เกาหลีใต้ 3 วัน 5 คืน (วันที่ 3 ซอรัคซาน-วัดวาวูจองซา-สวนสนุกเอเวอร์แลน)



ย้อนดูวันที่ 1-2  สุวรรณภูมิ - เกาะนามิ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nongmalakor&month=24-07-2012&group=12&gblog=12

วันศุกร์ที่ 1 มิ.ย.55

เมื่อคืนเรานอนที่ซอรัคซาน บรรยากาศยามเช้าจากห้องพัก โรงแรมใหญ่มาก วิวสวยสุดๆ เจอภูเขาเขียวๆแล้วสดชื่นจัง











เวลา 07.00 น.เรากินอาหารเช้าที่โรงแรมแต่อยู่กันคนละตึก ต้องเดินไปอีกตึกนึง อาหารเป็นบุฟเฟ่ หลากหลายดี อร่อยๆทั้งนั้นเลย กินหมดแว๊ววว เพิ่งนึกขึ้นได้ เลยอย่างที่เห็นนะ แหะๆ





หลังจากอิ่มเสร็จก็เก็บของลงมารอที่หน้าโรงแรม ระหว่างรอภายในโรงแรมจะมี Shop เล็กๆไว้บริการลูกค้าด้วย









บรรยากาศหน้าโรงแรม 















รถมารอแล้ว





เวลา 08.00 น.ล้อหมุน จากที่พักไปยังซอรัคซานประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ





จากที่จอดรถไปยังประตูทางเข้าจะมีร้านขายของข้างทาง







เดินมานิดเดียวจะเป็นทางเข้าครับ ต้องซื้อบัตรผ่านเข้าไปก่อน (ไม่ทราบราคาค่าเข้า ทัวร์จัดให้)







ผ่านประตูเข้าไปได้ เจอบรรยากาศร่มรื่นมาก









อากาศเย็นสบาย ไกด์บอกว่าถ้าเป็นหน้าหนาว บริเวณนี้จะเป็นหิมะขาวโพลนไปหมดทั้งลาน














เดินไปเรื่อยๆก็จะเข้าวัดชินฮึงซา ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุกว่า 4,000 ปีสร้างขึ้นสมัยชิลล่า ตั้งอยู่ที่โซคังวอน วัดแห่งนี้เป็นวัดหลักที่สำคัญในประวัติศาสตร์ในปี 1971 ค้นพบโดยนักบวชจาซาง ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อวัดนี้ด้วย ภายในวัดมีศาลาวัดและกุฏิที่สร้างตามรูปแบบของเกาหลี พร้อมทั้งสะพานชำระจิตใจ ในบริเวณวัดกว้างขวางมีภาพผนังประตูทางเข้าทั้งสองด้านเป็นรูปยักษ์หลายตนที่คอยเฝ้าดูแลรักษาบริเวณวัดประตูวัดมีคำจารึกไว้ว่า ภูเขาส่งความสุข





















เดินผ่านประตูวัด ตรงไปก็จะเจอพระพุทธรูปองค์ใหญ่ครับ









จะมีกระเบื้องให้ทำบุญด้วย คนไทยไปเที่ยวกันเยุอะ สังเกตุจากกระเบื้องจะมีเขียนภาษาไทยกันเยอะมาก





เดินมาถึงตรงนี้ไกด์ก็ปล่อยให้เราเดินเล่นประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็เดินกลับ









ขากลับก่อนถึงประตูทางออก (ประตูเดียวกับทางเข้า) จะมีร้านอาหารไว้จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวด้วย ผมไม่ได้อุดหนุนอ่ะ











อากาศกำลังดี เดินชมธรรมชาติเพลินเลยครับ











หลังจากเดินชมธรรมชาติเสร็จเรากลับไปที่ลานจอดรถ



















ประมาณ 10.30 น.ก็ออกเดินทางไปวัดวาวูจองซา

จากซอรัคซานมาวัดวาวูจองซา ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่าๆครับ  ประมาณเที่ยงก็แวะกินข้าวระหว่างทางก่อน จะเหมือนเป็นจุดพักรถระหว่างทาง มีขายของกินและของฝากเยอะเลย











มื้อนี้เป็น ชาบู ชาบู ถ่ายรูปไม่ทัน มานึกได้ตอนอิ่ม แต่อยากบอกว่าอร่อยอีกแล้ว เติมไม่อั้นทุกอย่างเหมือนเดิม เครื่องเคียงก็เพียบ







อิ่มเสร็จก็เดินทางไปวัด ประมาณชั่วโมงก็ถึงวัดวาวูจองซาแล้ว

วัดวาวูจองซา Waujeongsa Temple

ตั้งอยู่ในเมืองยงอิน จังหวัดคยองกีโด เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางภูเขา ทำให้ได้เห็นวิวธรรมชาติได้ที่ล้อมรอบ อย่างสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมอีกที่หนึ่งเลย เมื่อเข้าไปยังไม่ทันถึงตัววัดก็จะเห็นเศียรพระพุทธรูปไม้สลักขนาดใหญ่มากสีทองอร่าม ดูโด่ดเด่นมาแต่ไกล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของวัดนี้ เศียรพระพุทธรูปนี้มีความสูงถึง 8 เมตร วางตั้งอยู่บนกองหินขนาดใหญ่

ข้อมูลจากเวป //www.letgokorea.com/korea-tourist/waujeongsa-temple.html



บ่ายสองก็มาถึงวัด รถจอดตรงลาน ตรงกันข้ามก็เป็นห้องน้ำ ทุกที่มีป้ายภาษาไทยตลอดเลยครับ




หลังจากนั้นไกด์ก็อธิบายว่าจุดสำคัญๆ อยู่ตรงไหนแล้วก็ปล่อยให้ลูกทัวร์เดินชมบรรยากาศเอง หรือใครจะเดิมตามไกด์ก็ได้ ผมก็เดินขึ้นเนินเขาไปไหว้พระนอนขนาดใหญ่ก่อน

ทางขึ้นไปพระนอนใหญ่









เดินพอหอบเล็กน้อยก็มาถึงพระนอน ไกด์อธิบายว่าใครไม่สบาย ให้มาขอพรท่านได้ พระองค์นี้จะช่วยเรื่องสุขภาพหรือถ้าใครไม่ได้มา เราจะอธิฐานให้กับญาติที่เจ็บไข้ให้หายได้ ไกด์บอกว่าคนเกาหลีมาอธิฐานกันเยอะมาก (ข้อมูลมาจากไกด์ครับ โปรดพิจารณาเอาเอง)















หลังจากไหว้พระเสร็จ ก็เดินขึ้นเขาไปอีกครับ จะเป็นพระพุทธรูปที่ในหลวง ร.9 พ่อหลวงของเราได้สร้างพระพุทธรูปถวายให้วัด ซึ้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดครับ


ทางเดินขึ้นไปยังพระพุทธรูปครับ








ทางขึ้นเส้นทางนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็เดินสบายๆ ร่มรื่น แต่ถ้าใครเป็นโรคไขข้อ ก็อาจจะเดินลำบากหน่อยครับ เดินมาได้ซักพักก็มาถึงแล้ว ไม่ต้องกลัวขนาดแม่ยายผมหกสิบสี่แล้ว ยังเดินไหวเลย





ทางขึ้นไปไหว้พระมีสองทางครับ ขากลับผมเดินลงอีกทาง ทางนี้เดินสบายหน่อย







ลงไปก็จะมีหินแกะสลักเป็นรูปพระเยอะมาก







หลักๆก็มีเท่านี้ครับ หลังจากนั้นก็เดินชมรอบบริเวณวัด












ตรงนี้ไม่รู้เป็นอะไร เหมือนทำพฺิธีเกี่ยวกับงานศพอยู่ (ไม่แน่ใจนะครับ)




เดินลงเขาไปที่จอดรถ











ลงมาถึงทางเดินขึ้นไปชมพระนอนจะมีรูปปั้นนกฮูก น่ารักเชียว




เดินไปหน่อยเป็นปากทางเข้าวัด จะมีร้านอาหารบ้านทรงเห็ดไว้รองรับนักท่องเที่ยว กรุ๊ปผมไม่ได้กินร้านนี้





หลังจากไกด์ปล่อยให้เดินเล่นจนเมื่อย (ประมาณชั่วโมง) ก็ได้เวลาไปสวนสนุก

ลาที่วัดวาวูจองซา ด้วยภาพเศียรพระพุทธรูปไม้สลัก อยู่ด้านหน้าทางเข้าเลย











จากวัดวาวูจองซา ก็นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เกาหลี ( Everland )







ทัวร์จัดบัตรเล่นสวนสนุกได้ทุกประเภทเลยครับ มีตั๋วแล้วก็ลุยกันเลย






ได้บัตรเข้ามาแล้วก็เดินตามไกด์มาถึงตรงนี้ 





หลังจากไกด์นัดเวลา สถานที่เจอก็ปล่อยให้ลูกทัวร์เดินเล่นตามสบาย แต่ไกด์จะแนะนำทุกเครื่องเล่นทุกอย่างให้ทราบคราวๆ เพราะเครื่องเล่นแต่อย่าง รอเป็นครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงก็มี

ไกด์จะพาไปส่งนั่งกระเช้ากอนโดล่า มีไว้ให้บริการ ซึ่งเราสามารถใช้เจ้ากอนโดล่าตัวนี้ลงมาส่วนข้างล่าง ที่เป็นพวกซาฟารี และ เครื่องเล่นต่าง ๆ ได้ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เราเดินเล่นเครื่องเล่นกันเอง ดีครับ อิสระดี อิอิ







จากกระเช้ามองเห็น  T-Express  อยู่ข้างหน้าเลย






ลงมาได้เลี้ยวซ้ายไปรอคิวเข้าซาฟารี รอได้สิบห้านาที เห็นคิวแล้วอีกชั่วโมงจะได้เข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจไม่เข้าดีกว่า ส่วนพระเอกของเอเวอร์แลนด์ คือ T-Express (อยู่ใกล้ซาฟารี) สุดยอดรถไฟเหาะตีลังกาความเร็วสูงที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย และเป็นรถไฟเหาะที่ใช้ไม้ทำ มีสามที่ในโลก (อเมริกามีสองที่)วันเสาร์-อาทิตย์ จะต้องรอคิวเล่นประมาณ 3 ชั่วโมง ขนาดผมไปวันศุกร์ ดูคิวแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าชั่วโมงเลยได้แต่ถ่ายรูปมาโชว์อย่างเดียวครับ















สวนสนุกกว้างมาก แต่ไม่ต้องกลัวหลงจะมีป้ายบอกตลอด




สวนสนุกมีเครื่องเล่นเยอะ แต่ละคิวจะรอนานผมเลยไม่ได้เล่นอะไร ได้แต่ถ่ายรูป นั่งดูเด็กๆเกาหลีเล่นเครื่องเล่น เพลินดีเหมือนกันครับ










ครอบครัวแฟนผมก็เข้าไปดูหนัง 4 มิติ 

โรงหนัง 4 มิติ



ส่วนผมเดินเข้าไปดูนกหงษ์หยกเค้าจะสร้างเป็นกรงใหญ่ นกเยอะมากอยู่ใกล้ๆกับโรงหนัง 4 มิติ





 พอหนังจบก็ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ต่อครับ























สามชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก ได้เวลาเดินกลับไปยังจุดนัดหมายระหว่างทางก็ผ่านเครื่องเล่นหลายอย่าง ได้แต่เดินดูอย่างเดียว ขี้เกียจต่อคิว 











พนักงานที่นี่หน้าตายิ้มแย้ม ดูมีความสุขทุกคนเลย



















ใครพาเด็กมาจะมีรถเข็นให้ยิมด้วย





แล้วก็เดินมาถึงตรงจุดนัดพบ ตรงจุดนี้







ระหว่างรอลูกทัวร์มาครบ มีเวลาก็ถ่ายรูปเล่นแถวนี้แหละครับ











นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกลับกันแล้ว







ถ่า่ยดอกไม้บ้าง







ลูกทัวร์ครบ ประมาณหนึ่งทุ่มเราได้ออกจากสวนสนุก ไปกินข้าวมื้อเย็นร้านนี้









มื้อนี้เป็น คาลบี้ (Kalbi) อาหารแบบเกาหลีปิ้งย่างที่มีชื่อของเกาหลี เป็นการนำเนื้อวัวหรือเนื้อหมูมาหมักกับเครื่องปรุงจนเนื้อนุ่ม แล้วจึงนำมาย่างบนกระทะ ตอนย่างเนื้อนั้นจะย่างเป็นขิ้นโตพอสมควร พอใกล้สุกแล้วต้องใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำ กินกับเครื่องเคียงอร่อยมากกก เนื้อนุ่มสุดๆ ให้ชิ้นใหญ่มาก เติมได้ตลอดทุกอย่าง 










อากาศเย็นๆ เหล้าโซจูกับหมูย่าง เข้ากันมากเลยครับ (โซจูจ่ายเองครับ ขวดละ 3,000 วอน)




อิ่มเสร็จ ก็เดินทางเข้าโซลไปช๊อปปิ้งที่ตลาดทงแดมุน สวรรค์ของสาวๆเค้า





ไกด์น่ารักมาก บอกตอนนี้ให้โหวตว่าจะอยู่ตรงนี้กี่ชั่วโมง ถ้าอยากนอนเร็วก็เข้าโรงแรม แต่ถ้าอยากช้อปปิ้งจะอยู่กี่ชั่วโมง ให้โหวตเอา ผมอยากกลับนอนโรงแรม ส่วนสาวๆเกินครึ่งคัน ขอช้อปชั่วโมงครึ่ง เห้อๆ ไม่ว่ากันเคารพเสียงส่วนใหญ่ ฮือๆๆ 









ปล่อยให้สาวๆเค้าเข้าไปช้อปปิ้งกัน ส่วนผมเหล่สาวๆแถวหน้าตึกดีกว่า เห้อๆ























ได้เวลาก็ขึ้นรถกลับเข้าที่พัก คืนนี้เรานอนโรงแรมนี้ที่โซลทั้งสองคืน 




วันนี้ตะลุยเที่ยวทั้งวัน กว่าจะเข้าที่พักได้ก็เกือบห้าทุ่ม เข้าห้องได้สลบยาว พรุ่งนี้ไปหอทาวน์เวอร์แล้วก็ช๊อปปิ้ง อีกวันกลับบ้าน //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=08-2012&date=05&group=12&gblog=14




Create Date : 28 กรกฎาคม 2555
Last Update : 7 มิถุนายน 2559 16:37:52 น. 0 comments
Counter : 8919 Pageviews.

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.