Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ตอนที่ 5 กลับบ้าน

หญิงสาวออกจากห้องนอนเพื่อเดินดูรอบๆห้อง บริเวณห้องรับแขก ห้องกินข้าว ครัวและห้องน้ำอีกครั้ง เพื่อหาของที่อาจจะลืมหรือตกหล่นอยู่ ขณะที่จะเดินไปยังชั้นวางซีดีและหนังสือ ประตูห้องก็เปิดออก เพื่อนที่คุ้นเคยมานานเดินเข้ามา

“นี่...อะไรรู้มั้ย” กฤษยกกล่องทัปเปอร์แวร์ขึ้นมา

“ไม่รู้ แต่ถ้าให้เดา ฉันว่าต้องเป็นขนมฝีมือน้ำผึ้ง” ตั้นมองเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขที่ปรากฎขึ้นทุกครั้งเมื่อกฤษพูดถึงน้ำผึ้ง

“ถูกต้อง เดาแม่นจริงๆ” กฤษพูดพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาแล้ววางกระเป๋าใส่เอกสารและเนกไทไว้ข้างตัว

“กินด้วยกันมั้ย อร่อยนะ” กฤษพูดพลางหยิบขนมส่งเข้าปาก พร้อมหยิบชิ้นใหม่ส่งให้คนที่ยืนก้มๆเงยๆอยู่ที่ตู้เก็บซีดี ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากโซฟา

“ไม่ล่ะ นายกินเถอะ” หญิงสาวตอบโดยที่สายตายังคงไล่ไปตามชั้นหนังสือและซีดี ไม่ได้หันไปมองคนชวน

เมื่อเห็นตั้นปฏิเสธ กฤษลุกจากโซฟาเดินไปใกล้แล้วจับไหล่เธอไว้แน่น ก่อนจะเอาขนมแตะปากคนตัวเล็กกว่า

“ขนมโดนปากแล้ว นายต้องกิน” กฤษยิ้มกว้าง พอใจกับความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง เขารู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว ตั้นจะยอมกิน

“เล่นแบบนี้อีกแล้วนะ” ตั้นอดหงุดหงิดกับความเป็นคนช่างบังคับของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ไม่โกรธเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนที่อยู่ตรงหน้า

“เร็วเข้าอ้าปาก” กฤษเร่ง พร้อมกับเอาขนมมาจ่อที่ปากทำให้ตั้นต้องยอมอ้าปาก แล้วขนมพายไส้ครีมทูน่าก็ถูกส่งเข้ามาในปาก แม้ว่าเธอจะไม่ชอบกินขนมเค้กหรือพายมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า พายนี้อร่อยไม่น้อยเลย

“แล้วหาอะไรอยู่”

“หาของที่ฉันต้องเอากลับบ้านน่ะ” ตั้นตอบโดยที่สายตายังคงไล่ไปตามชื่อซีดีและสันหนังสือ

“กลับบ้าน?” กฤษชะงักหันกลับมามองหน้าคนข้างๆ

“อื้ม... กลับบ้านฉันไง” ตั้นหยิบหนังสือสามเล่มออกมาจากชั้นวางหนังสือ

“สามเล่มนี้นายจะอ่านมั้ย ถ้าจะอ่านก็เอาไว้ที่นี่ ถ้าไม่อ่านแล้ว เดี๋ยวฉันจะได้เก็บกลับไปด้วย”

“ทำไมต้องกลับไปอยู่ที่โน่นด้วย ที่นี่ใกล้ที่ทำงานของแกกว่าตั้งเยอะ” กฤษไม่ได้สนใจจะตอบคำถามที่เพื่อนถาม

“โธ่เอ๊ย...เพื่อนฉัน ถ้าเผื่อนายชวนน้ำผึ้งมาที่ห้องแล้วเจอฉัน นายก็ต้องอธิบายเขายาว แล้วถ้าเขาไม่เข้าใจ นายก็จะลำบากน่ะซิ”

“เขาจะคิดว่านายกับฉันเป็นอะไรกันเหรอวะ” กฤษขมวดคิ้วน้อยๆ

“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าน้ำผึ้งจะคิดยังไง แต่ฉันว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”

... แม้แต่นาย หรือ ตัวฉันเอง ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าคิดยังไง ... เธอมองกฤษด้วยหัวใจที่หนักอึ้งบอกไม่ถูก ... อาจจะเป็นเพราะเราเหนื่อยไปเองมากกว่า ... ตั้นบอกกับตัวเอง .... และเลือกที่จะไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆนั้นอีก

“เออ จริงด้วย ... มา งั้นฉันช่วยเก็บของ” กฤษวางกล่องขนมบนโต๊ะ

“แกบอกกระชั้นชิดไป เลยจัดงานเลี้ยงส่งไม่ทันเลย” กฤษพูดเมื่อช่วยหยิบหนังสือ ซีดี และของใช้ส่วนตัวอีกไม่กี่ชิ้น เข้ามาในห้องนอนที่จัดไว้ให้สำหรับแขก

กฤษส่งของทั้งหมดให้กับเพื่อน ตั้นรับมันมาเพื่อใส่ลงในกระเป๋าเดินทางใบโตที่เปิดกว้างรอสัมภาระที่ยังตกค้าง

ตั้นมองรอบห้องเป็นครั้งสุดท้าย ห้องนอนที่คุ้นเคย เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะปิดกระเป๋าเดินทาง เจ้าของบ้านช่วยเธอลากกระเป๋าใบใหญ่มาที่หน้าประตู

“เดี๋ยวขับรถไปส่ง” กฤษพูดพร้อมกับเดินไปหยิบกุญแจรถ

“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเอารถมาจากบ้านแล้ว” ตั้นปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม สายตากวาดมองรอบห้องที่เธอใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพื่อนมาตลอดระยะเวลากว่าห้าเดือนอีกครั้ง

ร่างสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว ก่อนจะยกมือขยี้ผมนุ่มอย่างที่เคยทำ เขาขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ลดแขนที่ยังอ้อยอิ่งสัมผัสเรือนผมนุ่ม มาเกี่ยวรอบคอ แล้วดึงโน้มศีรษะของคนตัวเล็กกว่ามาแนบกับบ่าของเขา ตั้นนิ่งไปอึดใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้ว่าเธอกำลังโดนแกล้งอีกแล้ว ร่างโปร่งจึงพยายามดิ้นออกจากแขนข้างนั้น

“ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วง” ก่อนจะหลุดออกจากวงแขนอย่างที่ตั้งใจ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่แฝงอารมณ์ล้อเล่นเหมือนยามปกติ ทำให้ตั้นเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาแกล้งเธอ เธอจึงไม่ได้ออกแรงหนีจากวงแขนนั้นอีก

“อื้อ” คนตัวเล็กกว่ารับคำ

ทั้งสองคนยังอยู่ในท่านั้นอีกครู่ใหญ่ก่อนที่ตั้นจะทำลายความเงียบขึ้น

“ปล่อยได้แล้ว ฉันเหม็นเหงื่อคนเพิ่งกลับมาจากทำงาน”

เสียงประท้วงที่ดังขึ้นจากบ่า ทำให้วงแขนคลายออก ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ

ระยะทางจากห้องถึงลานจอดรถให้ความรู้สึกสั้นกว่าทุกวัน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อมาถึงที่รถ กฤษยกกระเป๋าเดินทางใส่ไว้ท้ายรถ ก่อนที่ทั้งสองจะลากันด้วยคำว่า “แล้วเจอกัน” เหมือนที่เคยเป็นมานาน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

รถหยุดสนิทบริเวณที่จอดรถของคอนโดที่เธอซื้อไว้หลังจากได้รับเงินเดือนเดือนแรกจากการทำงาน แม้ว่าจะเป็นห้องชุดสำหรับพักอาศัยที่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองเหมือนห้องของกฤษ แต่ราคาก็ยังสูงเพราะเธอเลือกทำเลที่อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้า ทำให้ไม่ลำบากนักในการเดินทาง

เธอใช้เงินที่เก็บสะสมไว้จากเงินเดือนซึ่งคุณพ่อของเธอจ่ายให้ทุกเดือนตั้งแต่ออกมาอยู่คนเดียวนั้นจ่ายค่าห้องบางส่วน ค่าห้องส่วนที่เหลือเธอยังต้องผ่อนต่อกับธนาคารจนถึงเดี๋ยวนี้

คนขับยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถ นึกถึงความอบอุ่นจากแขนแข็งแรงที่โอบรอบคอ

ทั้งๆที่เรา น่าจะชินกับการจากลาได้แล้วนี่นา ทำไมยังรู้สึกเศร้านะ…ตั้นนึกเปรียบเทียบกับตอนที่ต้องย้ายออกจากคอนโดที่เป็นห้องของคุณแม่ของเธอ และเป็นห้องที่ติดกับห้องของกฤษในปัจจุบัน...มันเศร้ากว่านี้ เพราะความกังวลที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ แต่เธอก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาหลายปีแล้ว ในวันนี้ วันที่เธออยู่คนเดียวมานาน เธอไม่น่าจะต้องรู้สึกอะไรอีกไม่ใช่หรือ? แล้วความว่างเปล่าที่ทำให้เกิดความรู้สึกโหวงหวิวในอกนี่มันคืออะไร? ตั้นสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะระบายออกมา หวังให้มันพัดพาความรู้สึกหน่วงๆออกจากอกไปได้บ้าง แล้วลงจากรถ หิ้วกระเป๋าขึ้นห้อง

เมื่อเข้ามาในห้อง เจ้าของห้องก็ลงมือจัดของ เก็บของ ทำความสะอาดห้องขนาดหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีมุมครัวและมุมรับแขกเล็กๆ ที่เธอเรียกว่า “บ้าน” บ้านที่ทิ้งไปนาน ไปอยู่ในที่ๆ มีอีกคนอยู่ด้วย ทำให้เธอยังไม่คุ้นเคยกับความเงียบที่เคยเป็นเพื่อนกับเธอมาอย่างยาวนาน

หลังจากที่ได้เหงื่อมาไม่น้อย ตั้นนั่งบนโซฟาเพื่อพักเหนื่อย ก่อนจะกดโทรศัพท์หาคนที่เธอไม่ได้ยินเสียงเลยมาหลายสัปดาห์

‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก’

เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ เธอกดวางหู แล้วลุกกลับเข้าไปจัดของต่อในห้องนอน

ตั้นยืนอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือซึ่งเป็นพื้นที่ที่เธอใช้เวลาร่วมกับมันมากที่สุด เมื่อเทียบกับบริเวณอื่นๆในบ้าน บนโต๊ะมีรูปถ่ายวันรับปริญญาที่เธอถ่ายคู่กับกฤษ หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเช็ดฝุ่นบางๆที่เกาะอยู่ที่ผิวหน้ากระจกออก มองรอยยิ้มกว้างของเพื่อนในรูปแล้วนึกย้อนไปถึงวันนั้น ....

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ทันทีที่ทราบกำหนดการงานวันรับปริญญา ตั้นรีบโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเธอก็พอจะรู้ได้ว่าทั้งสองคนคงไปต่างประเทศเหมือนที่เคยเป็นมา แต่ก็ยังหวังว่า คุณแม่จะกลับมาทันงานรับปริญญาของเธอ ส่วนคุณพ่อนั้นเธอไม่คาดหวังว่าเขาจะสนใจแม้แต่นิดเดียว

เธอตัดสินใจโทรศัพท์ติดต่อเลขาฯ ของท่านทั้งสองแทน แต่เลขาฯ แจ้งกับเธอว่า ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอไม่อยู่ไปติดต่องานที่ต่างประเทศซึ่งกำหนดกลับนั้นอยู่หลังจากงานรับปริญญาของเธอไปหนึ่งสัปดาห์ ตั้นเลยได้แต่ฝากรายละเอียดต่างๆไว้ที่เลขาฯ เพื่อให้บอกกับคุณแม่ของเธอด้วย

ว่าที่บัณฑิตระบายลมหายใจ หลังจากวางโทรศัพท์ พร้อมกับพูดตัวเองว่า

“ถ้าไม่ได้คาดหวัง ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหวังแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะทำได้น้า” ก่อนจะพยายามลืมความรู้สึกผิดหวังนั้น แล้วจัดการกับเอกสารสมัครงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

หลายวันที่ผ่านไปโดยไม่มีการติดต่อกลับจากคนที่เธอยังรอด้วยความหวังที่ซ่อนอยู่ลึกๆในใจ เธอใช้ความวุ่นวายในการเตรียมตัวช่วยฝังกลบความเศร้าที่เกิดขึ้น

ในวันรับปริญญา ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของผู้คนที่มาแสดงความยินดีกับญาติและคนรู้จัก ตั้นนั่งอยู่ในห้องพักนิสิตที่เธอคุ้นเคยมาตลอดสี่ปี ซึ่งตามปกติจะมีรุ่นน้องรุ่นพี่มาใช้คอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายในการทำงานส่งอาจารย์ หรือค้นหาข้อมูลและงานวิจัยต่างๆ ส่งเสียงดังจ้อกแจ้ก แต่ในวันนี้ห้องแล็บไม่มีใครเลย มีเพียงเธอกับความเงียบ เพราะทุกคนต่างลงไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่ๆน้องๆ ข้างล่างกันหมด

“พี่ตั้นไม่ไปถ่ายรูปกับน้องๆข้างล่างเหรอพี่” รุ่นน้องที่แวะมาเก็บของในห้องแล็บทักทายเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ในห้องคนเดียว

“เดินถ่ายรูปมาตั้งแต่เช้า ส้นสูงมันทำเอาปวดเท้าไปหมดแล้ว เลยเข้ามานั่งพัก”

“งั้นเหรอพี่ งั้นผมไปก่อนนะ”

“อืม ไปเถอะ”

เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงเธอคนเดียว ความเงียบกลับมารายล้อมรอบตัวเธออีกครั้ง ซึ่งมีเสียงบูมของรุ่นน้องบริเวณหน้าตึกแทรกให้ได้ยินเป็นระยะๆ

หลังจากที่เธอแบกกล้องตระเวนเก็บภาพบรรยากาศมาตั้งแต่เช้า บรรยากาศอบอุ่น ยิ้มแย้ม เต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะร่าเริง เธออดคิดไม่ได้ว่า มีแต่เธอรึเปล่าที่ตัวคนเดียว.... โดดเดี่ยว ... แบบนี้? ไม่มีใครในครอบครัวเธอมาร่วมงานเลยสักคน

ตั้นผลักความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้หายไป เพ่งความสนใจกลับไปหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลือกอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจจากเว็บแทน

เสียงเปิดประตูทำให้เธอละความสนใจจากหน้าจอ

“เป็นอะไรวะ มานั่งอยู่นี่ ลุกๆๆๆๆ ไปถ่ายรูปกันดีกว่า” กฤษจับแขนตั้นให้ลุกขึ้น เมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่ายังนั่งงง ก่อนที่ร่างสูงจะยัดช่อดอกไม้ช่อใหญ่ใส่ในมือ

“ยินดีด้วยนะ ในที่สุดฉันกับแกก็ฝ่าฟันจนจบจนได้” มือกว้างตบไหล่เพื่อนพร้อมกับยิ้มกว้าง

“ฉันก็จบ แกก็จบ แล้วแกจะซื้อดอกไม้ให้ฉันทำไมเนี่ย” ตั้นส่งช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่คืนให้กับเพื่อน

“เออ..ก็ฉันซื้อแสดงความยินดีให้ตัวเองด้วย ให้แกด้วยไง” ชายหนุ่มพูดจบ ก่อนจะดึงทั้งร่างบางและช่อดอกไม้ มาชิดกับตัวเอง เพื่อให้ช่างภาพที่จ้างมาถ่ายรูปให้ แล้วลากหญิงสาวไปถ่ายรูปรวมกับครอบครัวตัวเองที่มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จนถึงเวลาเรียกเข้าหอประชุม

หลังจากเสร็จพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ตั้นล่ำลาเพื่อนๆ และคุณพ่อคุณแม่เพื่อนที่รู้จัก ก่อนจะเก็บของ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากใบปริญญา เป้ใส่ของรวมทั้งกล้องและเสื้อครุย แล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เธอปฏิเสธงานเลี้ยงภายในครอบครัวของกฤษด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่ค่อยสบาย

ขณะที่เธอเดินผ่านบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามของคอนโดเพื่อที่จะขึ้นลิฟต์ไปห้องพัก พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่คุ้นหน้ากันดี เรียกเธอไว้

“คุณผกามาศ ที่พักอยู่ห้อง 1010 ใช่มั้ยคะ” เสียงใสถามขึ้น

“ค่ะ”

“มีแจกันดอกไม้ส่งถึงคุณค่ะ” พนักงานสาวสวยยิ้มให้อย่างใจดีก่อนจะยกแจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้ช่อใหญ่มาให้เธอ

“ขอบคุณมากนะคะ” ตั้นรับมา โดยยังไม่ได้มีโอกาสเปิดดูการ์ดที่เหน็บมาด้วย

เมื่อถึงห้อง เธอวางแจกันลงบนหลังตู้เตี้ยที่ไว้เก็บรองเท้า ก่อนจะพลิกอ่านการ์ดด้วยความอยากรู้ว่าใครเป็นคนส่งดอกไม้ให้เธอ

“ยินดีด้วยกับความสำเร็จนะลูก แม่รักลูกจ้ะ” ข้อความสั้นๆ ที่ปรากฏบนการ์ดสีสวย ความดีใจที่อย่างน้อยแม่ก็ไม่ลืมเธอ ... มาพร้อมกับความเสียใจ...ที่ความสำคัญของเธอ..ไม่พอให้แม่เดินทางมาด้วยตัวเอง

…อย่าเอาแต่ใจน่า โตแล้วนะเรา... ตั้นบอกกับตัวเอง ทำให้ความเสียใจที่เริ่มทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวหยุดลง เธอหยุดคิดเรื่องที่ทำให้เธอเศร้า ด้วยการเปลี่ยนความสนใจให้ไปอยู่กับการเลือกที่วางแจกัน และอาหารมื้อเย็นที่จะฉลองให้ตัวเอง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ดึงความคิดของตั้นกลับมาอยู่ในโลกปัจจุบันอีกครั้ง มือเรียววางกรอบรูปลงที่เดิม ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์

“ตันตันรึเปล่าลูก เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย” เสียงอบอุ่น อ่อนโยน ดังมาตามสาย

“สวัสดีค่ะ หนูสบายดีค่ะ แล้วคุณแม่ล่ะคะสบายดีมั้ย” ตั้นทักทายคนที่เธอคิดถึงอยู่เมื่อครู่

“ก็เรื่อยๆน่ะลูก ตามประสาคนแก่” คุณแม่ตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“นี่คุณแม่อยู่ไหนคะเนี่ย เสียงลมแรงจัง” หญิงสาวถามเมื่อได้ยินเสียงลมแทรกมากับบทสนทนา

“แม่เพิ่งออกมาจากโรงละครโอเปร่าน่ะจ้ะ”

“คุณแม่อยู่ออสเตรเลียเหรอคะ” รอยยิ้มอ่อนบางปรากฏที่เรียวปาก

“จ้ะ พอดีที่โรงเรียนของมาร์คมีพิธีจบไฮสคูล คุณพ่อเขาเลยชวนแม่มาร่วมงานด้วย พอจบงานก็เที่ยวต่อกันนิดหน่อย” น้ำเสียงเจือด้วยความสุข

“เหรอคะ หนูฝากยินดีกับมาร์คด้วยนะคะ ฝากบอกน้องว่าตั้งใจเรียน รีบเรียนให้จบจะได้มาช่วยงานคุณพ่อ” ตั้นพูดด้วยความรู้สึกเจ็บเล็กๆที่หัวใจ มาร์คลูกชายของ ‘แม่เล็ก’ ภรรยาคนรองของคุณพ่อ ที่แม่เล็กยกให้เป็นลูกของแม่ของเธอ

แม่เล็กของเธอเป็นคนดี ให้เกียรติแม่ของเธอและเธอเสมอ คอยเอาใจใส่ดูแลเธออย่างดีเมื่อครั้งที่เธอยังอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ร่วมกับครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่เล็กจึงไม่ได้เป็นอย่าง เมียใหม่ของพ่อกับลูกเลี้ยง เหมือนในละครแต่อย่างใด

มาร์คเป็นเด็กดี ไม่เคยมีปัญหากับเธอ แถมยังชอบเล่นกับเธอด้วยซ้ำไป ตอนที่เธอจะย้ายออกมาอยู่คนเดียว มาร์คเป็นอีกคนที่ยืนร้องไห้ส่งเธอที่ประตู เธอจึงหวังให้น้องชายคนนี้จะได้ช่วยงานคุณพ่อ แทนในส่วนที่เธอคงไม่มีโอกาสได้ทำ

“ได้จ้ะ เดี๋ยวม้าบอกน้องให้นะ”

“ค่ะ คุณแม่เที่ยวให้สนุก แล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ” ความห่วงใยยังคงมีอยู่เสมอ แม้ว่าเธอแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากับคุณแม่เท่าไหร่นัก

“จ้ะ หนูก็รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยน ให้ความสุขกับเธอเสมอเมื่อได้ยิน

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ

“เดี๋ยวแม่โทรไปใหม่วันหลังนะ แม่รักลูกคนนี้ของแม่นะจ้ะ” คำว่า ‘รัก’ ทำให้ความอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจที่เย็นเยียบของคนฟัง ตั้นน้ำตาซึม ยิ้มกับโทรศัพท์

“หนูก็รักคุณแม่ค่ะ” ตั้นพูดคำว่า ‘รัก’ ตอบกลับไป ด้วยความรู้สึกว่า บางทีคำว่า ‘รัก’ ของเธออาจจะไม่มีความหมายกับคนที่แวดล้อมไปด้วยความรักจากคนรอบข้างตลอดเวลาแบบคุณแม่ของเธอ

เสียงโทรศัพท์ตัดไปแล้ว แต่ตั้นยังนึกถึงใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยความสุขเสมอๆ ผู้หญิงที่งดงาม อ่อนหวาน อ่อนโยน แต่หัวอ่อนเชื่อฟังแต่ผู้เป็นสามี ใบหน้าของแม่ที่แม้ว่าเธอไม่ได้เจอบ่อยนัก แต่เธอก็ยังจำได้ติดอยู่ในความทรงจำ






Create Date : 03 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 กรกฎาคม 2551 11:40:20 น. 1 comments
Counter : 279 Pageviews.

 
ชื่อล๊อคอินเด็ดขาด น่ารักมาก ๆเลยค่ะ ช๊อบ ชอบ


โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:52:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.