Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 

ตอนที่ 14 สมาชิกใหม่

มือเรียวสอดกุญแจดอกใหม่ ก่อนจะเปิดประตูออก ภายในห้องมืดมิดมีเพียงแสงไฟจากบริเวณทางเดินที่สาดแสงเข้ามา เธอเปลี่ยนใจลดมือที่กำลังจะกดเปิดสวิตช์ไฟลง หันหลังมาปิดประตูห้อง ตั้นเดินไปตามทางเดินมืดมิดที่คุ้นเคยไปเปิดผ้าม่าน สายตามองฝ่าผืนฟ้ายามราตรีที่อยู่ภายนอกกระจกออกไป ความมืดที่อยู่รอบตัวช่วยขับให้แสงไฟทุกดวงดูระยิบระยับงดงาม ตั้นเปิดประตูระเบียงออกไปสัมผัสอากาศยามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบที่อยู่รายล้อมรอบตัวเธอ หูกลับได้ยินเสียงสับสนวุ่นวาย มีชีวิตชีวาที่อยู่ไกลออกไป เหมือนเธอออกมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีเพียงเธอลำพัง ตอกย้ำความไม่มีตัวตนของเธอ สายลมยามค่ำคืนพัดแรงจนผมที่ซอยสั้นลงมาระหน้าผาก มือเรียวเสยผมขึ้น หลับตาลง นึกอยากให้สายลมช่วยพัดพาความความคิดถึงของเธอไปถึงใครบางคน คนที่เธอปรารถนาให้มีความสุข ความคิดถึงที่เธอรู้ดีว่า มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา และ ไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอนอกจากทำร้ายให้เธอเจ็บปวดมากขึ้น

หญิงสาวหันหลังกลับ ด้านหลังรับรู้ถึงอุณหภูมิของราวเหล็กที่แนบอยู่กับเอว สายตากวาดมองรอบห้องที่ยังคงมืดมิด อดนึกเปรียบเทียบกับความอบอุ่น รื่นเริง เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของหลายวันที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่มีเพื่อนอีกสองคนอยู่ด้วย เธอยิ้มให้กับหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเอง อาการปวดลึกในช่องอกยังเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อนึกถึงคนที่เธอรัก .. ความเจ็บปวดที่เริ่มคุ้นชิน

ลมหายใจยาวถูกระบายออกเพื่อลดความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในโพรงอกที่เคยว่างเปล่า ก่อนที่ตั้นจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ แล้วเริ่มต้นทำในสิ่งที่ควรจะต้องทำอีกครั้ง ร่างบางเดินกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวลงนอนแนบบนโซฟา ซบศีรษะเข้ากับเบาะนุ่ม เธอหวังว่าสักวันหนึ่งความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้คงจะตกตะกอนสงบนิ่งอยู่เบื้องล่างไม่ลอยฟุ้งก่อกวนทำให้เจ็บปวดอีกเหมือนความทรงจำที่เจ็บปวดอื่นๆที่เคยผ่านมา ก่อนจะปล่อยให้ความอ่อนล้าดึงเธอให้จมลงสู่ห้วงนิทราที่เงียบสงัดไร้ความฝัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

หลายสัปดาห์ผ่านไปอย่างเงียบเหงา กฤษรักษาคำพูดเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีเสียงริงโทนที่เธอตั้งไว้โดยเฉพาะสำหรับเพื่อนคนสำคัญ แต่เวลาของเธอก็ยังคงเดินต่อไป ตื่นเช้าไปทำงาน ทำงานจนถึงค่ำ ออกจากที่ทำงาน หาอะไรใส่ท้อง ก่อนจะกลับบ้านมานอน เป็นอย่างนี้ซ้ำๆในทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์ อาทิตย์ จนเธอกลายเป็นคนคุ้นหน้าสำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัย

ค่ำนี้ก็เหมือนกับในทุกๆวัน ตั้นออกจากออฟฟิศเป็นคนสุดท้าย

“กลับแล้วเหรอครับ คุณผกามาศ” พนักงานรักษาความปลอดภัยทักทายหญิงสาว

“กลับแล้วค่ะลุง” ตั้นทักทาย ‘ลุงชัย’ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เธอเจอทุกค่ำ

หญิงสาวพาเป้คู่ใจที่มีพวงกุญแจสีเงินอันใหญ่แขวนอยู่ในตำแหน่งเดิมเลี้ยวออกจากประตูรั้ว เดินเรียบตามทางเท้าไปไม่ไกลนักก็ถึงย่านร้านค้า เธอแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า

สองขาพาร่างของหญิงสาวเดินไปตามเส้นทางเดิมเหมือนกับทุกค่ำหลังเลิกงาน แม้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วผู้คนที่ใช้เส้นทางนี้ยังคงมีให้เห็นหนาตา หญิงสาวมองดูท้องฟ้ามืดมิดในยามราตรี ตอนนี้ที่เห็นดวงดาวน้อยกว่าไฟสีแดงจากท้ายยวดยานที่อยู่บนท้องถนนอย่างเทียบกันไม่ได้

ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางอ้อมกอดของตึกสูง ทะเลแห่งผู้คน ในกระแสของเทคโนโลยี แต่เธอยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว

ยังไม่ชินอีกหรือ... ตั้นถามตัวเองขณะเดินสวนกับชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินจับมือแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันอย่างอบอุ่น คำถามเดิมที่เฝ้าถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนเก็บความคิดที่จะทำให้เธอรู้สึกจมดิ่งลึกลงไปในความเศร้าหมอง บอกให้ตัวเองจดจ่อกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแล้ววางทาบบัตรรถไฟฟ้าในช่องรับบัตร

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เย็นนี้เป็นเย็นวันศุกร์ต้นเดือน ร่างโปร่งมองลงมาจากตึกสูงเห็นคนตามท้องถนนมากกว่าปกติและยวดยานเต็มพื้นที่ผิวการจราจรไม่แตกต่างจากวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมา ที่ต่างออกไปคงจะเป็นตัวเธอ ที่ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องไปเบียดเสียดผู้คนบนรถไฟฟ้าที่คงจะแน่นกว่าปกติเช่นกัน เพื่อกลับไปอยู่ในความเงียบเหงาของห้องที่มีแต่ตัวเองอยู่เพียงลำพัง เธอจึงออกจากที่ทำงานช้ากว่าที่เคย

ขณะที่ตั้นกำลังจะเดินผ่านตู้ยามที่ลุงชัยต้องนั่งประจำ เธอเห็นลุงชัยกำลังนั่งยองๆ หันหลังให้กับทางเดิน ด้วยความเป็นห่วงชายสูงวัยว่าอาจจะปวดท้อง หญิงสาวจึงเดินเข้าไปดู

แล้วเธอก็เห็นลูกแมวตัวเล็ก นอนนิ่งขดตัวอยู่ ขนเกรอะกรัง ตาปิดสนิท ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

“ส่งผ้าขนหนูมาเร็ว” ลุงชัยพูดขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง

“...” ตั้นได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเธอไม่รู้จะเอาผ้าขนหนูที่ไหนส่งให้

“อ้าว ขอโทษครับคุณผกามาศ ผมนึกว่าเป็นสุดา ผมวานให้สุดาช่วยไปเอาผ้าขนหนูให้น่ะครับ” ลุงชัยพูดถึงสุดา พนักงานรักษาความปลอดภัยหญิงอีกคน

“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วลุงชัยกำลังทำอะไรอยู่น่ะคะ” ตั้นยังมองลูกแมวตัวน้อยไม่วางตา

“ผมเจอลูกแมวครับ มันไปอยู่ตรงซอกที่เขาเก็บอุปกรณ์ไม่ใช้แล้วกันน่ะครับ ไม่รู้แม่มันอยู่ไหน”

“ท่าทางป่วยหนักนะคะ”

“ผมอยากพามันไปหาหมอนะ แต่ไม่มีเงิน นี่ก็พยายามป้อนน้ำให้มัน แต่เหมือนมันไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ” ลุงชัยพูดพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตั้นพามันไปเอง” ตั้นอาสา เพราะยังไงเธอไม่ต้องรีบกลับไปไหนอยู่แล้ว

“ลำบากคุณผกามาศรึเปล่าครับ” ลุงชัยมีสีหน้าลำบากใจ

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ” ตั้นตอบฝ่ายสูงวัยด้วยรอยยิ้ม

ตั้นพาลูกแมวไปคลินิกย่านร้านค้าที่ไม่ห่างจากที่ทำงานของเธอมากนัก ขณะที่เปิดประตูลงจากรถแท็กซี่ลูกแมวตัวน้อยยังคงนอนนิ่งมีเพียงช่วงท้องที่ขยับขึ้นลงเบาๆเท่านั้นที่เป็นสัญญาณว่ามันยังมีชีวิตอยู่

ภายในคลินิกคนบางตา เพราะเป็นเวลาใกล้จะปิดร้าน เมื่อตั้นไปถึงจึงส่งลูกแมวตัวนั้นให้กับสัตวแพทย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

ลูกแมวร่างกายอ่อนแอเนื่องจากขาดน้ำและอาหารมานาน มันจึงต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่คลินิกหลังจากที่สัตว์แพทย์ฉีดยาบำรุงให้ ระหว่างที่ให้น้ำเกลือเจ้าลูกแมวน้อยปรือตาที่เต็มไปด้วยขี้ตาเกรอะกรังขึ้น แต่มันยังไม่มีแรงพอที่จะดิ้นรนหนีเข็มฉีดยาไปไหน

เมื่อถึงเวลาปิดร้าน ป้าย ‘Close’ ถูกนำไปแขวนแทนป้าย ‘Open’ สัตวแพทย์กับผู้ช่วยจัดการกับเอกสารต่างๆ เพื่อเตรียมตัวปิดร้าน ตั้นจึงอยู่ในห้องที่ลูกแมวตัวน้อยกำลังให้น้ำเกลือคนเดียว

เธอเดินออกไปที่เคาน์เตอร์

“ขอโทษนะคะ รบกวนของน้ำอุ่นซักนิดได้มั้ยคะ”

“ตรงตู้กดน้ำน่ะครับ ตามสบายเลยนะครับ” สัตวแพทย์มีอายุยิ้มให้กับเธอด้วยรอยยิ้มใจดี พร้อมกับชี้ไปยังมุมหนึ่งของคลินิกที่มีตู้กดน้ำดื่มตั้งอยู่

ตั้นหยิบกรวยกระดาษที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ ผสมน้ำเย็นกับน้ำร้อนเข้าด้วยกัน เอานิ้วจุ่มลงไปเพื่อทดสอบอุณหภูมิ ก่อนจะถือแก้วเดินกลับเข้าไปในห้องที่เธอเดินออกมาเมื่อครู่

ทิชชูจุ่มน้ำแล้วบีบน้ำออกจนหมาดถูกนำไปลูบไล้ตามลำตัวของลูกแมวที่เต็มไปด้วยคราบเหนียวสกปรก รวมถึงคราบน้ำมูก และขี้ตาที่ติดเต็มรอบดวงตา จนแทบไม่เชื่อว่า เจ้าแมวน้อยจะสามารถลืมตาขึ้นได้ หลังจากหมดทิชชูไปหลายแผ่น ในที่สุดตั้นก็พอจะเดาสีขนของเจ้าแมวน้อยได้แล้ว ขนของมันเป็นสีเทาอ่อนจนเกือบขาว

เมื่อเธอเช็ดตัวให้เจ้าลูกแมวเท่าที่พอจะทำได้ เพราะเธอไม่กล้าจับลูกแมวให้ขยับตัวมากนัก ด้วยเกรงว่าจะมีผลกับเข็มน้ำเกลือที่ปักอยู่ในเนื้อ ตั้นก็รวบรวมขยะทั้งหมดไปทิ้ง ก่อนจะออกมาเลือกซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นเลี้ยงแมว

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผู้ช่วยสัตวแพทย์กลับไปแล้ว เหลือเพียงเธอกับคุณหมอตามลำพัง ตั้นมองผิวหนังข้างลำตัวของแมวน้อยที่บวมขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจ

“คุณหมอคะ ทำไมมันบวมอย่างนี้ล่ะคะ” ตั้นถามคุณหมอ เมื่อคุณหมอเดินเข้ามาเอาสายน้ำเกลือออก

“น้ำเกลือไปอยู่ใต้ผิวหนังน่ะครับ เดี๋ยวมันจะค่อยๆดูดซึมไปเอง” คุณหมออธิบายอย่างใจเย็น

“ป้อนยาให้แมวเป็นมั้ยครับ” คุณหมอถามขึ้น ระหว่างที่กำลังจัดยา

“ไม่เป็นค่ะ” ตั้นตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด

คุณหมออธิบายการป้อนยาแมว แต่เธอก็ตัดสินใจว่า พรุ่งนี้เธอพามันมาที่คลินิกอีกครั้ง เพื่อให้หมอฉีดยาแทนที่จะต้องป้อนยาให้มัน

ตั้นจ่ายเงินค่ารักษา และอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะนำลูกแมวที่นอนนิ่งในตะกร้ากลับบ้าน

ระหว่างทางที่อยู่บนรถแท็กซี่ เธอมองลูกแมวที่อยู่ในตะกร้าแล้วรู้สึกว่า มันท่าทางดีขึ้น อย่างน้อยใบหน้าเล็กๆนั่นก็ไม่ได้แสดงออกถึงความทุกข์ทรมาน

เมื่อถึงบ้าน ตั้นนำแมวน้อยออกจากตะกร้า ก่อนจะวางลูกแมวลงบนเบาะบางๆที่เตรียมไว้ ลูกแมวตัวเบาหวิว ผอมโกรก เธอนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้อีกครั้ง มันส่งเสียงคราง นิ้วเรียวลูบหัวมันเบาๆ

“นอนซะนะ หลับให้สบาย จะได้หายเร็วๆ” เธอบอกให้ลูกแมวคลายกังวล

ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าเหมียวอาการดีขึ้นมากจนเริ่มกินอาหารได้ หลังจากกินจนพุงกลมแล้ว มันก็เดินสำรวจบ้านใหม่

“สำรวจบ้านใหม่เหรอเจ้าเหมียว” ตั้นพูดพร้อมกับช้อนตัวลูกแมวขึ้นจากพื้น

“เป็นไง พอจะอยู่ได้มั้ย” ตั้นอุ้มลูกแมวขึ้นให้อยู่ในระดับสายตา จ้องมองดวงตากลมโตสีเหลืองใส

“เมี๊ยววว” ลูกแมวร้องตอบ

เจ้าของบ้านทึกทักเอาเองว่า เจ้าแมวน้อยตอบว่า “ได้”

“อืม...งั้นฉันยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านนะ เอ... ฉันยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เลยนี่นา”

ลูกแมวจ้องมองหญิงสาวตาแป๋ว

“ชื่ออะไรดี ... หมอก ... สีเทา ... ก้อนเมฆ...” ตั้นพึมพำชื่อ พร้อมกับมองลูกแมวตัวจ้อยที่อยู่ในมือของเธอ ตัวอุ่นๆ ขนนุ่มๆ กำลังดิ้นกระดุ๊กกระดิ๊กไปมาเพราะอยากจะให้เธอวางมันลงบนพื้นห้อง

“ชื่อ อุ่นนุ่ม แล้วกัน” ตั้นตั้งชื่อลูกแมวตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นในฝ่ามือ

“ตั้งแต่นี้ต่อไป น้องเหมียว ชื่อ อุ่นนุ่ม นะ” ตั้นวางอุ่นนุ่มลง พร้อมกันขยี้หัวลูกแมวเบาๆ

“เมี๊ยว....”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

หลายสัปดาห์ผ่านไป ตั้นคิดว่าอุ่นนุ่มหรือที่เธอมักเรียกสั้นๆว่า ‘นุ่ม’ เริ่มคุ้นเคยกับบ้านแล้ว เย็นนี้ตั้นเลยวางแผนว่าจะแวะไปหาของกินไกลหน่อย

หลังเลิกงานร่างโปร่งออกจากที่ทำงานเร็วกว่าปกติ เพื่อขึ้นรถไฟฟ้าก่อนจะเดินเท้าต่อไปยังร้านเจ้าประจำที่ห่างหายไปเป็นเดือน แม้คนมากมายเลือกที่จะหลบเลี่ยงสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ แต่ตั้นกลับอยากจะทำให้ตัวเองชิน เพื่อจะได้รู้สึกแบบเพื่อนกับคนที่เธอทิ้งระยะห่างมาไกลได้เร็ววัน

“แหม วันนี้แวะมาได้นะ หายไปตั้งนานนึกว่าลืมเจ๊หมูคนนี้ไปซะแล้ว” เจ้าของร้านทักทาย เมื่อเห็นตั้นในร้าน

“ก็ยุ่งๆนิดหน่อยค่ะเจ๊ ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ” ตั้นตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ยุ่งเหรอ มิน่า ผอมลงไปนะเรา” เจ้าของร้านสังเกตร่างโปร่ง แล้วพูดด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เห็นทั้งตั้น ทั้งเจ้ากฤษเลย แล้วนี่กฤษไม่มาด้วยเหรอ” เจ๊หมูถามพร้อมทั้งมองไปที่ประตู เผื่อว่าจะมีร่างสูงเดินตามเข้ามา

“ไม่มาค่ะ ตั้นมาคนเดียว” ตั้นลากเก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่งเสมอเวลามาพร้อมกับเพื่อนคนที่ถูกถามถึง แล้วนั่งลง

“อ้าวทำไมล่ะ เห็นตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋”

“เดี๋ยวนี้กฤษกำลังจะมีครอบครัวแล้วค่ะ เขาจะมีเวลามาไร้สาระกับตั้นเหรอเจ๊” หญิงสาวยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ทั้งที่หัวใจข้างในกำลังทักทายกับความเจ็บปวดที่คุ้นเคย

“หา เจ้ากฤษเนี่ยนะ ถึงว่าหายหน้าไปเลย..ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถึงได้ทนกับความใจร้อน ปากไว ของเจ้ากฤษได้ล่ะเนี่ย” เจ๊เจ้าของร้านที่รู้จักกันมานานจนเหมือนเป็นพี่สาวทำหน้าสงสัย ก่อนจะถามกับตั้น

“แฮะ..แฮะ...เจ๊ ... กฤษมันไม่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พิเศษจนทำให้กฤษมันกลายเป็นชายหนุ่มที่แสนดี สุภาพ เรียบร้อยไปแล้วก็ได้”

“ฮ้า แสนดี สุภาพ เรียบร้อย ไหนลองยกตัวอย่างให้เจ๊ฟังหน่อยได้มั้ย เจ๊นึกภาพไม่ออก” เจ๊เกาหัวพร้อมทำหน้าสงสัย

“ก็เช่น แต่งตัวเนี้ยบใช้ของมีเบรนด์ เสื้อไม่หลุดออกนอกกางเกง ลงท้ายประโยคด้วยครับเกือบทุกประโยค ไม่หัวเราะเสียงดัง แค่หัวเราะเสียงทุ้มนุ่มในคอ ไม่บิดขี้เกียจ แล้วก็....” ตั้นนึกภาพของกฤษในช่วงเวลาที่อยู่กับน้ำผึ้งที่บ้านของเธอ

“พอแล้วพอ เจ๊หัวเราะจนปวดท้องแล้ว” เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง

“แต่เจ๊สงสัยนะ ว่าเจ้ากฤษมันจะสุภาพแสนดีได้นานแค่ไหน”

“ตั้นก็ไม่รู้หรอกค่ะ บางทีอาจจะเป็นได้ตลอดไป เพราะคราวนี้ตัวจริง”

“กลับเข้าเรื่องระหว่างตั้นกับเจ๊ดีกว่า แล้ววันนี้ตั้นกินอะไร” เจ้าของร้านกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นลูกค้ากลุ่มใหม่เดินเข้าร้านมา

“อยากกินของโปรดเมนูเดิมฝีมือเจ๊ มั่กๆ” ตั้นทำเสียงต่ำ สีหน้าจริงจัง

“เดี๋ยวเจ๊จัดการให้เลย รอแป๊ป” เธอยิ้มจนตาที่เล็กอยู่แล้ว กลายเป็นเส้นโค้ง

“ขอใส่กล่องกลับนะเจ๊”

“อ้าว ทำไมล่ะ กินที่นี่ตอนร้อนๆ อร่อยกว่านะ” เธอท้วงขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ไม่ล่ะเจ๊ ต้องรีบกลับ นุ่มรออยู่”

ชื่อไม่คุ้นหูที่มากับประโยคทำให้เจ้าของร้านขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะมอบหน้าที่ให้พนักงานในร้านช่วยรับออร์เดอร์ต่อ แล้วร่างท้วมก็เดินเข้าครัวไป



.




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2551
14 comments
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 22:23:00 น.
Counter : 411 Pageviews.

 

จะมาอัพอีกทีตอนไหนคะ?? งิงิ


รอ ร๊อ รอ


สนุกมากๆค่ะ

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.91.77 14 กรกฎาคม 2551 3:52:11 น.  

 

มาอัพได้สักที
หนุกหนานมั๊กๆๆ

 

โดย: niina IP: 203.121.142.71 14 กรกฎาคม 2551 13:01:01 น.  

 

จะมาอัพอีกทีมะไหร่ค่า?? รออ่านงิๆๆๆ

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.91.77 15 กรกฎาคม 2551 13:50:45 น.  

 

T^T รอ อ่าน ค่าๆๆๆ


วันนี่วันเกิดเราค่ะ ช่วยมาอัพ เป็นของขวัญเราหน่อยได้มั้ยคะ??

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.91.77 16 กรกฎาคม 2551 13:22:03 น.  

 

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังครับคุณหมูปิ้ง เดี๋ยวไปเรียก จขบ มาดูซะหน่อย อิๆๆ

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 17 กรกฎาคม 2551 19:45:05 น.  

 

ชอบคุงค่า ดีค่ะ ช่วยเรียกเค้ามา ลงนิยายต่อหน่อยค่า

เราใจจะขาดแว้ววว T^T มาเช็คทุกวัน วันละ สิบๆรอบเลยค่ะ

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.65.35 18 กรกฎาคม 2551 1:15:04 น.  

 

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยนะคะคุณหมูปิ้ง ขอโทษด้วยจริงๆ พุทราเพิ่งเข้า Blog มาวันนี้เอง และขอบคุณมากๆที่ติดตามทวงถามเสมอๆ ^ ^ ดีใจจัง

ขอบคุณเฮียพีทมากๆ ที่ช่วยมาดูแลบ้านให้ พุทราเป็นเจ้าของ Blog ที่แย่จริงๆ -_-"

ลงคราวหน้า น่าจะเป็นภายในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค. น่ะค่ะ เพราะอยากให้เรื่องมันจบภายในเดือนนี้เหมือนกัน เรื่องสั้นจุ๊ดนึง ลงช้าจนถึงป่านนี้ ^ ^" (เฮียพีทก็บ่นๆ ว่าๆ อยู่เหมือนกันว่าลงช้า แถมเอาแน่เอานอนไม่ได้อีก)

วันนี้พุทราเพิ่งได้อยู่บ้านทั้งวันในรอบหลายเดือน พุทราเลยเกลาตอนที่ 15 เกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกประมาณ 2 หน้าค่ะ พอดีพุทราติดงานทั้งเสาร์ ทั้งอาทิตย์เลย รออีกแป็บนะคะ อยากลงแบบไม่ต้องเกลาเหมือนกัน แต่กลัวคนอ่านตกใจว่า ทำไมมันห่วยขนาดนี้เนี่ย ^ ^"

 

โดย: แค่ก้อนหินที่อยากบินได้ 18 กรกฎาคม 2551 22:32:14 น.  

 

25 เลยหรอคะ ?? T^T นานจังเลยยยยยยยยย


แงๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ ดีกว่าไม่มาอัพค่ะ อิอิ ขอบคุณเยพีทด้วยที่ ช่วยเตือนคุณพุทราให้มาอัพ อิอิ เรืองจะจบเเล้วหรอคะ กำๆๆๆ ร๊ากตั้นคร่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


จะรอนะคะ


ปล. ทำงานได้แต่ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.65.35 19 กรกฎาคม 2551 1:01:58 น.  

 

ขอบคุณที่มาอัพให้อ่านนะคะ

 

โดย: ท้องฟ้า IP: 58.9.29.160 21 กรกฎาคม 2551 0:55:05 น.  

 

25 ก็จะรอน๊า

 

โดย: niina IP: 58.9.151.174 22 กรกฎาคม 2551 21:35:15 น.  

 

เห้อออ....ยังไม่อัพสะที


อยากอ่านใจจะขาดแล้ววววววววววววว T^T


 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.66.120 23 กรกฎาคม 2551 3:16:29 น.  

 

25 แล้วนะคะ...

 

โดย: ท้องฟ้า IP: 58.9.35.50 25 กรกฎาคม 2551 0:31:40 น.  

 

25 แล้วค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: หมูปิ้ง IP: 74.214.66.120 25 กรกฎาคม 2551 11:25:42 น.  

 

+++ คุณหมูปิ้ง

ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตาม และเป็นห่วงนะคะ เรื่องจบแล้ว หวังว่ายังคงรักตั้นเหมือนเดิมนะคะ



+++ คุณท้องฟ้า

ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามค่ะ



+++ คุณ niina

ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามค่ะ ขอบคุณค่ะที่รอ

 

โดย: แค่ก้อนหินที่อยากบินได้ 31 กรกฎาคม 2551 12:06:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.