ญี่ปุ่น... 9 วันที่อยู่ในความทรงจำ (วันที่ 5 ตลุยเที่ยววัดในKyoto)



วันพฤหัสที่ 14 พ.ย.56

ย้อนดู วันที่ 1 สุวรรณภูมิ-นาริตะ-วัดเมจิ-ชินจูกุ คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 2 Tokyo DisneySea คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 3 ชิมไข่ดำ ล่องเรือ Lake Arshi ที่ Hagone คลิ๊กเลย
ย้อนดู วันที่ 4 Kawagujiko Lake ดูภูเขาไฟฟูจิ-ใบไม้เปลี่ยนสี คลี๊กเลย

เมื่อคืนนอนที่โรงแรม Yaezakura ใกล้สถานีโตเกียว เดินแค่ 5 นาทีก็ถึงที่พักแล้ว แต่เมื่อคืนกว่าจะมาถึงก็ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เลยไม่มีเวลาถ่ายรูปโรงแรมมาฝาก ใครสนใจก็เสิร์ทดูในเนทเอาเองแล้วกันครับ

เช้านี้เวลา 07.30 น.นั่งรถไฟ shinkansen เที่ยว Hikari 461 ที่โตเกียวไปลงเกียวโตเวลา 09.48 น. วิ่งตรงเวลามาก รถไฟที่ญี่ปุ่น เราสามารถคำนวนเวลาการเดินทางในการท่องเที่ยวได้สบายๆ

















ถึงสถานีเกียวโต ก็ออกประตู central เดินไปที่โรงแรม New Miyako Kyoto เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมก่อน (เราจองโรงแรมนี้ 2 คืน เพราะแถมตั๋วรถไฟชินคันเซนให้ทั้งไป-กลับ) ที่พักสะดวกมากออกจากสถานีเดินข้ามถนนก็ถึงโรงแรมเลยครับ (ถ้าออกทาง West Exit จะเป็นฝั่งของสถานีรถบัสและKyoto Tower)

ทางโรงแรมมีแจกแผนที่การท่องเที่ยวในเกียวโต ได้แล้วก็ลุยโลด





ได้แผนที่แล้วก็เดินไปยังKyoto Tower พวกเราเพิ่งมากันครั้งแรกเลยยังไม่ค่อยรู้ทางกันมาก่อนเราเดินอ้อมสถานีเกียวโต (มารู้ที่หลังว่าแค่เดินเข้าสถานีเกียวโตแล้วออกอีกฝั่งก็ถึงเกียวโต ทาวเวอร์)

ระหว่างทางก็เดินชมบ้านเมืองเค้าไปเพลินๆ



















วันนี้โปรแกรมเปลี่ยนแผนไปหมด เนี่องจากวัดแรกที่ตั้งใจไป อยู่ไกลแถมหิมะตก ขึ้นไปถาม tourist Information แนะนำให้ไปเที่ยวแถว อะราชิมายะ (Arashimaya) ตามนั้นครับ

ป.ล. tourist Information จะอยู่ชั้น 2 ในสถานีรถไฟ ไว้บริการนักท่องเที่ยวโดยตรง ข้อมูลเดินทางรถประจำทางในเกียวโต คลิ๊กเลย





การเดินทางเรานั่งรถไฟสายซากาโน่ (Sagano Line) ที่สถานีรถไฟเกียวโตมาลงSaga- Arashimaya sta. เราเดินออกทางซ้ายตรงไปจะเจอวัดเทนริวจิ (Tenryuji) เขาไปดูหน่อยใบเมเปิ้ลกำลังแดงเลย แต่เราไม่ได้เดินเข้าไปดูสวน Sougenchi Teien 

































วันนี้อากาศกำลังดี ยังไม่ถึงกับหนาวมาก ประมาณ 12 องศา ออกจากวัดก็เลี้ยวขวาเดินตามฟุตบาตไป นักท่องเที่ยวจะเดินกันเยอะ เดินตามๆกันไป ระหว่างทางจะมีร้านอาหาร-ร้านขายของที่ระลึกตามสองข้างทางตลอด รับรองไม่หลง

ระหว่างทางเจอรถขายมันปิ้ง เดินกินมันปิ้งร้อนๆกับอากาศเย็นๆมันช่างวิเศษจัง







เดินตรงไปเรื่อยก็จะถึง Togetsukyo Bridge หรือสะพานข้ามจันทร์ เป็นสะพานที่เป็นสัญลักษณ์ของ Arashiyama โดยตั้งชื่อจากคำพูดของจักรพรรดิ Kameyama (1260-1274) ว่า “เปรียบดั่งข้ามดวงจันทร์ที่ไร้เงามืด

ขอบคุณข้อมูลจากกระทู้ login คุณ blueschizont เวปพันทิบ คลี๊กเลย







เรามาถึงสะพานข้ามจันทร์ ก็เดินข้ามสะพานไปยังอีกฝั่ง



















ถ่ายรูปนิดหน่อยเราก็เดินกลับ รูปนี้ถ่ายตรงกลางสะพานจะเห็นมีเรือไว้บริการให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมบรรยากาศภายในแม่น้ำด้วยครับ





เดินข้ามสะพานเพื่อไปหาของกิน ระหว่างทางเราจะเห็น รถลาก ตลอดทาง ใครอยากนั่งก็ลองติดต่อกันเอาเองครับ

















เราเดินกลับมาเรื่อยๆก็มาถึงสถานีรถไฟเจอกับโคมไฟใส่ลายผ้ากิโมโนเรียงรอบสถานี 

















แวะซื้อขนมกิน อร่อยดี









ประมาณเกือบบ่ายสองได้เวลามื้อเที่ยง เดินมาเจอร้านนี้ขายพิซซ่าญี่ปุ่น โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)





เข้าไปในร้านก็จะมีกระทะแบนอยู่กลางโต๊ะ (ตามรูป) แล้วเราก็สั่งมีหลายหน้า ตามเมนู เราสั่งไปสี่อย่าง พิซซ่า 3 อย่างอย่างละหน้ากับยากิโซบะอีก 1 กระทะ







วิธีทำ กุ๊กจะ ผสมแป้งเค้ก น้ำสต็อค ผงฟู เครื่องปรุง คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจากนั้น ซอยกะหล่ำ ต้นหอมญี่ปุ่น หนวดปลาหมึก+หมู+เนื้อ(แล้วแต่เราจะเลือก) ใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วย ซอยหนวดปลาหมึก แกะกุ้ง และไข่ ลงไปคลุกให้เข้ากัน นำไปทอดในกระทะแบน เสร็จแล้วจะมาสิร์ฟให้ในกระทะโต๊ะเรา







จากนั้น แต่งหน้าด้วย ปลาหมึกฝอย แล้วให้เราใส่ซอสญี่ปุ่น มายองเนสเอาเอง มากน้อยใส่กันเต็มที่ ชอบตอนใส่ปลาหมึกฝอย เวลาโดนความร้อนมันหดตัวเหมือนมันมีชิวิต ดุ๊กดิ๊กๆ น่ากินดี











เสร็จแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้ พร้อมแล้วลุย...







อิ่มเสร็จก็ออกเดินไปเที่ยวโซน Sagano เดินไปเรื่อยๆ ผ่านSeiryo-ji Temple (Shaka-do) วัดนี้เดินเข้าไปชมแค่ข้างในด้านหน้าประมาณ 10 นาที อยู่ไม่นาน เพราะเริ่มเย็นแล้ว เป้าหมายเราอยู่ที่ วัดไดคาคูจิ(Daikakuji)

เอาข้อมูลวัด Seiryo-ji Temple มาฝากแล้วกัน คลี๊กเลย













ระหว่างเดินไปยังวัดไดคาคูจิ เจอร้านขายเต้าหูทอด เป็นร้านเล็กๆ แต่เห็นชาวบ้านญี่ปุ่นมาซื้อกันเยอะ ลองซื้อมาชิมดู ไม่ได้กระแดะหรือเวอร์อะไรนะครับ อันนี้อร่อยของจริง ทอดกรอบ นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ทอดเสร็จร้อนๆแล้วราดซอสอะไรซักอย่าง ชอบมาก







ออกจากร้านเต้าหูก็เดินมาถึงสี่แยก เจอป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปวัดอีก 400 ม.เดินตามไปไม่หลงแน่





ผ่านบ้านเรือน ปลูกต้นไม้ร่มรื่นดี









แล้วก็มาถึงวัดไดคาคูจิประมาณสี่โมงเย็น ถ้าเดินจากสะพานข้ามจันทร์มาถึงวัดไดคาคูจิ น่าจะประมาณเกือบ 10 ก.ม.ได้ รู้ว่าเดินไกลเหมือนกัน แต่ไม่รู้สึกเมื่อย ได้เดินชมบ้านเมือง ถนนหนทาง บวกกับอากาศเย็นๆทำให้รู้สึกว่าไม่ไกล ถ้าใครมีเวลาหรือขยันลองเดินชมบรรยากาศบ้านเมืองเค้าดู จะได้อารมณ์ไปอีกแบบ





วัดปิดห้าโมงเย็น เสียค่าเข้าชมคนละ 800 เยน เรามีเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเอง เอาไหนๆมาถึงแล้ว ขอเข้าไปชมแล้วกัน





แค่ด้านหน้าก็สวยแล้วครับ มีดอกไม้ ต้นบอนไซ ดูแล้วสบายตาจัง

















เข้าไปชมภายในวัดต้องถอดรองเท้าเข้าไป ตัววัดจะเป็นไม้ทั้งหลังแต่ละหลังไม่ใหญ่มาก มีทางเดินทำด้วยไม้เชื่อมไปยังอาคารแต่ละจุด ถ้าตั้งใจดูแต่ละจุดมีที่ให้น่าสนใจอยากรู้ที่มาจังเลย ที่สำคัญชอบมาก ทัวร์ไม่มาลง มีแต่นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจไปจริงๆทำให้เราได้มีโอกาสซึมซับไปกับสถานที่นั้น





ภาพนี้น่าจะเป็นเหมือนเสลี่ยงบ้านเรา ไว้ให้สำหรับเจ้านายใช้เป็นภาหนะเวลาเดินทาง (เดาเอาล้วนๆ)

ปล.ภาพด้านหลังน่าจะเป็นภาพเขียน Fusuma ที่มีชื่อเสียงในยุค Momoyama 





ประวัติวัด daikakuji มาฝากนิดหน่อย เดิมเป็นพระราชวังเอกเทศของจักรพรรดิ saga พอมาถึงปี ค.ศ. 876 จักรพรรดิ saga จึงโปรดให้เปลี่ยนเป็นวัดในศานาพุทธ นิกายชินโต เพื่อแสดงถึงความเลื่อมใสของพระองค์ต่อคำสอนในศาสนา และต่อผู้ก่อตั้งลัทธิชินโต St. Kobo Daishi



























สวนหินก็สวยแต่ไม่ได้ถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูป รูปนี้ถ่ายจากมือถือ









ห้าโมงเย็นได้เวลากลับแล้ว ขอมุมฮิตสาวๆก่อนกลับ









เดินกลับมาขึ้นรถไฟสายเดิมลงที่เกียวโตมาถึงประมาณ 18.00 น.แต่เรายังไม่เข้าที่พัก ขอเที่ยวต่อ เราเดินออกทางฝั่งโตเกียวทาวเวอร์ กำลังเปิดไฟ พร้อมน้ำพุเต้นระบำ ช่วงรอรถก็ถ่ายรูปไปพรางๆก่อน

















เรามาต่อรถที่สถานีรถบัส สาย 100 ไปลงที่ ป้าย Chion-in-mae เที่ยววัด Chion-in แล้วข้ามถนนเดินตรงไปตามถนนเรียบคลองประมาณ 300 ม.ก็ถึงวัด เราได้แต่ถ่ายรูปข้างหน้า แต่ไม่ได้เดินเข้าไปชม แค่เห็นข้างหน้าก็รู้สึกถึงยิ่งใหญ่แล้วครับ

San-mon (main gate) สูง 24 เมตร เป็นหนึ่งในประตูไม้ของวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น













หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นอยู่ในบริเวณโซนฮิกาชิยามา (Higashi-Yama) แล้วก็นั่งรถกลับ ขากลับผ่านวัดอะไรก็ไม่รู้ สวยดี เสียดายไม่ได้แวะ




มาถึงสถานีรถบัสเกียวโต ประมาณสองทุ่มแวะกินข้าวมื้อเย็นบนห้างแถวนั้น









อิ่มเสร็จก็เดินกลับถึงโรงแรมประมาณสี่ทุ่ม เข้าไปห้องกว้างมาก อุปกรณ์ให้พร้อม อยากนอนแต่ขอถ่ายรูปห้องก่อนใช้มือถือถ่ายรูปเสร็จก็อาบน้ำนอน





วันนี้เราเที่ยวกันคุ้ม เดินกันเยอะมาก เมืองเกียวโตมีสถานที่สวยๆเยอะสมกับเป็นเมืองเก่าของญี่ปุ่น ที่ชอบคือได้เดินดูบรรยากาศบ้านเรือน ได้เห็นความเป็นระเบียบ เคารพสิทธิของตัวเองและคนอื่น ชอบความปลูกฝั่งความมีวินัยในคนของประเทศเค้า ทุกอย่างเข้าคิว บันไดเลื่อนขึ้นไปชิดซ้ายเพื่อให้คนที่รีบได้เดินแซงทางขวา ขยะบ้านเค้าแยกประเภท ถุงขยะมัดปากถุงแล้วใช้สก๊อตเทปปิดอย่างหนาแน่น การเคารพกฏจารจร โดนเด็กญี่ปุ่นเตือนช่วงข้ามถนนตอนที่เราไม่ได้ข้ามทางม้าลาย รู้สึกอายเหมือนกัน ด้วยการปลูกฝั่งและวัฒนธรรมที่ต่างกับบ้านเรา ไม่แปลกใจทำไมญี่ปุ่นถึงได้เจริญ ถึงแม้บ้านเราคุณภาพชีวิตไม่ได้ถึงครึ่งบ้านเค้า แต่ผมพูดได้เต็มปากไม่มีที่ไหนจะมีความสุขเท่ากับอยู่บ้านเรา บ้านที่เราเกิด

พรุ่งนี้เรายังอยู่เที่เกียวโตอีกวัน ตามโปรแกรมพรุ่งนี้เที่ยวเกียวโตครั้งวันเช้า ช่วงบ่ายเที่ยวโอซาก้า รอตามไปเที่ยวด้วยกันนะครับ  //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nongmalakor&month=29-11-2013&group=12&gblog=20





Create Date : 27 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 17:10:22 น. 0 comments
Counter : 3032 Pageviews.

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.