๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ // 2018年10月13日 // October 13, 2018
วันนี้ครบรอบ 2 ปี ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ หรือในหลวงภูมิพลจากพวกเราคนไทยไป
13 ตุลาคม 2559 ฉัน... ทำใจไม่ได้ ไม่พร้อมที่จะยอมรับความจริงนี้ได้ อยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายของตัวเองเท่านั้น หลังจากวันที่ 13 ตุลาคม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ร้องไห้ไม่หยุด หันไปทางไหนหรือจะทำอะไรก็มีแต่ความโศกเศร้า ทำใจไม่ได้ เป็นอยู่แบบนั้นจนเกือบจะหมดปี 2559 หลังจากนั้น ก็ค่อย ๆ ทำใจได้เรื่อย ๆ ค่อย ๆ ที่จะยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้ พยายามที่จะเข้มแข็งและก้าวเดินต่อไป
13 ตุลาคม 2560 ฉัน... ทำใจได้แล้ว มีแต่ความคิดถึงเท่านั้นที่ยังคงทำงานอยู่เสมอ อาจจะมีบ้างที่มีน้ำตา แต่ก็มีเฉพาะในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองท้อแท้ เหนื่อย เหงา โดดเดี่ยว พอมองดูรูปภาพหรือย้อนไปดูเทปบันทึกภาพต่าง ๆ แล้ว ก็ทำให้รู้สึกหวนคิดถึงวันเวลาเก่า ๆ เหล่านั้น พอคิดถึงวันเวลาเก่า ๆ ก็ทำให้มีน้ำตาขึ้นมา ฉันก็แค่รู้สึกว่า... ถ้าย้อนเวลากลับไปที่อดีตได้ ก็คงจะดี
13 ตุลาคม 2561 คือวันนี้ เวลานี้ ก็เหมือนเดิมคือทำใจได้แล้ว ยอมรับความจริงได้แล้ว แต่ยังคงคิดถึงอยู่เสมอ ไม่มีวันไหนที่จะลืมพระราชาที่ฉันรักและเคารพได้ น้ำตาของความคิดถึงนั้น ก็ยังคงมีบ้าง ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ก็เลยทำให้นึกถึงบุคคลที่ตัวเองรักและเคารพ เพราะอยากได้กำลังใจ
ปีหน้าหรือปีต่อ ๆ ไป และตลอดชีวิตนี้ของฉัน ฉันก็จะคิดถึงพระราชาที่ฉันรักและเคารพพระองค์นี้ตลอดไป
ความรักและความเคารพที่มีให้ จะมีให้ตลอดไปจนกว่าที่ฉันจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
รวมไปถึงความคิดถึงด้วยเช่นกัน ไม่มีวันที่ฉันจะหยุดคิดถึงได้
ฉันไม่รู้ว่าชาติหน้าหรือชีวิตหลังความตายนั้น มันมีจริงหรือไม่ ฉันจึงไม่กล้าที่จะพูดคำสัญญาอะไรที่ฉันไม่รู้
แต่ทั้งหมดชีวิตของฉันตั้งแต่แรกเริ่ม มาจนถึงเวลานี้ และต่อเนื่องไปยังอนาคต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่ยืนยาวไปนานแค่ไหน แต่ฉันกล้าที่จะให้คำสัญญาได้ว่า "ฉันจะรักและคิดถึงในหลวงภูมิพลตลอดไป"
ฉันจะมีพระองค์เอาไว้ในจิตใจเสมอ เพื่อเป็นเครื่องหมายเตือนใจของฉันในการเพียรพยายามทำความดี ความเพียร ความดี ความเก่ง ขอมีให้ได้แม้เศษเสี้ยวของพระองค์ท่าน ก็ยังดี
เวลาที่ฉันเหนื่อย ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ เวลาที่ฉันรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว อ้างว้าง เวลาที่ฉันรู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ฉันก็จะคิดถึงในหลวงภูมิพล คิดถึงช่วงเวลาที่พ่อเคยพาฉันไปรอรับเสด็จ และบอกกับตัวเองว่า "ฉันเคยมีความสุข ในชีวิตฉัน ฉันเคยมีความสุข ไม่ใช่ไม่เคยมี" "ฉันเคยมีกำลังใจจากคนที่ตัวเองรัก" "ในอดีต ช่วงวันพ่อแห่งชาติ เป็นบรรยากาศที่ลืมไม่ลง ฉันไม่เคยเหงา ฉันไปงานวันพ่อแห่งชาติกับพ่อ ฉันไปร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรกับพ่อ เป็นบรรยากาศที่มีความสุข ครั้งนั้น ฉันไม่โดดเดี่ยว"
เขียนไป ก็กลั้นน้ำตาไป เพราะความคิดถึง
ฉันขอตัดจบแต่เพียงเท่านี้แล้วกัน ก่อนที่ฉันจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เพราะฉันไม่อยากร้องไห้ ฉันปวดตา
สุดท้ายนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันอยากขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ฉันได้เกิดมาในปี พ.ศ.2530 ได้เกิดมาทันในช่วงเวลาของในหลวงภูมิพล ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ค่อนข้างจะเริ่มอายุเยอะแล้ว ช่วงเวลาตั้งแต่ที่ท่านอายุ 60 เป็นต้นมา แต่ฉันก็ยังได้มีโอกาสเห็นท่านทำงาน ได้มีโอกาสเห็นในช่วงเวลาที่ท่านยังคงแข็งแรง
และที่สำคัญ ต้องขอบคุณโชคชะตาฟ้าลิขิต ที่ทำให้ฉันได้มาอยู่ในครอบครัวของพ่อน้อยกับแม่อ้วน พ่อแม่บุญธรรมของฉันที่รักและเคารพในหลวงภูมิพลมาก ๆ โดยเฉพาะพ่อน้อย พ่อน้อยรักในหลวงภูมิพลมาก ฉันโชคดีที่ได้เป็นลูกของพ่อน้อย ฉันก็เลยโชคดีที่ได้มีโอกาสได้รู้จัก ได้เห็น และได้รักพระราชาที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ นั่นก็เป็นเพราะพ่อน้อย นับว่าฉันเป็นคนที่โชคดีคนนึง ที่ได้มีโอกาสรักคนดี คนที่เหมาะสมกับการเป็นต้นแบบ ควรค่าแล้วกับคำว่ารักและเคารพ
รักและคิดถึงอดีตเสมอ อดีตที่สวยงาม พ.ศ.๒๕๓๐ - พ.ศ.๒๕๕๙ นับเป็นเกียรติของชีวิตอย่างยิ่ง ที่เคยได้เป็นประชาชนของพระองค์
"ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือ การที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง"
Facebook Twitter |