It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๒๒

บทที่  ๒๒

ทาฬิดายังข่มตาให้หลับลงไม่ได้เธอจึงถอนหายใจออกมาแรงๆ จนทำให้มารีพลิกกายหันไปทางด้านที่ทาฬิดานอนอยู่

“ยังไม่ง่วงหรือคะ”แสงไฟริบหรี่จากกองไฟ ทำให้มารีเห็นเสี้ยวหน้าของอีกคนได้บ้าง

“นอนไม่หลับค่ะมีอะไรให้คิดนิดหน่อย”

“เรื่องความฝันอีกหรือเปล่า”

“ค่ะเรื่องนั้นนั่นแหละ ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเรื่องมันไปจบลงตรงไหนทำไมถึงได้มีสุสานพรหมจารีแห่งรัตติกาล ทำไมต้องมีเทพแห่งความมืดแล้วทำไมอีกสองเทพไม่ต่อสู้ให้ชนะ ส่งรัตติกาลกลับไปเมืองฟ้า เอาเธอมาขังไว้ทำไมมันน่าแปลก”

“อยากรู้มากไหมคะ”

“ค่ะอยากรู้มาก”

“หลับค่ะแล้วฝันต่อ จะได้รู้ความจริง”

“อ้าว”ทาฬิดาอึ้งอีกรอบ วันนี้มารีออกอาการกวนโอ๊ยกับเธอถึงสองครั้ง

“เฮ้อ”ทาฬิดาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“หลับสิคะจะได้รู้คำตอบ นอนถอนหายใจอยู่อย่างนั้น ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ”เสียงนั้นไม่ได้บ่งบอกอะไร น้ำเสียงราบเรียบจนเดาทางไม่ออก

“ค่ะๆนอนๆ ว่าแต่ขอนอนกอดได้ไหมคะ ฉันติดหมอนข้าง ไม่ได้กอดหมอนนอนไม่หลับ

“เฮ้อ”เสียงถอนหายใจออกมาจากมารี ในความมืดทาฬิดารู้สึกว่าอีกคนกำลังขยับเข้ามาใกล้เธอทั้งๆ ที่ตัวยังอยู่ในถุงนอน

“ขอบคุณค่ะ”ทาฬิดาบอกอย่างนั้น เธอโอบแขนไปกอดถุงนอนของมารีเอาไว้

“นอนอย่างนี้มือแข็งตายว่าไง”

เสียงดุๆของมารีบ่นออกมา ความรู้สึกของทาฬิดาคืออีกคนกำลังขยับออกห่างจากเธอเสียงรูดซิบถุงนอนดังขึ้น จากนั้นจึงมีเสียงสั่งมาเบาๆ

“ลุกขึ้นสิจะได้จัดที่นอนใหม่” ทาฬิดาลุกนั่งอย่างว่าง่ายมารีจัดแจงนำถุงนอนสองถุงเข้ามาประกบหากันแม้จะมีแสงเพียงริบหรี่มารียังสามารถทำอะไรได้ราวกับตาเห็นจากนั้นจึงมีเสียงสั่งออกมาอีกครั้ง

“นอนได้ค่ะเสร็จแล้ว” มารีล้มตัวลงนอน ทาฬิดาจึงนอนตาม

“คราวหลังอย่าเอาแขนออกมาจากถุงนอนอีกนะอากาศเย็นจะทำให้คุณป่วย”

“ค่ะกอดได้หรือยังคะ” ทาฬิดาทวงสิทธิ์ของเธอทันที น่าเสียดายเธอไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆของอีกฝ่าย อยากรู้เหลือเกินว่าอีกคนจะทำหน้ายังไง ช่างเถอะต่อให้ทำหน้าเป็นยักษ์เธอไม่สนหรอก ขอแค่ให้ได้กอดอุ่นๆ เท่านี้คงพอหากทาฬิดารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไร เธอคงไม่นอนกอดนิ่งๆ อย่างที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ใบหน้าของมารีร้อนผ่าว ราวกับโดนแดด แผดเผาไม่ใช่แค่ใบหน้าเท่านั้นที่ร้อน ร่างทั้งร่างของมารีร้อนทั่วตัว ฝ่ามือเย็นๆของทาฬิดาวางทาบอยู่ตรงบั้นเอวของเธอความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านจากความเย็นของฝ่ามือนั้นมายังตัวเธอ จนทำให้เธอต้องนอน แข็งทื่อ ไม่สามารถกระดิกหรือขยับตัวไปไหนได้

ลมหายใจอุ่นๆนั้นอีกเล่า ทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรกันนะเธอไม่เคยรู้สึกแปลกประหลาดอย่างนี้ มาก่อน เป็นความรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว วางตัวไม่ถูก เล่นเอาเธอ ทำอะไรไม่เป็น ครั้นจะผละตัวออกห่างจากอีกคนทำไมร่างกายของเธอ จึงหมดเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะขยับกายยังไม่สามารถทำได้ น่าแปลกพิลึก จริงเชียว

“แกว๊กๆ”เสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ ทำให้ทาฬิดาสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

“กอร่า”ทาฬิดาขยับตัวหมายจะออกไปดูว่า แขกในยามวิกาลของเธอคือเจ้ากอร่านกกายักษ์ตัวที่อยู่ในความฝันของเธอหรือเปล่า

“อย่าออกไป”มารีรีบคว้าตัวทาฬิดาเอาไว้ เสียงของเจ้านกตัวนั้นมารีฟังแล้วรู้ว่ามันมาเพื่อทำอะไรบางอย่างสิ่งที่มันทำส่งผลกระทบกับทาฬิดาโดยตรงไม่บ่อยครั้งนักที่นกในตำนานจะออกมาบินส่งเสียง ทุกครั้งที่มันร้องจะต้องมีคนตายหากเธอไม่หยุดทาฬิดาเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้อาจจะต้องตายในคืนนี้แน่นอน

“ฉันจะออกไปดูว่าใช่กอร่าหรือเปล่า”ทาฬิดากระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด เธอปัดมือของมารีที่คว้าแขนของเธอออก

“อันตรายอย่าออกไปเด็ดขาด” มารีสั่ง

“มีอะไรหรือคะ”เสียงของมุจลินทร์ดังมาจากเต็นท์ติดๆ กัน

“อย่าออกมานอกเต็นท์ค่ะข้างนอกมีสัตว์ร้าย” มารีตะโกนบอกออกไปทำให้มุจลินทร์และคนที่อยู่ในเต็นท์อีกหลังถึงกับหวาดระแวง

“กอร่าไม่ใช่สัตว์ร้ายกอร่าเป็นเพื่อนฉัน”

ทาฬิดาไม่รู้ว่าเหตุใดเธอจึงพูดออกไปเช่นนั้นความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอคุ้นกับเสียงของเจ้านกกาตัวเขื่องนั้นเหลือเกิน

“อดีตเคยเป็นค่ะแต่เวลานี้ไม่ใช่แน่ๆถ้ามันยังเป็นเพื่อนของคุณมันคงไม่ส่งเสียงสะกดคุณเอาไว้อย่างนี้ เชื่อฉันเถอะทามอย่าออกไปหามัน คุณจะเป็นอันตราย” มารีให้เหตุผลกับคนดื้อหัวรั้น เมื่อไม่ยอมฟังเธอจึงตัดสินใจกอดทาฬิดาเอาไว้จนแน่นจากนั้นจึงผลักร่างของทาฬิดาให้ล้มตัวลงนอนประกบปากของเธอกับปากของทาฬิดาเอาไว้ อีกคนจะได้ไม่ต้องส่งเสียงเถียงอะไรกับเธออีก

ทาฬิดาพยายามปัดป้องไม่ให้มารีทำอะไรกับเธอใจของเธอ ในเวลานี้ต้องการเพียงอย่างเดียวคือออกไปหากอร่าเสียงของมันยังคง ดังก้องในสมองของเธอหากเธอไม่ออกไป มันอาจจะได้รับอันตราย

“ปล่อยฉัน”ทาฬิดาส่งเสียงดังออกมาเมื่อเธอสามารถหลบ ริมฝีปากของมารีจนเป็นอิสระ

“พูดดีๆห้ามดีๆ ไม่ฟังกันใช่ไหม ก็ได้” มารีฟันสันมือไปที่ลำคอของทาฬิดาทันทีที่สันมือนั้นกระทบกับลำคอ ทาฬิดาหมดฤทธิ์ทันทีเช่นกัน

“ขอโทษนะฉันทำดีที่สุดแล้ว” มารีบอกกับร่างไร้สติของทาฬิดา

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”คราวนี้เป็นเสียงของนาลันทา

“ไม่มีอะไรค่ะนอนต่อเถอะค่ะ ฉันจัดการเรียบร้อย”

มารีตะโกนออกไปเช่นนั้นเธอนั่งกอดเข่าอยู่ในเต็นท์ คิดว่าพรุ่งนี้ทาฬิดาคงเกิดอาการเคล็ดขัดยอกหรือบางทีอาจจะปวดคอไปทั้งวัน

วันนี้เป็นวันที่ทุติต้องทำตามแผนที่เขาวางเอาไว้เขาต้องขอบคุณศรรักการส่งเครื่องมือทางอากาศของศรรักทำให้เขาทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นคนงานจากต่างถิ่นเริ่มทยอยกันมายังทาคานาลา แม้จะมีจำนวนคนไม่มากนักแต่พอกล้อมแกล้มทำงานในวันแรกได้

ทุติสั่งให้คนงานขุดเอาหน้าดินออกเผยให้เห็นพื้นหินด้านล่าง ต้นไม้ใหญ่ถูกสั่งให้โค่นทิ้งเพื่อปรับพื้นที่ให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวก

“วันแรกคงทำได้แค่นี้ถ้าเราขุดจนเห็นทางเข้า จะง่ายขึ้น”

ทุติบอกกับทีมงานงานขุดหน้าดินออกไม่ใช่เรื่องง่ายๆทาคานาลาแห่งนี้ไม่สามารถขนเครื่องมือหนักลงมาได้หนทางที่จะเดินทางเข้ามาค่อนข้างลำบาก แค่คนเดินมายังยากเอาเครื่องมือหนักลงมายิ่งยากกว่า หากไม่ได้ศรรักช่วยส่งของลงมาให้ คนของเขาต้องแบกเครื่องมือลงมาคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

“แค่เอาหน้าดินออกใช้เวลาอีกหลายวันค่ะจารย์”นาลันทามองดูหน้างานคร่าวๆ เธอคิดว่าด้วยแรงคนเท่าที่มี อาจจะต้องใช้เวลานับสิบวัน

“เอาพอหอมปากหอมคอดีกว่าผมคิดว่าจะเปิดหน้าดินจาก ชั้นบนสุดลงมาก่อนไม่อย่างนั้นถ้าฝนตกหนักๆ ดินมันอาจถล่มลงมาทับด้านล่างได้ คุณเห็นว่าไง”

“ดีแล้วค่ะจารย์จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”

“ผมยังว่าแปลกเลยนะที่อยู่ๆ มีพีระมิดมาโผล่ที่นี่”

“ไม่แปลกหรอกค่ะพีระมิดมีทุกที่ ดูอย่างพีระมิดที่บอสเนียสิคะ มีตั้งสาม คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามันคือพีระมิด คิดว่าเป็นภูเขาทั่วๆ ไป ที่ไหนได้มีตั้งสามองค์แถมยังกว้างและใหญ่กว่าที่กีซ่าซะอีก ฐานกว้างตั้งสามร้อยหกสิบห้าเมตร ทำมุมเอียงตั้งหกสิบองศา”

“นั่นสิผมได้ข่าวมาว่าที่จีนก็พบพีระมิดเหมือนกัน”

“งั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ทาคานาลาจะมีพีระมิดจริงไหมคะจารย์”

“ถูกของคุณที่ผมแปลกใจไม่ใช่เรื่องที่พบพีระมิด ผมแปลกใจตรงที่ แถวนี้เป็นหุบเขาคนโบราณจะมาสร้างพีระมิดในที่อย่างนี้ไปเพื่ออะไร ที่บอสเนีย ตั้งชื่อกันว่า พีระมิดแห่งสุริยาพีระมิดแห่งจันทรา พีระมิดแห่งมังกร พีระมิดแห่งความรัก และพีระมิดโลกคุณว่าห้าอย่างนี้เกี่ยวข้องกันหรือเปล่าล่ะ มันน่าเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ”

“คนท้องถิ่นบอกเอาไว้นี่คะว่าเป็นคำเล่าต่อมาจากบรรพบุรุษ เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่าภูเขาที่ตั้งอยู่หน้าบ้านตนเป็นพีระมิดไม่เหมือนกับภูเขาไฟ ถ้าเป็นภูเขาไฟ ต้องมีอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่ามันมีอยู่อย่างเช่นน้ำพุร้อน โคลนเดือด หรือแม้กระทั่งหินลาวา แม้บางลูกจะสงบไปนับหมื่นๆ ปีก็ยังมีสิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่ว แต่พีระมิด ถ้าโดนดินทับถมมันจะมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ว่าเคยมีมันอยู่ อย่างที่เราเห็นกันนี่ไงคะมองไม่ออกเลยสักนิดว่ามันคือพีระมิด ถ้าไม่มีคนขุดเจอหินด้านล่างพวกเราก็คงไม่รู้ว่าภูเขาลูกที่เตี้ยที่สุดในหุบเขาแห่งนี้คืออะไรจริงไหมคะ”

“นับว่าเป็นความโชคดีบนความบังเอิญของพวกเราต่างหาก เอาเถอะเรามาเลือกกันดีกว่าว่าจะเปิดหน้าดินทิศไหนดี”

“ทิศเหนือสิคะกีซ่ามีประตูทางเข้าทางด้านทิศเหนือ ที่นี่ก็น่าจะ

เป็นอย่างนั้น”นาลันทาเสนอ

“ตกลงเราเปิดหน้าดินทางทิศเหนือก่อน”

ทุติตกลงตามที่นาลันทาบอกเขาคิดเช่นเดียวกับนาลันทา พีระมิดที่กีซาหรือที่อื่นๆทางเข้าจะอยู่ทางทิศเหนือทั้งสิ้น หากที่นี่คือพีระมิดที่ ทำมาเพื่อใช้ในเรื่องเดียวกันทางเข้าน่าจะอยู่ทางทิศเหนือเช่นกัน

อัปสรสังเกตเห็นทาฬิดานั่งคอเอียงมองเนินดินมาตั้งแต่เช้า นี่ปาไปเกือบสิบโมงทาฬิดาไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนท่านั่งคนช่างสงสัยอย่างเธอจึงเดินเข้าไปถาม

“พี่ทามๆพี่กำลังวัดมุมอะไรอยู่เหรอ”

“วัดมุมวัดทำไมกัน”

ทาฬิดาเริ่มงงอยู่ๆ อัปสรเข้ามาถามในเรื่องซึ่งเธอไม่เข้าใจ

“จิ๊ดเห็นพี่นั่งคอเอียงมาตั้งแต่เช้าเหมือนพี่กำลังเล็งอะไรสักอยู่ เลยลองถามดูเผื่อจิ๊ดจะช่วยอะไรพี่ได้บ้าง”

“เปล่าพี่นอนตกหมอนตั้งแต่เมื่อคืนคอมันเคล็ด ปวดไปหมด”

ทาฬิดาบอกพร้อมกับยกมือของเธอขึ้นนวดลำคอของตัวเองไปด้วย

“นอนละเมออีกอะดี้”

“พี่นอนละเมอเหรอเมื่อคืน”

“ช่ายแล้วเมื่อคืนพี่นอนละเมอ ตอนนกส่งเสียงร้อง พวกเราตื่นกันหมดยกเว้นพี่คนเดียว”อัปสรตอบไปตามที่เธอเข้าใจ เมื่อคืนเธอได้ยินทาฬิดาบ่นๆ อะไรสักอย่างสักพักเสียงเงียบไป พอเธอถามนาลันทา ได้รับคำตอบว่าพี่ทามคงนอนละเมอเธอจึงเข้าใจไปเช่นนั้น

“เมื่อคืนนกมาอีกแล้วเหรอ”

“อ้าวพี่ไม่รู้จริงๆ เหรอเนี่ย สงสัยจะหลับสนิทจริงๆ ขนาดละเมอพี่ยังไม่ตกใจตื่น”

“อย่าเฉไฉเมื่อคืนนกมาจริงๆ หรือเปล่า”

“มาจริงๆสิพี่ ส่งเสียงจนแสบแก้วหู ดีนะที่จิ๊ดนอนกอดอากลาง ไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับคืนนี้จิ๊ดไม่มานอนเต็นท์อีกแล้ว จะกลับไปนอนที่บ้านพัก ดงดาวอะไรไม่ดูแล้วล่ะหนาวก็หนาว กลัวก็กลัว” อัปสรเริ่มบ่นเธอไม่สนุกเหมือนครั้งแรกที่ได้รู้ว่าจะต้องมานอนเต็นท์ เมื่อคืนหนาวก็หนาวแถมยังหายใจไม่ออก หยดน้ำเกาะอยู่บนผ้าใบเต็นท์ หยดลงแหมะๆ ตรงที่เธอนอนพอถามนาลันทา คำตอบคือ ไอน้ำกลั่นเป็นหยดน้ำเพราะอากาศด้านนอกเย็นส่วนด้านในนั้นอุ่นกว่า จึงทำให้มีหยดน้ำมาเกาะอยู่ด้านในและหยดลงมาใส่ตัวเธอจนเปียกไปหมดคืนนี้เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่นอนเต็นท์อีกต่อไปกลับไปนอนที่บ้านพักสบายกว่ากันเยอะ

ทาฬิดานั่งฟังเงียบๆจากที่อัปสรเล่า แสดงว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ฝันไป นกตัวนั้นมาเรียกเธอจริงแต่ทำไมเธอถึงหลับไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมายังรู้สึกปวดหลังคอปวดระบมอย่างกับโดนอะไรทุบหรือว่าเมื่อคืนเธอละเมอเดินออกมาจากเต็นท์และโดนนกตัวนั้นทำร้ายโดยไม่รู้ตัว

แล้วใครล่ะพาเธอกลับมานอน

“เมื่อคืนพี่ออกไปนอกเต็นท์หรือเปล่า”

“เปล่านะจิ๊ดไม่เห็นพี่ออกไปนะ พอเสียงนกหายไป พี่คงหลับแหละ จิ๊ดก็หลับเหมือนกันตื่นมาเช้าเลย”

“เหรอแปลกจัง แล้วทำไมพี่ปวดคออย่างนี้ล่ะ” ทาฬิดาบ่นงุมงำ

“ไปหาหมอไหมพี่ทามพี่หมอนทน่าจะอยู่ไม่ไกล จะได้รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่เดี๋ยวตั้งคอตรงไม่ได้ขึ้นมาจะแย่เอา”

“ก็ดีเราวิ่งไปบอกอากลางของเราก่อนดีกว่า เดี๋ยวเธอจะตามหาพวกเราอีก” ทาฬิดาพูดจบอัปสรรีบวิ่งไปบอกกับนาลันทาเรื่องที่เธอกับทาฬิดาจะกลับไปที่หมู่บ้านกันก่อนเพราะจะพาทาฬิดาไปหาหมอ

โกกนทตรวจคนไข้เสร็จแล้วพวกหมอจึงนั่งจับกลุ่มถกปัญหาเรื่องการเจ็บป่วยของคนในหมู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคไข้หวัด และปวดเมื่อยตามร่างกาย

ทาฬิดากับอัปสรเดินเข้าไปหาโกกนทท่าทางของทาฬิดาบ่งบอกว่ากำลังเป็นอะไรสักอย่าง โกกนทจึงเอ่ยถาม

“เป็นอะไรไปทาม”โกกนทรีบเดินมาหาทันทีที่เห็นอาการ

“ปวดคอค่ะพี่หมอสงสัยว่าทามจะนอนตกหมอน”

“ไหนพี่ดูหน่อย”โกกนทจับลำคอของทาฬิดา เธอกดไปบริเวณหัวไหล่และสะบัก

“โอ๊ย”ทาฬิดาร้องลั่น

“เจ็บมากเลยเหรอ”

“เจ็บสิพี่ถามได้”ทาฬิดาโอดครวญ

“สงสัยจะนอนตกหมอนจริงๆเอายากินหรือยานวดล่ะ”

“ยาฉีดมีไหมพี่”

“แค่ตกหมอนไม่ต้องถึงกับฉีดยาหรอกเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นสำออยไปได้” โกกนทบ่นทันที

“ทามนั่งคอเอียงมาตั้งแต่เช้ายังนิดหน่อยอีกเหรอพี่” ทาฬิดาโวย

“ใครใช้ให้เรานอนท่าพิสดารเล่าไปนอนขดอยู่ในเต็นท์หนาวก็หนาว มันก็ต้องเกิดอาการกันบ้างแหละ เอายาไปกินนี่ยานวดร้อนหน่อยแต่น่าจะดี” โกกนทบอกพร้อมกับยื่นซองยาและหลอดยานวดให้กับทาฬิดาหางตาของเธอเหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งอมยิ้ม ราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องน่าขบขัน

“ทามไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมพี่หมอ”

ทาฬิดามองซองและหลอดยาในมือของเธอ

“ย่ะไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากนอนตกหมอน คืนนี้กลับมานอนที่บ้านพักสิ จะได้ดีขึ้น”

“ไม่ได้พี่”ทาฬิดารีบปฏิเสธทันที

“ตามใจถ้าอยากจะไปนอนตากน้ำค้างหนาวๆ ก็ตามใจเรา ใครจะไปห้ามเราได้ ชอบทำตัวยุ่งยากลำบากคนอื่นเขาต้องไปนอนเฝ้า แล้วนี่เราเอาผ้าเน่ามาหรือเปล่าล่ะ”โกกนทคิดถึงผ้าขนหนูผืนเก่า ทาฬิดาติดผ้าผืนนี้ยิ่งกว่าอะไรเวลานอนหากไม่มีผ้าเน่าๆ เก่าๆ แต่กลิ่นสะอาดผืนนั้นอยู่ด้วยทาฬิดามักจะนอนไม่หลับ เจ้าตัวมักจะบ่นธีรัชว่าติดผ้าเน่า ตัวเอง ไม่ต่างกันนักหรอก จากผ้าขนหนูผืนใหญ่เธอจำได้ว่าคุณน้าของเธอ ต้องตัดออกเป็นสี่ส่วน เอาไว้ให้ทาฬิดานอนกอดสาเหตุที่ต้องตัดเป็นสี่ส่วนแล้วเย็บใหม่เพราะทาฬิดามักจะนอนน้ำลายยืดจนเปียกผ้าถ้าไม่เอาไปซัก จะมีกลิ่นตุๆ ติดผ้า จึงต้องจำใจแบ่งให้เป็นสี่ส่วนจะได้มีผ้าเอาไว้เปลี่ยนเวลาทาฬิดาทำสกปรก

“เปล่าพี่”ทาฬิดาส่ายหน้า

“มิน่าถึงได้นอนดิ้น”โกกนทพูดเสียงดัง ไม่กลัวว่าทาฬิดาจะอายใครอัปสรคงไม่ใส่ใจเรื่องที่เธอกำลังสนทนากับทาฬิดารายนั้นกำลังเล่นเกมเชือกร้อยมืออยู่กับพิมมาดา แต่อีกคนนี่สิ หางตาของเธอบอกว่านั่งยิ้มแถมยังตัวสั่นๆราวกับกำลังกลั้นหัวเราะสุดกำลัง

“ทามเลิกติดผ้าตั้งนานแล้วค่ะติดหมอนข้างแทน”

“อ้าวเหรอดีนะที่เลิกได้ เราน่ะติดผ้าเน่ายิ่งกว่ายาเสพติดพวกพี่นึกว่าตอนแต่งงานต้องเอาผ้าเน่าส่งตัวไปพร้อมกับเจ้าสาว โชคดีไปวันเราแต่งงานพี่จะได้ส่งหมอนข้างเข้าไปเป็นมือที่สามแทน”

“พี่นทเบาๆ สิคะ อายเขา” ทาฬิดายกมือขึ้นปิดปากโกกนทเอาไว้ เธอหันซ้ายหันขวาเห็นมารีนั่งพับผ้ากรอสอยู่ไม่ไกลนัก เพียงแต่นั่งหันหลังให้ เธอจึงไม่เห็นใบหน้าของมารี

“เอามืออกไปเลยนะเค็มชะมัด” โกกนทปัดมือของทาฬิดาออก

“ไปแล้วนะพี่จะไปกินยา ไม่ไหว โคตรปวดเลย”

หลังจากที่เธอปล่อยโกกนทเป็นอิสระเธอรีบเดินออกมาจากเพิงชั่วคราวซึ่งเป็นที่ทำงานของหมอ ขืนอยู่นานกว่านี้คนทั้งเพิงคงได้ยินความลับของเธอน่าอายจะตายไป




Create Date : 09 กันยายน 2557
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:44:35 น. 0 comments
Counter : 556 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.