Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
ตอนที่ 1 เพื่อนสนิท

หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง สายตาเหลือบมองนาฬิการู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้ตื่นก่อนเวลาปลุกที่ตั้งไว้

เธอลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา ระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง ด้วยเกรงว่าจะทำให้คนข้างห้องตื่น หยิบของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจประจำวัน

ยังไม่ทันที่เธอจะได้แปรงฟันเสร็จ ประตูห้องน้ำที่เพียงปิดงับไว้ก็เปิดออก หญิงสาวเงยหน้ามองภาพในกระจกที่สะท้อนของร่างสูงในเสื้อยืดคอกลมสีขาวและกางเกงขาสั้นระดับเข่าไม่ต่างจากเธอ พร้อมกับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่แม้ว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้เกิดเสียงน้อยที่สุดแล้ว แต่ก็ทำให้เพื่อนตื่นจนได้

“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง มีงานตอนเช้าเหรอ” เสียงทุ้มจากชายหนุ่มที่ดูเหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่ เดินมายืนข้างๆ พร้อมเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันของตัวเองที่มียาสีฟันใส่เตรียมไว้ให้เรียบร้อย

“เปล่า ไม่ได้มีงานด่วนหรอก แต่ตื่นแล้ว ก็ว่าจะไปทำงานเลย” เธอตอบคนที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง หลังจากที่จัดการกับฟองในปากเรียบร้อยแล้ว

“รอด้วยล่ะ เดี๋ยวไปส่ง” ร่างสูงเดินออกไป พร้อมปิดประตู เพื่อให้เพื่อนจัดการธุระส่วนตัวต่อ

. . . . . . . . .

หญิงสาวในชุดทำงานทะมัดทะแมง เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแล็คเข้ากับเสื้อสูทที่พาดอยู่ที่แขน มองอาหารเช้าที่ประกอบด้วย ขนมปังปิ้ง แยม ไข่ดาวและไส้กรอก ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วถอนหายใจบางด้วยความลำบากใจ เพราะไม่คิดว่าเจ้าของห้องจะแย่งหน้าที่ทำอาหารเช้าของเธอไป ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอจะทำให้เธอรู้สึกเกรงใจไปอีกนานเท่าไหร่

ชายหนุ่มที่นั่งจัดการอาหารเช้าอยู่ก่อน หาวปากกว้าง แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

“กินอาหารเช้าซะ เดี๋ยวฉันไปส่ง ห้ามหนีไปเองนะ” ชายหนุ่มย้ำคำเดิม โดยไม่มองหน้าคนที่เขาพูดด้วย แล้วเดินออกจากโต๊ะอาหาร เพื่อไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองบ้าง

“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้” เธอบอกกับชายหนุ่มที่เดินหันหลังให้เธอ เหมือนไม่ต้องการรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการ

“เพิ่งเอาเผือกออกเมื่อวาน ให้ฉันไปส่งดีกว่า” ชายหนุ่มพูดจบก็ปิดประตูห้องน้ำ

หญิงสาวถอนหายใจกับเพื่อนหัวดื้อ ที่ทำให้ความตั้งใจจะออกไปทำงานก่อนเขาตื่นต้องล้มเหลว แล้วจึงลงมือจัดการกับอาหารเช้า

ทันทีที่หญิงสาวจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ออกมาในชุดทำงาน

ร่างบางเดินนำหน้าไปหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊กประจำตัว น้ำหนักโน้ตบุ๊กบนบ่าทำให้เสียวแปลบบริเวณข้อเท้าที่เพิ่งถอดเฝือกอ่อนออก หญิงสาวนิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“เป็นไง ไหวรึเปล่า ตั้น” ชายหนุ่มเดินตามมาทัน แต่ไม่ทันได้เห็นสีหน้าแสดงอาการเจ็บปวด

“ไหวดิ กฤษ แบกอยู่ทุกวัน จะไม่ไหวได้ไง” ตั้นยิ้มกว้างให้เพื่อน

“เออ ลืมไปว่าแกแข็งแรง บึกบึน” ชายหนุ่มยกมือขยี้ผมที่ซอยสั้นของหญิงสาวเล่น ก่อนจะเดินนำหน้าออกจากห้องไป

“จริงๆนายไม่ต้องดูแลฉันขนาดนี้ก็ได้นะ ที่ฉันเอ็นฉีก เพราะฉันเหม่อเอง ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย” ตั้นพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างตัวระหว่างรอลิฟต์

“แต่ถ้าปีนี้ฉันไม่อยากดูพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกบนยอดเขา แกคงไม่ลื่นตกเขาจนขาเป๋ไปหลายวันแบบนี้นี่หว่า”

ตั้นนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ของทุกปีที่เธอสัญญากับเพื่อนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ว่าจะไปเที่ยวผจญภัยเปิดโลกกว้างด้วยกัน

แล้วปีนี้เพื่อนสนิทขาลุยอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นผ่านเหลี่ยมยอดเขาท่ามกลางหมู่เมฆที่ลอยต่ำซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธ

หญิงสาวมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังขับรถพร้อมกับร้องเพลงเบาๆ อารมณ์ดี

ถ้าเธอไม่เหม่อ เธอคงไม่ก้าวพลาดจนบาดเจ็บแบบนี้

..... อากาศหนาวบนเทือกเขาสูง เหล้าพื้นเมืองฤทธิ์แรงที่ไม่คุ้นเคย ...

เมื่อนึกถึงสาเหตุที่เธอเหม่อ หญิงสาวก็อดเหลือบมองคนที่กำลังขับรถอยู่ในตอนนี้ไม่ได้

จะโทษอะไรดี ... เป็นเพราะอากาศหนาวบนเทือกเขาสูง ทั้งๆที่เธอและกฤษตรวจสอบสภาพอากาศเหมือนที่เคยทำทุกครั้งเพื่อเตรียมตัวเดินทาง แต่เมื่อถึงที่ตั้งแค้มป์ อุณหภูมิกลับต่ำกว่าที่ได้รับข้อมูลจากการพยากรณ์อากาศมาก จนทำให้เต็นท์ที่เตรียมไปนั้นต้านความหนาวไว้ไม่อยู่ ต้องนำถุงนอนของแต่ละคนมาซ้อนกันเพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นที่จุดเยือกแข็ง หรือเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าพื้นเมืองที่ชาวบ้านยกมาเลี้ยง เพื่อช่วยบรรเทาความหนาว

จริงๆแล้ว เธอไม่ควรคิดอะไรมาก จนกระทั่งเหม่อ เมื่อเธอแค่หลับอยู่ในอ้อมกอดของกฤษ และเพื่อนของเธอก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากการแบ่งปันความอบอุ่น

หลังจากที่ต้องยกเลิกทริปกลางคัน เพราะเธอเอ็นฉีก ชายหนุ่มรีบพาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย แล้วเขาก็จัดการลากเธอมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดเสร็จสรรพ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ฉันจะได้ดูแลแก”

. . . . . . . . . . . . . .

“เอ้าถึงแล้ว” เสียงทุ้มทำให้ความคิดของตั้นหยุดลง กฤษหันมายิ้มให้กับหญิงสาวจนตาที่เรียวเล็กกลายเป็นเส้นโค้ง

“แล้ววันนี้เลิกงานกี่โมง จะได้มารับถูก”

“ไม่ต้องมารับหรอก เดี๋ยวฉันนั่งรถไฟฟ้าไม่กี่สถานีก็ถึงคอนโดแล้ว”

แม้ว่าตั้นจะคุ้นชินกับความเป็นห่วงที่มีให้กับเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนเพื่อนมากกว่าที่เป็นอยู่

คำตอบที่ได้รับทำให้คนถามนิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายมาบีบแก้มทั้งสองข้างของตั้นแล้วสั่นไปมาเบาๆ

“ถ้าแกไม่ยอมบอกฉัน ฉันจะสั่นอยู่แบบนี้แหละ” เมื่อเห็นคนที่โดนแกล้งยังไม่ยอมตอบ ชายหนุ่มจึงออกแรงสั่นให้มากขึ้น

หญิงสาวขมวดคิ้วให้กับคนที่กำลังสนุกกับการแกล้งเธอ ก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองข้างไปที่ใบหน้าของเขา แล้วใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้หนีบแก้มทั้งสองข้างของชายหนุ่มแล้วสั่นไปสั่นมาบ้าง

ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะยอมปล่อยมือ พร้อมยกมือขึ้นทั้งสองข้างทำท่ายอมแพ้ หญิงสาวจึงยอมปล่อยนิ้วที่กำลังคีบเนื้อที่แก้มของชายหนุ่ม ต่างคนต่างลูบแก้มของตัวเอง

“ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ชีวิตนี้เคยยอมแพ้ใครบ้างมั้ยวะแก” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง

“ก็แกแกล้งฉันก่อนนี่หว่า ไอ้บ้าเอ๊ย ดูดิ๊หน้าเสียทรงหมดเลย”

“มีด้วยเหรอ หน้าเสียทรง เคยแต่ได้ยินผมเสียทรง แล้วถ้าหน้าแกเสียทรง หน้าฉันก็ย้วยแล้วแหละวะ”

เสียงแตรรถคันหลังทำให้การถกเถียงของทั้งคู่หยุดลง ตั้นรีบเปิดประตูรถ

“ตกลงเลิกกี่โมง” มือหนาเอื้อมไปยึดข้อมือของคนที่กำลังจะลงจากรถไว้

“ไม่บอกก็ไม่ต้องลง” เขาพูดพลางเก๊กหน้าเข้ม แต่หญิงสาวก็สังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากของคนช่างแกล้ง

“คงซักหกโมงครึ่งมั้ง” หญิงสาวพูดพร้อมกับกำลังจะใช้มือข้างที่ว่างโจมตีข้อมือแกร่งที่ยึดแขนของเธอไว้ แต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้ทัน รีบปล่อยก่อนจะเจ็บตัว ประตูรถปิดกลับด้วยแรงดันจากมือบาง

ชายหนุ่มกดกระจกลง แล้วตะโกนไล่หลังหญิงสาวไป

“ห้ามกลับก่อนนะ ไม่งั้นเจอดี”

หญิงสาวยกมือขึ้นระดับศีรษะ โบกมือให้กับคนที่ยังนั่งยิ้มกว้างอยู่ในรถ โดยไม่ได้หันกลับมามอง

ร่างสูงโปร่งพร้อมสัมภาระเดินเข้าตึก การกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆจากชายหนุ่ม ทำให้ตั้นนึกถึงสมัยเด็กที่ได้เล่นซนผจญภัยไปกับเพื่อนข้างบ้านรั้วติดกันที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เด็กผู้ชายผอมเก้งก้างที่เกิดและโตที่เมืองนอก แม้จะพูดไทยไม่คล่อง ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยมากนัก แต่เขาก็พร้อมจะเล่นสนุกไปกับเธอโดยไม่เคยขัด

พ่อแม่ของเธอกับกฤษ มีกิจการค้าขายที่ทั้งสองครอบครัวสามารถเกื้อหนุนกันได้ ไม่แปลกที่ทำให้ทั้งสองครอบครัวสนิทกันอย่างรวดเร็ว รวมถึงความสัมพันธ์ของพวกเด็กๆ

กฤษเป็นลูกชายคนสุดท้อง จากลูกชายทั้งสี่คน สำหรับตัวเธอเองเป็นลูกสาวคนเดียวของ “แม่ใหญ่” คำเรียกของลูกชายทั้งสองของ “แม่เล็ก” ภรรยาคนรองของคุณพ่อของเธอ

ถ้านับตั้งแต่เธอต้องย้ายออกมาอยู่คนเดียวเมื่อขึ้น ม.4 คนที่เธอใกล้ชิดสนิทสนมและรับรู้ความเป็นไปในชีวิตเธอมากที่สุด คงจะเป็นเพื่อนที่คบกับมาตั้งแต่เด็กคนนี้ มากกว่าที่จะเป็นคนในครอบครัวของเธอเองด้วยซ้ำ

เสียงเตือนจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่เธอจะลงทำให้เธอหยุดความคิด ก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์เพื่อเริ่มต้นทำงาน

. . . . . . . . . . . . . . . . . .

เสียงเปิดประตู ทำให้หญิงสาวที่กำลังก้มๆเงยๆ หาเครื่องดื่มอยู่หน้าตู้เย็นในครัวเดินออกมาดู ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องวางกระเป๋าบนโซฟา หญิงสาวยื่นแก้วน้ำผลไม้เย็นเฉียบให้กับคนที่ขมวดคิ้วน้อยๆ และยังไม่ยอมยิ้มกับเธอ แต่มือกว้างก็ยังยื่นมือออกมารับแก้วน้ำไปดื่ม

“บอกให้รอไง ทำไมไม่รอ” กฤษพูดขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำผลไม้จนหมดแก้ว

“ก็วันนี้งานเสร็จเร็ว ขี้เกียจรอเลยกลับก่อน”

“แล้วแกกลับถึงบ้านก่อนฉัน นานเท่าไหร่กัน” หญิงสาวหลบตา เฉไฉเดินเอาแก้วไปเก็บในครัว เพราะเธอเองก็พอจะรู้ว่า ชายหนุ่มเดาได้ว่าเธอรีบเคลียร์งาน เพื่อรีบกลับออกมาก่อน และมาถึงบ้านก่อนเขาได้ไม่นาน
หญิงสาวเก็บแก้วเรียบร้อย ยืนนิ่งเตรียมพร้อม เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ครัว เธอรีบพุ่งออกไปจากครัว วิ่งอ้อมโต๊ะกินข้าว

“บอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้ากลับก่อนจะโดนลงโทษน่ะ แน่จริงอย่าหนีดิ” ร่างสูงยิ้มกว้างอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกินข้าว

“แน่จริงนายก็จับฉันให้ได้ดิ” ตั้นตอบพร้อมเสียงหัวเราะร่าเริง

การวิ่งไล่จับระหว่างอดีตนักบาสเกตบอลของคณะเมื่อสมัยเรียนในมหาวิทยาลัย ก็เริ่มต้นขึ้น เสียงหัวเราะดังลั่นประสานกัน

ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเบี่ยงตัวหลบเก้าอี้ แขนแข็งแรง ก็คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน เธอดิ้นรนพร้อมกับเสียงหัวเราะ ชายหนุ่มยกร่างของหญิงสาวขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย ก่อนจะพาคนที่ถูกจับไปชิดกำแพง แล้วลงมือจั๊กจี้เอวของร่างบาง

“เฮ้ย อย่าเล่น อย่าๆๆๆ พอหยุดๆๆๆ” ร่างบางดิ้นไปมา ร้องห้ามพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่หลังที่ติดกำแพงทำให้หนีไม่พ้น

“นี่แน่ะ นี่แนะ ....วันหลังจะดื้ออีกมั้ย” มือข้างหนึ่งยึดข้อมือของร่างบางไว้ให้ติดกับกำแพง ส่วนมือที่ว่างก็ระดมกลั่นแกล้งคนบ้าจี้

“...หยุดเถอะ ขอร้อง ” คนตัวเล็กหัวเราะจนเข่าอ่อน ชายหนุ่มโอบประคองร่างบางได้ทันก่อนจะทรุดลงไปกับพื้น

ร่างบางหอบหายใจอยู่ในวงแขนของชายหนุ่ม กลิ่นอาย และลมหายใจของทั้งสองสัมผัสกัน

“ตกลงพรุ่งนี้จะรอฉันมั้ย” ร่างสูงก้มลงพูดกับคนในวงแขน

“....รอ...ก็ได้” ตั้นตอบทั้งที่ยังหายใจหอบ

“ก็แค่เนี้ย ว่าง่ายๆอย่างงี้ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว” ชายหนุ่มมองเพื่อนที่เขายังประคองอยู่

“ก็นายง่ะ เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ ปล่อยได้แล้ว ฉันยืนไหวแล้ว” แขนที่ประคองอยู่คลายออก

“เล่นอะไรเด็กๆ .. อืมมม...แต่ก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ” กฤษหัวเราะเบาๆ ก่อนขยี้ผมนุ่ม แล้วเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ลมเย็นแผ่วสัมผัสผิว เมื่อความอบอุ่นจากอีกฝ่ายห่างไป ตั้นมองตามแผ่นหลังของร่างสูง

เมื่อการเล่นวิ่งไล่จับจบลง ห้องกลับเงียบลงอีกครั้ง ตั้นเดินกลับเข้าไปในห้อง กางกระเป๋าเสื้อผ้าที่กฤษแอบจัดการไปขนมาจากห้องของเธอ ตอนที่เธอยังอยู่ในโรงพยาบาล เสื้อผ้าที่ถูกนำมานั้นอยู่ในปริมาณที่เธอสามารถใช้ได้อย่างสบายเพราะเพื่อนตัวแสบของเธอขนมาเกือบหมดตู้ ก่อนจะลากเธอมาอยู่ที่ห้อง เพื่อไม่ให้เธอมีข้ออ้างว่าต้องกลับไปเอาของ

หญิงสาวเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า อย่างง่ายๆ แล้วลากกระเป๋าออกจากห้อง กฤษที่อยู่ในชุดลำลองจ้องมองกระเป๋านิ่ง

“จะไปไหนน่ะตั้น”

“ก็จะกลับบ้านของฉันมั่งดิ เพราะตอนนี้ฉันก็หายแล้ว”

“จะรีบกลับไปไหน ไม่มีใครรอแกกลับไปที่บ้านซะหน่อย หรือว่ามี” กฤษยืนกอดอกขวางทาง ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย พร้อมถามคำถามที่เธอรู้ว่าเพื่อนของเธอรู้คำตอบดี

“ก็ไม่มีหรอก” หญิงสาวยักไหล่

“งั้นจะรีบกลับไปทำไมวะ ฉันยังมีเรื่องงานปรึกษากับแกอีกเยอะเลย” กฤษเดินยิ้มกว้างเข้ามาใกล้ ก่อนจะเลื่อนกระเป๋าไปเก็บในห้องส่วนตัวของเพื่อน แล้วเดินกลับออกมา

“เรื่องอะไร” ตั้นทำหน้าสงสัย ถามชายหนุ่มที่เดินอ้อมไปด้านหลังของเธอ

“เออเอาน่า นั่งก่อนนั่งก่อน ฉันอุ่นกับข้าวที่ซื้อมาเกือบเสร็จแล้ว รับรองอร่อยแน่นอน ฝีมือฉันอุ่น” มืออบอุ่นรุนหลังบอบบางให้ไปที่โต๊ะกินข้าว

“...เฮ้อออ...มันอร่อยมาตั้งแต่ร้านแล้วแหละ....มุขนี้เปลี่ยนมั่งเถอะ ใช้จนไม่ขำแล้ว”

กฤษยกจานมาเสิร์ฟ หน้าหญิงสาว ที่หลับตาทำหน้าเคลิ้มกับกลิ่นอาหารตรงหน้าให้มากกว่าความเป็นจริง ทำให้ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตั้น


***********************************


Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 23:43:15 น. 2 comments
Counter : 422 Pageviews.

 
อ่านผ่านๆ ยังไม่ละเอียดเลยไม่กล้าวิจารณ์อะไรทั้งสิ้น แต่ว่า...

กฤษ...ตั้น...หนูพุทราเพื่อนรัก แกทำให้ชั้นคิดถึงเพื่อนเก่าเมื่อนานมาแล้วว่ะ
ใช่คนที่ชั้นคิดอยู่ป่าววะ


โดย: เพื่อน b IP: 202.28.182.130 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:9:22:01 น.  

 
+++ เพื่อน b

เพิ่งเห็นว่าแกมา

หัดอ่านให้มันละเอียดๆดิวะ แต่บางทีชั้นว่าแบบนี้ไม่ใช่แนวที่แกอ่านว่ะ

กฤษ = กชกฤษ ... ซึ่งต่อให้อ่านทั้งเรื่อง คนอ่านก็คงไม่รู้ เพราะชั้นไม่รู้ว่าจะเอาไปแทรกตรงไหนดี

ตั้น = ตันตัน ... ชั้นตั้งชื่อนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน j เชียวนะเฟร้ย


ขอขอบคุณเพื่อน j มานะที่นี้ด้วยค่ะ เพราะ แนะนำความรู้ภาษาจีนไว้หลายคำทีเดียว ^ ^


โดย: แค่ก้อนหินที่อยากบินได้ วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:53:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.