Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ตอนที่ 6 ร้านเดิม

ร่างบางเอนศีรษะพิงพนัก ปิดเปลือกตาลงพักสายตา ดื่มด่ำกับความเงียบรอบตัว ปล่อยให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังส่องสว่างตัดกับความมืดนอกหน้าต่าง

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังแทรกผ่านความเงียบ หญิงสาวเอื้อมมือควานหาต้นเสียงโดยไม่ลืมตา

“นอนรึยัง” เสียงคุ้นเคยดังมาตามสาย โดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย

“ยัง มีอะไร” เธอรู้สึกได้ว่าเธอกำลังยิ้มกับโทรศัพท์

“ทำอะไรอยู่”

“ทำงาน”

“อะไรวะ ทำงานอีกแล้ว ทำงานไม่พัก เดี๋ยวหัวหงอกเร็วหรอก” น้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ปนมากับเสียงหัวเราะเบาๆ

“แล้วนายมีอะไรรึเปล่า” ตั้นรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เพื่อนจะบ่นเธออีกชุดใหญ่ ตั้นไม่คิดที่จะอธิบายว่า ความเงียบที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอเวลานี้ ช่วยทำให้เธอทำงานได้อย่างราบรื่น

“เย็นวันศุกร์นี้ว่างรึเปล่า”

“ก็ว่าง มีอะไร”

“ไปดื่มด่ำในบรรยากาศแห่งเสียงเพลงกันดีกว่า”

“เอาอีกแล้วเหรอ ศุกร์ที่แล้วก็ไป ศุกร์ก่อนหน้านั้นก็ไป ศุกร์นู้นก็ไป ศุกร์นู้นๆ ก็ไป”

“ก็มันเบื่อๆนี่หว่า ไม่ต้องพูดมากจะไปรึเปล่า” แม้ว่าน้ำเสียงฟังดูแล้วจะเหมือนโกรธ แต่เธอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังยิ้มด้วยรอยยิ้มของคนช่างแกล้ง

“เออ ไปก็ไป”

“ดีมาก แล้วเดี๋ยวไปรับที่บ้านเวลาเดิม”

“เออ” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไปเรียบร้อย ตั้นยิ้มขำเพื่อนตัวเอง ที่ไม่ว่ากี่ปีก็ยังเหมือนเดิม

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เย็นวันศุกร์ตั้นกลับถึงบ้าน อาบน้ำเพื่อลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน เปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็ค เป็นเสื้อยืดคอกลมและกางเกงยีนส์ตัวโปรด เมื่อเธอออกมาจากห้องนอน ก็พบคนที่นัดไว้มานั่งยิ้มอยู่บนโซฟาแล้ว

“วันหลังไขประตูเข้ามาเอง ก็ให้เสียงซักหน่อยนะ” ตั้นบ่นคนที่เดินมายืนตรงหน้า

“ได้ๆ” กฤษพูดพร้อมสำรวจคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหนึ่งอาทิตย์ ได้ยินแต่เสียง

“อ้าว ทำไมนายไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะ” ตั้นเพิ่งสังเกตว่ากฤษยังอยู่ในชุดทำงาน ขาดแต่เนกไท

“ก็อยากมาเร็วๆ จะได้ไปที่ร้านเร็วๆ จะได้ไม่พลาดมุมดีๆ แล้วก็จะได้คุยกันนานๆด้วยไง” ร่างสูงเดินมาข้างหลังร่างบางแล้วรุนหลังให้เดินไปที่ประตู

“เออ ไปแล้ว ไปแล้ว” ตั้นหัวเราะเบาๆ กับท่าทางกระตือรือร้นของเพื่อน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

รถของกฤษไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากกองเอกสาร หนังสือที่ดูเป็นระเบียบมากขึ้น และหมอนอิงใบเล็กพอเหมาะสองใบที่หุ้มด้วยปลอกหมอนปักลายน่ารัก ที่ตั้นเดาได้ว่าใครเป็นคนให้เพื่อนของเธอมา

ขณะที่ตั้นกำลังหาซีดีเพลงจากกล่องเก็บของข้างตัว เธอรู้สึกถึงสายตาที่กำลังจ้องมองอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับรอยยิ้มบางๆและสายตาที่มองมาอยู่ก่อน ตั้นไม่เข้าใจ แต่เธอเดาว่าที่กฤษมองอาจจะเป็นเพราะเธอกำลังรื้อของโดยยังไม่ขออนุญาตเจ้าของรถ

“เอ่อ...ขอโทษนะ ฉันรื้อรถนายทั้งๆที่ยังไม่ได้ขออนุญาตเลย”

“เฮ้ย ก็รื้อไปดิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ว่าแต่นายหาอะไรล่ะ”

“ซีดีเพลง..”

“อ๋อ ถ้าแผ่นนั้นอยู่ที่ช่องเก็บของข้างหน้านายนั่นแหละ”

“ขอบใจ”

เมื่อวิทยุเริ่มเล่นเพลงจากซีดีที่ตั้นหาอยู่เมื่อครู่ กฤษก็ร้องคลอไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ทันทีที่เห็นคู่หูซึ่งเป็นลูกค้าประจำ กำลังจะนั่งลงที่โต๊ะตัวเดิม มุมที่ทั้งคู่จะนั่งทุกครั้งเมื่อมากินอาหาร เจ้าของร้านร่างท้วมก็เดินไปทักทายทันที เพราะยังไม่ถึงเวลาที่ลูกค้าจะมากันจนแน่นร้าน

“หวัดดีค่ะเจ๊หมู”

“หวัดดีครับเจ๊” ทั้งคู่ทักทายผู้สูงวัยกว่าที่เดินยิ้มกว้างเข้ามา

“แหมมมม...มากันแล้วเหรอ ปลาท่องโก๋คู่นี้”

“มาบ่อยจะตาย เจ๊ไม่เห็นแจกบัตรสมาชิกซักที” กฤษพูดเล่นกับเจ้าของร้านที่สนิทสนมกันจนเหมือนเป็นพี่น้อง

“เจ๊ก็ว่าจะแจกเราสองคนอยู่เหมือนกัน แต่เราสองคนมากันแค่อาทิตย์ละครั้งเอง แถมช่วงก่อนหน้านี้ก็หายไปเลย ดังนั้นจึงหมดคุณสมบัติที่เจ๊จะพิจารณา” เจ้าของร้านตอบอย่างอารมณ์ดี

“เจ๊ออกจะสวย แต่ทำไมใจร้ายจัง” ตั้นแกล้งทำหน้าเศร้ามากเหมือนจะร้องไห้

“ไม่ต้องมาชม เจ๊ไม่ใจอ่อนหรอก แล้ววันนี้เอาเหมือนเดิมมั้ย” เจ้าของร้านเตรียมหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาจดรายการอาหาร

กฤษกับตั้นหันมามองหน้ากัน ก่อนตั้นจะพยักหน้าให้กฤษ

“เหมือนเดิมครับเจ๊” ชายหนุ่มหันกลับไปบอกคนที่กำลังถือปากกากับกระดาษรอจด

“ได้เลย เมนูเหมือนเดิม และรับรองอร่อยเหมือนเดิม”

บทสนทนาที่เริ่มตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้ว่าอาหารที่สั่งมาจะหมดไปแล้ว

ประโยคที่บอกเล่าไปตั้งแต่เรื่องราวรอบตัว เพื่อนร่วมงาน ดีวีดีเรื่องใหม่ ข่าว สภาพอากาศ จนไปถึงเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบ

หลังจากละเลียดอาหารเคล้าเสียงเพลงนุ่มหูกันจนอิ่มแล้ว ทั้งคู่ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆของร้าน เพื่อเป็นการพักท้อง ก่อนจะสั่งขนมและเครื่องดื่มกันต่อ

“เปลี่ยนเจ้านายใหม่นี่ไม่ดีเลย” กฤษบ่นพลางถอนหายใจ

“ทำไมเหรอ เห็นวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ เขาบอกว่าน่าจะดีนี่ ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ไฟแรง”

“มันก็ใช่ แต่พอตำแหน่งบนสุดขยับ ตำแหน่งรองๆ ลงมามันก็ขยับด้วย งานในส่วนของฉันที่เพิ่งจะเริ่มลงตัวก็ชะงักไปด้วย งานเดิมที่เตรียมไว้เรียบร้อย เหลือแค่รออนุมัติอย่างเดียวก็ต้องช้า เพราะต้องไปอธิบายกับผู้จัดการคนใหม่ให้เข้าใจกระบวนการทำงานอีก”

“ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา อธิบายก็อธิบาย มันเป็นเรื่องที่จะต้องทำไม่ใช่เหรอ” ตั้นยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังทำคิ้วขมวดน้อยๆ

“ที่นายพูดมันก็ถูก แต่คนใหม่มาจากด้านบริหารเลยอ่ะดิ เขาจะให้ลดส่วนผสมบางตัวเพื่อลดต้นทุน มันก็ต้องอธิบายกันยาว ว่าทำไมลดไม่ได้ ส่วนผสมที่ว่าจำเป็นในกระบวนการผลิตอย่างไร ถ้าไม่มีหรือน้อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นในกระบวนการผลิต อธิบายกันยาว อธิบายยากก็ไม่ได้เดี๋ยวงงอีก ยิ่งพอนึกถึงเอกสารที่ต้องไปคำนวณกระบวนการเทอร์โมไดนามิกของแพลนท์ใหม่ ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วว่ะ” กฤษพูดพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“จริงๆ หัวหน้านายเขาน่าจะช่วยนายพูดเรื่องนี้นะ” ตั้นเสนอความคิดเห็น

“เขาก็ช่วยฉันไม่ใช่ไม่ช่วย แต่พี่อีกคนที่คุมอีกแพลนท์นึงน่ะซิ ชอบหายตัวไปเฉยๆตอนผู้จัดการเรียกตัวเข้าพบทุกที หัวหน้าเขาก็ต้องเตรียมตัวอธิบายส่วนนั้นแทนไป น่าโมโหชะมัด แล้วเวลาเข้าพบทีก็ไปอวดรู้ว่าเก่ง ดีแต่ปากทั้งนั้น แล้วหัวหน้าก็โดนสั่งให้เอาไอ้ข้อเสนองี่เง่าแต่เหมือนว่าจะฉลาดนั่นไปลองคิดให้ละเอียด แล้วมาเสนออีกครั้ง ฉันล่ะเซ็ง จริงๆแล้วแค่คิดดูซักหน่อยก็รู้แล้วว่ามันทำไม่ได้” สีหน้าและแววตาที่โกรธกรุ่นเหมือนมีคนที่กำลังบ่นถึงมานั่งอยู่ตรงหน้า ทำให้ตั้นเทเครื่องดื่มเย็นๆลงในแก้วที่พร่องไปเกือบครึ่ง อยากให้เครื่องดื่มเย็นฉ่ำจะช่วยลดความโกรธลงได้บ้าง

“ใจเย็นน่าเพื่อน แล้วทำไมนายไม่แย้งในที่ประชุมเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องกลับมาคิด”

“ฉันก็แย้งไม่ใช่ไม่แย้ง แต่ไอ้คำว่า ‘ลดต้นทุน’ มันทำให้ผู้บริหารคล้อยตามได้ทั้งนั้นแหละ” ร่างสูงถอนหายใจด้วยความเซ็ง

“เห็นนายเคยบอกว่า นายทำเอกสารนำเสนอไว้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ นายก็น่าจะให้ไอ้พี่คนที่ว่า เขาทำเหมือนกัน ทำให้เป็นเอกสารมาตรฐานซะเลย คราวนี้เปลี่ยนเจ้านายใหม่กี่ที ก็ใช้ไอ้นี่แหละ หรือ ไม่ก็แก้อีกนิดหน่อย”

“อืมมม ฉันก็คิดแบบนั้น เสนอกับหัวหน้าไปแล้วว่าให้สั่งไอ้พี่คนนั้นให้เอาเอกสารนำเสนอมาเตรียมไว้ก่อน หัวหน้าก็เห็นด้วยนะ”

“งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนะ แล้วนายจะบ่นทำไมเนี่ย” ตั้นยิ้มให้กำลังใจเพื่อน เธอเองก็รู้ว่าตัวเองคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะเธอกับเขาจบมากันคนละสาขา คงได้แค่ช่วยรับฟังปัญหากับช่วยแนะนำอะไรเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“ก็อยากจะบ่นง่ะ มันเซ็ง” กฤษยิ้มให้คนตรงหน้า

“นายหัวเราะให้ฟังหน่อยดิ”

“อะไรนะ” ตั้นงง เมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่อง

“นายหัวเราะให้ฟังหน่อยดิ”

“ทำงานมากจนเพี้ยนรึเปล่า อยู่ๆก็จะให้หัวเราะ”

“อยากได้ยินนายหัวเราะว่ะ หัวเราะแบบที่โดนจี๋น่ะ ถ้าได้ยินน่าจะสดชื่นดี” กฤษยิ้มกว้าง

“ไอ้บ้า ถ้าอยากสดชื่นก็ต้อง กินอาหารให้ครบห้าหมู่ อาบน้ำให้สบายตัว นอนหลับสนิทให้ครบแปดชั่วโมง ตื่นมาน่าจะสดชื่น” ตั้นขำความคิดประหลาดของเพื่อน

“ถามจริงทำได้เหรอ ที่แนะนำมาเนี่ยนายทำได้เหรอ?”

“ทำไม่ได้หรอก”

“ถึงว่า ผอมเอาผอมเอา เนี่ยมองอยู่ตั้งนานแล้ว ฉันว่านายผอมลงนะ”

“เฮ้ย คิดมาก คนเรามันจะผอมอะไรกันนักกันหนาวะ” ตั้นตั้งข้อสงสัย เพราะทุกครั้งที่เจอกันอีกฝ่ายจะทักเสมอว่าเธอผอมลง

“มางั้นขอวัดให้รู้กันไปเลย”

มือหนากำรอบข้อมือบางเพื่อวัดขนาดรอบข้อมือ

“เห็นมั้ย มันก็เท่าๆกับของเดิมน่ะแหละ”

“เออ จริง ... แต่ว่ามันอาจจะเล็กลงนิดหน่อยก็ได้ วันหลังฉันจะเอาสายวัดมาวัด” กฤษปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระ

ตลอดเวลาที่กินข้าวกัน ตั้นไม่ได้ยินกฤษพูดถึงน้ำผึ้งแม้แต่นิดเดียว ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่รึเปล่า

“แล้วนายกับน้ำผึ้งเป็นไงมั่ง ทำไมวันนี้ไม่เห็นพูดถึงน้ำผึ้งเลยล่ะ” ในที่สุดตั้นก็เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่

“ก็ไม่เป็นยังไง ก็คุยกันเรื่อยๆตามปกติน่ะแหละ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“แล้วนี่ตกลงเป็นแฟนกันรึยังเนี่ย” ตั้นถามเมื่อเห็นเพื่อนทำเสียงลังเลเหมือนไม่แน่ใจ

“ยังหรอก ฉันยังไม่อยากรีบร้อน อยากดูนิสัยใจคอกันซักพัก ตอนนี้ก็คบกันแบบเพื่อน”

“อ่อเหรอ ไม่ยักกะรู้ เห็นนายปิ๊งเขาซะขนาดนั้น นึกว่าสารภาพรักไปแล้วเรียบร้อยซะอีก”

“ฉันอยากรู้จักนิสัยใจคอของน้ำผึ้งเขาก่อน ว่าเข้ากับฉันได้มั้ย ถ้าเข้ากันได้ค่อยไปต่อ แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ ฉันก็ถือว่าได้เพื่อนใหม่”

ตั้นยิ้มให้เพื่อนที่ ’โต’ ขึ้นกว่าเดิม ... ผมเสยตามสบาย ใบหน้าขาวคม ริมฝีปากหนาได้รูป ลำคอแข็งแรง ไหล่กว้างหนา ตั้นสังเกตรายละเอียดของเพื่อนที่ไม่เคยได้สังเกตมานาน ... คงจวนจะถึงเวลาที่เพื่อนของเธอจะมีคนที่ให้ความสำคัญ ดูแลกันจริงๆจังๆ สักที

ทั้งที่เธอควรจะยินดีกับเพื่อน แต่ทำไมถึงได้รู้สึกใจหาย เหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจช้าลงครู่หนึ่ง เมื่อตระหนักว่า เวลาที่จะใช้ร่วมกันแบบนี้คงมีน้อยลง

“พรุ่งนี้ว่างป่าววะ” กฤษถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป

“ก็ว่างนะ มีอะไรเหรอ” ตั้นตอบคำถามหลังเงียบไปอึดใจ นึกคำนวณเวลาที่ต้องทำงานที่ค้างอยู่เพราะวันนี้เธอรีบกลับบ้านก่อนจะเคลียร์งานเสร็จ

“พรุ่งนี้ไปลานเบียร์กันดีกว่านะ”

“อืมมม..ไปก็ไป” หญิงสาวอยากใช้เวลาร่วมกับเพื่อนให้มากขึ้นอีกนิด ก่อนที่จะถึงวันที่ต้องห่างกัน






Create Date : 03 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 กรกฎาคม 2551 11:41:46 น. 0 comments
Counter : 300 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.