ญี่ปุ่น... 9 วันที่อยู่ในความทรงจำ (วันที่ 3 ชิมไข่ดำ ล่องเรือ Lake Arshi ที่ Hagone )



วันอังคารที่ 12 พ.ย.56

ย้อนดู วันที่ 1 สุวรรณภูมิ-นาริตะ-วัดเมจิ-ชินจูกุ คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 2 Tokyo DisneySea คลิ๊กเลย

- ประมาณ 6 โมงเช้าพวกเรา check out ลากกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดออกจากโรงแรม (เหมือนถูกโหวตให้ออกจากบ้าน AF อย่างไรไม่รู้) 
- เวลา 07.28 น.ขึ้นรถไฟสาย Ltd. Express ที่ชินจูกุ
- เวลา 9.01 น.มาถึงสถานี Hakone-Yumoto วิ่งตรงเวลาเป๊ะ (ชานชาลาที่ 1)

ปล.ที่จริงในแผนเราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยกลับมาเอากระเป๋า แต่เกิดผิดพลาดทางโรงแรมไม่รับฝากกระเป๋า เลยต้องหอบไปทั้งหมด











ถึงสถานี Hakone-Yumoto ต่อรถไฟสายคลาสสิค (Local ชานชาลาที่ 3 เป็นเส้นทางขึ้นภูเขา) ไปลงที่ โอฮิราได (Ohiradai Station) เพื่อเข้าพักโรงแรมเรียวกัง Yu no Hana ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที

ระหว่างทางวิวสวยมาก เส้นทางจะวิ่งขึ้นภูเขาทำรางแบบสลับฟันปลาไต่ระดับขึ้นไป















จากสถานีรถไฟ เดินขึ้นบันไดไปที่พักประมาณ 500 ม. แอบเดินผิดเส้นทางนิดหน่อย แต่ก็ได้ชมบรรยากาศบ้านเรือนไปในตัว 









เดินหาที่พักจนเจอก็ฝากกระเป๋าไว้ที่พักแล้วเราก็ไปที่สถานีรถไฟเดิมเพื่อนั่งรถไฟไปลงสถานี Gora 









ถึงสถานี Gora แวะกินมื้อเที่ยงแถวสถานีนั้นแหละ 

เรานั่งกินร้านนี้











ประมาณเที่ยงครึ่งก็ขึ้น Cable Car ที่อยู่ติดกับสถานี Gora โดยรถรางออกทุก 15-30 นาที นั่งไปสุดสายที่สถานี Sounzan เพื่อไปขึ้น Hagone Ropeway 

วันนี้ฝนตกปรอยๆ แอบหนาวนิดๆ 









Cable Car จะมีทั้งหมด 6 สถานี ระหว่างทางขึ้นแต่ละสถานีมีที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี สวยทุกสถานีเลย อยากจะลงไปถ่ายรูปแต่กลัวเวลาไม่พอ ไว้ขากลับค่อยมาเก็บแต่ละที่แล้วกัน





ประมาณบ่ายโมงก็ มาถึงสถานี Sounzan 





Cable Car มาส่งเราถึงสถานี Sounzan ก็รับนักท่องเที่ยวขากลับลงไปส่งที่สถานี Gora เหมือนเดิม ส่วนพวกเราไปรอขึ้น Hagone Ropeway เพื่อไปยังสถานี Owakudani จุดหมายในการชิมไข่ดำในวันนี้

หน้าตาของ Hagone Ropeway 





ออกจาก Owakudani เจอสภาพอย่างที่เห็นละครับ ฝนยังตกปรอยๆ





เริ่มไต่ระดับ 







แต่วิวยังสวยอยู่ ตอนผ่านเหมืองกำมะถันด้านล่าง จากที่เคยอ่านในเว็บมา หลายๆคนบอกว่า ช่วงที่กระเช้าลอยผ่านเหมืองกำมะถัน จะได้กลิ่นกำมะถัน คล้ายไข่เน่าแบบอ่อนๆ ทำผมไม่ได้กลิ่นอ่ะ หรือว่าตื่นตาตื่นใจกับวิวรอบตัว











ตรงจุดนี้ถ้าท้องฟ้าเปิดเราจะเห็นฟูจิซังจากกระเข้าได้เลย มาเจออากาศปิดอย่างนี้ หมดสิทธิ์เห็นฟูจิซัง เฮ้อ..













หมอก ไอน้ำเริ่มจับกระจกเป็นฟ้านอกกระเช้าแล้วครับ ถ่ายวิวไม่ได้ ก็ถ่ายกันเองแล้วกัน





ประมาณ 7 นาที เราก็มาถึงสถานี Owakudani เข้าห้องน้ำทำธุระให้เสร็จก็ได้เวลาปาจิงโกะกันแล้ว

ชอบมุมนี้อยู่ในสถานี มีป้ายวัน-เดือน-ปี บอกให้รู้ว่ามาวันไหน ข้างๆก็มีเสื้อพนักงานแขวนไว้ให้ใส่เป็นพร๊อบถ่ายรูป







เดินออกมานอกอาคารสถานี ก็มีป้ายบอกสถานที่ แล้วลงไปยังส่วนที่ต้มไข่ดำขาย









จากป้ายรูปข้างบน เราต้องเดินจากสถานีขึ้นเขาไปอีกนิดหน่อยประมาณ 500 ม. ก็จะถึงส่วนของบริเวณร้านขายสินค้าและของที่ระลึก





สัญลักษณ์ ไข่ดำ จะตั้งอยู่ตรงบริเวณร้านขายของที่ระลึก ด้านหลังตรงส่วนนี้จะเป็นลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถมาเอง











ภารกิจเรายังไม่บรรลุผลนะครับ จากจุดขายของที่ระลึก ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 15 นาทีก็ถึงจุดต้มไข่ดำขาย





อากาศวันที่เราไปน่าจะอยู่ประมาณ 9 องศาแต่ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร อาจจะเนื่องจากได้ไออุ่นจากน้ำร้อนตามลำธาร





นักท่องเที่ยวเดินขึ้นกันเยอะมาก 





ใกล้ถึงจุดต้มไข่ขายแล้วครับ ถ่ายย้อนลงไปข้างล่างจะเห็นร้านขายของที่ระลึกที่เราเพิ่งเดินขึ้นมา





เย้... แล้วก็เดินมาถึงจนได้มากินไข่ดำถึงถิ่น Owakudani จริงๆ จากตำนาน หากได้กินไข่ดำ 1 ฟอง จะมีอายุยืนเพิ่มขึ้นอีก 7 ปี แต่ถ้ากิน 10 ฟองน่าจะได้ Cholesterol เพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่ามั่ง 555

จากความเชื่อตรงนี้เลยทำให้การได้มากินไข่ดำที่ Owakudani สักครั้ง กลายเป็นจุดขายที่ดีไปเลย







ได้มาแล้ว ไข่ดำ 6 ฟอง 500 เยน ที่จริงตรงจุดร้านขายของที่ระลึกก็มีขายให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นเขาไม่ไหว แต่เรามาถึงที่แล้วยอมเหนื่อยอีกหน่อย ขึ้นมากินข้างบนมันจะฟินกว่ากันเยอะ















บริเวณต้มไข่ จะเป็นน้ำกำมะถันอุณหภูมิธรรมชาติ ต้มไปแล้วไข่จะออกมาดำเอง เดาเอานะครับ









ปฏิบัติภารกิจกินไข่ดำเสร็จก็ได้เวลาลงมาที่ร้านขายของที่ระลึก เราลองชิมไอติมไข่กัน รสชาติเฉยๆ





สถานี Owakudani ที่เราเดินลงมาเพื่อไปกินไข่ดำ ถ่ายจากจุดร้านขายของที่ระลึกครับ





กระเช้าที่เรานั่งจากข้างล่างขึ้นมาผ่านเหมืองกำมะถัน ถ่ายตรงจุดขายของที่ระลึก











ประมาณบ่ายสามโมง ได้เวลาออกจากสถานี Owakudani แล้วนั่งกระเช้าต่อมาที่สถานี Togendai เพื่อไปท่าเรือทะเลสาบอาชิแล้ว

ก่อนจากขอถ่ายรูปป้าย ที่สูงจะระดับน้ำทะเล 1,044 ม.





วิวด้านล่างต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว เสียดายเรามาเร็วก่อนหนึ่งอาทิตย์ ไม่งั้นแดงทั้งป่าแน่



























ใกล้ถึง สถานี Togendai แล้วครับ



















นั่งกระเช้าประมาณสิบห้านาที ก็มาถึง สถานี Togendai 

รูปนี้ถึงสถานี Togendai แล้วครับ อยู่ริมฝั่งทะเลสาบ ตื่นตา ตื่นใจมากกกก






ในสถานีจะมีป้ายไว้ให้ถ่ายรูป อยู่ก่อนถึงหน้าห้องน้ำ ใครไปถ่ายเก็บไว้เลยครับ มีป้ายบอกวันที่ให้เสร็จ





การเดินทางในฮาโกเน่ พวกเราใช้บัตร Hagone Free Pass แบบ 2 วัน โดยพาสนี้สามารถใช้โดยสารพาหนะทุกประเภทในเส้นทางท่องเที่ยวในเขตฮาโกเน่ เช่น รถไฟ รถบัส เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าไฟฟ้า และการล่องเรือโจรสลัดในทะเลสาบอาชิ อยากบอกว่าสะดวกมาก 

ซื้อตั๋ว Hagone Free Pass คลิ๊กเลย แต่เราซื้อตั่วในวันแรกที่สนามบินนาริตะ





เรารอขึ้นเรือประมาณ 15 นาที บัตร Hagone Free Pass ที่เราถือนั้น ใช้ขึ้นเรือโจรสลัดฟรีก็จริง แต่จะไม่สามารถเดิน หรือเข้าไปในส่วนของ First Class ได้ ต้องซื้อตั๋วเพิ่มอีก 750 เยน (Round Trip) ถึงจะได้เข้าส่วน First Class ของเรือแต่เราไม่ซื้อเพิ่มอ่ะ









ขึ้นมาบนเรือก็นั่งชมวิวทะเลสาบอาชิ































ประมาณห้าโมงเย็นเรือก็มาจอดที่ท่าเรือ Hakonemachi-Ko เราก็ลงเรือไปลั้นล้าถ่ายรูปกัน โดยไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า







เรือโจรสลัดที่เรานั่งมา สวยเหมือนกันเนอะ





แอบเจอต้นไม้แดงอยู่ต้นนึง ดีใจมาก













เราก็เดินเล่น ถ่ายรูปอยู่แถวริมทะเลสาบนั้นแหละครับ รอเรือลำต่อไปมารับ 















ได้เวลาลงเรือ เราเดินไปที่ท่าเรือ แม่เจ้า.... เรือที่เรานั่งมาเป็นรอบสุดท้าย แถมออกไปแล้วด้วย หมายความว่าเราตกเรือครับ 555 แล้วจะกลับยังไง แถมเจอน้องคนไทยสองคนก็ตกเรือเหมือนเรา เดินไปถามเจ้าหน้าที่ บอกว่ามีรถบัสนั่งกลับไปที่ Hakone-Yumoto ผ่านโอฮิราได โรงแรมที่เราพักด้วย โชคดีไป ส่วนน้องคนไทยสองคนนั่งไปลงที่ Hakone-Yumotoโชคดีที่ยังมีรถบัสวิ่ง ใครลงเรือก็เช็คเวลาเรือกันให้ดีเน้อ

หลังจากขึ้นรถได้ก็นั่งรถไปเรื่อยๆ แถมเลยป้ายที่เราลงไปหนึ่งป้าย (ไกลเหมือนกัน) ประมาณเกือบหกโมงเย็นแล้ว แถมมืดยังกับสองทุ่มบ้านเรา เปลี่ยวอีกต่างหาก แต่ไม่น่ากลัว ใจก็ตุ้มๆต้อมๆ รถขาขึ้นจะหมดหรือเปล่าหนอ ยืนรอได้ซักพัก มีรถบัสมาได้กลับโรงแรมแล้ว ทีนี้ไม่พลาดครับ เรามาถึงที่พักประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม

โรงแรมที่เราพักชื่อYu no Hana เป็นแบบเรียวกัง ห้องพักปรับอากาศ มีฮีตเตอร์ด้วย ปูพื้นเสื่อทาทามิ (ฟางสานทอ) มีฉากกระดาษ และชุดเครื่องนอนฟูกญี่ปุ่น มีห้องอาบน้ำพุร้อนในร่มและกลางแจ้ง (ออนเซน) และบริการอาหาร Kaiseki แบบดั้งเดิม มื้อเย็นและมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้ ที่พักแจ่มมากกกกก แนะนำเลยครับ ทั้งแกงค์ชอบที่พักนี้มาก เราจองไว้สองห้อง

ใครสนใจที่พักก็ลอง คลี๊กเลย หรือจะเสิร์ทหาข้อมูลจากเวปอื่นก่อนก็ได้















ถึงที่พักสาวๆแช่น้ำออนเซนกัน เสร็จแล้วก็แต่งชุดยูกะตะ ทางเรียวกังก็จัดอาหาร Kaiseki มาเสิร์ฟให้ที่ห้องเรา เป็นเซทใครเซทมัน เห็นน้อยๆอย่างนี้กินอิ่มมากกกก แถมอร่อยอีกต่างหาก แต่บางอย่างผมก็กินไม่เป็นเหมือนกัน







แต่ก่อนจะกิน ถึงจะหิวแค่ไหน ก็ต้องปฏิบัติเป็นประเพณีของชาวไทยก่อนครับ











อิ่มเสร็จ ก็เก็บอาหาร-เก็บโต๊ะ แล้วมาสาธิตการปูที่นอนให้เราดู

















ปูที่นอนเสร็จก็ซักรูปนึง





อิ่มเสร็จก็ขอใส่ชุดยูกะตะ พร้อมรองเท้าเกี๊ยะ ไปเดินชมในเมืองตอนกลางคืน ประมาณ 20 นาที 













เดินเล่นได็ซักพักถึงเวลาเข้านอน พรุ่งนี้เราจะไปดูภูเขาไฟฟูจิ  //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=11-2013&date=24&group=12&gblog=18  คืนนี้ฝันดีครับ

วันนี้เป็นอีกวันที่ประทับใจในการเดินทางแบบ backpack สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามที่เรากำหนด ซึ่งหากมากับทัวร์ทุกอย่างจะเตรียมพร้อมให้เราเสร็จสมบูรณ์ แต่รสชาติของการเดินทางจะขาดเสน่ห์ ขอบคุณประสบการณ์ในการเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งเราไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน คุ้มค่าสำหรับการเดินทางครับ




Create Date : 23 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 9:18:48 น. 0 comments
Counter : 2998 Pageviews.

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.