Strawberry Kiss บทที่ 8 (YURI)
๘ คอย เจอน้องใจวุ่นว้า คะนึงครวญ สมส่วนคมคายยวน ยั่วเย้า โรยรินกลิ่นหอมชวน ชื่นเช่น หมายเอย ใจพี่รอคอยเฝ้า เรียกน้อง มานานฯ ปิคอัพสีดำจอดที่หน้ารั้วบ้านสีส้มในเวลาเกือบห้าทุ่ม โดยทิวาทำหน้าที่เป็นคนขับ สาวสวยนั่งเบาะหน้า ส่วนเธอนั่งเบาะหลังเจ้านายสาว รสาหาวแล้วหาวอีก ฝืนเต็มที่ที่จะไม่ให้หลับ หลังเลยเวลานอนของตน “ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” สาวหน้าคมบอกกับเลขาหนุ่ม หนุ่มแว่นเอี้ยวหน้าไปส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร “ยินดีครับ” “รอก่อนนะ ฉันจะเข้าไปหาน้ารัตน์” หล่อนบอกกับคนขับ “ครับ” “ไม่ต้องก็ได้ ดึกแล้วคุณกลับบ้านเถอะค่ะ” เธอพูดอย่างเกรงใจ แต่คนสวยไม่สนใจ ลงไปจากรถเดินไปกดกริ่งหน้ารั้ว รสาจึงรีบตามลงไป รอไม่นานเด็กชื่อขวัญมาชะโงกหน้าถามเสียงหวาดๆ ไม่ชอบเลยที่มีแขกมาหายามวิกาล “มาหาใครคะ?” “ฉันเองรสา” ลูกสาวเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้น “อ้าว คุณสาเหรอคะ กลับดึกจังนะคะ” เด็กสาวรีบไขกุญแจเปิดประตูเล็ก “น้ารัตน์เข้านอนหรือยัง?” ร่างบางถามบ้าง “เข้านอนสักพักแล้วค่ะ” ขวัญตอบ จันจิราพยักหน้ารับรู้ หันไปพูดกับผู้ช่วยสาว “พรุ่งนี้พี่จะมารับนะคะ ก่อนแปดโมงเช้า ฝากขอโทษน้ารัตน์ด้วย ที่ทำให้น้องสากลับบ้านดึก” “ค่ะ เดี๋ยวฉันบอกแม่เอง” เธอไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อะไร “คุณกลับไปเถอะ พักผ่อนด้วยนะคะ เหนื่อยมาทั้งวัน” “ค่ะ ฝันดีค่ะน้องสา แล้วพี่จะฝันถึงนะ” หล่อนแกล้งหยอกทิ้งท้าย ไม่ต้องมาหยอดเลยคนบ้า สาวหน้าคมค้อนน้อยๆ รีบเข้าบ้านโดยไม่พูดอะไรต่อ ไม่อยากให้ขวัญต้องมาร่วมรับรู้เรื่องแบบนี้ ... กลัวเรื่องจะลอยไปเข้าหูมารดา จันจิรามองตามแผ่นหลังรสาอย่างอาลัยอาวรณ์ จนอีกฝ่ายขึ้นชั้นสอง จึงกลับไปขึ้นรถ ซึ่งทุกการแสดงออกของหล่อน ไม่พ้นสายตาของหนุ่มแว่นที่มองจากในรถ พอหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัย เขาจึงเคลื่อนรถเพื่อกลับไปยังเรือนเทวัญ “ถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?” “ว่ามาสิ” “คุณจันคิดอย่างไรกับคุณรสาหรือครับ?” ถามตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม หืม? คนสวยเอียงคอมองหน้าด้านข้างของเลขาหนุ่ม “ถามทำไม?” “ผมแค่สงสัย ผมไม่เคยเห็นคุณจันดูแลลูกน้องคนไหนพิเศษแบบนี้” ชายหนุ่มอธิบายตามที่เห็น ช่างสังเกตไปนะนายทิ เจ้านายสาวคิดบ่นในใจ “ฉันอยากดูแลน้องสา นายก็รู้ว่าฉันเคยรู้จักน้องเขามาก่อน” หนุ่มแว่นปรายหางตามองหล่อน แล้วถามต่อ “แค่ดูแลเหรอครับ?” “อือ” หญิงสาวขานเสียงต่ำในลำคอ “ในฐานะอะไรครับ?” เขาซักต่อ ราวกับเป็นทนายไล่บี้หาคำตอบ “ไม่รู้สิ ตอนนี้คงเป็นได้แค่เจ้านายลูกน้อง” หล่อนตอบเสียงเรียบราบปนเศร้า ในใจจันจิราอยากเป็นคนพิเศษของรสา เพียงแต่ไม่เชื่อมั่นว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะอีกคนค่อนข้างเข้าถึงยาก เหมือนเป็นคนเฟรนด์ลี่ แต่ก็เว้นระยะห่างกับคนอื่นพอสมควร แถมมีภูมิต้านทานเสน่ห์ของตนอีกด้วย หลังวันนี้ลองหยอดลองเกี้ยวไปหลายครา แต่สาวหน้าคมเหมือนไม่รู้สึกรู้สา หากเป็นคนอื่นคงอ่อนระทวยถลาเข้าหาตนไปแล้ว ทำให้หล่อนรู้สึกเสียเซลฟ์ไปพอสมควร ต้องทำอย่างไรนะ น้องสาถึงจะสนใจ? ร่างบางยังคงไร้คำตอบนี้ ทิวาลอบมองเจ้านายสาวของตนแล้วซ่อนยิ้มในหน้า ไม่ได้คิดไกลเลย...น่าเชื่อจังเลยนะครับคุณจัน หนุ่มแว่นไม่เคยเห็นหล่อนสนใจใครเชิงชู้สาว นัยน์ตาคู่หวานนั้นเป็นประกายวิบวับ ราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า เขาเห็นคนสวยแอบมองผู้ช่วยคนใหม่บ่อยครั้ง บ่อยจนผิดสังเกต ...สายตาของคนที่มีความรัก มันหลอกคนอื่นไม่ได้ง่ายๆ ชายหนุ่มเคยได้ยินหล่อนบอกว่า เด็กในรูปเป็นรักแรก เพียงแต่ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นมากกว่า แม้จะไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ทิวารู้จักอีกฝ่ายมานานกว่าสิบปี ในฐานะลูกน้องคนสนิทที่โตและเรียนมาด้วยกัน ชายหนุ่มจึงแทบเดาความคิดของจันจิรากับเจตน์น้องชายฝาแฝดได้ไม่ยาก ...ทว่าเขาเลือกที่จะทำงานให้หล่อนด้วยความรักและเคารพ “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ” ชายหนุ่มพร้อมสนับสนุนหล่อนในทุกเรื่อง เหมือนที่สาวสวยยื่นมือช่วยเหลือเขาและครอบครัวเสมอมา หากไม่ได้จันจิรา เขาคงไม่ได้ปัญญาจ่ายค่ารักษาพ่อ ซึ่งเป็นโรคไต ต้องไปโรงพยาบาลเดือนละหลายครั้ง ถึงคนอื่นมาเสนอเงินเดือนสูงกว่านี้ ทิวาก็ไม่คิดจะไปจากคนงาม เขารักเคารพคนในครอบครัวนี้มาก จนคิดจะทำงานรับใช้ให้จนตาย เพื่อทดแทนบุญคุณ “ขอบใจนะนายทิ” สาวงามมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เอื้อมมือไปเปิดเพลง แล้วเสียงไพเราะเอื้อนหวานก็ดังขึ้น ...เพลงเสียงของหัวใจ-แอน ธิติมา รสาอาบน้ำแปรงฟันแล้วเข้านอน แต่ว่าเธอนอนลืมตาโพลงมองเพดานบ้านที่มีแสงไฟลอดผ่านเข้ามา หน้าคมร้อนผะผ่าว เมื่อหวนคิดถึงการทำงานวันแรกในสวนโสภาคย์ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่า ตนโดนเจ้านายสาวเกี้ยวพาราสี ทั้งหว่านคำหวานหยอดยั่ว แถมโดนแตะเนื้อต้องตัวหลายหน หล่อนขโมยหอมแก้มไปอีกต่างหาก เพียงแต่สาวร่างเล็กเป็นพวกเก็บอาการเก่ง ยืนปั้นหน้านิ่งๆ ได้แนบเนียน ทั้งที่ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นกระหน่ำในจังหวะร็อค คนบ้า! ฉวยโอกาสเก่งชะมัด คงจะทำแบบนี้กับลูกน้องใหม่ทุกคนจนชินสินะ…ขี้หลีที่สุด นึกต่อว่าเจ้านายในใจชุดใหญ่ ก่อนหาวหวอด จึงตัดสินใจเข้านอน ไม่อยากตื่นสายวันพรุ่งนี้ หากปล่อยให้เจ้านายมานั่งรอ จะดูเสียมารยาทเกินไป ไม่อยากให้มารดามองเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ คนอื่นจะมองตนไม่ดีอย่างไรก็ได้ ยกเว้นพรรัตน์ ผู้ซึ่งเธอรักและแคร์ความรู้สึกที่สุด ราตรีสวัสดิ์คนลามก รสาแลบลิ้นขณะคิดถึงเจ้านายสาว แล้วปิดเปลือกตาลง เช้าวันรุ่งขึ้น รสาตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเล็กน้อย บิดขี้เกียจแล้วลุกไปอาบน้ำอาบท่า แล้วแต่งตัวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกางเกงยีน ซึ่งเป็นชุดทำงานที่คล่องตัวเหมือนไปเที่ยวมากกว่า โดยไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมอีกตัวติดมือมาด้วย หลังเมื่อวานตอนอยู่ในโรงเรือนห้า เธอหนาวเพราะไม่ได้เอาเสื้อคลุมไป จันจิราจึงถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมไหล่ให้ กลิ่นหอมของผู้หญิงคนนั้นยังติดจมูกอยู่เลย...กลิ่นกุหลาบ ท่าทางจะรักหลงดอกไม้เข้าดีเอ็นเอ สาวร่างเล็กคิดขำๆ ขณะเดินมายังห้องโถง “ตื่นแล้วเหรอลูก มาทานข้าวต้มก่อน” พรรัตน์เอ่ยชวนลูกสาวคนโต ขณะนั่งร่วมโต๊ะกับพรรณอร “ค่ะแม่” สาวร่างเล็กเดินไปบริการตัวเอง ตักข้าวต้มหมูหอมๆ ใส่ชาม แล้วนั่งเก้าอี้ว่างตรงข้ามแม่กับน้าสาว “เมื่อคืนขวัญบอกว่า ลูกกลับมาเกือบห้าทุ่มเชียวรึ?” มารดาเปิดประเด็น “ค่ะประมาณนั้น” รสาตอบ “คุณจันมาส่งเหรอ?” ผู้ใหญ่ซักต่อ “ค่ะ” เธอตอบ หลังกลืนอาหารหมดคำ “วันนี้จะไปเรือนเทวัญยังไง มอ’ ไซด์จอดอยู่ที่นั่น” พรรณอรถาม “คุณจันจะมารับค่ะ เย็นนี้ค่อยเอามอ’ ไซด์กลับมา” “ก็ดี” พรรัตน์ผงกศีรษะเล็กน้อย “อย่ากลับให้มันดึกนักล่ะ แม่เป็นห่วง” “จะพยายามค่ะแม่” หญิงสาวตอบกึ่งรับกึ่งสู้ บางเรื่องก็ยากที่จะทำตามผู้ใหญ่ขอ หากทำไม่ได้หรือไม่แน่ใจ ก็อย่ารับปากจะดีที่สุด เพราะจะทำให้กลายเป็นคนขี้ปดหรือเด็กเลี้ยงแกะ ...เธอยังไม่อยากตกนรกแบบที่ผู้ใหญ่ชอบขู่กัน หญิงสาวไม่รู้หรอกว่า นรกมีจริงหรือเปล่า? เพราะไม่เคยเห็น รู้แต่ว่าถ้าทำเลวจิตใจจะเศร้าหมองร้อนรุ่ม ไม่ต่างจากตกนรก... ‘ทันที’ เวรกรรมส่งผลเร็วทันใจกว่าที่คิด ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก “เมื่อคืนพี่รัตน์นั่งรอเกือบสี่ทุ่มเลยนะ น้ากลัวแม่เราจะไม่สบายก็เลยให้ไปนอนก่อน ไม่งั้นคงนั่งรอจนสากลับ” น้าสาวพูดเหมือนฟ้อง เธอมีหน้าที่ดูแลพี่สาวไม่ต่างจากพยาบาลส่วนตัว “ขอโทษค่ะ” สาวร่างเล็กรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ เธอไม่อยากให้แม่ที่มีสุขภาพอ่อนแอต้องมาล้มป่วยเพราะตน ... รู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญู “แม่ไม่เป็นไรมากหรอก แค่-” พรรัตน์พูดไม่ทันจบประโยค ก็ไอออกมาเหมือนจะเป็นหวัด จนน้องสาวลุกไปลูบหลังหลายที จึงหยุดไอ “อรจะไปทำน้ำมะนาวมาให้จิบนะคะ จะได้ไม่ไอ” น้องสาวบอกอย่างใส่ใจ “อีกสักพักค่อยทำก็ได้ ทานข้าวให้เสร็จก่อนเถอะ” พี่สาวกล่าวอย่างเกรงใจ รู้สึกเหมือนตนเป็นภาระของอีกฝ่าย “ก็ได้ค่ะ” น้องสาวจึงนั่งเก้าอี้ แล้วทานอาหารต่อ น้าอรดูแลแม่ดีมากเลยนะเนี่ย เป็นพี่น้องที่รักใคร่กันดีจริงๆ รสาเบาใจที่มีพรรณอรอยู่ข้างกายมารดา และนึกขอบคุณอีกฝ่ายในใจเสมอ ทุกครั้งที่กลับบ้านก็จะมีของติดมือให้น้าสาว เป็นเสื้อผ้าบ้าง เป็นเครื่องประดับบ้าง แล้วแต่งบประมาณที่มีในเดือนนั้นๆ เด็กขวัญเดินขึ้นมาชั้นสองของเรือนไม้ แล้วเอ่ยกับเจ้าของบ้านเสียงอ่อนๆ “คุณนายคะ” “มีอะไรหรือขวัญ?” “มีแขกมาค่ะ ผู้หญิงสวยๆ ที่เอาปุ๋ยมาให้เราบ่อยๆ” เด็กสาวจำชื่อของหล่อนไม่ได้ แต่จำหน้าได้ “อ๋อ! คุณจัน รีบเชิญขึ้นมาเร็ว” “ค่ะ” ขวัญรับคำ รีบลงจากเรือนไป มาเร็วไปนะ รสาบ่นในใจ มองนาฬิกา ๐๗.๓๘ น. เร็วกว่าที่นัดไว้เกือบยี่สิบนาที จึงรีบตักข้าวต้มเข้าปาก “ทานช้าๆ ก็ได้ เดี๋ยวแม่ชวนคุณจันทานข้าวด้วย” พรรัตน์บอกลูกสาวเหมือนอ่านความคิดได้ “จะดีเหรอคะ?” เธอถามอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่า ลูกเศรษฐีแบบคนสวยจะมานั่งทานร่วมโต๊ะแบบนี้ได้ “ดีสิ คุณจันเธอแวะเอาปุ๋ยเอาของมาให้บ้านเราบ่อยๆ บางทีก็แวะเอาขนมกับผลไม้มาฝาก สตอเบอรี่ที่แม่ให้ลูกไปทาน เป็นของฝากของคุณจันทั้งนั้น” แม่เล่าเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ไหนบอกว่า เคยเจอแม่ไม่กี่ครั้ง...คนขี้ปด สาวหน้าคมขมวดคิ้ว เมื่อหล่อนเล่าไม่ตรงกับมารดา เธอไม่เคยรู้เลยว่า ผลไม้สีสวยเป็นของฝากจากจันจิรา “สวัสดีค่ะน้ารัตน์ น้าอร” จันจิราพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนุ่มนวลชวนมอง “สวัสดีค่ะคุณจัน มาค่ะมาทานข้าวต้มด้วยกัน” แม่ของเธอชวนอย่างเป็นกันเอง “ขอบคุณค่ะ จันเรียบร้อยแล้วค่ะ” คนสวยตอบเสียงนุ่ม “งั้นนั่งคุยกันก่อนเถอะ รอยายสาไปพลางๆ” พรรัตน์ชวน “ค่ะ” หล่อนไม่ขัดใจผู้ใหญ่ จึงทรุดตัวนั่งเก้าอี้ข้างเธอ เอียงหน้าคุยกับสาวหน้าคม “น้องสาไม่ต้องรีบนะคะ พี่ออกมาเร็วเกินไปหน่อย ขอโทษที” เจ้านายสาวยิ้มสวยชนิดน้ำตาลจืดไปเลย ชิส์ ตั้งใจมาแกล้งฉันมากกว่า ร่างเล็กกลอกตาอย่างรู้ทัน แต่ไม่พูดอะไรที่ไม่งามต่อหน้าแม่กับน้าสาว ...ไว้ลับหลังผู้ใหญ่ค่อยเอาคืนก็ยังไม่สาย “ค่ะ” สาวผมยาวรับคำ แล้วทานอาหารต่อไป อยู่ต่อหน้าแม่นี่เรียบร้อยเชียว ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ คงเถียงพี่ไปแล้ว คนสวยนึกอ่อนใจกับผู้ช่วยสาวที่คงไม่ยอมหายพยศกับตนง่ายๆ “น้ารัตน์คะ จันว่าจะเอาปุ๋ยมาให้ภายในอาทิตย์นี้นะคะ ของเก่าหมดหรือยังคะ?” หล่อนถามเจ้าของบ้าน “ยังเหลืออยู่สองกระสอบมั้ง ขอบคุณนะคะ” แม่ของเธอพูดเสียงนุ่มกับความเอื้อเฟื้อของผู้หญิงคนนี้ ที่นำปุ๋ยคุณภาพดีจากสวนโสภาคย์มาให้หลายปี โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว บางทีก็มีของฝากติดไม้ติดมือมาให้ เช่น สตอเบอรี่ทีละหลายกล่องทีเดียว พรรัตน์จึงให้ตาจอน พ่อของขวัญเอาผลผลิตที่ได้จากสวน ไปให้อีกฝ่ายที่เรือนเทวัญเป็นการตอบแทนบ้าง ...เธอไม่อยากเป็นผู้รับฝ่ายเดียว “จันยินดีและเต็มใจให้ค่ะ” สาวงามตอบยิ้ม รสาทานไปนั่งฟังบทสนทนาไปด้วย ถึงได้รู้ว่า จันจิราช่วยเหลือครอบครัวของตนมานาน ดูแม่จะคุยกับแขกสาวอย่างสนิทสนม จนรู้สึกว่า หล่อนใส่ใจแม่ของตนมากกว่าลูกในไส้แบบเธอเสียอีก จึงแอบรู้สึกผิดนิดๆ นี่ฉันดูคุณผิดเหรอเนี่ย...เวรกรรม! เธอรู้สึกเสียใจที่มองเจ้านายสาวในแง่ร้ายเกินไป OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ และทุกๆ หัวใจนะคะ ไรท์ชอบอ่านค่ะ อ่านไปยิ้มไปค่ะ ^^ ดูเหมือนพี่จันจะเข้ากับผู้ใหญ่ของน้องสาได้ดีเกินคาด ชนิดที่รสาเองยังแปลกใจ แต่ผู้ใหญ่จะเห็นชอบด้วยรึเปล่า? ทุกอย่างจะง่ายเป็นปอกกล้วย?...ต้องมาลุ้นกันต่อค่ะ ไรท์ส่งต้นฉบับให้คุณพี่บอกอครบแล้วนะคะ ส่วนคุณพี่จะตรวจเสร็จเมื่อไหร่นั้น ก็ต้องลุ้นกันต่อค่ะ แต่น่าจะคลอดได้ก่อนปีใหม่แน่ค่ะ...มีอะไรคืบหน้าไรท์จะแจ้งนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณค่ะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 13 ธันวาคม 2562 |
Last Update : 13 ธันวาคม 2562 14:38:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 648 Pageviews. |
|
|