ญี่ปุ่น... 9 วันที่อยู่ในความทรงจำ (วันที่ 6 ช่วงบ่ายเที่ยว Enkoji Temple - Kiyomizu-dera ใน Kyoto)



วันศุกร์ที่ 15 พ.ย.56

ย้อนดู วันที่ 1 สุวรรณภูมิ-นาริตะ-วัดเมจิ-ชินจูกุ คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 2 Tokyo DisneySea คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 3 ชิมไข่ดำ ล่องเรือ Lake Arshi ที่ Hagone คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 4 Kawagujiko Lake ดูภูเขาไฟฟูจิ-ใบไม้เปลี่ยนสี คลี๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 5 ตลุยเที่ยววัดใน Kyoto คลี๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 6 ช่วงเช้าเที่ยววัด Ginkaku-ji ในKyoto คลี๊กเลย

ช่วงเช้าเราเที่ยววัดGinkaku-ji แล้วกินราเมนมื้อเที่ยงที่หน้าวัด ช่วงบ่ายออกจากร้านอาหารก็เดินไปขึ้นรถ ระหว่างทางก็แวะดูซื้อของฝาก ของกินไปเรื่อยประมาณ 300 ม.







ขนมอะไรไม่รู้ แต่ดูเค้าเรียงของ+ห่อ package สิครับ ใส่ใจในรายละเอียดดีเหลือเกิน





เดินชมกันเพลินเลยครับ แวะเข้าร้านนั้น ชิมขนมร้านนี้ แต่ละร้านน่าเข้าไปเดินดูทุกร้านเลย กว่าจะถึงป้ายรถบัส 300 ม.ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง



























กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถบัสได้ก็บ่ายโมงได้แล้วมั่ง เราข้ามถนนนั่งรถสาย 100 ที่ป้ายเดิมมาลงรถที่ป้าย Shugakuin michi เป้าหมายคือวัดเอ็งโคจิ (Enkoji)

เอาภาพถนนตรงป้าย Shugakuin มาฝากครับ ต้นไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยเลย

















ลงรถได้ก็ข้ามถนนตรงสี่แยก เดินตรงยาวเลยครับ เลาะไปตามทางเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาทางไหนบ้างก็จำไม่ได้แล้ว ทางจะเดินขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ

แล้วก็มาถึงหน้าวัด Enkoji

ป.ล.การเดินทางโดยรถบัสไปตามสถานที่ต่างๆ จากติวเตอร์ตู่ คลี๊กเลย









วัดนี้ เปิดตั้งแต่ 9.00 - 16.30 น. ค่าเข้าชม: 500 เยน 







เข้าไปดูข้างในกันเลยดีกว่า





จากซุ้มประตูวัด เดินเข้าไปประมาณ 50 ม.ก็ จะเจอสวนหินญี่ปุ่น













พอเดินเข้าไป 500 เยนไม่แพงเลยครับ















วัดนี้ไม่มีคำบรรยายครับ สมาชิกโหวตให้วัดนี้เป็นวัดสวยที่สุดประจำทริป (วัดอื่นก็สวย แต่วัดนี้สวยเวอร์กว่าเพื่อน)





ก่อนจะขึ้นพลับพลาไว้นั่งชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี จะมีน้ำไว้ให้ชำระเพื่อให้จิตใจสงบ





เข้าไปในพลับพลาแล้วจะมีพรมแดงให้นั่งชมต้นไม้ จะเห็นอย่างที่เห็นในรูปนั้นแหละครับ นั่งอยู่ได้เป็นวันๆ









วัดนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เป็นวัดที่ทัวร์ไม่มาลง อาจจะเดินทางลำบาก และเป็นวัดเล็กๆเลยทำให้วัดไม่ดูวุ่นวาย เหมาะกับมาพักกาย พักใจ















จริงๆเราอยู่วัดนี้ประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่รู้สึกว่าเราได้เก็บภาพความประทับใจอยู่ในความทรงจำมากกว่ารูปถ่ายเยอะเลย



















ประมาณบ่ายสามโมงเย็น เราก็เดินออกจากวัด เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปจนถึงแยกที่เห็นในภาพแล้วก็เลี้ยวขวาตรงไปตามถนน รูปนี้ตั้งใจถ่ายสี่แยก ปรกติชอบถ่ายป้ายกับทางแยกไว้ดูกันหลง พอดีติดคู่รักจับมือกันเดิน น่ารักดี ขอเอามาลงบล็อกแล้วกัน









เดินมาถึงป้ายรถบัสไม่ต้องข้ามถนน นั่งรถสาย 100 ย้อนมาลงที่ป้าย Kiyomizu-Michi เดินไปวัดค่อนข้างไกล กว่าจะมาถึงป้ายนี้เหลืออีก 530 ม.

สายรถเมลล์ที่ผ่านมี 100,202,206,207 นั่งมาลงที่ป้าย Kiyomizu-Michi แล้วเดินเข้าไปตามทางที่ปูด้วยหินจะเจอร้านค้ามากมายอยู่สองข้างทาง และปลายทางจะเป็นทางเข้าวัด ข้อมูลจากเวป คลี๊กเลย





เดินมาเรื่อยๆ ใกล้ถึงวัดจะมี ทางเดินขึ้นสู่วัดเรียกกันว่า “ถนนสายกาน้ำชา”เนื่องจากในอดีตเคยมีร้านขายถ้วยชาเครื่องปั้นดินเผาเรียงรายตลอดสองข้างทาง ปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ แต่ก็ยังคงหลงเหลือร้านเหล่านี้อยู่บ้างให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศเก่าแก่ ที่หาชมได้ยาก







เรามาถึงวัดประมาณ 16.30 น.









ประวัติ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera) หรือเรียกว่าวัดน้ำใสตั้งอยู่บนเนินเขาฮิงายามา สาเหตุที่เรียกว่า "วัดน้ำใส" ก็เนื่องมาจากมีน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำ 3 สาย ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไหลมาจากเทือกเขา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 788 (สมัยนาระ ประมาณปี พ.ศ.1321) เพื่อถวายแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักต์ หรือสร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น วัดคิโยมิสึถือเป็นเป็นมรดกโลกอันเก่าแก่กว่า 1500 ปี

ข้อมูลจากเวป คลี๊กเลย







จะเห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดกิโมโนมาเดินชมวัดน้ำใสกันมาก









เข้าไปชมข้างในต้องซื้อบัตรก่อนครับ ถ้าใครไม่อยากเข้าก็เดินเล่นข้างหน้าวัดได้ แต่เรามาถึงแล้วขอเข้าไปชมข้างในดีกว่า

ด้านซ้ายจะจำหน่ายบัตร ได้มาแล้วก็เดินเลี้ยวซ้ายไปตามป้าย








มุมนี้จะเห็นวิวเมืองเกียวโตอย่างชัดเจน ผมไปช่วงเย็นกำลังย้อนแสงพอดีเลย









เราเดินไปตามทางจะเข้าตัวอาคารที่มีระเบียงไม้ยื่นออกมา ภายในตัวอาคารจะมีป้ายไว้ให้เขียนขอพรด้วย







มองจากตรงระเบียงจะเห็นต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว





เดินชมไปเรื่อยๆก็วนออกทางขวา จะเห็นมุมนี้ มุมมหาชน





เดินลงมาเรื่อยๆตามทางด้านล่างนักท่องเที่ยวกำลังเข้าคิวดื่มน้ำจากแม่น้ำสามสาย ที่เป็นน้ำซับธรรมชาติไหลลงมาจากยอดเขามานานนับพันปีแล้ว โดยมีความเชื่อว่า

น้ำสายที่ 1 ถ้าใครได้ดื่มจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา
น้ำสายที่ 2 จะสมหวังในความรัก
น้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง

ข้อมูลวัดน้ำใสเยอะมากไม่ใส่รายละเอียดแล้วนะครับ ขอใส่รูปอย่างเดียวแล้วกัน











ต่อคิวไปดื่มน้ำสามสายเสร็จแล้วก็ได้เวลากลับแล้วครับ







เรานั่งรถมาถึงเกียวโต ทาวเวอร์ประมาณสองทุ่มครึ่ง






















มาถึงเราเดินขึ้นไปช๊อปปิ้งบนห้างเกียวโตทาวเวอร์ หาของกินบนห้างนั้นแหละครับ ช่วงเดินลงจากห้างชอบเค้าประดับไฟตรงบันได เค้าจะติดไฟแล้วเปิดเล่นสีเป็นรูปต่างๆ สวยดี

























เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าที่พัก วันนี้ผิดแผนนิดหน่อย ตอนแรกช่วงบ่ายว่าจะไปเที่ยวโอซาก้า แต่ด้วยความสวยของวัดที่เราเที่ยวกันวันนี้ สวยเกินจนยอมตัดโปรแกรมโอซาก้าทิ้ง ไม่เสียดายเลยครับถึงแม้จะไม้ได้ไปโอซาก้า

พรุ่งนี้มีเวลาเที่ยวเกียวโตครึ่งวันเช้า แล้วเดินทางไปนอนเกียวโต //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=12-2013&date=10&group=12&gblog=22





Create Date : 30 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 14 มิถุนายน 2559 17:26:30 น. 0 comments
Counter : 3076 Pageviews.

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
30 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.