ลุยมั่วๆ 2 คน @ KANSAI (วันที่ 3 NARA + KYOTO)

ย้อนดูวันที่ 2  Aquarium KAIYUKAN+OSAKA คลิ๊กเลย

วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.62

220220220 06.30 น. ออกจากโรงแรม APA Hotel Namba Shinsaibashi ใช้เส้นทางเดิม มาลง SUBWAY ประตู 25 วันนี้ไป NARA เราจะใช้บัตร Kansai Thru Pass 3 Day เปิดวันที่ 1 โดยนั่งรถไฟ HANSHIN 378 ไปเที่ยวกัน


 
ลง SUBWAY มาได้ จับป้าย HANSHIN แล้วเดินตามป้ายเลยครับ มีลูกศรบอกตลอดทาง 450 ป้ายนี้เลี้ยวขวาลงบันไดตามลูกศรไป


 
มาถึงทางเข้า เสียบบัตรเข้าไปเลยครับ อย่าลืมดึงบัตรกลับเอามาด้วยละ เพราะต้องใช้อีก 2 วัน ตามป้ายจะมีทั้ง LOCAL และ SEMI-EXP. ให้นั่ง SEMI-EXP.(ป้ายสีเขียว) 377 ไปรอที่ชานชาลาที่ 1 เวลาออก 06.57 น. ทันเที่ยวนี้พอดี 19


 
รถไฟใหม่ดี มาตรงเวลามาก 224 สีแดงสดใสเชียว


 
ภายในตู้ เก้าอี้จะเป็นแถวยาวนั่งหันหน้าเข้าหากันเหมือนบีทีเอสบ้านเรา

ขึ้นต้นทางจะมีที่ว่าง เลือกที่นั่งได้ตามสบาย


 
การเดินทางจาก Osaka-Namba Station นั่งขบวน KINTETSU NARA LINE SEMI-EXP.  for KINTETSUNARA 15 ป้ายลง Kintetsu-Nara Station สุดสายที่สถานี ไม่ต้องกลัวหลง นั่งยาวเลยครับ จากต้นสายลงสุดสาย ประมาณ 45 นาที ก็ถึง NARA 13

ถ้าไม่ง่วงนอน นั่งชมวิวระหว่างทางก็สวยดีเหมือนกัน เหมือนทางจะไต่ระดับขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ




 
ถึงแล้วเสียบบัตรออก ออกได้ทั้ง 2 ประตู จะซ้ายหรือขวาก็ได้ ผมออกทางซ้าย

ใครลากกระเป๋า สัมภาระติดตัวมา ไม่ต้องกังวลที่สถานีมีที่ฝากกระเป๋าให้ด้วย ส่วนห้องน้ำยังคงสะอาดตามมาตรฐานญี่ปุ่น


 
ออกประตูมาได้เลี้ยวขวา 7/11 รอต้อนรับท่านอยู่


 
ถ้าออกประตูขวาจะเป็นถนนคนเดิน มี LAWSON คอยต้อนรับเช่นกัน ทางเดินจะขนานกันไป


 
เดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอก เป้าหมายเช้านี้คือวัดโทไดจิ (Todaiji) 315
 

 
ตอนดูแผนที่ประมาณเกือบ 2 กม.เหมือนจะไกล แต่พอเดินจริงๆ 393393393 เดินเพลินๆมีอะไรให้ชมตลอดทาง แถมอากาศเย็นสบาย 4 องศา ทำให้ไม่รู้สึกไกลเลยครับ


 
มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวตลอด 435435


 
เดินตามป้ายไป


 
ผ่านวัดหรือศาลเจ้าอะไรก็ไม่รู้ ซากุระ ย้อยเต็มต้น อยู่ติดถนนเลย








 
อยู่ตรงนี้ประมาณ 15 นาที ได้เวลาไปต่อ เดินตรงไปจะมีทางลอดอุโมงค์ข้ามถนน จะมีป้ายบอกในอุโมงค์ว่าไปที่ไหนบ้าง ลอดลงไปก็จะเป็นสวนนาราแล้วครับ

มีร้านขายขนมแซมเบ้ไว้ให้น้องกวาง  2828  ราคาจะเท่ากันทุกร้าน แต่ยังไม่ใช่เป้าหมาย เดินต่อไป




 
ใกล้ถึงวัดแล้ว น้องกวาง มารอต้อนรับเต็มเลย




 
ประตูใหญ่จะมีรูปปั้นเป็นเทพหรืออะไรซักอย่างแหละ 7 คอยยืนเฝ้าประตูทั้ง 2 ข้าง






 
ผ่านประตูใหญ่ก็ใกล้ตัววัดแล้วครับ

 
340 วัดโทไดจิ (Todaiji) ความหมายตามตัวอักษรคือ วัดใหญ่แห่งทิศตะวันออก ตั้งอยู่ที่เมืองนารา ภูมิภาคคันไซ ถือเป็นโบราณสถานที่มีความเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและยังถือว่าเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในนาราเลยก็ว่าได้

วัดโทไดจิ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 752 ในช่วงที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้ คือ วิหารไม้หลังใหญ่ ไดบุตสึเดน (大仏殿) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโต (ไดบุตสึ) ว่ากันว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูง 157 ฟุต ความยาว 187 ฟุต แม้ว่าวิหารไม้ที่เห็นในปัจจุบันนี้มีขนาดเพียงแค่ 2 ใน 3 ของวิหารหลังเดิมที่เคยถูกไฟไหม้ไปจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงมีความยิ่งใหญ่จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


 
ถึงวัดแล้ว ผ่านทางเข้าจะมีช่องจำหน่ายบัตรเข้าไปชม 293


 
300300 ค่าเข้าคนละ 600 เยน ถ้ารวมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วย 1,000 เยน 


 
ได้บัตรเข้าชมแล้วครับ ผมซื้อแค่เข้าชมวัดอย่างเดียว 600 เยน 139 บัตร KTP ใช้เป็นส่วนลดไม่ได้ 


 
วัดใหญ่มาก




 
ซากุระเริ่มบาน 80 % แล้ว




 
ได้เวลาเข้าไปชมภายในวิหารไดบุตสึเดน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “ไดบุตสึ” (Daibutsu 大仏) หรือองค์พระไวโรจนะพุทธเจ้า (หมายถึงพระพุทธเจ้าที่มี รัศมีส่องสว่างไปทั่วจักรวาลดุจดังพระอาทิตย์ มีการนับถือกันมากในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น) องค์พระสร้างด้วยบรอนซ์ ประทับอยู่ในปางนั่งขัดสมาธิเพชร แสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระพาหา พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่ามุทรา องค์พระมีความสูง 14.98 เมตร หนักประมาณ 500 ตัน สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 752 นอกจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่ องค์พระไวยโรจนะแล้ว ที่เบื้องขวามีพระอากาศครรภ์โพธิสัตว์(虚空蔵菩薩) และที่เบื้องซ้ายมีพระจินดามณีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (如意輪観音菩薩) ประดิษฐานอยู่เป็นพระอันดับ ทั้ง 2 องค์นี้ เป็นพระพุทธรูปไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ 99
















 
แล้วก็มาถึงเสาซึ่งมีการเจาะรูอยู่ที่โคนเสา ซึ่งอยู่ภายในวิหาร เชื่อกันว่า ถ้าใครสามารถลอดรูเสาต้นนี้ได้คำอธิษฐานจะเป็นจริง 425 ในเนทมีคนบอกว่ารูเสากว้างเท่ากับความกว้างของรูพระนาสิก (รูจมูก) ขององค์ไดบุทสึครับ

ใครจะมาลอดรูเสาขอพรแนะนำมาแต่เช้า ถ้าสายๆ ทัวร์ลงคนจะเยอะมากกก




 
ไม่รู้ให้ทำบุญกระเบื้องหลังคาแบบบ้านเราเปล่า เห็นมีชื่อแกะสลัก อันนี้ไม่แน่ใจเดาล้วนๆ 5




 
223223223 ประมาณ 09.30 น.ได้เวลาไปสวนนาราแล้ว

ทางออกจะอยู่ด้านซ้ายมือ ตอนเช้าเราเข้ามาทางขวา


 
จะมีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับกวางรวมถึงเครื่องรางของขลังเยอะเลย 






 
ออกจากวัดได้เลี้ยวซ้ายจะเจอเสาโทริอิ ไม่รู้วัดอะไรเดินไปเรื่อย


 
ที่จริงเมือง NARA ไม่ได้อยู่ในแผน เพราะไม่ได้ตั้งใจมาดูกวางหรือวัด แต่ที่มาเพราะซากุระล้วนๆ เลยจัดมาครึ่งวันพอ ที่เหลือเป็นของแถม

ข้อมูลเมืองนารา สำหรับผมน้อยมากไม่ได้หาข้อมูลมาเลย รู้แค่ว่าเป็นจุดหนึ่งที่ต้องมาดูซากุระเท่านั้นเอง 


 
ตัดสินใจถูก ต้นซากุระเยอะมาก แม้จะบานแค่ 80% ก็สวยคุ้มค่ากับการเดินทางมาชม

แค่จุดนี้ก็สวยละลายแล้ว 20










 
เดินออกมาทางสวน เป็นลานกว้างมีน้องกวางเต็มไปหมด






 
น้องกวางถึงจะน่ารักแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมาย 20

อย่าน้อยใจน๊า ลาเมืองนาราด้วยน้องกวางแล้วกัน ชอบก้นตัวนี้ รูปหัวใจ




 
เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานีเดิม 

ผ่านป้ายรถเมล์เมืองนารา ป้ายเก๋ เชียว 367367367






 
เดินเพลินๆมาถึงสถานีรถไฟ Kintetsu-Nara ของ HANSHIN แล้ว (สถานีเดียวกับตอนเช้าที่เรามา) ซ้ายมือจะเป็นถนนช้อปปิ้ง ขอแวะหน่อย 48










 
ถนนช้อปปิ้ง 49 ไม่ยาวเท่าไหร่แต่มีร้านขายของน่ารักๆให้เลือกเยอะ เดินจนทะลุมาอีกถนน เลี้ยวซ้ายเห็นคนมุงกันเยอะเลย 


 
เข้าไปดูใกล้ๆ เป็นร้านขายขนมโมจิเจ้าดังนั้นเอง เดี๋ยวค่อยเข้ามาดู

ใกล้ๆมีร้าน Family Mart ขอฝากท้องไว้ที่นี่แล้วกัน มีที่นั่งให้กินด้วย 272271277




 
พอประทังท้องได้ มาดูเข้าทำแป้งโมจิกันดีกว่า


 
โชว์นวดแป้งประมาณ 1 นาที นวดเร็วมาก ถ่ายคลิปมาให้ดูด้วยครับ 5
 


ลองชิม 1 ชิ้น แป้งนุ่มมาก ไส้ถั่วแดงก็หอม แนะนำๆ 269




 
ราคาตามป้ายเลยครับ ชิ้นละ 130 เยน มีทั้งขายแบบชิ้นและแบบกล่อง 153




 
ประมาณ 11.00 น. 225 เดินกลับมาขึ้นรถไฟ ถึงหน้าสถานี Kintetsu-Nara มีรูปปั้นไม่รู้ว่าเป็นใครอ่ะ


 
เป้าหมายต่อไป ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ใช้บัตร KTP ขึ้นได้เลย

นั่งขบวน Kintetsu-Kyoto Line 358 วิ่งฉ่ำไปเรื่อยๆ 9 ป้าย มาลง Takeda แง่ววว ที่จริงต้องลงสถานี FUSHIMI แต่ไม่เห็นจอดหรือผมนั่งผิดขบวน ช่างมัน ลงก่อน 15


 
ออกประตู K 15 จะเจอป้ายรถเมล์


 
ดูแผนที่ก่อน มีสาย 105 ผ่าน 377 นั่งรอสิครับ


 
นั่งรอซักพัก 105 มาจอดที่ป้าย ดูสัญลักษณ์ แม่มด ใช้บัตร KTP ขึ้นได้ฟรี

เดินขึ้นประตูตรงกลาง ไม่เห็นเครื่องแตะบัตรอะไรทั้งนั้น ขึ้นไปหาที่นั่งได้เลย


 
หน้าตารถจะประมาณนี้ แต่ไม่ใช่คันที่ผมนั่งมา 377


 
นั่งมา 6 ป้าย ประมาณ 10 นาที ลงป้ายรถเมล์ Inari taisha-mae Bus Stop

บนรถเมล์ข้างหน้าจะมีป้ายไฟวิ่งบอกแต่ละป้ายว่าถึงไหนบ้าง


 
ถึง Inaritaishamae Bus Stop จะตีเส้นชัดเจน ใครจะไปไหน ขึ้นรถเมล์สายอะไร ยืนรอตามลูกศรได้เลย เมืองไทยจะทำแบบนี้ได้ไหม


 
ลงมางงๆนิดหน่อย แต่เห็นนักท่องเที่ยว ทัวร์ถือธง สบายใจแล้ว เดินตามไปได้เลย ไม่หลงแน่ 8

จากป้ายรถเมล์ จะเห็นป้าย Infromation อยู่ฝั่งตรงกันข้าม เดินข้ามทางม้าลาย


 
เดินตรงต่อไป จะผ่านสถานี KEIHAN


 
ข้ามทางรถไฟ เดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง นักท่องเที่ยวเดินกันเยอะมาก


 
เห็นเสาโทริอิ ใกล้ถึงแล้ว


 
ผ่านเสาโทริอิ มาได้ระวังกระเป๋าให้ดี มีร้านอาหารพร้อมจะกระชากตังค์ออกกระเป๋าเราโดยไม่รู้ตัว 555 9

หมายถึง ร้านอาหาร+ร้านค้า ที่ทำของน่ารักและอยากกิน เราห้ามใจไม่ไหวต้องควักตังค์ซื้อ โดนเจ้าแรกทาโกยากิ ไม่รอด ร้านนี้อร่อยกว่ากินที่ร้านดงทงโบริเมื่อคืนอีก 555 260259






 
ของน่ารักๆ ก็เยอะ 185183180185




 
ขนมไทยากิ ไส้ถั่วแดง ไม่ได้ลองชิม แต่ดูน่ากินดี 280


 
น่ากินทั้งนั้น




 
มันทอดร้อนๆ กินช่วงอากาศ 6 องศา ฟินสุดๆ 7




 
ทางก็ไม่ไกล แต่กว่าจะเดินถึง ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเยอะนะครับ แต่ร้านมันน่ากินทั้งนั้น หอมไปหมด


 
เนื้อร้านนี้ควันฉุยเลย หอมมากกก จัดมา 1 ไม้ เนื้อนุ่มจัง รสชาติดีเลยอ่ะ 






 
ไส้กรอก ยาวมาก เสียดายไม่ได้ชิมแต่ดูน่ากินดี


 
หมู B.B.Q. ร้านนี้ก็อร่อย 19




 
ขนมดังโงะ ไม่ได้ชิม


 
หมดเวลากับทางเดินเข้าตรงนี้ ครึ่งชั่วโมง ได้เวลาขึ้นไปชมเสาโทริอิแล้วครับ

สุดถนนเลี้ยวซ้ายก็ถึงศาลเจ้า




 
ดูแผนผังกันก่อน


 
ไม่เสียค่าเข้าชมศาลเจ้า นอกจากอยากจะทำบุญแล้วแต่ศรัทธา










 
ศาลเจ้า Fushimi Inari มีชื่อเสียงมากสำหรับประตู Senbon-Torii แต่ยังเป็นที่รู้จักในหมู่สุนัขจิ้งจอก Inari เมื่อเดินผ่านสถานที่ของศาลเจ้าคุณจะเห็นรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกหลายรูปแบบ จิ้งจอกเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ messenger ของพระเจ้า Inari (ข้าว) และอาหารที่พวกเขาโปรดปรานเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Abura-age ซึ่งเป็นเต้าหู้ทอด ต่อมามีคนมากับซูชิที่ใช้ Abura-age และเนื่องจากเป็นที่ชื่นชอบของสุนัขจิ้งจอกพวกเขาจึงตั้งชื่อว่า Inari sushi 


 
หลังจากนั้นเริ่มเข้าสู่เสาโทริอิ ที่เต็มไปด้วยฝูงชนนักท่องเที่ยว 

เสาโทริอิ ต้นใหญ่ 440






 
ด่านแรกคนเยอะจริงๆ เข้าสู่ด่านที่ 2




 
จะมีแผ่นไม้ให้เขียนคำอธิษฐานเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกเพราะเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกคือผู้ส่งสารของเทพเจ้า 443

ด้านหลังให้เขียนคำอธิษฐาน ส่วนด้านหน้ามีคิ้วให้ ที่เหลือจะวาดอะไรลงไปก็แล้วแต่เราเลยครับ


 
อธิษฐานเสร็จแล้ว ลองเดินไปยกหินวิเศษกันดู เป็นหินที่เค้าว่ากันว่า ถ้าใครยกขึ้นคำอธิษฐานจะเป็นจริงล่ะ จะอยู่มุมในด้านขวามือ


 
อธิฐานเสร็จเดินเข้าไปถ่ายรูปกัน


 
เห็นคนอื่นเค้าถ่ายกันแบบไม่มีคน เค้ามาเที่ยวกันวันไหนอ่ะ ทำไมของผมคนเต็มตลอด 999






















 
218218 17.00 น.ได้เวลาไปย่าน Gion

ดูแผนที่ก่อน


 
กลับทางเก่า ออกจากวัดเลี้ยวขวาเดินตรงไปจนถึงทางรถไฟ ทางขวามือเป็นสถานี Fushimi-Inari Station

มีสองฝั่ง ข้ามทางรถไฟไปขึ้นอีกฝั่งครับ ตอนแรกผมไม่ได้ข้ามขึ้นฝั่งนี้เลย นั่งไป 2 สถานีต้องลงมาแล้วนั่งย้อนกลับ 9

ตอนแรกผมขึ้นฝั่งนี้ครับ (ยังไม่ได้ข้ามทางรถไฟ) ไปคนละทางที่ไป Gion




 
นั่งขบวน Keihan Main Line ชานชาลาที่ 1 (ต้องข้ามทางรถไฟไปก่อน) นั่งไป 5 ป้าย ลงสถานี Gion-Shijo Station


 
ออกประตู 7 จากสถานี Gion-Shijo Station เดินตรงยาวประมาณ 500 ม.ก็มาถึงศาลเจ้ายาซากะ (八坂神社, Yasaka Jinja) (ผ่านถนน Hanamikoji Dori เดี๋ยวค่อยกลับมาเดินเล่น)


 
ชมสวนข้างๆก่อน ซากุระบานเต็มต้นแล้ว










 
เข้าไปชมศาลเจ้ายาซากะกัน






 
เดินกลับมาถนน Hanamikoji Dori อยู่ตรงกันข้ามกับร้านกระดาษหน้าขาว


 
ได้ของมานิดหน่อย แต่ราคาไม่นิดหน่อยเลย 8


 
เข้าไปเดินที่ถนน Hanamikoji Dori กันครับ

ถนน Hanamikoji Dori เป็นย่านเก่าแก่ อาคารบ้านเรือนร้านค้าแต่ละหลังจะยังคงความเป็นบ้านเก่าสไตล์มาชิยะ (Machiya) ซึ่งให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม














 
มาที่นี่ตั้งใจมาดู ไมโกะกับเกอิชา ช่วงค่ำๆหน่อยถึงจะมีโอกาสเจอ แต่วันที่ผมไปฝนตกปรอยๆ เลยกลับไปเดินเล่นแถวโรงแรมดีกว่า

เดินกลับมาที่ Gion-Shijo Station (ออกจากถนน Hanamikoji Dori เลี้ยวซ้ายเดินตรงยาวไปเลยครับ สถานีจะอยู่ติดแม่น้ำ ไม่ต้องข้ามฝั่ง) นั่งขบวน Keihan Main Line ชานชาลาที่ 2 นั่งไป 9 ป้ายประมาณ 1 ชั่วโมง


ลงสถานี Yodoyabashi เดินเปลี่ยนขบวนเป็น Midosuji Line นั่งไป 3 ป้ายลงสถานี Namba เดินออกประตู 25 เอาของไปเก็บที่โรงแรม แล้วลงมาหาอะไรกินแถวดงทงโบริต่อ 20












ตั้งใจกินราเมงอิชิรัน (ราเมงข้อสอบ เห็นคิวแล้วถอยดีกว่า เปลี่ยนมากินราเมงมังกรก็ได้ คิวไม่นาน) 19


 
มี 2 ราคา ชามใหญ่ 900 เยน ชามธรรมดา 600 เยน หยอดเหรียญ กดบัตรจ่ายตังค์ได้เลย จะให้ใบเสร็จมา


 
ได้ใบเสร็จแล้วไปยื่นให้ที่เค้าเตอร์ เค้าจะให้บัตรคิวมา ได้คิวที่ 11


 
ยื่นใบเสร็จตรงนี้ เวลามารับราเมงก็มารับตรงนี้ จะใส่เครื่องอะไรก็เติมตรงนี้เหมือนกัน

พวกผักดอง กระเทียม ตักไปกินได้เลย คิดรวมในราเมงแล้ว


 
ด้านหลังจะหุงข้าวไว้ให้ ตักไปกินกับผักดองได้เหมือนกัน


 
ตักมากินรองท้อง น้ำเปล่าฟรี


 
รอไม่นาน ถึงคิวก็เดินไปรับที่เค้าเตอร์

ชามใหญ่ 900 เยน ให้หมูเยอะมาก 273


 
ชามธรรมดา 600 เยน 274 รสชาติ เส้นเท่ากับชามใหญ่ ต่างกันตรงหมูให้น้อยกว่าเห็นๆ 18

ไม่รู้ว่าอร่อยหรือหิว กินหมดชามเลย 18


 
เพิ่ง 3 ทุ่มกว่าๆ เดินย่อยตรงถนนเส้นนี้ อยู่แถวๆดงทงโบรินั้นแหละ


 
ได้รองเท้ามาคู่ เมื่อวานไปดูที่สาขาโยโดบาชิ แต่ไม่มีเบอร์ สาขานี้มีเลยจัดไป 1 คู่ 4040






 
สบายใจ กลับโรงแรม APA Hotel Namba Shinsaibashi เข้าห้องนอนได้หลับสนิท 5 พรุ่งนี้ไป WAKAYAMA กันครับ คลิ๊กเลย

453453453โรงแรมทำความสะอาดห้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เก็บถังขยะ ให้มีดโกนหนวด ให้น้ำดื่ม 2 ขวดทุกวัน ดีงามมาก 10
 
468 ค่าใช้จ่ายวันนี้ 
175 ค่าเข้าวัด 1,200 เยน (คนละ 600 )
175 ค่าขนมโมจิ 130 เยน (1 ชิ้น)
175 ร้าน Family Mart  909 เยน
175 ทาโกยากิ 500 เยน (6 ลูก)
175 มันทอด 400 เยน (1 กป.เล็ก)
175 เนื้อย่าง 500 เยน (1 ไม้)
175 หมู B.B.Q. 500 เยน (1 ไม้)
175 กระดาษซับมันร้านหน้าขาว 2,400 เยน
175 ราเมงมังกร 1,500 เยน
175 รองเท้าไนกี้ ห้าง ABC-MART 9,828 เยน
สรุป ค่าใช้จ่ายวันนี้ 17,837 เยน
 

468 วันนี้ใช้บัตร Kansai Thru Pass 3 Day ราคา 5,200 เยน วันที่ 1 ใช้ขึ้นรถไฟ+ขึ้นรถบัส ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สรุป ถ้าซื้อเป็นเที่ยววันนี้ จ่ายทั้งหมด 2,210 เยน เหลืออีก 2 วัน 
       

356 จากสถานี Osaka-Namba Station – สถานี Kintetsu-Nara Station ค่าโดยสาร 560 เยน
356 จากสถานี Kintetsu-Nara – สถานี Takeda 1 ต่อ 620 เยน
356 จากป้ายรถเมล์ Takeda Sta. (Higashiguchi) – ป้ายรถเมล์ Inaritaishamae Bus Stop 230 เยน
356 จากสถานี Fushimi-Inari Station - สถานี Gion-Shijo Station 1 ต่อ 210 เยน
356 จากสถานี Gion-Shijo  - สถานี Namba 2 ต่อ 590 เยน


 


Create Date : 08 เมษายน 2562
Last Update : 23 มกราคม 2567 15:49:07 น. 0 comments
Counter : 2643 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
 
เมษายน 2562
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 เมษายน 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.