TRIP : หลง...KANSAI จนใจละลาย (เที่ยววันที่ 1 สุวรรณภูมิ - Kinosaki Onsen)
ทริปนี้ เกิดขึ้นจากการไปเดินในงาน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง จัดที่สยามพารากอน ปลายเดือน ม.ค.66 เจอสายการบิน JAL มาเปิดบูทหน้างาน ลองไปถามตั๋วเครื่องบินเล่นๆ ได้ราคาดีงาม จองโดยไม่ต้องคิดอะไร ที่เหลือมีเวลาเตรียมตัว 3 เดือน ไปไหนบ้าง สนุกแค่ไหน ทำไมถึงใช้ชื่อ TRIP : หลง...KANSAI จนใจละลาย ตามไปหาคำตอบด้วยกันครับวันพฤหัสที่ 30 มี.ค.66 เริ่มเที่ยวครั้งแรก
เวลา 20.15 น. นั่งแท๊กซี่จากบ้านขึ้นทางด่วนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เข้าประตู 8 เช็คอินที่ เคาน์เตอร์ P ได้เลย ตม.ไม่ตรวจอะไรมาก นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็เข้ามาเดินเล่นข้างใน Gateเราบินขาไป JL 728 เวลา 00.25 น. แต่เที่ยวบินนี้ delayed ไปเกือบ ชม.เราเลือกที่นั่ง 29H /29K นั่งติดกันติดหน้าต่าง ข้างหลังติดห้องน้ำ นั่งสบายมากด้านหลังเอนได้สุดไม่โดนใคร ใกล้ห้องน้ำเข้าได้สะดวกมากระหว่างรอ เดินเล่น ซื้อของ แวะกินอาหาร ฆ่าเวลาไปวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.66
เวลา 01.15 น.ได้เวลาเดินทางไปภูมิภาค KANSAI
สายการบิน JAL ใช้เครื่องบิน โบอิ้ง 787-8 ให้น้ำหนักกระเป๋าคนละ 46 กก. (แบ่งเป็น 2 ใบใบละไม่เกิน 23 กก.) นั่งแบบ 2-4-2 ส่วนที่นั่งเราได้เลือกตั้งแต่จองตั๋วในงานทั้งไปและกลับที่นั่งจะมี หมอน ผ้าห่ม หูฟัง ไว้ให้ พอไต่ระดับได้จะแจกน้ำกับถั่ว นั่งไปหลับไป ประมาณ 04.00 น.ลูกเรือเริ่มเดินแจกอาหาร เป็นข้าวต้ม สลัดผัก ผลไม้ ซุปมิโซ โยเกิร์ต ยังเช้าอยู่กินได้นิดหน่อยใกล้ถึงสนามบิน คันไซ แล้วเวลา 08.11 น. ถึงสนามบินคันไซ ถึงแม้ว่าเราจะออกช้าไปเกือบ ชม.แต่กัปตัน ทำเวลาได้ดีมากมาถึงช้ากว่ากำหนดแค่ 6 นาทีเองขั้นตอนการผ่าน ตม. แค่เปิดมือถือโชว์ลงทะเบียน Visit Japan แล้วเดินไปตามขั้นตอน ไม่ยุ่งยากจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกแต่ละจุด จนรับกระเป๋า ถึงขั้นตอนนี้ใช้เวลานิดหน่อยประมาณ 40 นาที
ออกจากสนามบินมาแลกบัตร JR เพื่อไปเมือง Kinosaki onsen
ครั้งนี้เราใช้ JR-West : Kansai Wide Area Pass 5 วัน เปิดใช้วันนี้เป็นวันแรกจองรถด่วน HARUKA ไปลง JR OSAKA เปลี่ยนขบวน Kounotori นั่งยาวไป Kinosaki onsen ลงมารอหมายเลข 4 ได้เลยหน้าตารถด่วน HARUKA ตะมุตะมิ ไม่หล่อดุดันเหมือนหัวอัศวินของเจ้า NANKAIรถด่วน HARUKA จะวิ่งยาวไปถึง KYOTO จะจอดสถานีหลักๆประมาณ 6 ป้าย แต่ถ้านั่งรถธรรมดาจะถึงแค่สถานี JR OSAKA
ภายในรถ HARUKA ที่นั่งเป็นแบบ 2-2 ด้านหลังตู้จะมีที่วางกระเป๋าและมีห้องน้ำสะอาดมาก ส่วนใครที่ติดบุหรี่จะมีห้องไว้ให้สำหรับผู้สูบบุหรี่ไว้ด้วยออกจากสนามบินเวลา 10.12 น. มาถึงสถานี JR OSAKA เวลา 11.01 น.
รอเปลี่ยนรถไฟขบวน Kounotori เวลา 12.11 น. มีเวลา 1 ชั่วโมง เดินสำรวจสถานี ซื้อเสบียงไปกินระหว่างเดินทาง ง่ายๆร้านนี้แหละใกล้ถึงเวลาเดินมารอรถไฟที่ชานชาลาที่ 4มาแล้ว มาแล้ว รถไฟขบวน Kounotori สีเหลืองมัสตาร์ด หล่อมาแต่ไกลเลยเราจองที่นั่งไว้แล้ว เอากระเป๋าเก็บไว้ช่องเก็บกระเป๋าด้านหลังแล้วเดินไปนั่งตามตั๋วที่เราจอง ตื่นเต้น ตื่นเต้นนั่งได้ซักพักก็เอาเสบียงขึ้นมากินมื้อแรกของมาญี่ปุ่น ไม่ถูกปากซักอย่าง อาหารเย็นชืด จืดๆ แต่ไม่ใช่ประเด็นความสวยงามระหว่างทาง ความตรงเวลาในการเดินทาง ความสะอาด ทันสมัยของเมือง มันทำให้อาหารไม่ใช่สิ่งสำคัญในการมาเที่ยวครั้งนี้สารภาพเลย ว่าง่วงนอนมาก แต่ด้วยบรรยากาศระหว่างทางไม่สามารถปิดตาได้ ซากุระ บานตลอดไปถึงสถานี Kinosaki onsen สวยมาก เวลา 14.54 น. มาถึงสถานี Kinosaki onsen ตรงเวลาเป๊ะซักรูป ถึงแล้วนะ วิสถานี Kinosaki onsen เป็นสถานีเล็กๆ แต่กว่าจะออกมาได้ เสียเวลาถ่ายรูปกับรถไฟไป 15 นาที
ทางเข้า ทางออกจากสถานีห้องจำหน่ายตั๋วอยู่ข้างทางเข้า ทางออกออกมาหน้าสถานี จะมีตากับก้ามปูไม้ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ที่ใครมาต้องแวะมาถ่ายรูปด้วย บ่อน้ำแร่ ช่วงก่อนโควิดเห็นมีนักท่องเที่ยวมาลองดื่ม แต่หลังจากโควิดไม่รู้ยังให้ดื่มได้อีกเปล่า
ได้เวลาเดินเข้าที่พัก ระหว่างทางก็ชมบ้านเมืองเค้าไปด้วย
เมืองเล็กแต่น่ารักมาก เราจองโรงแรม Matsuya Ryokan Kinosaki Onsen ไว้ 2 คืน ห่างจากสถานีรถไฟแค่ 500 ม. คลิกเลยเดินเพลินๆกับอากาศ 13 องศา ก็มาถึงที่พักเราแล้ว
ที่พักให้ Check in บ่ายสาม เรามาถึงเข้าที่พักได้เลยที่พักเราใกล้กับ FamilyMart ไม่อดตายแล้วเข้ามาแล้วเห็นความเป็นระเบียบของที่พักเรา
รองเท้าเรียงอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ซ้ายมือเป็นของผู้ชายมีแบบเดียว ขวามือเป็นของผู้หญิงมีให้เลือก 2 แบบ เวลาเดินจะบนถนนจะมีเสียงก๊อกแก๊กทั้งคืน เป็นเสน่ห์ ของเมืองนี้เลยส่วนคู่นี้ไว้เดินภายในที่พัก บังคับให้ใส่ทุกครั้งที่เข้ามาภายในห้องเราเข้ามาติดต่อที่ห้องนี้ อยู่ทางขวามือ จะมีเจ้าหน้าที่ดูตลอด 24 ชม.ด้านซ้ายมือเป็นส่วน Lobby จัดได้น่ารักมากส่วนนี้ด้านซ้ายมือ มีกระเป๋าสานไว้ให้เลือกหลายแบบ มีทั้งแบบของผู้หญิงและผู้ชาย ไว้ใช้สำหรับใส่พวกอุปกรณ์แช่บ่อออนเซนข้างนอกด้านในมีห้องอาบน้ำรวมถึงบ่อแช่ออนเซนส่วนรวม แยกห้องชาย-หญิงห้องอาบน้ำผู้หญิงจะอยู่ด้านหน้า แฟนเข้าไปถ่ายรูปห้องน้ำของผู้หญิง ข้างในดูดีเลย แต่ไม่มีใครใช้ ส่วนมากไปแช่บ่อข้างนอกกันหมด
ห้องน้ำผู้ชายจะอยู่เข้าไปข้างในหน้าห้องน้ำมีเก้าอี้นวดไฟฟ้าไว้บริการให้ด้วย ฟรี เสียดายไม่ได้ใช้บริการทั้งห้องแช่ออนเซนและเก้าอี้นวดได้เวลาเข้าห้องพักแล้ว ห้องเราอยู่ชั้น 2 ต้องยกกระเป๋าขึ้นไปเองมองลงไปชั้นล่าง ไม่สูงมากขึ้นมาเป็นห้องจัดเลี้ยงเล็กๆและมีห้องเตรียมอาหาร เราจองห้องเตรียมมื้อเช้ากับมื้อเย็นให้ด้วยครับ แฟนเป็นคนจองมานอนที่่เรียวกังนี้เองชั้นบนจะปูพรมแดงตลอด มีห้องพักไม่เกิน 10 ห้องได้ห้อง 207เข้าไปในห้อง ด้านหน้าจะเป็นห้องส้วม (ที่พักไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องไปอาบน้ำห้องรวมชั้นล่าง)ห้องน้ำไม่กว้างแต่อุปกรณ์ไฮเทคมาก ใช้ปุ่มไฟฟ้าควบคุมหมด ส่วนโถไม่รู้ไว้ทำอะไร จะล้างมือก็ไม่แน่ใจ จะใช้ปัสสาวะก็ไม่กล้า เลยไม่ได้ใช้ ยัง งง อยู่ทำไมถึงไม่ถามพนักงานก็ไม่รู้ ปล่อยให้งงมาถึงวันนี้ออกจากห้องส้วมซ้ายมือมีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา 1 บานถัดไปเป็นชั้นวางแก้วน้ำให้มา 5 ใบพร้อมฝาครอบ มีที่เปิดขวดให้ 1 อันด้านล่างชั้นวางแก้วเป็นตู้เย็น ข้างในอัดแน่นไปด้วยน้ำดื่มต่างๆ ไม่ฟรีนะครับเข้าไปห้องนอนกันครับ อยู่ด้านซ้ายมือ เป็นประตูไม้บานเลื่อน 2 บานเข้ามาก็เจอบรรยากาศแบบนี้เลย ห้องกว้างมาก
ทั้งห้องปูด้วยเสื่อทาทามิ ตรงกลางห้อง มีโต๊ะอาหารกับเก้าอี้นั่งพื้นตามรูปบนโต๊ะมีชุดน้ำชากับขนมไว้ให้นั่งชิมเล่น เสียดายลืมกินขนม มัวแต่สำรวจห้อง น้องพนักงานเห็นไม่กินเลยเก็บออกไป ไม่รู้อร่อยเปล่า แต่หน้าตาดูดีเลยอีกด้านมีสมุดคู่มือการใช้ห้องพัก มีรีโมทแอร์ แต่เปิดแล้วร้อนน่าจะเป็น Heater มากกว่า พร้อมคิวอาร์ โค้คไว้สำหรับไปเข้าบ่อออนเซนข้างนอกตรงพื้นมีชุดยูกะตะให้ 2 ชุด สายโอบิสีแดงกับสีขาวเป็นของผู้หญิง ส่วนโอบิสีน้ำเงินลายขาวเป็นของผู้ชาย เวลาใส่ให้ซ้ายทับขวา พร้อมถุงเท้า 1 คู่ ไว้ใส่ไปเดินเล่นในเมืองหรือไปแช่ออนเซนข้างนอกห้องมุมห้อง เป็นตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี กระติกต้มน้ำร้อนมุมนี้อะไรก็ไม่รู้ วางกระเป๋าตังค์ บัตรต่างๆ มือถือ สะดวกดีตู้เสื้อผ้ามีผ้าเช็ดตัวกับผ้าเช็ดผมและไดร์เป่าผมฉากกั้นห้องบังสายตา เป็นบานไม้เลื่อน 4 บาน สามารถเปิด-ปิด เป็นส่วนตัวดีเปิดแล้วจะเห็นวิวอย่างนี้ ประตูสามารถเปิดให้สุดได้อีกมีโต๊ะนั่งจิบชา ชมวิวในเมือง มุมนี้ฟินมากมองวิวจากห้อง จะเห็นบ่อ ICHINOYU ออนเซนอยู่หน้าที่พักเราเลยได้เวลาไปเดินเล่น แช่น้ำออนเซนกันแล้วจากที่พักเลี้ยวซ้ายเดินข้ามสะพานไปเจอกับซากุระบานสะพรั่ง สวยจนลืมง่วงเดินเลาะคลองไปเรื่อยๆ เป้าหมายแรกคือบ่อ Mandarayu Bath คลิกเลย
ระยะทางจากที่พักไปยังบ่อออนเซน ไม่ถึง 500 ม.แต่ใช้เวลาในการเดินเกือบชั่วโมงไม่ต้องอธิบายนะครับ ว่าเพราะอะไร กว่าจะผ่านแต่ละต้นได้ ถ่ายรูปกันเพลินเลย มุมไหนก็สวยพอถึงมุมนี้ตรงสะพานเลี้ยวซ้ายก็ถึงบ่อ Mandarayu แล้วเดินตรงเข้าไปเลยก่อนอื่นใช้คิวอาร์ โค้ค สแกนเข้าเสร็จแล้ว เอารองเท้าใส่ตู้ล็อกเกอร์ เอากุญแจมาด้วย เสร็จแล้วเข้าไปข้างในบ่อออนเซน บ่อออนเซนจะแยกบ่อหญิงกับบ่อชาย สังเกต บ่อหญิงจะมีป้ายหรือตัวอักษรสีแดง บ่อชายจะเป็นสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะห้องน้ำสาธารณะหรือห้องต่างๆที่ต้องแยกชาย-หญิง ให้สังเกตสีไว้ หลังจากเข้าไปข้างในจะมีล็อกเกอร์ใส่เสื้อผ้า เราต้องถอดให้หมดทุกชิ้นไว้ในล็อกเกอร์แล้วเอากุญแจมาคล้องที่ข้อมือ เสร็จแล้วอาบน้ำจะมีเก้าอี้เล็กๆ มีสายฝักบัวปรับน้ำร้อน น้ำเย็นพร้อมสบู่ ยาสระผม ไว้ให้ เก้าอี้จะนั่งเรียงกันไป ไม่ต้องอายต่างคนต่างอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จค่อยลงไปแช่ ไม่รู้จะบรรยายยังไง อากาศ 12 องศา กับน้ำแร่ 45 องศา แช่แล้วสบายตัวมาก
แช่ตัวเสร็จที่แต่งตัวจะมีไดร์เป่าผมไว้ให้ด้วย เสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูปภายใน ได้แต่ถ่ายด้านหน้า จะมีป้ายบอกแต่ละบ่อคนใช้มากน้อยแค่ไหนแช่ประมาณครึ่งชั่วโมง ได้เวลาไปต่อขอซะหน่อย ฝาท่อเมืองคิโนซากิเสร็จแล้วเดินเล่นในตัวเมือง เดินเพลินมาก เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย หลังหกโมงเย็นจะมีช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเดินแช่บ่อน้ำ ฟังเสียงเกี๊ยะ ก๊อกแก๊กๆ เพลินดีเหมือนกันเวลา 18.00 น. ได้เวลามื้อเย็นที่พักเราแล้ว เราจองห้องพักพร้อมอาหารเช้า-เย็น
เข้าห้องมาเจอแบบนี้เลย สตั๊นไป 3 วิ จัดอาหารสวยอ่ะ เป็นพนักงานเวียดนามมาดูแลจัดอาหารให้ ที่พักจัดอาหารให้ไว้คนละชุด พร้อมบอกวิธีกินอะไรก่อนตามด้วยอะไร กินเซทนี้เสร็จนึกว่าจะหมดยังมีอาหารอย่างอื่นตามมาเสิร์ฟให้อีกหลายอย่างราคาเมนูเครื่องดื่ม สั่งเพิ่มได้หรือจะหยิบในตู้เย็นมาดื่มก็ได้ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวนี้ถ่ายรูปแปลภาษาให้เราได้แล้ว สบายใจได้ถ้วยข้าวสวย ไม่อิ่มตักเพิ่งเองได้เลยทยอยเสิร์ฟมาเรื่อยๆ ตามด้วย ซาซิมิโซบะเย็นเมนูนี้ไม่รู้เรียกอะไร คล้ายๆซุปปูอร่อยดีเหมือนกัน สุดท้ายขนมหวานอาหารมีเสิร์ฟมาอย่างละนิดละหน่อย ตอนแรกนึกว่าไม่อิ่ม ค่อยๆกินไปเรื่อยๆ เล่นเอาจุกเหมือนกัน ส่วนรสชาติถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญได้เห็นการจัดเรียงอาหารรู้ถึงความใส่ใจกับอาหารทุกจานทำให้ อาหารมีคุณค่าขึ้นมาทันที
อิ่มแล้วน้องพนักงานก็มาเก็บภาชนะไป ส่วนเราไปแช่ออนเซน เดินชมบ้านเมืองยามค่ำคืนคืนนี้เดินไปบ่อ KOUNOYU Bath คลิกเลย จากที่พักประมาณ 600 ม. เลยบ่อที่เราแช่ตอนเย็นมาหน่อยถึงแล้วขั้นตอนเดียวกับบ่อแรก สแกนคิวอาร์ โค้ด ฝากรองเท้า ถอดเสื้อผ้า อาบน้ำ ลงแช่ บ่อนี้มีบ่อกลางแจ้งด้วย สวยดีแช่ประมาณ 20 นาที เดินกลับเข้าที่พัก ระหว่างทางก็แวะเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ
มีร้านยิงปืนอยู่ 2-3 ร้าน มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นกันอยู่พอสมควรผ่านออนเซนอีกบ่อ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บ วันนี้ง่วงนอนแล้วกลับมาถึงห้อง ที่นอนพร้อม เจออย่างนี้ก็หลับเป็นตายสิครับ พนักงานเวียดนามมาจัดอาหารและที่นอนให้นอนหลับสบายคืนนี้ฝันดี พรุ่งนี้ไปเที่ยวเมือง Izushi กันครับ คลิกเลย
ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทางทั้งหมด 121,460 บาท
ค่าเครื่องบิน เจแปน แอร์ไลน์ ไป-กลับ 2 ที่นั่ง คนละ 23,080 บาท รวม 46,160 บาท จองที่นั่งในงานขาไปและขากลับ ได้น้ำหนักกระเป๋า 23 กก. 2 ใบ ต่อคน ขาไป JL 728 สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 00.25 น. ถึงสนามบินคันไซ เวลา 08.05 น. ขากลับ JL 727 สนามบินคันไซ เวลา 00.55 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 04.40 น. จองในงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ที่ สยามพารากอน ชั้น 5 วันที่ 29 ม.ค.66
ค่าที่พัก+โรงแรม 12 คืน ทั้งหมด 63,622 บาท + ภาษี 900 เยน เมือง Kinosaki Onsen โรงแรม Matsuya Ryokan Kinosaki Onsen ห้อง Economy Janpanese Style Room 2 คืน รวมอาหารเช้า+เย็น ทั้งหมด 24,949 บาท (คืนละ 12,474.50 บาท) โซน Shin-Oska โรงแรม Via Inn Shin Osaka West ห้อง Double Room ( Non-Smoking ) ( เตียงใหญ่ 1 เตียง ) size room 150 fts 3 คืน รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 7,855 บาท (คืนละ 2,618.33บาท) โซน Umeda โรงแรม Hotel Dans Le Coeur Osaka Umeda ห้อง Standard Twin Room ( เตียงเดี่ยว 2 เตียง ) size room 193 fts 4 คืน ทั้งหมด 15,530 บาท + ค่าภาษี 300 เยน (คืนละ 3,882.50 บาท) โซน namba โรงแรม Hotel Vista Osaka-namba ห้อง Corner Twin Room ( เตียงเดี่ยว 2 เตียง ) 3 คืน ทั้งหมด 15,288 บาท + ค่าภาษี 600 เยน (คืนละ 5,096 บาท)
ค่า Pass ทั้งหมด 9,200 บาท JR-West : Kansai Wide Area Pass 5 วัน ทั้งหมด 5,100 บาท (2 ใบใบละ 2,550 บาท) ซื้อบริษัท Quality Express Kansai Thru Pass 3 Day (KTP) ทั้งหมด 2,700 บาท (2 ใบใบละ 1,350 บาท) ซื้อบริษัท บริษัท Pinatlas Osaka Amazing Pass 1 Day ทั้งหมด 1,400 บาท (2 ใบใบละ 700 บาท) ซื้อบริษัท บริษัท Pinatlas
ค่าสัญญาณมือถือ ทั้งหมด 908 บาท AIS SIM 2 Fly เบอร์เก่า เติมเงิน 20 บาท ใช้ได้ 10 วัน AIS SIM 2 Fly เบอร์เก่า เติมเงิน 90 บาท ใช้ได้ 10 วัน AIS SIM 2 Fly เปิดเบอร์ใหม่ 399 บาท ใช้ได้ 10 วัน AIS SIM 2 Fly เปิดเบอร์ใหม่ 399 บาท ใช้ได้ 10 วัน
ค่าประกันภัย ทั้งหมด 1,570 บาท Chubb Samggi Insurance 0 บาท (คุ้มครอง 10 วัน) MSIG Insurance 1,570 บาท (คนละ 785 บาท คุ้มครอง 13 วัน)
ค่าใช้จ่ายวันพฤหัสที่ 30 มี.ค.66 ทั้งหมด 4,930 บาท ค่าทางด่วนงามวงศ์วาน 60 บาท ค่าทางด่วนพระรามเก้า 25 บาท ค่าแท็กซี่ 400 บาท (399 บาท) เครื่องสำอาง Duty Free 3,896 บาท ค่า Pizza Company 549 บาท *หน้าฮาวาเอี้ยน ถาดกลางบางกรอบ 1 ถาด *ไก่ทอด 4 ชิ้น *น้ำอัดลม 1 แก้ว
ค่าใช้จ่ายวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.66 ทั้งหมด 2,585 เยน ( Rate 26 ) เบนโตะ 1,250 เยน (1 กล่อง) 7/11 น้ำ-อาหาร 854 เยน ขนมปัง/น้ำเกลือแร่/น้ำเปล่าขวดเล็ก 370 เยน (อย่างละ 1 ชิ้น) น้ำ Family Mart 111 เยน (เติมเงินบัตร Suica 4,000 เยน ใบละ 2,000 เยน)
Create Date : 15 เมษายน 2566 |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2566 7:44:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1634 Pageviews. |
|
|