นเป็นก้อน ห่อใบพลูส่งให้ลูกสาวทันที

    “ออเจ้าจงไปแต่งสำรับข้าวแกง เอายานีั้ใส่แทรกเข้าไปในทุกสิ่ง จงระมัดระวัง ปกปิดไว้ให้มิดชิด วางยาเสียวันนี้แหละ อย่าได้นอนใจไป”

    บัวคลี่รับห่อยามาแล้วก็ลาพ่อ เอาผ้ามาห่อปิดไว้ทันที ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปในห้องใน นำไปซุกซ่อนไว้ในที่ลับ แล้วกลับมาเข้าครัว จัดแจงแกงเนื้อตะพาบน้ำ ยำแย้ ห่อหมก คั่วนก ข้าวหุงสุกใหม่ๆ ใส่ในชามกลีบบัว พอเห็นว่าปลอดผู้คน ก็เอายานั้นโรยไปทั่วทุกสิ่ง

    ครั้นจัดแจงสำรับเป็นที่เรียบร้อย ยกออกมาทันที กระโถน ขันน้ำ ตั้งไว้พร้อมเพรียง โหงพรายของพลายแก้ว เห็นว่าบัวคลี่เอายาพิษใส่ รีบไปกระซิบบอกนายในทันที

    “เพลานี้เมียมันเปลี่ยนใจไปแล้ว ไม่ซื่อตรง ข้าวแกงที่แต่งใส่ในสำรับ มันประกอบผสมโรยยา ล้วนพิษร้ายแรงทั้งนั้น เป็นที่แน่นอน พ่อจงระวังไว้ อย่าได้กิน”

    พลายแก้วได้ฟังคำของโหงพรายแล้ว เกิดใจหวาดหวั่น ให้เกิดจิตคิดถวิล

    “ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยมีเรื่องบาดหมองใจ ไยนางจึงใจทมิฬ หมายคิดจะล้างชีวิตกัน”
    ใจใคร่จะให้เห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงหยิบทุกสิ่ง จากทุกขันในสำรับ เอามาปนกันปั้นเป็นก้อนเดียว โยนขึ้นไปบนหลังคา อีกาบินโฉบมารับไป พอกลืนปับ ก็ดิ้นปัดขาดใจตายในทันที

    “เชื่อโหงพราย หายสงสัยจริงๆ เจียว มึงจะแกล้งฆ่าผัวอีตัวร้าย อยู่ด้วยกันมาเกือบปี ไม่มีผิดใจกันสักครา เห็นจะเป็นความคิดของอ้ายหมื่นหาญ เหตุที่มิตายครานี้ เพราะรู้ก่อน จากโหงพราย เห็นจะต้องตรองการ ทำตอบแทนให้หนำใจ จำจะต้องฆ่ามันทิ้งเสีย จะเลี้ยงไว้เป็นเมียเห็นจะมิได้”

    จากนั้น ทำใจให้สงบ แกล้งกลบเกลื่อน ปกปิดเงื่อนงำ ทำเป็นสนิทใจ ออกอุบายบอกบัวคลี่ว่า


    “พี่เจ็บ เมื่อยเหน็บ ไปทั้งตัว พอข้าวตกถึงท้อง สองสามคำ จะกินซ้ำอีกก็ไม่ได้ ให้เกิด คลื่นเหียน อาเจียน ขอให้ยกสำรับไปวางข้างโน้นก่อน พี่จะนอนให้สบาย พอหายคลื่นเหียน เพลานี้ รู้สึกวิงเวียนนัก จะนั่งอยู่ก็ไม่ได้”

    บัวคลี่ไม่ได้ระแวงสงสัยใดๆ เอาฝาชีมาปิด ยกสำรับไป แล้วลุกกลับมานั่งนวดหลังให้ พลายแก้วไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เป็นที่ระแวง สงสัย จนกระทั่งสิ้นแสง ตะวันเย็น    พลายแก้วตีสนิท ปกปิดเงื่อนงำไว้ เฝ้าเล้าโลมเคล้าคลึงบัวคลี่ จากนั้นออกปากว่า

    “ลูกน้อยที่ในท้องของน้องนี้ ขอให้พี่เถิดเป็นไร จงให้ปัน”
    บัวคลี่พาซื่อ ไม่ถือสา ตอบไปว่า

    “ไยพ่อมาขอฉัน ลูกรักกำเนิดในครรภ์ มิใช่ลูกของพ่อนั้นฤาฉันใด”

    พลายแก้วเห็นบัวคลี่รู้ไม่เท่าทัน ค่อยๆ โลมเล้าลวงเมีย แล้วแกล้งพูดไกล่เกลี่ย

    “ลูกรักเกิดด้วยกันก็จริง แต่พี่อยากได้เป็นสิทธิ์ จึงคิดขอออเจ้า ลูกหัวปี ผู้เป็นพ่อควรจะได้ พี่นี้จึงขอ แก้วตาอย่าได้ขัดใจไปเลยหนา ถ้ายังรักพี่ไม่จืดจาง ขอให้ออเจ้าจงอนุญาตอย่าได้ขัดใจกัน”

    บัวคลี่ฟังคำผัวแล้วหัวร่อ
    “ช่างวอนขอฉันไปได้เยี่ยงไรนั่น ลูกรักให้กำเนิดเกิดมาด้วย ก็คงเป็นลูกของท่าน ฉันพูดผิดอันใด”

    พลายแก้วได้ฟังคำของนางแล้วตอบไปว่า
    “อนิจจา ออเจ้าเฝ้าแต่ขัดใจ พี่ขอเท่านีั้ก็มิยอมให้ เสียแรงที่พี่เฝ้ารักใคร่ ขอให้น้องเอ่ยปากออกมาว่า ยอมให้ พี่จะได้เอาไว้เป็นกรรมสิทธิ์ จะกล่อมเกลี้ยงเลี้่ยงดูไว้เป็นคู่ชีวิต ออเจ้าไม่คิดถึงข้อนี้ก็แล้วไป”

    บัวคลี่ถึงคราวจะสิ้นชีวิต จึงดลใจให้พลั้งปากแกล้งพูดประชดไปว่า

    “ฉันยอมให้ละ ตามแต่ความคิดของพี่เถิด มาค่อนขออยู่ได้”
    ขุนแผนรับว่า
    “เออ ให้เป็นสิทธิ์”

    เพราะมารดาอนุญาตจึงประสาทฤทธิ์ ก็สมใจพลายแก้วที่ได้คิดไว้ จึงได้เข้าอิงแอบ ทำยวนยี บัวคลี่ไม่ได้หม่นหมอง หวาดระแวงใจใดๆ พลายแก้วอิงแอบ แนบชิดกอดจูบลูบต้องให้ตายใจ

ตอนที่ 16 ยังมีต่อ



Create Date : 20 เมษายน 2564
Last Update : 20 เมษายน 2564 5:28:48 น. 1 comments
Counter : 2732 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


 
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง



โดย: หอมกร วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:8:03:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space